LOGIN“ครางออกมาดังๆกว่านี้ ครางชื่อผมให้ดังกว่านี้ ให้สมกับที่ผมซื้อคุณมาด้วยเงินห้าสิบล้านหน่อย” สิ้นคำนี้ลิ้นร้อนระอุก็ดูดกลืนยอดปทุมถันสีชมพูระเรื่อเข้าไปในปาก ปลายลิ้นที่ชุ่มไปด้วยน้ำลายทั้งดูดทั้งดึงจนมันแข็งเป็นตุ่มไต ร่างบางสั่นสะท้านเกร็งไปทั้งตัว
“อ๊า อื้อออ คุณภะ…ภวินท์ อ๊า…” เมื่อเป็นคำสั่งของเขากอปรกับที่ไม่อาจอดทนอดกลั้นเอาไว้ได้ กุลจิราก็ส่งเสียงครวญครางออกมา ความหวิวหวามรัญจวนเล่นงานเธออย่างหนัก ความเสียวซ่านฉีดพุ่งไปทั่วทั้งร่างกายและเหมือนมันจะเรียกร้องให้เขาทำมากกว่านี้
“เสียงครางคุณโคตรลามกและมันทำให้ผมมีอารมณ์มากรู้ตัวไหม หืมมม” เขากระซิบเสียงพร่า แล้วยันกายขึ้นไปตอกตรึงความแข็งขึงเข้าไปในร่องคับอย่างเนิบนาบ สายตาจ้องมองไปยังจุดเชื่อมต่อ
สะโพกเพรียวตอกตรึงเข้าใส่ความนุ่มของหญิงสาวไม่หยุด
ร่างกายทุกส่วนของกุลจิราตอบสนองเขาอย่างน่าอาย
เธอไม่มีสิทธิ์จะทักท้วงหรือบอกให้เขาหยุด
เขาใช้หนี้ให้ครอบครัวเธอตั้งห้าสิบล้าน เธอก็สมควรจะทำให้เขาพอใจถึงจะถูก
หญิงสาวจ้องมองเข้าไปในดวงตาของอีกฝ่าย เสี้ยวหนึ่งของความคิด คาดหวังว่าอยากเห็นความอ่อนโยนจากดวงตาคู่นั้น
แต่มันก็ไม่มีอยู่เลย
แม้สังคมภายนอกจะรับรู้การแต่งงานในครั้งนี้ แต่ระหว่างเธอกับเขาไม่ได้มีสถานะใด ๆ
ไม่มีความรักหรือแม้แต่ความรู้สึกดี ๆให้กัน นอกเหนือจากความสัมพันธ์ทางร่างกายเพียงอย่างเดียว
นี่คือสิ่งที่กุลจิราต้องคอยย้ำกับตัวเองอยู่เสมอ
“เชิญนั่งค่ะคุณน้ำ” เสียงของอ้อย แม่บ้านวัยสามสิบต้น ๆ เรียกสติของกุลจิรากลับมา
เธอเผลอนึกถึงเรื่องเมื่อคืนนี้ได้ยังไงนะ
เจ้าของร่างเล็กเดินไปนั่งลงยังตำแหน่งตรงข้ามกับภวินท์ เวลานี้อาหารเช้าของบ้านเศรษฐวินิจถูกจัดวางบนโต๊ะเรียบร้อยแล้ว
โต๊ะอาหารสามารถรองรับได้สิบที่นั่ง แต่สมาชิกบนโต๊ะอาหารในทุก ๆ เช้าหลังจากนี้คงมีเพียงภวินท์กับเธอเท่านั้น
จากคำบอกเว่าของก้องเกียรติ บิดาของเธอ คุณพิศาลกับคุณกนกวรรณเสียชีวิตพร้อมกันในอุบัติเหตุรถยนต์ขณะเดินทางกลับจากต่างจังหวัดเมื่อสิบกว่าปีก่อน
ตอนนั้นภวินท์เพิ่งจะเข้าเรียนมหาวิทยาลัยปีหนึ่ง เขาสูญเสียครอบครัวไปอย่างกะทันหัน
ทายาทเพียงคนเดียวของตระกูลเศรษฐวินิจจึงต้องเข้ามาดูแลธุรกิจตั้งแต่ตอนนั้น
ขนาดเธอเป็นเพียงพนักงานตำแหน่งเล็ก ๆ ในบริษัทยังต้องประสบกับความยากลำบากกว่าจะมาถึงทุกวันนี้ได้
กุลจิรานึกไม่ออกเลยว่ากว่าที่ภวินท์จะผ่านความยากลำบาหมาได้ จะกลายเป็นนักธุรกิจหนุ่มมากความสามารถ ต้องพบเจอกับอะไรมาบ้าง
หญิงสาวรีบหยุดความคิดของตัวเอง มแงไปยังชายหนุ่มในชุดสูทสีน้ำเงินเข้มที่นั่งอยู่ปลายโต๊ะด้วยท่าทางสงบนิ่ง
เขาไม่มีแม้รอยยิ้มให้กับเธอในเช้าวันแรกหลังการแต่งงาน เธอรู้สึกได้ถึงระยะห่างที่ภวินท์แสดงออกต่อหน้าทุกคน
“รีบทานข้าว สายมากแล้ว” น้ำเสียงที่ดังขึ้นบ่งบอกว่านี่คือคำสั่งแรกของวันนี้
“ค่ะ” เธอตอบสั้น ๆ ก่อนจะลงมือตักอาหาร
หลังจากนั้นไม่มีบทสนทนาเกิดขึ้นระหว่างเขากับเธออีกเลย มีเพียงชั่วครู่เดียวที่เขามองมาที่ธอ แต่การสบตากันครู่เดียวนั้นชวนให้กุลจิรารู้สึกถึงได้ถึงความเย็นชา
สามี ภรรยา ข้าวใหม่ปลามันอะไรกัน
ระหว่างเธอกับเขาก็แค่เจ้าหนี้กับลูกหนี้เท่านั้นแหละ
“เข้าประชุมตอนบ่ายด้วยนะ แล้วประชุมเสร็จให้ตามไปที่ห้องทำงานของผมด้วย” กุลจิรายังไม่ได้ให้คำตอบในทันที ตามกำหนดการเธอไม่ได้อยู่ในรายชื่อผู้ประชุมครั้งนี้
แต่เขาเป็นเจ้าของบริษัท ไม่ผิดอะไรหากจะเปลี่ยนแปลงคำสั่งใหม่แม้คำสั่งนั้นจะกะทันหันก็ตาม
สุดท้ายกุลจิราก็น้อมรับคำสั่งของเขา น้ำเสียงบ่งบอกถึงความห่างเหินไม่ต่างกันว่า “รับทราบค่ะ”
แม้จะไม่พอใจกับท่าทีที่หญิงสาวแสดงออกมา แต่ภวินท์ก็ไม่ได้พูดอะไร เขาลุกออกจากโต๊ะอาหาร เดินออกไปที่รถโดยไม่ได้ออกคำสั่งอะไรกับเธออีก
กุลจิราเหลือบมองไหล่กว้างที่ค่อย ๆ เลือนหายไปในมุมประตูของคฤหาสน์หลังใหญ่ก่อนจะรวบช้อนส้อมเตรียมตัวออกไปทำงานเช่นกัน
“อ่าว แล้วคุณน้ำไม่ได้ออกไปบริษัทพร้อมกับคุณภิมเหรอคะ?” อ้อยพูดขึ้นโดยไม่ทันคิด จึงถูกป้าลำดวนส่งสายตาไปต่อว่าเมื่อสาวใช้คราวลูกพูดในสิ่งที่ไม่ควรพูดออกมา ก่อนจะหันมาพูดกับกุลจิราด้วยใบหน้าที่เปื้อนรอยยิ้มกลบบรรยากาศตึงเครียดเมื่อครู่
“นายสมจะเป็นคนขับรถไปส่งคุณน้ำที่บริษัทเองค่ะ”
“ไม่เป็นไรค่ะ น้ำไปเองดีกว่า” เธอรีบปฏิเสธเพราะไม่อยากรบกวนคนในบ้าน
แม้ว่าทุกคนในบ้านจะปฏิบัติกับเธอเหมือนเจ้านายคนหนึ่งและให้เกียรติเธอตั้งแต่วันแรกที่ภวินท์พาเธอมาที่บ้านหลังนี้ แต่มันก็ไม่อาจลบคำว่า ‘ผู้หญิงที่ซื้อมาด้วยเงิน’ ออกไปจากใจเธอได้เลย
“เป็นคำสั่งของคุณภิมค่ะ” สิ้นสุดคำอธิบายจากแม่บ้านประจำตระกูล กุลจิราก็รู้ทันทีว่ามันคือคำสั่งจากเขา เธอต้องปฏิบัติตามเท่านั้น
นี่ไง สิ่งที่เธอต้องเจอในทุกวันหลังจากนี้
อยู่บริษัทเขาก็ออกคำสั่งกับเธอในฐานะเจ้านายกับลูกน้อง
กลับมาบ้าน เธอก็ยังต้องฟังคำสั่งของเขาในฐานะ ภรรยาที่ใช้เงินซื้อมา
เงินห้าสิบล้านบาท ถ้าเธอไม่ตายก่อน วันหนึ่งจะต้องหามาใช้เขาให้ครบทุกบาททุกสตางค์
ท้องฟ้าสว่างจ้าที่บ้านเศรษฐวินิจเมื่อช่วงเช้ามืดครึ้มลงในตอนที่กุลจิรามาถึงบริษัท PSW Asset Group ราวกับเป็นลางบอกบางอย่าง“ชีวิตหลังแต่งงาน” ไม่ได้ถูกโรยด้วยกลีบกุหลาบหญิงสาวก้าวผ่านประตูทางเข้าด้วยจก้าวที่มั่นคง แม้ในอกจะมีความกังวลซ่อนอยู่ก็ตามไม่น่าเชื่อว่าเธอจะทำงานให้ที่นี่มาแล้วเจ็ดปี ตำแหน่งเจ้าหน้าที่ฝ่ายวางแผนและฝ่ายการตลาดของบริษัทอสังหาริมทรัพย์ใหญ่โตแม้ไม่ใช่ตำแหน่งสูงส่งแต่กุลจิราก็ทุ่มเทและพยายามอย่างหนัก เพื่อให้ตัวเองมายืนอยู่ตรงนี้ยังจำได้ขึ้นใจ ในบรรดาคนที่มาสัมภาษณ์งานทั้งหมด เธอเป็นคนที่ถูกซักถามมากที่สุด แถมรอบสุดท้ายเธอยังเป็นคนเดียวที่ต้องเข้าไปสัมภาษกับเจ้าของบริษัทโดยตรงอีกด้วย“คุณคิดว่าตัวเองมีข้อดีอะไรที่บริษัทต้องรับคุณเข้ามาทำงาน” น้ำเสียงเรียบนิ่งของภวินท์ในวันนั้นยังดังก้องอยู่ในหัวเธอเสมอเขานั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามในมาดผู้บริหารสุดเนี๊ยบสมบูรณ์แบบ ใบหน้าหล่อเหลายากจะละสายตาทว่าก็แฝงไปด้วยความเย็นเฉียบที่ทำให้เธอไม่กล้าขยับตัวและที่สำคัญ…ภวินท์ทำเหมือนไม่เคยรู้จักเธอมาก่อนก็พอจะเข้าใจได้ เขาเป็นถึงผู้บริหารของบริษัทใหญ่โต ก็ต้องวางมงวางมาดเป็นธรรมดา
“ครางออกมาดังๆกว่านี้ ครางชื่อผมให้ดังกว่านี้ ให้สมกับที่ผมซื้อคุณมาด้วยเงินห้าสิบล้านหน่อย” สิ้นคำนี้ลิ้นร้อนระอุก็ดูดกลืนยอดปทุมถันสีชมพูระเรื่อเข้าไปในปาก ปลายลิ้นที่ชุ่มไปด้วยน้ำลายทั้งดูดทั้งดึงจนมันแข็งเป็นตุ่มไต ร่างบางสั่นสะท้านเกร็งไปทั้งตัว“อ๊า อื้อออ คุณภะ…ภวินท์ อ๊า…” เมื่อเป็นคำสั่งของเขากอปรกับที่ไม่อาจอดทนอดกลั้นเอาไว้ได้ กุลจิราก็ส่งเสียงครวญครางออกมา ความหวิวหวามรัญจวนเล่นงานเธออย่างหนัก ความเสียวซ่านฉีดพุ่งไปทั่วทั้งร่างกายและเหมือนมันจะเรียกร้องให้เขาทำมากกว่านี้“เสียงครางคุณโคตรลามกและมันทำให้ผมมีอารมณ์มากรู้ตัวไหม หืมมม” เขากระซิบเสียงพร่า แล้วยันกายขึ้นไปตอกตรึงความแข็งขึงเข้าไปในร่องคับอย่างเนิบนาบ สายตาจ้องมองไปยังจุดเชื่อมต่อสะโพกเพรียวตอกตรึงเข้าใส่ความนุ่มของหญิงสาวไม่หยุดร่างกายทุกส่วนของกุลจิราตอบสนองเขาอย่างน่าอายเธอไม่มีสิทธิ์จะทักท้วงหรือบอกให้เขาหยุดเขาใช้หนี้ให้ครอบครัวเธอตั้งห้าสิบล้าน เธอก็สมควรจะทำให้เขาพอใจถึงจะถูกหญิงสาวจ้องมองเข้าไปในดวงตาของอีกฝ่าย เสี้ยวหนึ่งของความคิด คาดหวังว่าอยากเห็นความอ่อนโยนจากดวงตาคู่นั้นแต่มันก็ไม่มีอยู่เลยแม
จากหญิงสาวที่เขาได้แต่เฝ้ามองอยู่ไกล ๆ อยากได้ อยากครอบครอง ในสุดวันนี้ก็มาถึง มือเรียวยาวรั้งท้ายทอยให้หญิงสาวรับจูบอันแสนดูดดื่มจากตนเอง ภวินท์ส่งลิ้นเข้าไปกวาดต้อนลิ้นของกุลจิราอย่างเร่าร้อน หญิงสาวเคลิบเคลิ้มไปกับรสจูบดูดดื่มในไม่ช้า ยอมส่งลิ้นให้อีกฝ่ายเลาะชิมดูดดึงควานหาความหวานหอมโดยไม่ขัดขืน กระทั่งเขาเลื่อนมือข้างหนึ่งขึ้นมากอบกุมเต้าทรวงกลมกลึง ความสยิวก็แล่นปราดไปทั่วทั้งร่างกายของกุลจิรา ทุกรูขุมขนลุกเกรียว ช่วงล่างบดเบียดเข้าหากัน ความรู้สึกในยามที่ถูกสัมผัส เป็นแบบนี้เองหรือ ชายหนุ่มดูดเม้มข้างลำคอขาวผ่อง มือข้างหนึ่งเลื่อนขึ้นมาบีบเคล้นทรวงอกของเธอ แต่ไม่ได้นุ่มนวล ไม่นานก็ถอนริมฝีปากออกจากคอระหง คนที่เพิ่งถูกสูบวิณญาณด้วยจุมพิตร้อนแรงเพิ่งรู้ตัวว่าชุดนอนวาบหวิวที่สวมอยู่ไม่ได้อยู่บนร่างกายแล้ว เนื้อตัวของหญิงสาวสะท้านขึ้นมาเมื่อถูกเขาจ้องมองเต็มทั้งสองตา คิดไม่ถึงว่าลูกสาวของก้องเกียรติจะงดงามเพียงนี้ ปากและลิ้นของภวินท์เลื่อนต่ำลงไปหาทรวงอกกลมโต ขบเม้มเนินอกอวบ ก่อนจะครอบครองยอดประทุมถัน ดูดดุนจนมันเริ่มแข็งเป็นตุ่มไต สัมผัสนี้ส่งผลให้คนไร้ประสบการณ์รู้สึก
ดูก็รู้ว่าเขาคือผู้ล่า ไม่ใช่เหยื่อสองมือของกุลจิราทาบลงกับแผ่นท้องแข็งแรงอุดมด้วยกล้ามเนื้อ เธอย่อตัวลงกับพื้น ปลายนิ้วค่อย ๆ เลื่อนลงไป สาบเสื้อแยกออกกว้างกว่าเดิมใจของกุลจิราเต้นแรง กลืนน้ำลายอึกหนึ่งลงคอ ใบหน้างดงามผ่าวร้อนอย่างคนกระดากอาย เมื่อมองเห็นบางส่วนของความเป็นชายของจริงกับภาพในหนังโป๊ช่างให้ความรู้สึกที่ต่างกันหรืออาจเพราะชายหนุ่มตรงหน้าคือเขา ร่างกายของเธอถึงได้ตอบสนองไวเช่นนี้“ออกไปก่อนได้ไหมคะ ฉัน…ขอฉี่แป๊บนึงค่ะ” จู่ ๆ กุลจิราก็เกิดใจเสาะขึ้นมา ต้องการตั้งสติ ขอเวลาเตรียมตัวเตรียมใจอีกนิดน่า…“จะให้ผมออกไปทำไม ยังไงซะผมก็ต้องเห็นทุกอย่างที่เป็นของคุณอยู่ดี” น่าขัน คงไม่ใช่ว่าเธอเกิดใจเสาะหรืออยากถ่วงเวลาหรอกนะ“มันก็จริงแต่ว่า…” ไม่ทันจะได้ต่อรอง อุ้งมือแข็งแรงก็ตรึงด้านหลังท้ายทอยของหญิงสาว ดันปลายคางเรียวมนให้แหงนเงยขึ้นภวินท์บดริมฝีปากลงบนปากอ่อนนุ่ม หญิงสาวเม้มริมฝีปากไว้ ไม่ยอมเผยอออก กระทั่งถูกเขาบีบที่แก้ม“อ๊ะ!” ริมฝีปากอิ่มแยกแย้มออก ลิ้นสากร้อนแทรกสอดเข้ามารัดรึงเรียวลิ้นของเธอ ภวินท์ดูดปลายลิ้นเล็กแน่นเข้า จุมพิตของเขาดุดันขึ้นเรื่อย ๆหัวใจของกุลจิร
“ตามผมขึ้นไปบนห้อง ขึ้นไปทำหน้าที่ของคุณให้เสร็จๆเพราะพรุ่งนี้ผมมีประชุมตอนเช้า” เสียงนั้นเยียบเย็น ดูห่างเหินเกินกว่าจะเป็นคนที่เธอเพิ่งเข้าพิธีวิวาห์ด้วยกุลจิราเงยหน้าขึ้นช้า ๆ ดวงตาคู่สวยปะทะเข้ากับดวงตาคมกริบไร้ซึ่งความรู้สึกสายตาคู่นั้นยังคงมองเธอเป็นเพียงผู้หญิงต่ำต้อย ไม่ต่างจากวันแรกที่เจอหน้ากัน“ค่ะ” ในที่สุดเธอก็พยักหน้ารับคำสั่งอย่างคนที่ยอมรับในชะตากรรมของตัวเองเวลาต่อมากุลจิราสูดลมหายใจเข้าลึก ก่อนจะก้าวขาเข้าไปในห้องนอนของภวินท์หลังจากเคาะประตูบอกอีกฝ่ายแล้วทั้งที่เตรียมตัวเตรียมใจเอาไว้ดิบดีแต่พอถึงเวลา หัวใจเธอก็เต้นผิดจังหวะอย่างไม่อาจควบคุมด้านในสุดของห้องขขนาดใหญ่กุลจิรามองเห็นบานกระจกสูงทอดยาวเปิดรับแสงจากดวงจันทร์ยามค่ำคืนที่สาดส่องเข้ามาจากคำบอกเล่าขอลำดวน แม่บ้านคนเก่าแก่ ห้องฝั่งหนึ่งคงจะเป็นห้องแต่งตัว ถัดไปเดาว่าเป็นห้องทำงานภวินท์ขึ้นมาข้างบนก่อนเธอราวสิบห้านาทีได้ ตอนนี้เขาไม่ได้อยู่ในชุดทัคซิโด้แต่สวมเสื้อคลุมสีดำยาวไว้หลวม ๆ เส้นผมที่ชื้นเล็กน้อยบ่งบอกว่าอีกฝ่ายเพิ่งจะอาบน้ำเสร็จในมือถือแก้วคริสตัลอยู่ เจ้าของใบหน้าเคร่งขรึมดูน่าเกรงขามหันมามองเ
สายลมเย็นเฉียบของปลายฤดูฝนพัดผ่านหน้าต่างบานสูงในคฤหาสน์หลังใหญ่ สัมผัสแผ่วเบากับผิวแก้มของหญิงสาวผู้ยืนเหม่อมองออกไปที่สวนหย่อมเจ้าของร่างเล็กสวมชุดเจ้าสาวสีงาช้างสูดลมหายใจเข้าลึก พยายามกลืนก้อนสะอื้นที่เกาะอยู่ตรงลำคอให้จมหาย กุลจิราเลือกชุดเจ้าสาวจากร้านพรีเวตดิ้งด้วยตัวเอง แม้จะรู้ดีว่าไม่ใช่วิวาห์ที่วาดฝันไว้ เธอก็ยังอยากให้ตัวเองดูดีที่สุดในวันสำคัญของชีวิตความเงียบงันภายในห้องนอนของคฤหาสน์หลังใหญ่มีเพียงเสียงนาฬิกาบนผนังที่เดินเป็นจังหวะ รอยยิ้ม เสียงหัวเราะ คำพูดชื่อชมเธอจากแขกเหรื่อในงานที่จัดขึ้นอย่างยิ่งใหญ่ที่โรงแรมหรูในค่ำคืนที่ผ่านมา คงเป็นเพียงฉากละครฉากหนึ่งกุลจิรายังจำสายตาแขกในงานนับร้อยที่มองมายังเธอได้ดีบางคนยินดี หลายคนอิจฉา บ้างหัวเราะเยาะเมื่อลับจากสายตาเธอภวินท์ เศรษฐวินิจซีอีโอหนุ่มไฟแรง เจ้าของ PSW Asset Group บริษัทอสังหาริมทรัพย์ขนาดใหญ่ที่ไม่มีใครจะไม่รู้จักในเวลานี้ภวินท์เป็นเจ้าบ่าวของเธอ คนที่ยืนเคียงข้างเธอกลับทำตัวเย็นชาเสียจนกุลจิราอยากวิ่งหนีออกไปจากตรงนี้ หากไม่ติดว่าภวินท์คือคนที่ยื่นมือเข้ามาใช้หนี้ก้อนใหญ่ให้กับครอบครัวของเธอที่กำลังจะ





![คนดีของเฮียมังกร [ผัวเอวดุ]](https://acfs1.goodnovel.com/dist/src/assets/images/book/43949cad-default_cover.png)

