Masukหญิงสาวก้มหน้าลง ครุ่นคิดอะไรบางอย่าง ก่อนจะหันมาสบตาเขาอีกครั้งอย่างเจ็บปวด ตัดสินใจพูดในสิ่งที่กักเก็บมาแล้วหลายวัน ด้วยน้ำเสียงเนิบช้าหยั่งเชิง
“แล้วถ้าบัวบอกพี่ว่า...บัวท้องละคะ พี่จะยังทิ้งบัวไปไหม”
“เธอว่าไงนะ” หางคิ้วกระตุก เค้นเสียงรอดไรฟัน เอ่ยถามกลับเสียงเข้ม แววตาวาวโรจน์ด้วยความไม่พอใจพร้อมกับส่ายหน้าอย่างช้าๆ ท่ามกลางเสียงฮือฮาของใครหลายคนที่คอยยืนฟังอย่างตั้งใจ
“บัวบอกว่าบัวท้อง!” เธอย้ำอีกครั้ง อย่างชัดถ้อยชัดคำ หยดน้ำตาร่วงเผาะ แต่เขากลับมองเธอด้วยสายตาเปลี่ยนไป แววตาดุดันแข็งกร้าวนั้น ปากหยักหนากระตุกยิ้มมุมปากคล้ายหยัน
“หึ รัญลฎาพี่ไม่คิดว่าเธอจะทำตัวน่าสมเพช ขนาดกุเรื่องบ้าๆ นี่ขึ้นมาเพื่อรั้งไม่ให้พี่เลิกกับเธอหรอกนะ”
“บัวไม่ได้กุเรื่อง บัวพูดจริงๆ บัวท้อง!” แววตาแข็งกร้าวดุดันจ้องมองเธอนิ่ง เขาไม่คิดจะเชื่อคำพูดของเธอเลยแม้แต่นิด แถมยังพ่นวาจาร้ายกาจที่ทำให้เธอถึงกับชาไปทั้งร่าง
“ถ้าท้องจริงๆ ก็ไปเอาเด็กออก พ่อแม่ไม่รักกัน รังแต่จะทำให้เด็กมีปัญหาเปล่าๆ”
“เห้ยไอ้พอร์ชใจเย็นๆ อย่าพูดอะไรเหี้ยๆ ออกไปแบบนั้น” ธาราที่ยืนมองดูสถานการณ์มาตั้งแต่ต้นรีบเดินมาปราม แต่จังหวะนั้น
เพี้ยะ!!! สิ้นคำของเขาฝ่ามือบางก็ฟาดเข้าที่ใบหน้าของชายหนุ่มใจร้ายเต็มแรง เจ็บที่สุดเมื่อได้ยินคำนั้นออกจากปากของเขา
ผู้ชายที่เธอยิ่งกว่ารัก ยิ่งกว่าบูชา ผู้ชายสารเลว!!!
“พี่พูดนี้ออกมาได้ยังไง! พี่ใจร้ายมากนะ” พ้อเสียงสั่น แววตาคู่สวยไหวระริก
มันเจ็บ เจ็บราวกับถูกกระชากออกจากเหวลึกแล้วผลักลงไปยังเหวที่ลึกกว่า ยิ่งเขาพูดมันออกมาต่อหน้าเธอคนนั้น ยิ่งเหมือนโดนมีดปลายแหลมแทงซ้ำๆ จนแทบขาดใจตาย
กลั้นเสียงสะอื้น แววตาเจ็บปวดจ้องมองเขา ก่อนจะเอ่ยด้วยน้ำเสียงเยือกเย็น หนาวจับใจคนฟัง
“พี่จำคำพูดของพี่ในวันนี้ไว้ให้ดีนะ...แล้วอย่ามาเสียใจที่หลัง” เค้นน้ำเสียงบอกด้วยความรู้สึกเด็ดเดี่ยวกับแววตาแข็งกร้าวแฝงไว้ด้วยความเจ็บปวด ก่อนจะหมุนตัวเดินออกไปจากร้านโดยไม่คิดหันกลับมามอง
ในเมื่อเขาเลือกที่จะทำร้ายเธอได้ถึงเพียงนี้ ก็ไม่ควรจะไปอ้อนวอนร้องขอให้ตัวเองยิ่งต่ำต้อย น่าสมเพชไร้ยางอายอีก
ที่ผ่านมาเธอก็ทำร้ายตัวเองมากพอแล้ว ในเมื่อเขาไม่รัก ไม่รักก็คือไม่รัก เธอก็จะไม่ทนทู่ซี้ให้เขาชังน้ำหน้า แล้วมาว่าเธอได้ภายหลังอีก เจ็บแล้วต้องจำนะ รัญลฎา!
ในขณะที่ภัทรกฤชเอง กลับยืนนิ่งอยู่ตรงนั้น ราวกับต้องคำสาปมองแผ่นหลังบางของหญิงสาวที่ค่อยๆ ก้าวเดินห่างออกไปด้วยหัวใจคล้ายกับถูกบีบอัดแน่นจนแทบหายใจไม่ออก เขามองดูจนเธอเดินลับสายตาด้วยความรู้สึกที่ตนเองก็ยากจะอธิบายว่าสิ่งที่เขาคิดหรือทำอยู่ตอนนี้ถูกต้องแล้วใช่หรือไม่ ในเมื่อเขาคิดว่าเขารักมุกรดา เขาก็ควรจะปล่อยมือใครอีกคนไป ไม่ควรรั้งให้เธออยู่ ทั้งๆ ที่ในส่วนลึกเขายังโหยหา หญิงสาวอยู่ไม่น้อย มันทั้งใจหาย หายใจไม่ออก แต่เขาก็เลือกที่จะยืนมองเธออยู่นิ่งๆ ไม่คิดรั้งหรือเปลี่ยนใจให้เธอคืนกลับมา หนทางนี้น่าจะดีที่สุดสำหรับเขาแล้ว
“พี่พอร์ชคะ เรามากลับไปนั่งกันดีกว่าค่ะ” หญิงสาวที่ยืนฟังด้วยรอยยิ้มแห่งผู้ชนะ เดินมาคล้องแขนชายหนุ่มเอ่ยเสียงหวานกับเขาพาเดินกลับไปนั่งที่โต๊ะรวมกลุ่มกับคนอื่นๆ ที่ยังคงยืนอึ้งกับเหตุการณ์ที่ไม่คาดคิดมาก่อน
หญิงสาวเดินโซเซหอบหัวใจที่แตกสลาย เดินออกมาหยุดอยู่ที่มุมหนึ่งของฝากถนนโดยไม่รู้เหนือรู้ตัว และค่อนข้างห่างผู้คนเล็กน้อยแต่ก็มีคนเดินผ่านอยู่บ้างประปราย หล่อนทรุดกายลงนั่งกับพื้นร้องไห้ตัวโยนโดยไม่สนใจสายตาของใครที่กำลังเดินผ่านไปมา คอยเมียงมองด้วยความสงสัย แต่ก็ไม่มีใครคิดจะเดินเข้ามาหา
เนิ่นนานกว่าที่เธอจะหยุดสะอื้นร้องไห้ ปาดน้ำตาทิ้งแล้วตั้งสติ จะมามัวร้องไห้คร่ำครวญอยู่ตรงนี้ไปก็ไม่มีประโยชน์ เมื่อคิดได้ดังนั้นเธอจึงลุกขึ้นยืน สูดลมหายใจเข้าเพื่อเรียกสติตัวเอง
มือเรียวเกาะกุมที่หน้าท้องของตนเอง ก้มมองด้วยความรู้สึกสะท้านในอก พูดกับตัวเองคนเดียวว่า
“ต่อไปนี้แม่จะดูแลหนูเอง เขาไม่รักก็ไม่เป็นไรนะลูก เรามีกันแค่สองคนก็ได้นะ” เสียงสั่นเครือ เอ่ยทั้งน้ำตา พลันคิดย้อนไปถึงเหตุการณ์ก่อนหน้านี้เพียงไม่กี่วัน
หญิงสาวรู้สึกแปลกๆ กับร่างกายทั้งเวียนศีรษะ เหม็นเบื่ออาหาร อยากทานแต่อาหารที่มีรสชาติจัดจ้าน บ่อยครั้งที่เธอรู้สึกง่วงหาวหนาวนอนตลอดทั้งวัน ท้ายที่สุดในวันที่เธอฝืนมาทำงานทั้งๆ ที่ร่างกายไม่เต็มร้อยจึงทำให้เวียนศีรษะจนเป็นลมหมดสติ
เธอจึงไปหาหมอ และผลตรวจก็ทำให้เธอยิ้มทั้งน้ำตา ทั้งดีใจและเป็นกังวลในเวลาเดียวกัน
ความดีใจในวันนั้นเกิดขึ้นในเวลาอันรวดเร็วและหมดลงไปในไม่ช้า เพราะความเมินเฉยที่เธอได้รับจากคนรัก ที่เขาเหมือนไม่ค่อยจะสนใจไยดีเธอเท่าไหร่ เธอจึงไม่มีโอกาสได้บอกเขาจนกระทั่งวันนี้...
ในขณะที่เพื่อนทั้งสองที่ยืนสังเกตการณ์อยู่ด้านนอก เมื่อเห็นดังนั้นจึงรีบผลักประตูเข้าไปในร้านทันที แม้อีกใจจะเป็นห่วงเพื่อนอยู่ไม่น้อย แต่ความโมโหและอยากด่าคน ทำให้ขาสองข้างก้าวมาหยุดอยู่ที่กลุ่มคนตรงหน้า สายตากวาดมองหาใครบางคนที่เมื่อครู่ยังยืนอยู่ตรงนี้
“ไอ้เชฟพอร์ชมันอยู่ไหน” ปั้นแก้มกล่าวขึ้นมาเสียงดัง ท่าทางเอาเรื่อง
“เดี๋ยวครับคุณใจเย็นๆ ก่อน มีอะไรค่อยๆ พูด ค่อยๆ จากัน” ธาราที่ยืนอยู่ตรงหน้ารีบเดินเข้ามาห้ามรับหน้าเสื่อแทนเพื่อนตัวเองที่หลบไปตั้งสติ ปรับอารมณ์อยู่หลังร้าน และ หวังให้หญิงสาวตรงหน้าใจเย็นลง
“ฉันถามว่าไอ้เชฟพอร์ตมันอยู่ไหนคะ” ทั้งหมดที่ยืนอยู่ตรงนั้นต่างมองหน้ากันไม่มีใครพูดอะไรออกมาแม้แต่คำเดียว
ในขณะที่ภัทรกฤชหลังมายืนสงบสติอารมณ์หลังร้าน หวังทำให้ตัวเองรู้สึกดีขึ้น แต่เขากลับไม่ได้รู้สึกเช่นนั้นเลยสักนิด สายตาที่จ้องมองมายังเขาราวกับหอกแหลมทิ่มแทงให้เขารู้สึกเจ็บปวดทุกครั้งที่นึกถึง แม้กระทั่งยามหลับตาภาพหญิงสาวที่ยืนมองเขามีหยาดน้ำตาไหลเปรอะเปื้อนเต็มหน้ายิ่งทำให้เขารู้สึกเจ็บปวดทุกครั้งที่นึกถึง
“พี่พอร์ชคะ”
“อืมมุก” เขาหันมองหญิงสาวที่เดินเข้ามาหาเขา ด้วยรอยยิ้มหวานเฉกเช่นทุกครั้ง แต่เขากลับมองมันด้วยความอึดอัดใจแต่พูดอะไรไม่ออก
“กลับเข้าไปในร้านเถอะค่ะ พี่ยังไม่ได้เป่าเค้กเลยนะคะ”
“ครับ เดี๋ยวพี่เข้าไป” เขาตอบรับด้วยสีหน้าเรียบนิ่ง พยายามฝืนยิ้มบางๆ ให้
“งั้นมุก เข้าไปในร้านก่อนนะคะ พี่พอร์ชรีบตามไปนะ”
“ครับ” ชายหนุ่มยกยิ้มอีกครั้ง มองร่างบางที่หมุนตัวเดินกลับเข้าไป สีหน้าเคร่งเครียด ก่อนจะระบายลมหายใจออกมา
ตอนพิเศษ 5 แสงสีทองในเวลาเย็นสาดส่องกระทบผืนน้ำเป็นประกายระยิบระยับจับนัยน์ตา สองพ่อลูกที่กำลังนั่งเล่นอยู่ที่ริมชายหาด โดยที่คนเป็นพ่อ ยอมนอนให้ลูกสาวขุดหลุมฝั่งตัวเองไปเกือบครึ่งตัว เสียงหัวเราะคิกคักชอบใจดังจากสาวน้อยในชุดว่ายน้ำลวดลายสตอเบอรี่ ทักเปียสองข้างนั่งหยองๆโยนกองทรายใส่คนเป็นพ่อ “น้องเพิร์ล เล่นนานแล้วนะคะ หิวหรือยังลูก” เสียงหวานเอ่ยถามจากคนเป็นแม่ ทำให้สาวน้อยหันไปมองเพียงเล็กน้อย ก่อนจะหันกลับมาสนใจตักทรายใส่กระบะแล้วยกมาวางใส่พ่อหน้าตาเฉย “น้องเพิร์ล แม่เรียกแล้วนะคะ ทำไมหนูไม่ตอบล่ะลูก” คนเป็นพ่อถามด้วยความเอ็นดู วางมือลงบนผมของลูกน้อย “เพิลเย่นอยู่ค่า”
ตอนพิเศษ4 “ทำอะไรอยู่คะคนเก่ง” เสียงทุ้มห้าวของพ่อทูนหัวที่หอบหิ้วถุงมากมายเต็มสองมือเข้ามาในบ้านที่มีเด็กน้อยกำลังง่วนอยู่กับเล่นของเล่นตัวต่ออยู่ในคอกเด็ก “ป้อเขม” เสียงใสร้องเรียกคนมาใหม่ด้วยน้ำเสียงตื่นเต้นดีใจ พลางลุกเดินเข้าไปหา ชูสองมือให้เขาอุ้มมากอดไว้แนบอก “คิดถึงกันบ้างไหมคะ” “คิดถึงค่ะ คิดถึงป้อเขมที่ฉุดเยย” “อยากรู้ไหม...วันนี้พ่อซื้ออะไรมาให้หนูด้วย” “อาไยคะ”สาวน้อยเอียงคอถาม ด้วยความสงสัย&nbs
ตอนพิเศษ3 อากาศในยามเช้าหลังฝนเพิ่งหยุดโปรยปรายไปไม่นาน กลิ่นชื้นของไอดินกับบรรยากาศหลังฝนตก พลอยทำให้อากาศเช้านี้สดชื่นกว่าทุกวัน เด็กน้อยไร้เดียงสาในเปลนอนถูกคนเป็นแม่ใช้มือโยกเบาๆ เพื่อให้สาวน้อยแก้มกลมนอนหลับได้ยาวนานและสบายตัวขึ้น “วันนี้บัวจะทานข้าวเช้าอะไรดีหื้อ เดี๋ยวพี่ลงไปทำให้” ชายหนุ่มที่เพิ่งเดินออกมาจากห้องน้ำ ร่างสูงยังพันเพียงผ้าเช็ดตัวเผยช่วงบนที่เต็มไปด้วยมัดกล้าม ที่ทำให้คนเป็นภรรยาได้มองกี่ครั้งก็อดหายใจไม่ทั่วไม่ได้ หยดน้ำยังพราวทั่วตัว กลิ่นหอมสะอาดสดชื่นของคนเป็นสามีลอยแตะจมูก ก่อนจะเดินสาวเท้าเข้ามาใกล้ โน้มหน้ากดจูบที่ริมฝีปากบางเบาๆ “อะไรก็ได้ค่ะ พี่พอร์ชทำอะไรก็อร่อยทั้งนั้น บัวชอบ” “หึหึ วันก่อนน้องเพิร
ตอนพิเศษ2 จวบจนถึงเวลาเข้าหอ ที่เป็นพิธีการแบบเรียบง่ายมีผู้ใหญ่ของฝ่ายชายและเขมกรที่หญิงสาวเคารพดุจพี่ชายแท้ๆ มานั่งในห้องหอเพื่อให้พร และให้คู่สมรสที่ประสบความสำเร็จในชีวิตคู่อย่างท่านนายพลพัชระและคุณหญิงภารดี ขึ้นนอนบนเตียง แล้วกล่าวคำอวยพรก็ถือว่าสิ้นสุดงานในค่ำคืนนี้ เสียงข้อความจากโทรศัพท์มือถือที่ดังขึ้นติดๆกันหลายครั้ง ทำให้ระหว่างคิ้วของหญิงสาวย่นหากันด้วยความแปลกใจ สายตาเหลือบมองไปยังคนเป็นสามีที่เข้าไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้า หลังจากที่ให้เธอได้ทำธุระส่วนตัวก่อนจนเสร็จแล้วมานอนรอบนเตียง ชื่อที่ปรากฏบนหน้าจอโทรศัพท์ทำให้หญิงนิ่งไปเล็กน้อย ‘มุกรดา’ ริมฝีปากบางเม้มแน่นเริ่มเป็นกังวล ระคนหึง
ตอนพิเศษ1 งานแต่งงานจัดขึ้นแบบเรียบง่าย บรรยากาศสบายๆ เชิญแขกไม่กี่สิบคน เฉพาะคนที่สนิทสนมรักใคร่ โดยใช้สถานที่ริมชายหาดของโรงแรมสิริมันตราบีช โดยมีเจ้าของโรงแรมคอยเป็นพ่องานดูแลให้ทุกอย่าง จนออกมาดีและได้รับแต่เสียงชื่นชม “บัวขอบคุณพี่เขมมากนะคะ สำหรับทุกอย่างที่ทำให้บัว” “ไม่เป็นไรหรอก ถือว่าเป็นของขวัญที่พี่จะมอบให้น้องสาวของพี่” ชายหนุ่มเอ่ยด้วยรอยยิ้ม พลางสบตาเจ้าบ่าวที่ยืนโอบไหล่หญิงสาวที่เขาทั้งรักทั้งหวงแหนมากที่สุดยามนี้ “ฝากน้องสาวคนนี้ด้วยนะครับ หวังว่าคุณคงไม่ทำให้ผมผิดหวัง” “ไม่แน่นอนครับ” ชายหนุ่มยืนยันรับคำหนักแน่น หันมอง
บทส่งท้ายมื้อเย็นสำหรับวันนี้พิเศษกว่าทุกวัน เพราะเป็นวันที่ทุกคนได้พบปะหน้าตากันและอยู่กันพร้อมหน้า โดยมีสมาชิกพิเศษสองคนคือธาราและ เขมกร ส่วนมุกรดาหลังจากรับรู้ความจริง ว่าเธอต้องพลาดหวังจากชายที่ตนรัก จึงรีบตีตั๋วกรุงเทพในเย็นวันนั้นเลยโดยมีแคทเพื่อนสาวคนสนิท นั่งเครื่องบินกลับไปเป็นเพื่อนด้วยนายหัวแห่งสิริมันตราบีช จึงจัดห้องอาหารส่วนตัวเป็นพิเศษไว้รอต้อนรับ พร้อมกับอาหารมากมายหลากหลายเมนูจัดวางไว้อย่างสวยงามน่ารักประทาน“อุ้ยน้องเพิร์ล ไม่เล่นของกินนะลูก ค่อยๆทานนะคะ” รัญลฎารีบคว้ามือลูกสาวที่กำลังยื่นมือไปตะปบจานอาหารตรงหน้าจนต้องรีบยกหนี เธอหยิบเนื้อกุ้งที่คนเป็นพ่อแกะไว้ให้เรียบร้อยแล้วยื่นใส่มือให้แทน“จริงสิ ทำไมยังไม่มีคนยกเก้าอี้น้องเพิร์ลมาอีก” เขมกรที่เหมือนนึกขึ้นได้ว่าลูกสาวคนโปรดยังไม่ได้นั่งเก้าอี้ประจำตัวเลยต้องนั่งตักคนเป็นแม่ หันไปหาลูกน้องที่ยืนอยู่บริเวณนั้นเพื่อสั่งให้รีบยกเก้าอี้เด็กประจำตัวของสาวน้อยมาให้“เล่นน้ำเพลินจนเหนื่อย เลยหิวน่ะสิ” คุณหญิงภารดีเอ่ยด้วย







