ฟางเหนียงรู้ว่าหากไม่รับถ้วยเหล้านี้ ก็คงถูกป้อนทางปากเหมือนเมื่อครู่อีกเป็นแน่ จึงยื่นมือเล็กๆ สองมือออกไปรับมันมาอย่างไม่เต็มใจ
“ข้าคิดว่า... ท่านเป็นคนช่วยเจ้าค่ะ”
“ใช่ แต่ก็ไม่ใช่”
“หมายความเช่นไรเจ้าคะ?”
“ข้าส่งคนไปจับเจ้า และคนที่ช่วยเจ้าก็คือคนของข้า เช่นนั้นแล้วก็ไม่ต่างจากข้าช่วยเจ้า เพียงแต่ข้ามิได้ไปช่วยด้วยตนเอง”
“อ่า... อย่างไรก็ต้องขอบคุณนะเจ้าคะ” สตรีตัวน้อยกระโดดลงจากเตียง จากนั้นก็ประสานมือแล้วยอบกายคำนับ เท่านั้นยังไม่พอ นางยังก้มหัวลงจรดพื้นด้วยท่าทีอ่อนน้อมถ่อมตนอีกด้วย “เหนียงเอ๋อร์เป็นหนี้บุญคุณชีวิตท่านเสียแล้ว หากมีสิ่งใดที่เหนียงเอ๋อร์ตอบแทนท่านได้ โปรดบอกมาเถิดเจ้าค่ะ”
“ลุกขึ้น”
ฟางเหนียงทำตามอย่างว่าง่าย ก่อนจะจ้องมองบุรุษตาปริบๆ ในขณะเดียวกันจินหมิงเยว่หย่อนกายนั่งลงบนเตียงท่าทีสบายๆ
“ข้าช่วยเจ้า เพราะเจ้าเป็นคนในปกครองของข้า คนที่ข้าส่งไปรับเจ้าย่อมรู้ดีว่าหากผู้ใดคิดแตะต้องเจ้า โทษคือตายสถานเดียว”
“เจ้าคะ? คะ คนของท่าน?”
“ใช่... ชุดนี่” กวาดสายตามองสตรีตัวน้อยตั้งแต่หัวจรดเท้า อาภรณ์พวกนี้มีกลิ่นเครื่องหอม ซึ่งต่างจากกลิ่นกายของฟางเหนียงที่บุรุษได้ดอมดมเมื่อครู่ “พวกมนุษย์ก็แต่งเจ้ามาเพื่อให้ข้ามิใช่หรือ?”
ดวงตาคู่งามเบิกกว้างเท่าไข่ห่าน! คำแทนว่า ‘มนุษย์’ ราวกับคนพูดไม่ใช่มนุษย์
พลันภาพจำในหัวปลิวว่อนราวกับแผ่นกระดาษโดนสายลมโหมกระหน่ำ ทว่ามันกลับทำให้นางปะติดปะต่อเรื่องราว และรับรู้ถึงบางสิ่งบางอย่างเข้า!
...ยะ อย่าบอกนะว่า ผู้ที่อยู่ตรงหน้าของข้า...
“ทะ ท่านคือ...”
“มนุษย์เช่นเจ้าเรียกข้าว่า... จิ้งจอกเก้าหาง” จบถ้อยคำนั้นบางอย่างก็ปรากฎแก่สายตาของนาง
หางยาวๆ ปกคลุมไปด้วยขนสีเงินดูนุ่มนิ่ม ทว่าเป็นประกายราวกับอัญมณีล้ำค่าจากต่างแดน มันขยับขึ้นลงราวกับต้องการให้นางเห็นว่าพวกมันหาใช่ภาพลวงตา แต่มันคือส่วนหนึ่งในร่างกายของจินหมิงเยว่ ภาพตรงหน้าช่างงดงามแต่ก็แฝงไปด้วยเสน่ห์อันแสนอันตรายเหลือเกิน
หมับ!
“ว้าย!”
ร่างบอบบางถูกกดลงบนเตียง พละกำลังมากมายจนนางแทบจะจมลงไป หัวใจดวงน้อยเต้นระรัวราวกับจะหลุดออกมาจากอก ดวงตาคู่งามจ้องมองเจ้าของดวงตาสีหมึกสลับกับหางสีเงินไม่วางตา
...กะ เก้าหาง จิ้งจอก... จิ้งจอกเก้าหางจริงๆ น่ะหรือ?...
เมื่อได้ค้นพบความจริงอันน่าตกใจนี้ ฟางเหนียงก็มีอาการตื่นกลัวจนหายใจไม่ออก สัตว์ในตำนานเล่าขานอันโด่งดัง ที่แม้แต่นางซึ่งไม่สนใจเรื่องภายนอกนักยังรู้จัก เสน่ห์อันน่าหลงใหลและการแปลงกายของพวกเขาเป็นที่เลื่องลือ ทว่ามันคือตำนานเมื่อหลายร้อยปีก่อน จนผู้คนคิดว่าเป็นเพียงตำนานเล่าขานหรือนิทานหลอกเด็ก
ฟางเหนียงเพิ่งค้นพบความจริงก็วันนี้ว่ามันไม่ใช่เลย พวกเขาไม่ใช่ตำนาน ไม่สิ พวกเขาเป็นตำนานแต่เป็นตำนานที่มีชีวิต!!
ปลายนิ้วเรียวของบุรุษลูบไล้กรอบหน้าของสตรีตัวน้อย เพื่อเรียกร้องความสนใจจากนาง
“ข้าคิดว่า… ใบหน้าของข้าน่ามองยิ่งกว่าหางของข้า” ไม่เอ่ยเปล่า ยังยื่นใบหน้าเข้าไปใกล้ๆ อย่างจงใจกลั่นแกล้งนางอีกด้วย ลมหายใจแผ่วเบา และกลิ่นหอมสะอาดจากกายบุรุษพาให้หัวใจดวงน้อยสั่นไหว “เจ้าไม่คิดงั้นหรือ?”
“ขะ ข้า… อ๊ะ!?” ริมฝีปากอวบอิ่มเอื้อนร้องเสียงหวาน เมื่อนางหันหน้าหนีหลบเลี่ยงสายตาอันร้อนแรงของจิ้งจอกเจ้าเล่ห์ ลำคอของนางก็ถูกริมฝีปากและจมูกคมซุก ราวกับจะฝังจมูกคมลงบนลำคอของนาง “ทะ ท่าน…!”
…อ่า กลิ่นของเจ้าช่าง…รัญจวนใจข้าเสียจริง…
มือเล็กๆ ทั้งยังเรี่ยวแรงน้อยนิด พยายามต่อต้านโดยการดันแผงอกกว้างออกห่างจากตัว แต่หากบุรุษไม่ยินยอมมีหรือที่นางจะดันเขาออกได้
“ดะ ได้โปรด เมตตาข้าด้วยเจ้าค่ะ” ด้วยความหวาดหวั่นของสตรีน้อยวัยแรกแย้ม การรุกรานของจินหมิงเยว่สร้างความหวาดหวั่นไม่น้อยให้กับนาง ท่วงท่าที่ดุดันคล้ายกับจะเคี่ยวกรำนางจนแหลกเหลว
“เมตตาเจ้าหรือ หึ เด็กน้อย เจ้ามาที่นี่เพื่อสิ่งใด หืม?” คราวนี้จินหมิงเยว่ยอมผละออกแล้วจ้องมองดวงหน้าหวาน เนื่องจากบุรุษไม่คิดจะขืนใจ
ที่ผ่านมาสตรีที่ถูกส่งตัวมาเขาก็ไม่เคยขืนใจพวกนาง หากแต่พวกนางยินยอมเอง เป็นธรรมชาติของจิ้งจอกเก้าหางอย่างเขาที่จะมากกำหนัด แต่ไม่เคยเก็บสตรีใดไว้ข้างกาย หลังเสร็จกิจก็จะส่งพวกนางกลับออกไปใช้ชีวิตที่ด้านนอก เพราะสถานที่แห่งนี้คือดินแดนจิ้งจอก ไม่อนุญาตให้มนุษย์อาศัยอยู่ถาวร!
ทว่า… กำลังจะมีสตรีชาวมนุษย์นางหนึ่งได้รับการยกเว้นนั้น
“ขะ ข้า…”
“เจ้ามาที่นี่เพื่อเป็นภรรยาของข้า และนี่คือขั้นตอนในการทำให้เจ้าเป็นของข้า” ปลายนิ้วแกร่งไล่ลงมาเรื่อยๆ จนถึงเนินอกซึ่งโผล่พ้นอาภรณ์สีแดงสดออกมา มันกระเพื่อมตามแรงหายใจของอิสตรี ช่าง… น่าดึงดูดเหลือเกิน
ดวงตาเรียวคมจ้องมองมันด้วยแววตาหื่นกระหาย ก่อนจะดึงสายตากลับไปจ้องมองดวงหน้าหวาน สบสายตากับดวงตากลมอีกหน
“ยินยอมแต่โดยดี แล้วข้าจะอ่อนโยนกับเจ้า” จงหมิงเยว่ไม่มีทางเลือกให้นางเฉกเช่นสตรีนางอื่น
เพราะนางคือสตรีที่เขาปรารถนาอย่างแรงกล้า!
เป็นจินหมิงเยว่ที่แปลงกายไปเป็นผู้เฒ่าอาวุโส เอ่ยอ้างถึงฟางเหนียงเพื่อให้พวกมนุษย์แสนโลภมาก ส่งนางมาเป็นเจ้าสาวให้กับเขา
เช่นนั้นแล้วบุรุษจะให้ทางเลือกอื่นแก่นางไปเพื่ออะไร? แค่ยอมใจเย็นค่อยเป็นค่อยไป ไม่รวบหัวรวบหางตามอารมณ์ปรารถนาก็ดีเท่าใดแล้ว
“ท่าน... ท่านพี่ ปล่อยข้าเถิดนะ ข้านั้นแสนต่ำต้อย ร่างกายของข้ามิได้งดงามหรอกนะเจ้าคะ” ร่างกายของสตรีตัวน้อยเต็มไปด้วยบาดแผลจากการทุบตี แม้แต่ตัวนางเองบางครั้งยังรู้สึกรังเกียจเลยด้วยซ้ำ
“อย่ากังวล ข้าปรารถนาเพียงเจ้า”
แล้วเสียงของนางก็ไม่สามารถถูกเอื้อนเอ่ยออกมาได้อีกต่อไป ราวกับตัดความรำคาญที่นางเอาแต่ด้วยค่าตนเอง และยื้อเวลาค่ำคืนนี้ไม่ให้บุนุษได้เชยชิมนางเสียที เมื่อถูกริมฝีปากของบุรุษผู้เป็นดั่งจิ้งจอกเจ้าเล่ห์ดูดกลืนเสียงของนางลงคอไปอย่างง่ายดาย
สองมือผลักแผงอกกว้างออกแล้วพยายามส่งเสียงร้องประท้วง ทว่านั่นเป็นการเปิดปากให้บุรุษได้ใช้โอกาสสอดแทรกเรียวลิ้นเข้าไปด้านในอย่างจาบจ้วง สตรีตัวน้อยสะดุ้งเฮือก พยายามออกแรงดันอกแกร่งสุดกำลัง แต่ยิ่งนางต่อต้านก็คล้ายกับว่าถูกรุกรานหนักขึ้นกว่าเดิม
“อื้อ!” ลมหายใจของนางเริ่มขาดห้วงแล้ว คล้ายกับถูกดูดพลังชีวิตออกไป เรียวลิ้นสากสำรวจไปทั่วโพรงปากของนางซ้ำแล้วซ้ำเล่า ดูดดื่มความหอมหวานราวกับมธุรสหวานล้ำ
เมื่อไร้เรี่ยวแรงจะต่อต้าน นางจึงทำได้เพียงจิกอกเสื้อของบุรุษแนบแน่น ทว่าฝ่ามือน้อยๆ ก็ค่อยๆ คลายออก ท้ายที่สุดจินหมิงเยว่ก็ปล่อยให้นางเป็นอิสระ
“เฮือก แค่ก แค่ก” นางสูดหายใจเข้าลึกจนสำลักอากาศ จินหมิงเยว่หัวเราะน้อยๆ อย่างเอ็นดูกัยความไร้เดียงสาของนาง
ใบหน้าคมคายเตรียมที่จะโน้มหน้าลงมาอีกหน แต่นางก็ใช้แรงดันเอาไว้สุดแรง ดวงตาจ้องมองอีกฝ่ายด้วยความหวาดหวั่น กลัวว่าอีกฝ่ายจะจู่โจตะโบมจูบนางอีก นางยังสูดหายใจได้ไม่เต็มปอดเลย!!
“ชู่ว! ไม่ต้องกลัว ข้าบอกแล้วไงว่าหากเจ้ายินยอม ข้าจะอ่อนโยนกับเจ้า” เอ่ยจบก็โน้มใบหน้าลงไปจนจมูกสัมผัสกันอย่างแผ่วเบา จดจ้องมองดวงตาคู่งามอยู่ครู่หนึ่งคล้ายกับรอให้นางยินยอมพร้อมใจ “หากเจ้ากลัว ก็หลับตาเสีย”
ฟางเหนียงลังเลเล็กน้อย หากแต่สมองน้อยๆ ของนางก็ครุ่นคิดถึงเหตุและผล ถูกส่งตัวมาเป็นภรรยาของเขาก็ต้องใช้ค่ำคืนร่วมกับเขาถูกต้องแล้ว อีกทั้งยังเป็นจินหมิงเยว่ที่ช่วยนางจากชายฉกรรจ์ ที่สำคัญ… บุรุษผู้นี้มิได้มีใจคิดข่มเหงนาง ไม่อย่างนั้นก็คงทำไปแล้ว ไม่รอให้นางยินยอมเช่นนี้หรอก
อิสตรีคิดเช่นนั้น หารู้ไม่ว่ามันก็แค่ตอนนี้ ตอนที่จินหมิงเยว่พยายามหว่านล้อมนางให้ยินยอม แต่หากว่านางไม่ยินยอม มีหรือที่จะไม่บังคับให้นางร่วมค่ำคืนนี้กับเขา
จินหมิงเยว่เป็นจิ้งจอก อีกทั้งยังมีเก้าหาง เล่ห์เหลี่ยมแพรวพราว เจ้าเล่ห์เพทุบาย มิอาจทิ้งสันดานเดิมได้จริงๆ
อีกอย่าง… เขาไม่สามารถปล่อยให้นางผ่านด่านเคราะห์เช่นเดิมได้อีก…
ดวงตากลมค่อยๆ ปิดเปลือกตาลงอย่างเชื่องช้า ร่างกายแข็งทื่อราวกับท่อนไม้ด้วยความประหม่า จินหมิงเยว่ยกยิ้มมุมปากอย่างเหลือร้าย ก่อนจะกดริมฝีปากแนบชิดกับกลีบปากอวบอิ่มนั่น
บดเคล้าคลึงอย่างใจเย็น ข่มตัณหาราคะมากล้น เพื่อหว่านล้อมให้ฟางเหนียงโอนอ่อนไปกับสัมผัสของตนเอง หากเผยความดุดันในครั้งแรกเกรงว่าฟางเหนียงจะหวาดกลัวจนเป็นลมไปเสียก่อน หากเป็นเช่นนั้นค่ำคืนนี้คงเสียเปล่า
ทว่าสิ่งที่ถูกกดอยู่ภายใน ยิ่งถูกกด ยิ่งพลุกพล่าน สัมผัสแค่เพียงภายนอกไม่เพียงพออีกต่อไป จิ้งจอกตัวร้ายถอดริมฝีปากออกอย่างเชื่องช้า แล้วเอ่ยกระซิบเสียงแผ่วเบา
“อ้าปากสิ”
ฟางเหนียงนั้นแสนไร้เดียงสา กระทำตามอย่างว่าง่าย อายุของนางเพิ่งจะสิบหกหนาวในวันนี้ ก็ถูกส่งตัวมาเป็นเจ้าสาวของจิ้งจอกจอมเจ้าเล่ห์เสียแล้ว นางยังอ่อนต่อโลกนัก ยิ่งไม่ต้องพูดถึงจิ้งจอกเก้าหาง ไม่มีทางที่นางจะทันเล่ห์เหลี่ยมของเขาเป็นแน่
ทันทีที่ริมฝีปากอวบอิ่มเผยอออกเพียงเล็กน้อย ลิ้นร้ายดั่งงูพิษก็สอดเข้าไปด้านในฉกชิงความหอมหวานจากโพงปากอุ่นๆ นั่น แล้วอ้าปากครอบครองกลีบปากอวบอิ่มอย่างย่ามใจ
“อื้อ!!”
จับข้อมือเล็กทั้งสองข้างตรึงขึ้นเหนือหัว มืออีกข้างที่ว่างลูบที่ต้นขาผ่านอาภรณ์บางๆ จับยกเรียวขาสวยขึ้นจนอาภรณ์ทิ้งตัวลงเผยผิวขาวๆ ผ่านการขัดเนื้อขัดตัวมาเป็นอย่างดี ก่อนจะใช้มือเรียวสวยลูบผิวของนางอย่างเชื่องช้า
ในขณะเดียวกันนั้นริมฝีปากไม่ผละออกแม้แต่นิดเดียว คล้ายกับหากถอนริมฝีปากออกแล้วจะขาดใจตายอย่างไรอย่างนั้น เรียวลิ้นร้ายเกี่ยวกระหวัดรัดรึงลิ้นเล็กๆ บดเคล้าอย่างหนักหน่วง ไม่ปล่อยโอกาสให้นางได้สูดลมหายใจบ้างเลย
นางขอถอนคำพูดเรื่องที่คิดว่าจินหมิงเยว่จะไม่ข่มเหงนางได้หรือไม่!?
ร่างกายของนางถูกพันธนาการอย่างร้ายกาจ แม้ท่าทีจะนุ่มนวลหากแต่เมื่อนางขยับ กลับมิอาจขยับร่างกายได้ตามใจ ร่างกายของบุรุษไม่ต่างจากหินผา ราวกับนางติดอยู่ในซอกหินไร้หนทางออก
บทที่ 3เจ้าสาวจิ้งจอกร่างกายของนางถูกพันธนาการอย่างร้ายกาจ แม้ท่าทีจะนุ่มนวลหากแต่เมื่อนางขยับ กลับมิอาจขยับร่างกายได้ตามใจ ร่างกายของบุรุษไม่ต่างจากหินผา ราวกับนางติดอยู่ในซอกหินไร้หนทางออก“ฮ้า!!” จวบจนเกือบหมดลมหายใจ จิ้งจอกตัวร้ายจึงถอนริมฝีปากออกเพื่อเปิดโอกาสให้นางสูดลมหายใจเสียงหัวเราะด้วยความเจ้าเล่ห์ระคนเอ็นดูดังขึ้นอย่างพึงพอใจ ก่อนที่อาภรณ์จะถูกปลดออกเผยเรือนร่างขาวผ่องใต้แสงจันทร์เต็มดวง ทว่า… ผิวขาวๆ ราวกับหยกมันแพะกลับแต่งแต้มไปด้วยรอยแผลจากการถูกทุบตีดวงตาเรียวคมจ้องมองมันอย่างโหดเหี้ยม เผลอออกแรงที่ข้อมือเล็กจนสตรีตัวน้อยสะดุ้งกับความเจ็บปวดนั่น“อ๊ะ!”และนั่นก็เรียกสติของจินหมิงเยว่กลับมา… คลายแรงที่มือออก เผยให้เห็นข้อมือเล็กๆ แดงก่ำจากการถูกบีบเมื่อครู่…เจ้าก็ตัวเล็กถึงเพียงนี้ เหตุใดจึงถูกทำร้ายไปทั้งตัว?...“ข้าบอกท่านแล้ว ว่าร่างกายของข้ามิได้งดงาม” เสียงหวานเอ่ยอย่างเศร้าสร้อยร่างกายของสตรีนั้นล้ำค่าไม่ต่างจากพรหมจรรย์ของพวกนาง หากแม้ร่างกายมีบาดแผลเพียงเล็กน้อยจนเกิดเป็นแผลเป็น เป็นข้ออ้างของการหย่าร้างได้ ในสตรีพรหมจรรย์ก็ทำให้พวกนางมิได้ออกเรือนกับบุรุษ
บทที่ 4เมียของข้า ช่างขี้โวยวายยิ่งนัก“ทะ ท่านจะทำอะไรเจ้าคะ”“เจ้าไม่รู้ หรือแกล้งไม่รู้ หืม?” บุรุษไม่เอ่ยเพียงอย่างเดียว ยังแลบลิ้นเลียริมฝีปากของตนเองอย่างจงใจ“ขะ ข้าไม่แน่ใจ...”“เจ้าคิดว่าอย่างไร?”“ข้า ข้าคิดว่าท่านจะทำให้ข้าเป็นภรรยาของท่าน”“เจ้าเข้าใจถูก”“แล้วเหตุใดจึงต้องให้ข้าอ้าขาเช่นนี้เจ้าคะ”“หึหึ เรื่องนี้เจ้าไม่รู้จริงๆ หรือ?”บุรุษหยั่งเชิงสตรีตัวน้อย แม้นางจะเพิ่งอายุสิบหกปีในวันนี้ หากแต่สงสัยเสียจริงว่าในเรื่องธรรมชาติของการสืบพันธ์ นางไม่รู้จริงๆ หรือ?“ไม่รู้เจ้าค่ะ” ทว่าคำตอบกลับเป็นเสียงหวานสั่นเครือเล็กน้อย และนัยน์ตากลมแสนใสซื่อ“อ่า เจ้านี่ช่าง... ไร้เดียงสาเสียจริง เช่นนั้นคืนนี้ข้าคงต้อง ‘ทำให้เจ้ารู้’ หลายอย่างเลยล่ะ”“ข้ายินดีรับก
บทที่ 28ตัวตนที่แท้จริงของนางจินหมิงอันนางไม่เป็นห่วงเท่าใดนัก เพราะรู้จากไห่ไท่หยางว่าบุตรชายของตนนั้นอยู่ที่ต้นไม้ใหญ่ ศูนย์รวมพลังของดินแดนจิ้งจอกแห่งนี้ อีกทั้งภายในตัวของบุตรชายนั้นมีลูกแก้วจิ้งจอกอันสมบูรณ์ ไม่นานก็คงฟื้นตัวได้แต่กับตนเองนั้นแม้จะมีลูกแก้วจิ้งจอกซึ่งมีพลังมากมายมหาศาล หากแต่มิใช่ลูกแก้วจิ้งจอกซึ่งเป็นพลังต้นกำเนิดของนาง ไม่ต่างไปจากจิตวิญญาณที่อาศัยร่างของนาง การมีลูกแก้วจิ้งจอกทำให้นางทนความเจ็บปวดได้ ขนาดนางมีลูกแก้วจิ้งจอกยังเจ็บปวดถึงเพียงนี้ ไม่อยากจะนึกภาพเลยว่าถ้าหากนางไม่มีมันจะเจ็บปวดเจียนตายที่ขนาดไหนหากเป็นบาดแผลธรรมดาลูกแก้วจิ้งจอกก็สามารถรักษาให้นางหายได้ในชั่วพริบตา หากแต่มันเป็นแผลที่เกิดจากปีศาจ อีกทั้งร่างกายของนางแต่เดิมทีแล้วนั้นเป็นเพียงมนุษย์ มันจึงค่อนข้างใช้เวลาในการรักษาและฟื้นฟูฟางเหนียงบอกทางบุรุษมายังบ่อน้ำศักดิ์สิทธิ์ ตลอดมานางเคยหลีกเลี่ยงสถานที่แห่งนี้ มันเต็มไปด้วยความทรงจำยากลืมเลือน นางเคยแช่อยู่ที่นี่พร้อมกับร่
บทที่ 5ริมฝีปากงดงามค่ำคืนวสันต์อันเร่าร้อนผ่านพ้นไป เสียงนกขับขานเป็นบทเพลงแรกในยามเช้า ปลุกให้บุรุษและสตรีในห้องหอนอนตื่นจากห้วงแห่งนิทรา ทว่ามีเพียงจินหมิงเยว่ที่ลืมตาตื่นขึ้นอย่างสดชื่น เอียงใบหน้าพินิจสตรีในอ้อมแขนที่สลบระหว่างบทรักเมื่อคืนนี้ ก้มหน้าลงจุมพิตหน้าผากเนียนแนบแน่นทว่าร่างกายร้อนผ่าวทำเอาจินหมิงเยว่สะดุ้งเล็กน้อย…เหตุใดร่างกายของนางจึงร้อนเป็นไฟเช่นนี้?...“เหนียงเอ๋อร์?” มือหนาตบลงบนหัวไหล่เล็กเบาๆ เพื่อปลุกให้นางตื่น หากแต่สตรีตัวน้อยยังคงหลับตาพริ้มเมื่อคืนนางก็สลบคาเตียง เช้าวันนี้นางตัวร้อนผ่าว มันคืออาการอะไรกันแน่? เหตุใดมนุษย์จึงมีร่างกายที่ซับซ้อนเช่นนี้?จินหมิงเยว่คือปีศาจจิ้งจอกเก้าหาง ซึ่งบำเพ็ญเพียรมานานถึงพันปี ตลอดพันปีไม่เคยป่วยไข้เฉกเช่นมนุษย์ ถึงแม้ว่าในเผ่าพันธุ์เดียวกันจะมีอาการเจ็บป่วย หากแต่บุรุษซึ่งปลีกวิเวกฝึกฝนตนหลงลืมมันไปนานเหลือเกิน จึงมิอาจรับรู้เลยว่าอาการนี้คืออาการป่วยไข้ร
บทที่ 6ตำหนักพันปี…ละ เลือดของข้าหรือ? จะ จากตรงนั้น!?...“เฮือก!!”“เป็นอะไรหรือเจ้าคะ?”“ละ เลือดข้า!”…ระ รอบเดือนหรือ!? ช่างน่าอายยิ่งนัก!...สตรีตัวน้อยรีบวิ่งเข้าไปดึงผ้าปูออกมาด้วยความอับอาย“ตายจริง ให้ข้าน้อยทำเอาเถิดเจ้าค่ะ”“มิได้ๆ นี่เป็นเลือดของข้า”“มิได้เจ้าค่ะ นี่เป็นงานของข้าน้อย”“ตะ แต่นี่ ระ รอบเดือนของข้านะ”“หืม?” ฮวาอินเอียงคอมองฟางเหนียงซึ่งหน้าแดงก่ำราวกับผลอิงเถา “ข้าน้อยคิดว่าอาจจะเป็นเลือดอย่างอื่นนะเจ้าคะ”“…”“เช่น… เลือดพรหมจรรย์ของท่าน”“…!?”“มาเจ้าค่ะ ข้าน้อยจะเอาไปซัก ระหว่างนั้นฮูหยินประมุขก็ลองตรวจสอบดูนะเจ้าคะ หากเป็นเลือดรอบเดือนจ
บทที่ 7จิ้งจอกใจร้ายหากแต่ก่อนหน้านั้นก็ถูกมือของฮวาอินทะลวงกลางอกจนทะลุไปอีกด้านเสียก่อน“เฮือก!!” ฟางเหนียงเห็นช่วงเวลานั้นพอดิบพอดี ราวกับทรวงสวรรค์กลั่นแกล้งให้นางหวาดกลัวสถานที่แห่งนี้มากกว่าเดิม!!สองขาอ่อนเรี่ยวแรง มองภาพฮวาอินจัดการกับศพของพวกเดียวกันไม่วางตา นางมิได้อยากมองหากแต่มิอาจบังคับสายตาได้พรึ่บ!ผ้าคลุมผืนหนึ่งถูกตวัดโอบคลุมรอบกายตั้งแต่หัวจรดปลายเท้า ก่อนที่ร่างบอบบางจะถูกโอบอุ้มขึ้นมาจากพื้น ฮวาอินคำนับประมุขสูงสุดของเผ่าจิ้งจอก บุรุษปรายตามองร่างไร้วิญญาณของปีศาจจิ้งจอกซึ่งมีไอดำลอยออกมาจากกาย เขาใช้ปลายนิ้วชี้ไปที่ร่างนั้นก่อนที่ไอดำจะสลายหายไป ส่งสายตาโหดเหี้ยมแทนคำสั่งแล้วพานางกลับไปยังตำหนักพันปีเมื่อเข้ามาในห้อง บุรุษก็ดึงผ้าคลุมออกสบสายตากับสตรีตัวน้อยซึ่งนั่งตัวสั่นระริกอยู่บนเตียง“ท่าน… ประมุข” เสียงที่เคยหวานกลับถูกเอ่ยออกมาอย่างแหบแห้ง“ท่านประมุขหรือ? ค่ำคืนวสันต์ไม่อยู่ใน
บทที่ 8ความรักทำให้ข้าดูโง่เขลาหมับ!“ว้าย! ทะ ท่านพี่ ท่านจะทำอะไรเจ้าคะ!?”บุรุษย่อกายลงคุกเข่าอยู่ตรงหน้าของนาง เรียวขาของนางถูกยกขึ้นสูง ก่อนที่บุรุษจะก้มหน้าลงไปแล้วใช้เรียวลิ้นปาดเลียบาดแผลจากงูพิษ“อึก!” ความเจ็บปวดบริเวณนั้นทำเอาสตรีตัวน้อยสะดุ้ง นางพยายามจะดึงขาหนีหากแต่มิอาจทำได้ดั่งใจ ยิ่งถูกเรียวลิ้นนั่นสัมผัสนางยิ่งเจ็บปวดเหตุใดบุรุษจึงต้องทรมานนางด้วย!!ทว่าไม่นานบุรุษก็ดึงใบหน้าออก ช่างน่าแปลกนักที่บริเวณนั้นกลับไม่รู้สึกเจ็บปวดอีกเลย ทั้งที่ครั้นก่อนหน้านางรู้สึกปวดหนึบแปลกๆ เมื่อกดสายตามองดูก็เห็นว่าบาดแผลที่ตรงนั้นหายไปแล้ว นางจำได้ว่าเคยมีแผลอยู่ตรงนี้นี่!“ท่านพี่… รักษาให้ข้าหรือเจ้าคะ?”“ถือว่าความหวาดกลัวยังไม่ยึดครองสมองน้อยๆ ของเจ้า”“…?”“มา ข้าจะช่วยแต่งตัว”“ข้าทำเองได้เจ้าค่ะ” นางกอดตน
บทที่ 9นางเป็นเพียงมนุษย์คนหนึ่ง“ขออภัยฮูหยินประมุข แต่ข้าน้อยขอบังอาจถาม... ฮูหยินประมุขมาที่นี่ทำไมหรือเจ้าคะ?”“ข้าอยากทำอาหาร”“หากอยากกินอะไรบอกข้าน้อยได้ ข้าน้อยจะนำมาบอกกับคนครัว ฮูหยินประมุขไม่เห็นต้องมาเองเลยเจ้าค่ะ”การมาถึงห้องครัวด้วยตนเองของผู้เป็นนาย สร้างความอกสั่นขวัญแขวนให้กับคนครัว เนื่องจากห้องครัวเป็นสถานที่ไร้ซึ่งความสนใจ หากทำอาหารออกมาดีก็ดีไป แต่หากทำอาหารออกมาไม่ดีนอกจากจะโดนตำหนิแล้ว บางคนอาจจะบุกมาถึงห้องครัวเฉกเช่นฟางเหนียง ซึ่งเรื่องนี้ฟางเหนียงรู้ดีอยู่แล้วจึงได้เอ่ยออกไปว่า“ข้าอยากทำอาหารด้วยตนเอง ข้าอยากปรนนิบัติท่านประมุขของพวกเจ้า” สตรีตัวน้อยเอ่ยออกไปเช่นนั้น ฮวาอินถึงกับสะดุ้งแม่นางผู้นี้คล้ายกับเฉลียวฉลาด รู้วิธีการเอาตัวรอด หากแต่ในเรื่องเช่นนี้กลับโง่เขลายิ่งนัก แน่นอนว่าเรื่องที่ฟางเหนียงเอ่ยเรียกจินหมิงเยว่ต่อหน้าธารกำนัลว่าท่านประมุขอย่างห่างเหินเช่นนี้ จะต้องถึงหูของบุรุษเป
บทที่ 31แรกพบสบตาหลังจากนั้นไห่ไท่หยางก็พานางไปยังพระราชวัง ก่อนที่บุรุษจะเดินหนีหายไป…ระหว่างที่ดำเนินการสำเร็จโทษนางนั้น ฟางเหนียงก็ได้ร่ายอาคมเพียงผู้เดียวเงียบๆ ยามนั้นท้องฟ้าแปรเปลึคล้ายกับจะเกิดพายุลูกใหญ่ ผู้คนต่างคิดว่ามันคือลางร้ายในที่สุดฟางเหนียงก็ร่ายอาคมสำเร็จ ลูกแก้วจิ้งจอกกำลังสูญสลายไปจากกายของนาง ความเจ็บปวดจากพิษงูที่แล่นพล่านอยู่ในร่างกายของนางชัดเจนขึ้นเรื่อย งูยักษ์ที่รู้สึกได้จึงเปิดเผยตัวตนกระโจนเข้าไปหมายจะแย่งลูกแก้วจิ้งจอก แต่ก็ถูกไห่ไท่หยางใช้ธนูอาบยาพิษพิเศษ เพื่อกำจัดปีศาจงูโดยเฉพาะยิ่งเข้าที่กลางหัวงูยักษ์ในร่างมนุษย์กลับคืนร่างเดิมสร้างความตกตะลึงให้ผู้ที่อยู่ในเหตุการณ์ ไห่ไท่หยางไม่รอช้ารีบเข้าทูลต่อฝ่าบาทและไท่จื่อเกี่ยวกับเรื่องราวในครั้งนี้ที่เขาทำไปนั้นล้วนแล้วแต่เป็นละครตบตา!!คืนก่อนมีบุคคลปริศนาบุกเข้ามาที่ห้องของไห่ไท่หยาง บุรุษเสียท่าให้มันจนโดนจับตัว ในตอนที่คิดว่าคงหมดหนทางแล้วกลับเจอกับบุ
บทที่ 30ข้ารักท่านเจ้าค่ะ“นางปีศาจร้าย!!”“คืนลูกชายข้ามา!!”ยามนั้นเองงูตัวหนึ่งอาศัยความวุ่นวายกลบกลิ่นอายของตนเองแล้วฉกเข้าที่ขาของนาง ฟางเหนียงตกใจอีกทั้งความเจ็บปวดด้านข้างจากขาไปทั่วทั้งร่าง คล้ายกับร่างของนางกำลังจะเป็นอัมพาต อิทธิฤทธิ์ทั้งหมดของนางเสื่อมคลายลง มนุษย์กรูกันเข้ามาทำร้ายนางจนท้ายที่สุดก็ปางตาย…ร่างบอบบางนอนรวยรินหายใจหอบหมดสภาพของปีศาจจิ้งจอกเก้าหาง ผู้ครอบครองลูกแก้วจิ้งจอกซึ่งมีพลังมากมายมหาศาล แต่กลับไม่ใช้ป้องกันตนเอง เอาแต่เห็นอกเห็นใจมนุษย์ที่ทำร้ายตนเองจนท้ายที่สุดก็มีสภาพเช่นนี้…ช่างน่าขันเสียจริง แม่นางจิ้งจอก…บุรุษผู้หนึ่งในหมู่ชาวบ้านได้ห้ามทุกคน ในตอนแรกก็ไม่มีใครยอม พยายามทำร้ายนางเอาให้ถึงตาย ทว่าบุรุษผู้นั้นก็ได้เอ่ยว่าควรให้นางรับโทษกับทางการ เสียบหัวประจานที่กำแพงเมือง ด้วยเหตุนั้นพวกมนุษย์จึงยินยอมและพานางกลับไปยังหมู่บ้านสติของฟางเหนียงเลือ
บทที่ 29ปีศาจร้ายของมนุษย์“ท่านแม่ เหตุใดจึงตัวร้อนเช่นนี้?” จินหมิงอันร้อนรนใจยิ่งนัก ไม่เคยเลยที่จะเห็นมารดาในสภาพเช่นนี้ โดยส่วนใหญ่นางจะเข้มแข็งทว่าอ่อนโยนและใจดีเสมอ แม้บ้างครั้งจะน่ากลัวเวลาดุตนก็ตามฝ่ามือใหญ่ของบุตรสัมผัสผิวกายของมารดาด้วยความร้อนรนใจ ครั้นก่อนหน้ามีฮวาอิน ทว่านางลาคลอดไปหลายเดือนแล้ว เขาควรทำอย่างไรดี?“ตัวร้อนหรือ? ข้าขอเสียมารยาท” ไห่ไท่หยางขยับเข้ามาใกล้และถือวิสาสะสัมผัสหน้าผากของนางอย่างแผ่วเบา “นางไม่สบาย”“ไม่สบายหรือ เป็นอย่างไร ถึงแก่ชีวิตหรือไม่?”จินหมิงอันไม่รู้เลย แม้ในวัยเยาว์จะเคยไม่สบายอยู่บ้างแต่ก็นานมากแล้ว ส่วนมารดาก็ไม่เคยเจ็บปวดให้ได้เห็น มีทั้งลูกแก้วจิ้งจอกช่วยฟื้นฟู และบ่อน้ำศักดิ์สิทธิ์“หากได้รับการรักษาก็ไม่ถึงชีวิต”ในสมัยนี้นั้นผู้คนล้มตายด้วยไข้หวัดธรรมดานั้นมีอยู่มาก เนื่องจากยาที่มิได้ดีหากมิใช่ยาดีจริงๆ ซึ่งมีราคาแพง อีกทั้งสมุนไพรยังเป็
บทที่ 28ตัวตนที่แท้จริงของนางจินหมิงอันนางไม่เป็นห่วงเท่าใดนัก เพราะรู้จากไห่ไท่หยางว่าบุตรชายของตนนั้นอยู่ที่ต้นไม้ใหญ่ ศูนย์รวมพลังของดินแดนจิ้งจอกแห่งนี้ อีกทั้งภายในตัวของบุตรชายนั้นมีลูกแก้วจิ้งจอกอันสมบูรณ์ ไม่นานก็คงฟื้นตัวได้แต่กับตนเองนั้นแม้จะมีลูกแก้วจิ้งจอกซึ่งมีพลังมากมายมหาศาล หากแต่มิใช่ลูกแก้วจิ้งจอกซึ่งเป็นพลังต้นกำเนิดของนาง ไม่ต่างไปจากจิตวิญญาณที่อาศัยร่างของนาง การมีลูกแก้วจิ้งจอกทำให้นางทนความเจ็บปวดได้ ขนาดนางมีลูกแก้วจิ้งจอกยังเจ็บปวดถึงเพียงนี้ ไม่อยากจะนึกภาพเลยว่าถ้าหากนางไม่มีมันจะเจ็บปวดเจียนตายที่ขนาดไหนหากเป็นบาดแผลธรรมดาลูกแก้วจิ้งจอกก็สามารถรักษาให้นางหายได้ในชั่วพริบตา หากแต่มันเป็นแผลที่เกิดจากปีศาจ อีกทั้งร่างกายของนางแต่เดิมทีแล้วนั้นเป็นเพียงมนุษย์ มันจึงค่อนข้างใช้เวลาในการรักษาและฟื้นฟูฟางเหนียงบอกทางบุรุษมายังบ่อน้ำศักดิ์สิทธิ์ ตลอดมานางเคยหลีกเลี่ยงสถานที่แห่งนี้ มันเต็มไปด้วยความทรงจำยากลืมเลือน นางเคยแช่อยู่ที่นี่พร้อมกับร่
บทที่ 27มารยาสตรีแสงนั่นมันคือพลัง และพลังนั่นมันกำลังช่วยรักษา!!ช่างเป็นเรื่องน่าอัศจรรย์ใจเหลือเกิน ไห่ไท่หยางไม่คิดว่าจะมีวันที่เขาได้เห็นสิ่งเหนือธรรมชาติกับตาตัวเอง เมื่อเห็นว่าจิ้งจอกตัวนี้ปลอดภัยแล้ว อีกทั้งยังได้รับการรักษา ไห่ไท่หยางจึงหันกลับไปเพื่อไปช่วยฟางเหนียง แม้ว่าตัวเขาจะเป็นมนุษย์ไร้อิทธิฤทธิ์ หากแต่มิอาจนิ่งดูดายปล่อยให้นางต่อสู้เพียงลำพังได้ทันทีที่มาถึงหัวใจของชายหนุ่มคล้ายกับถูกทุ่มแทง เมื่อเห็นว่าฟางเหนียงกำลังจะถูกปลิดชีพ!!ร่างของฟางเหนียงถูกรัดไปทั้งตัว หัวของงูกำลังพุ่งเข้าหา!!ฉัวะ!!เร็วกว่าความคิดใด นี่อาจจะเป็นครั้งแรกที่ไห่ไท่หยางทำก่อนคิดมิได้คิดก่อนทำ ร่างกายขยับไปตามสัญชาตญาณการปกป้อง! ตวัดดาบฟันที่คอของงูยักษ์จนเป็นบาดแผลฉกรรจ์!!เสียงของงูยักษ์ร้องกังวานดังไปทั่วบริเวณ ร่างของฟางเหนียงร่วงหล่นลงสู่ผืนน้ำ ไห่ไท่หยางกระโดดลงไปอย่างไม่รีรอ กวาดสายตามองหาร่างบอบบางก่อนจะแหวกว่ายเข้าไปหานาง
บทที่ 26ห้วงคำนึงถึงนางหลายฤดูผ่านไปจินหมิงอันเติบใหญ่เป็นจิ้งจอกหนุ่ม มีอิทธิฤทธิ์มากล้นเดินตามรอยของผู้เป็นบิดา ฟางเหนียงภาคภูมิใจเหลือคณานับที่บุตรชายสง่างามเช่นนี้ อีกทั้งยังรวบรวมพลังสร้างลูกแก้วจิ้งจอกของตนเองได้แล้ว แม้ว่าลูกแก้วจิ้งจอกนั้นจะยังแข็งแกร่งไม่เท่าลูกแก้วจิ้งจอกที่อยู่ในตัวของนางก็ตามยามนั้นเองสายลมพัดผ่านพาเอาความเย็นสบายโอบรอบร่าง ทว่ามีบางสิ่งลอยมากับสายลมด้วย กลิ่นที่คุ้นเคยพาให้หัวใจดวงน้อยเต้นแรงขึ้นมาฟางเหนียงหยัดกายขึ้นแล้วพุ่งตัวออกไปตามกลิ่นนั่น แหวกผ่านพงไพร เป็นหนึ่งเดียวกับสายลม กระทั่งมาถึงหมู่บ้านแห่งหนึ่ง นางเดินตามหาไม่นานก็มาหยุดอยู่ที่บ้านหลังหนึ่ง“ยินดีด้วยเจ้าค่ะ ท่านเจ้าตระกูลได้บุตรชายเจ้าค่ะ!”เสียงเด็กร้องไห้โยเยดังลอดออกมาให้ได้ยิน พร้อมกับเสียงแสดงความยินดีให้กับบิดาและมารดา นางยืนฟังเสียงร้องไห้นั้นอยู่นาน กระทั่งมีคนผู้หนึ่งทักนางเข้า“มาหาผู้ใดหรือเจ้าคะ?”
บทที่ 25สูญเสียไปตลอดกาลดวงตาคู่งามลืมตาขึ้นท่ามกลางพงไพรอันคุ้นเคย ด้านข้างของนางคือร่างของจิ้งจอกหนุ่ม คนรักของนาง… ร่างของบุรุษที่รักนอนแน่นิ่งจนน่าหวาดหวั่นความอบอุ่นที่อยู่กลางอกบ่งบอกให้นางรับรู้ได้ถึงพลังชีวิตอันมหาศาล รวมถึงอิทธิฤทธิ์ของปีศาจจิ้งจอก มันคือลูกแก้วจิ้งจอกไม่ผิดแน่ใช่แล้ว ลูกแก้วจิ้งจอกอยู่กับนางมาตลอด ลูกแก้วจิ้งจอกที่เปรียบเสมือนพลังชีวิตของจินหมิงเยว่ บุรุษเคยบอกกับนางเช่นนั้น นั่นหมายความว่าไม่มีทางที่จินหมิงเยว่จะตาย เขาก็แค่หมดเรี่ยวแรงจึงหลับไปเท่านั้นนางเอ่ยปลอบตนเองแล้วหันไปหาบุรุษ หากทว่าเมื่อมือเล็กๆ แตะที่ร่างของบุรุษ ความเย็นยะเยือกก็แล่นผ่านเข้ามาในร่างของนาง สตรีตัวน้อยตัวแข็งทื่อ พลันน้ำตาก็ไหลอาบสู่สองข้างแก้ม“ไม่จริง ท่านพี่บอกว่า หากมีข้า มีลูกแก้วจิ้งจอก อย่างไรก็ไม่มีทางตายนี่”ฝ่ามือเล็กคว้าท่อนแขนของบุรุษแล้วออกแรงเขย่าแรงๆ เพื่อหวังให้บุรุษฟื้นตื่นขึ้นมา แม้ว่าบุรุษจะเจ็บ หากฟื้นขึ้นมานางจะยินยอมน
บทที่ 24เดิมทีนางควรจะตายไปตั้งนานแล้วยามนั้นเองบางสิ่งร่วงหล่นลงมาจากท้องฟ้า เส้นแสงสีขาวหลายสายล้อมรอบพวกเขาเอาไว้“...!”จินหมิงเยว่และหลี่ตงหยางตวัดแขนขึ้นไปด้านหน้า ล้อมฟางเหนียงเอาไว้เพื่อปกป้องนางสตรีตัวน้อยสะดุ้งตกใจ โอบกอดจินหมิงเยว่เอาไว้ด้วยความหวาดกลัว...คนพวกนี้เป็นใครกัน?...“ส่งตัวนางมา หากต่อต้านจะถือว่าปรปักษ์ต่อสรวงสวรรค์”...สรวงสวรรค์หรือ!?...ดวงตาคู่งามเบิกกว้างด้วยความตกใจกับสิ่งที่ได้ยิน นางสับสนว่าเกิดสิ่งใดขึ้นกันแน่!?“หากอยากได้ตัวนางนัก ก็เข้ามา!!” เป็นจินหมิงเยว่ที่เอ่ยออกไปอย่างไม่เกรงกลัว แม้จะเป็นผู้ใดหากมาพรากฟางเหนียงไปจากเขา บุรุษไม่ยินยอม!!เกิดการต่อสู้กันระหว่างปีศาจจิ้งจอก เทพหนุ่มตกสวรรค์และองครักษ์สวรรค์ โดยที่ฟางเหนียงอยู่ในการปกป้องของจินหมิงเยว่ตลอดการต่อสู้“ท่านพี่ เกิดอะไรขึ้นกันแน่เจ้าคะ เหตุใ
บทที่ 23เช่นนั้นข้าปรนนิบัติเจ้าแทนฟางเหนียงลงมือทำอาหารหลายอย่าง รวมถึงของหวานด้วย นางคีบทั้งผักทั้งปลาใส่ในถ้วยของบุรุษ ส่วนจินหมิงเยว่ก็คีบแต่พวกเนื้อสัตว์ใส่ถ้วยให้นางเช่นเดิม“เมื่อใดเจ้าจะอ้วนเสียที หืม?”“ข้าไม่อยากอ้วนเจ้าค่ะ”“เหตุใดจึงไม่อยากอ้วน?”“ข้าเป็นสตรี ก็ต้องรักสวยรักงามเป็นธรรมดา หากอ้วนเมื่อสวมใส่อาภรณ์ใดๆ ก็ไร้ความมั่นใจนี่เจ้าค่ะ”“เจ้าเคยอ้วนหรือ?”“ไม่เคยเจ้าค่ะ”“เช่นนั้นเจ้าจะรู้ได้อย่างไรว่าหากอ้วนแล้วจะไม่งดงาม”“เรื่องเช่นนี้ไม่จำเป็นต้องเคยมาก่อนที่เจ้าค่ะ! อีกอย่างข้าไม่เคยบอกว่าไม่อ้วนแล้วจะไม่งดงาม ข้าก็แค่คิดว่าคงไม่มีความมั่นใจ”“อ้วนให้ข้าหน่อยเถิด”“เอ๊ะ! ท่านพี่นี่อย่างไร หากอยากได้สตรีอ้วนๆ ก็ไปหาที่อื่น ไม่ต้องมาหาที่ข้า!”&l