Mag-log in
ตอนที่ 1 บังเอิญ
เสียงกระทะกระทบกันดังกึกก้องไปทั่วบริเวณริมฟุตบาทใกล้สถานบันเทิงชื่อดัง ก่อนที่เสียงเจ๊เจ้าของร้านตะโกนดังโวกเวก
“จันทร์เจ้า เสิร์ฟข้าวโต๊ะแปดหน่อย”
ใช่จ้า จันทร์เจ้าคือชื่อฉันเอง ผู้หญิงสู้ชีวิตคนหนึ่ง พ่อแม่ของเธอจากโลกนี้ไปเหลือเธอไว้บนโลกเบี้ยวๆ ใบนี้ตามลำพัง ปากกัด ตีนถีบพาชีวิตแสนลำเค็ญ กระเสือกกะสนเอาชีวิตให้รอดในแต่ละวัน ทุกอย่างปลูกฝั่งให้เธอเข้มแข็ง เด็ดเดี่ยว ทันโลก และสู้คน
“จ้า เจ๊”
ร่างบางเพรียวระหง ผมสั้นปะบ่าสีน้ำตาลในชุดเสื้อยืดสีดำกับกางเกงยีนส์พอดีตัว เอ่ยรับก่อนจะวิ่งไปหยิบจานข้าวกระเพราหมูสับ ไข่ดาวฟองใหญ่ใส่ถาดแล้วเดินเสิร์ฟตามโต๊ะวนลูปไปมาตั้งเฉกเช่นทุกวัน กว่าลูกค้าคืนนี้จะบางตาเวลาก็ล่วงเลยเข้าสู่เช้าวันใหม่
“เห้อ วันนี้ลูกค้าเยอะจัง”
“วันศุกร์ก็แบบนี้แหละ คนมาเที่ยวกัน เที่ยวเสร็จต่อด้วยข้าวเป็นธรรมดา” ดาด้าเอ่ยขึ้นพร้อมกับก้มบีบนวดต้นขาตัวเอง “ดูสิเนี่ยจันทร์เจ้า ทำไมแกต้องมาทนเหนื่อยแบบนี้ด้วย พี่บอกให้แกลองไปแคสติ้งหรือไปทำงานบนห้างก็ไม่ไปเผลอๆ ได้เงินเยอะกว่าด้วยนะ”
“โอ๊ยพี่ด้า ฉันก็หน้าตาธรรมดาบ้านๆ ใครเขาจะมามอง”
“เจ๊เห็นด้วยกับดาด้ามันนะ แกเลิกทำงานพวกนี้ได้แล้ว ไปหางานพาร์ทไทม์บนห้างทำดีกว่า เผื่อโชคดีเจอแมวมองพาแกไปเป็นดารา สวยก็สวยจะมาอุดอู้อยู่ร้านอาหารตามสั่งหน้าผับหน้าบาร์ทำไม”
“เจ๊ จะไล่หนูออกหรอ”
“ไอ้เด็กนี่ ใครจะไล่แกออก อยู่ด้วยกันมาตั้งแต่แกอยู่มัธยมต้น ที่เจ๊พูดเพราะอยากให้แกได้ดี อีกไม่ถึงสองเดือนก็ขึ้นมหาลัยแล้วนี่”
“ก็ใช่ค่ะเจ๊ แต่ลองมาคิดๆ ดูไม่รู้จะเรียนต่อดีไหม”
“การศึกษามันสำคัญนะสมัยนี้ แกได้ทุนเรียนก็เรียนต่อเถอะ มีโอกาสแกจะทิ้งได้ไง”
“ใช่ พี่ว่าแกเรียนต่อแหละดีแล้ว จบมาจะได้ไปหางานทำดีๆ อย่างน้อยก็มีวุฒิปริญญาไว้หางานนะ ลองคิดดีๆ”
“เอาตอนนี้ให้ดีก่อนไหมเจ๊ พี่ด้า ถึงจะได้ทุนเรียนฟรีแต่ก็ต้องมีค่าใช้จ่ายอื่นๆ อีกตั้งเยอะ หนูไม่น่าจะไหวหรอก” จิณห์วราส่ายหน้าไปมาเมื่อลองกดเครื่องคิดเลขคำนวณค่าใช้จ่ายคร่าวๆ
“ถึงบอกให้ไปหางานทำบนห้างไง บางทีเจอผู้จัดการดาราคว้าตัวไปเป็นนางเอกสักเรื่อง รวยไม่รู้ตัวนะเว้ย ดูสิเนี่ย แกออกจะสวย” เจ๊เจ้าของร้านจับคางได้รูปเชิดขึ้นหันซ้ายหันขวา “โครงหน้ารูปไข่ ดวงตาสีน้ำตาลอ่อน แพขนตาเรียงเส้นสวย คิ้วโก่งได้รูปรับกับจมูกโด่ง ปากเป็นกระจับอวบอิ่มชมพูระเรื่ออย่างคนสุขภาพดี ผิวขาวเนียน หุ่นดีด้วย ทุกอย่างรวมเข้าประกอบกันลงตัวสวยงามราวกับเทพเจ้าปั้นแต่ง ปัดฝุ่นนิดหน่อยจะให้มองมุมไหนแกก็สวยแน่นอน”
“เจ๊ อย่ามาอวยกันเกินไป ใครจะมาเอาเด็กแก่นแก้ว กะโหลกกะลาแบบหนูไปเป็นดารา ผู้จัดการในอนาคตคงจะปวดหัวน่าดู”
“ไม่ลองไม่รู้นะเว้ย”
“ไม่เอาอ่ะ ไปก็อายเขา หนูกลับบ้านก่อนนะ”
“เออๆ กลับดีๆ นะ”
“จ้า”
เมื่อคืนหลังจากที่นอนย้ำคิดหลายรอบอยากเรียนก็อยากเรียน ช่วงสายของวันฉันจึงตัดสินใจควักเงินสดซื้อเสื้อผ้าแฟชั่นในร้านแถวๆ ประตูน้ำก่อนจะนั่งรถมาลงที่ห้างดัง
“เอาวะ”
ห้างสรรพสินค้า
จิณห์วราเดินไปเรื่อย ๆ สายตามองดูข้าวของต่างๆ ที่วางเรียงรายไว้อย่างสวยงามแต่เธอแค่ดูด้วยตาเท่านั้น ไม่กล้าจะจับเพราะกลัวข้าวของเขาพังเสียหายเพราะไม่มีปัญญาจ่ายแน่ ๆ เธอเดินไปมาจนกระทั่งเวลาเย็นก็ไม่เห็นมีแมวมองที่ไหนจะมาทาบทามหรือทักทายเธอสักคน
“เห้อ ไม่น่าบ้าจี้ทำตามพี่ด้าเลย”
ระหว่างทางที่ฉันเตรียมตัวจะเดินกลับไปรอรถเมล์ก็มีหญิงสาวคนหนึ่งสะกิดที่หัวไหล่มนเบาๆ
“น้อง ๆ เดี๋ยวก่อน”
“มีอะไรหรือเปล่าคะ” ฉันถามด้วยความตกใจ เพราะดูจากหน้าตาอายุคนตรงหน้าน่าจะสามสิบกลางๆ แต่ยังดูสวยสะพรั่งด้วยชุดเดรสประดับกลิตเตอร์ระยิบระยับสู้แสงแดดจนแสบตา
“น้องชื่ออะไร”
“เอ่อ…” เธออ้ำอึ้งเพราะไม่รู้ว่าควรจะตอบคนตรงหน้าดีไหม แม้ภายนอกจะดูน่าเชื่อถือแต่ท่าทางร้อนรนจนทำให้เธออดระแวงไม่ได้
“ฉันชื่อมะนาว นี่นามบัตร ฉันเป็นผู้จัดการคลับ TRADA”
จิณห์วรารับนามบัตรมาแบบงงๆ แล้วก้มลงอ่านรายละเอียดในนามบัตรซึ่งเป็นไปตามที่เธอพูดทุกอย่าง
‘นางสาวเนตรทราย เปรมปรีดา (มะนาว) ผู้จัดการคลับ TRADA แต่คลับที่หญิงสาวตรงหน้าเป็นผู้จัดการอยู่ทำไหมรู้สึกคลับคล้ายคลับคลาว่าเคยเห็นที่ไหนสักที่กันนะ“สรุปชื่ออะไร”
“จันทร์เจ้าค่ะ”
“ตอนนี้อายุเท่าไร”
“ย่างสิบเก้าปีค่ะ”
“สนใจไปเป็นนักเต้นในคลับไหม”
“นักเต้น?”
“ก็โคโยตี้ เด็กเอ็นนั่นแหละ”
ฉันส่ายหน้าทันทีโดยไม่ต้องเสียเวลาคิด หันหลังเดินหนีทันทีแต่ก็ถูกอีกฝ่ายรั้งแขนเอาไว้ได้ทัน
“เดี๋ยวก่อน”
“ไม่ทำค่ะ”
“น้องอย่าพึ่งปฏิเสธ ลองฟังค่าตอบแทนก่อนไหม”
“ไม่ดีกว่าค่ะ”
“ขอเวลาสามนาที”
“ไม่ๆ ปล่อยหนูก่อน” หัวเด็ดตีนขาดยังไงก็ไม่ไปแต่พอจะเดินหนีก็โดนอีกฝ่ายดึงแขนไว้อีกครั้ง
“ฉันขอเวลาหรูแป๊ปเดียว คิดเสียว่าคุยกับพี่สาวแก้เซ็งก็ได้ นะๆ น้อง”
“แค่สามนาทีนะคะ”
“ห้าได้ไหม เผื่อเวลาไว้” เนตรทรายชูมือทำท่าประกอบ
“ก็ได้ค่ะ”
ฉันเดินตามหญิงสาวเดินเข้าไปนั่งในร้านกาแฟชื่อดัง อีกฝ่ายสั่งเครื่องดื่มให้เสร็จสรรพ
“ดื่มอะไรเย็นๆ ก่อน”
“ไม่เอา หนูไม่มีเงินจ่าย” กาแฟแก้วเดียวเกือบสองร้อยบาทใครจะกล้ากิน
“ฉันเลี้ยงเอง ถือเป็นค่าเสียเวลาเธอแล้วกันที่มานั่งคุยงานกับฉัน”
“โดนบังคับล่ะสิไม่ว่า”
“เอาน่าบางทีดวงเราอาจจะสมพงษ์กันก็ได้” เพราะตลอดทั้งวันเธอเดินหาสาวสวยที่ตรงคอนเซ็ปต์งานจนขาลากก็ยังหาคนที่ถูกใจไม่ได้สักคนจนท้อ แต่ฟ้าก็ยังเห็นใจให้เธอมาเจอกับเด็กสาวคนนี้ ถูกตาต้องใจตั้งแต่เห็นแผ่นหลัง พอเห็นหน้า ยิ่งถูกใจ คนนี้นี่แหละคนที่เธอตามหามาตลอดทั้งวัน
“ฉันเข้าเรื่องเลยแล้วกัน ถ้าหนูไปทำงาน ที่คลับจะให้ค่าแรงขั้นต่ำวันละหนึ่งพันบาท ไม่ร่วมทิปที่ลูกค้าให้ซึ่งส่วนนี้ร้านไม่หักเปอร์เซ็นต์ ไม่มีวันหยุดตายตัวอยากหยุดวันไหนก็หยุดแต่ภายในหนึ่งเดือนห้ามเกินเจ็ดครั้ง”
“…”
“ถ้านั่งดริ้งก์ด้วยจะได้เงินเพิ่มแต่ส่วนนี้คลับจะหักค่าเปอร์เซ็นต์ จากที่ฉันมองแล้วรายได้เธอเดือนหนึ่งรวมๆ ก็น่าจะเกินหมื่น สนใจไหม”
“เอ่อ…” แต่พอได้ฟังผลประโยชน์ที่จะได้รับฉันก็เริ่มที่จะลังเล พอคำนวณในใจมันมากกว่าที่เธอทำงานพิเศษถึงสองเดือนเลยนะ
“แล้วถ้าเต้นเก่ง เริ่มมีประสบการณ์เป็นที่รู้จักในกลุ่มลูกค้ารายได้จะยิ่งเพิ่มมากขึ้นเผลอๆ ยอดแตะหลักแสนต่อเดือน ว่าไงสนใจไหม”
“หนูเต้นไม่เป็น”
“ฉันจะเทรนให้เอง มาเป็นลูกศิษย์ฉัน ฉันพร้อมจะคายตะขาบให้เลย เห็นแบบนี้เมื่อก่อนสมัยสาวๆ ฉันคือเบอร์หนึ่งเลยนะจ๊ะ”
“พี่ไม่ได้หลอกหนูไปขายให้เสี่ยหรือคนรวยๆ ใช่ไหม?” จิณห์วราถามย้ำอีกครั้งแต่กลับได้รับเสียงหัวเราะขำขันออกมาแทน
“ฉันดูเหมือนเอเจนซี่หาเด็กให้เสี่ยหรอ”
“กะ ก็นิดหน่อย”
“ชิ ฉันรับรองเจ้าของคลับเป็นคนใจดี ถึงจะเคยมีประวัติกินเด็กในสังกัดมาก่อน แต่ตอนนี้ไม่มีแล้วเพราะเขาหลงเมียใหม่มาก ส่วนลูกค้าที่มาเที่ยวทุกคนล้วนเป็นระดับวีไอพีขึ้นไป ไม่มีการซื้อขายในเรื่องที่หนูคิดแน่นอน” เนตรทรายขยับเข้าไปใกล้แล้วกระซิบให้ได้ยินเพียงสองคน “นอกจากจะพึงพอใจกันทั้งสองฝ่ายแล้วไปกับเขาเอง ในส่วนนี้ร้านไม่ห้ามและไม่มีหักเปอร์เซ็นต์”
“เอ่อ...แล้วงานต้องทำอะไรบ้างคะ”
“เต้นเอ็นเตอร์เทนลูกค้า ถ้ามีลูกค้าซื้อดริ้งก์ก็ไปดูแลต่อที่โต๊ะแค่นั้นเอง”
“แต่หนูอายุไม่ถึงยี่สิบจะทำได้หรอ”
“ไม่ใช่ปัญหา”
“หนูขอคิดดูก่อนได้ไหมคะ”
“เก็บนามบัตรไว้แล้วกัน สนใจก็รีบติดต่อมาแต่อย่านานนะ”
ฉันก้มมองนามบัตรในมือแล้วถอนหายใจเฮือกเมื่อทุกอย่างไม่ง่ายแบบที่คิด ตั้งใจจะมาเดินเฉิดฉายให้แมวมองทาบทามไปเป็นดาราหรือไม่ก็นางแบบ แต่ไหงมาจบที่มีผู้จัดการสถานบันเทิงมาทาบทามเป็นโคโยตี้แทนได้ล่ะเนี่ย ถึงจะเงินดีมากๆ ก็เหอะ ใครจะไปกล้าทำ
ตอนที่ 14 ไถ่โทษในเวลาต่อมารถคันหรูจอดสนิทในลานจอดรถชั้นใต้ดินคลับ TRADA เธอก็รีบเปิดประตูลงทันที“จันทร์เจ้า”“แยกกันตรงนี้นะคะ จันทร์เจ้าไม่อยากเป็นขี้ปากคนอื่น”“ยังไม่หายโกรธอีกหรือไง”“ค่ะ” เธอตอบเสียงสะบัดก่อนจะเดินขึ้นบันไดไปยังห้องแต่งตัวแต่ยังไม่ทันก้าวพ้นประตู เสียงเรียกจากด้านหลังทำให้เธอต้องหันกลับไปมอง “คุณจันทร์เจ้าครับ” “มีอะไรหรือเปล่าคะ” บอดี้การ์ดที่เฝ้าอยู่ทางเข้าสำหรับพนักงานเรียก เธอจึงหันไปมองด้วยความแปลกใจแล้วเลิกคิ้วขึ้นถาม “เฮียฟินแจ้งไว้ว่าก่อนเข้างานให้ขึ้นไปพบที่ห้องทำงานชั้นบนด่วนครับ” “ขอบคุณนะคะ” ฉันก้มหัวขอบคุณเล็กน้อยแล้วเดินเข้าห้องแต่งตัวทันที ไม่สนใจคำสั่งคนเบื้องบนเพราะยังโมโหที่อีกฝ่ายเป็นเหตุทำให้โทรศัพท์เธอพังไม่หาย “เป็นอะไรจันทร์เจ้า หน้ามุ่ยมาเชียว” “หงุดหงิดคนค่ะพี่ส้มใส” “เอ๊ะ เป็นหนุ่มคนไหนหนอ” ส้มใสยิ้มแซว “ไม่ต้องแซวเลย ไปแต่งตัวดีกว่า” คล้อยหลังเธอไม่นานเฟิร์นเลขาผู้จัดการของเนตรทรายวิ่งกระหืดกระหอบเข้ามาภ
ตอนที่ 13 ความลับ (แตก)@มหาวิทยาลัย“จันทร์เจ้า”“อุ๊ย พฤกษ์ตกใจหมดเลย” เสียงทุ้มที่ดังขึ้นจากทางด้านหลังทำให้ร่างบางชะงักหันไปมองคนเรียก“มีอะไร”“คิดถึง”“ไม่ต้องมาอ่อยเหยื่อ เพราะไม่ติดกับแน่นอนจ้า”“ใจแข็งวะ” พฤกษ์โอดครวญแต่ใบหน้ากลับยิ้มกว้างแววตาแพรวพราวตามประสาผู้ชายเจ้าชู้“เดี๋ยวเดินไปส่งคณะ”“ไม่ต้องก็ได้ ไม่เดินหลงหรอก”“เมื่อกี้ใครมาส่ง”“อะไรใครมาส่ง ไม่มี๊” ฉันมองหน้าเขาด้วยความตกใจก่อนจะโบกมือ ส่ายหน้าปฏิเสธเป็นพัลวัน“โกหก”“วินมั้ง”“วินขับรถหรูเนาะ”“แก๊ปมาส่ง”“ไม่เนียน”“ไม่มีอะไร”“ลูกค้ามาส่งหรอ”“ก็รู้ว่าไม่รับงานบนเตียง”“ไม่ใช่ ก็คิดว่าลูกค้าที่รับงานกินข้าวด้วยไง”“เออ ใช่ๆ แต่อันนี้ไม่ใช่กินข้าว แต่แค่ให้นั่งมามหาลัยพร้อมกัน วิธีบอกเลิกสาวแต่สาวไม่ยอมเลิก ตอแยไม่หยุดเลยใช้วิธีนี้” อยากกราบสมองที่ผุดไอเดีย คำพูดแก้ตัวได้สดๆร้อนๆ“เชื่อยาก”“เอ้า ไม่เชื่อจะให้อธิบายทำไมไม่รู้”“พยายามจะเชื่อแล้วกัน แล้ววันนี้เลิกเรียนกี่โมง”“วันนี้มีเรียนเต็มวัน 17.00 นู่นแหละบางทีอาจารย์ก็อาจปล่อยเลท”“เย็นนี้ไปกินข้าวกับป่ะ”“ไม่ว่าง ต้องรีบกลับไปทำงาน เดี๋ยวโดนเจ๊นาวกินหั
ตอนที่ 12 ติดใจเหยื่อ “ไอ้ฟินๆ”“มีอะไร”“น้องคนเมื่อกี้ใครวะเห็นเดินออกไปพร้อมเจ๊มะนาว โคตรน่ารักเลย” นาวินทร์ที่เปิดประตูเข้ามารีบเปิดปากถามเพื่อสนิททันทีด้วยความตื่นเต้น “กูว่าน้องเขาหน้าตาคุ้นๆ” เด่นภูมิพูดขึ้นเพราะเขาเองก็รู้สึกคลับคล้ายคลับคลาว่าเคยเจอที่ไหนสักที่ แต่นึกเท่าไรก็นึกไม่ออก“ดาวคลับ TRADA ไง จำไม่ได้เหรอ”“มึงอย่ามาอำไอ้ฟิน”“จริงครับคุณภูมิ คุณวินทร์ ผมคอนเฟิร์มได้ว่านั่นน่ะน้องจันทร์เจ้าตอนไม่แต่งหน้า ดูน่ารักมากๆเลยใช่ไหมล่ะครับ” ตฤณที่พูดยิ้มๆ ถึงกับชะงักกึกเมื่อเห็นสีหน้าผู้บริหารคนใหม่ตวัดตาดุมองจนเสียวสันหลังวาบ “ผมก็ชมน้องเขาปกติครับคุณฟิน ไม่มีอะไรเลยครับ”“มึงดูหวงๆนะไอ้ฟิน ความสัมพันธ์พัฒนาก้าวกระโดดหรอ”“เปล่า”“มีพิรุธฉิบหาย”“ดูเชิงเขา โดยการปลอมเป็นเหยื่อ สุดท้ายทำได้ไม่นานเจอความน่ารักของเสือสาวเข้าไปใจเหลวอ่ะดิมึง” นาวินทร์พูดเย้าเพื่อนสนิทที่นานๆทีจะเห็นมันถูกใจใครสักคนจนตาเป็นประกายวาววับ“พูดมากนะพวกมึง แล้วมาทำไม”“มาเที่ยวดิ ถามแปลกๆ มาคลับมึงจะให้กูมารอใส่บาตรตอนเช้ามั้ง”“กวนตีนจังนะไอ้วินทร์” ปริชญ์บ่นเพื่อนพร้อม
ตอนที่ 11 เจ้านายคนใหม่หลายวันต่อมา @TRADA คลับ ในห้องแต่งตัวเหล่าสาวๆวุ่นวายอีกครั้งเมื่อข่าวใหม่ที่ได้รับมาสร้างความอยากรู้อยากเห็นให้กับพวกเธอ ว่าเจ้าของคลับคนใหม่จะเป็นใคร จนอยากจะเลิกงานไวๆจะได้ยลโฉมหน้าสักที “เจ๊นาว ผู้บริหารคนใหม่คือใครเหรอคะ” “ลูกชายเสี่ยภุชงค์” “จะใจดีแบบเสี่ยไหมหนอ” “รอดูเอาเอง แต่บอกได้คำเดียวว่าหล่อลากไส้ เห็นครั้งแรกรับรองตะลึงจนตาค้างแน่นอน”“อ๊ายยย อยากเห็นๆ เขาเคยมาที่คลับเราไหมเจ๊หรือเขาไปเที่ยวโซนผับที่เปิดใหม่มากกว่า” ส้มใสเอ่ยถามขึ้นด้วยความตื่นเต้น“มาแต่โซนคลับ แล้วบอกได้คำเดียวว่ามาบ่อยมาก ทุกอาทิตย์ พวกแกต้องเคยเห็นบ้างแหละ และเขาก็เข้ามาบริหารงานได้หนึ่งอาทิตย์แล้วด้วย”“จริงเหรอเจ๊”“ใช่ บางทีพวกแกอาจจะเจอแล้ว แต่ไม่รู้ว่าเขาคือใครก็ได้”“หู้ว อยากเจอไวๆอ่า”“อ๋อ อีกเรื่องขอย้ำกับทุกคนอีกครั้งนะ เรื่องอายุของจันทร์เจ้า อย่ามีใครเผลอพูดออกไปเด็ดขาด” “มีอะไรหรือเปล่าเจ๊ ตำรวจจะลงหรอ หนูอายุยี่สิบแล้วไม่มีปัญหาแน่นอน” จิณห์วราที่เปิดประตูเข้ามาได้ยินทันพอดี จึงรีบ
ตอนที่ 10 ช่วยหน่อยนะ“เฮียฟิน มันร้อน จันทร์เจ้าอยากอาบน้ำ”“ใจเย็นๆ สูดลมหายใจเข้าลึกๆ” แม้ปากจะเอ่ยบอกคนข้างๆ แต่ก็เหมือนบอกตัวเองไปกลายๆ เมื่อฝ่ามือนุ่มเริ่มไม่อยู่สุข ลูบไล้ไปตามอกกำยำและเลื่อนต่ำจนเกือบถึงความเป็นชาย“อือ”“นั่งดีๆก่อน”“มันร้อน ร้อนจนจันทร์เจ้าจะบ้าตายอยู่แล้ว”“มองหน้าเฮีย”ระหว่างที่จอดติดไฟแดง ปริชญ์รวบมือบางที่ขยุ้มเสื้อผ้าจนหลุดลุ่ยแล้วเพิ่มอุณหภูมิแอร์ให้เย็นขึ้น“เฮียฟิน”“จันทร์เจ้ากำลังถูกยาปลุกเซ็กส์เล่นงาน หนูกำลังไม่มีสติ ฉะนั้นต้องตั้งสติไว้ แล้วเฮียจะพาหนูกับห้องนะเด็กดี”“แต่จันทร์เจ้าทรมาน”“เฮียรู้ว่าจันทร์เจ้าทรมาน แต่หนูต้องอดทนนะ”“อือ” จิณห์วราพยักหน้ารับ สองมือผสานบีบจนแน่นเพื่อพยายามฝืนทนกับฤทธิ์ยาที่ปลุกความปรารถนาในกายจนร้อนฉ่าไปทั้งตัวราวกับถูกไฟฟ้าแรงสูงช็อต“หนูไม่ไหวแล้ว”“อุ๊บ!”กลิ่นน้ำหอมผู้ชายผสมไปกับกลิ่นกายแสนหอมราวกับเป็นตัวกระตุ้นต่อยานรกให้ออกฤทธิ์รุนแรงขึ้น จนเธอคว้าลำคอหนาลงมาจูบด้วยความเงอะงะ“อื้อ”ลิ้นเล็กๆที่พยายามปัดป่ายไปมาราวกับเด็กน้อยพึ่งหัดจูบทำให้ความอดทนของเขาขาดสะบัน เผลอจูบตอบพลางสอดลิ้นพัวพันไปกับลิ้นเล็ก ฝ
ตอนที่ 8 เด็กเอ็นหนึ่งอาทิตย์ต่อมา“ใกล้ขึ้นเวทีแล้วมีใครเห็นจันทร์เจ้าไหม จันทร์เจ้าไปไหน” เนตรทรายวิ่งกระหืดกระหอบเมื่อใกล้เวลาแล้ว แต่ดาวเด่นของคลับยังไม่เห็นหัว “น้องบอกวันศุกร์ติดสอบ น่าจะกำลังมานะเจ๊ นั่นไงมานู่นแล้ว” เชอรี่พูดขึ้นพร้อมกับพยักพเยิดหน้าไปทางคนมาใหม่ “ขอโทษนะเจ๊หนูรีบสุดๆแล้ว” “ทำไมมาช้า”“ติดสอบ แล้วอาจารย์ที่ปรึกษาเรียกคุยอีก แถมเป็นวันศุกร์รถก็ยิ่งติดยาว เลยต้องนั่งวินมาให้พี่เขาเร่งสุดๆแล้วเนี่ย”“เออๆ ไปแต่งตัวไป ส่วนคนอื่นเตรียมตัวขึ้นเวทีได้แล้วจ้าสาวๆ”“ค่ะเจ๊” “สวัสดีครับทุกคน...” เสียงดีเจประจำคลับพูดสลับกับเสียงเพลงบีทหนักๆ พร้อมแสงสีสาดส่องไปทั่วบริเวณอย่างอลังการสมกับค่าบัตรสมาชิก “ยินดีต้องรับทุกท่านสู่ TRADA CLUB ครับผม ไป ไป ไปๆ” หลังจบคำพูดทักทายของดีเจเหล่าโคโยตี้สาวสวยต่างขึ้นมา กลางเวทีใหญ่ท่ามกลางนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและต่างชาติ นักธุรกิจ ดาราไฮโซ ต่างยืนล้อมหน้าเวทีรูปตัวทีจนหนาแน่น สาวๆบนเวทีต่างวาดลวดลายในท่วงท่าเซ็กซี่ให้บรรดานักล่าข้างล่างเวทีเชยชม เรือนร่างแสนสวยก







