Mag-log inจากหญิงสาวที่เขาได้แต่เฝ้ามองอยู่ไกล ๆ
อยากได้ อยากครอบครอง ในสุดวันนี้ก็มาถึง มือเรียวยาวรั้งท้ายทอยให้หญิงสาวรับจูบอันแสนดูดดื่มจากตนเอง ภวินท์ส่งลิ้นเข้าไปกวาดต้อนลิ้นของกุลจิราอย่างเร่าร้อน หญิงสาวเคลิบเคลิ้มไปกับรสจูบดูดดื่มในไม่ช้า ยอมส่งลิ้นให้อีกฝ่ายเลาะชิมดูดดึงควานหาความหวานหอมโดยไม่ขัดขืน กระทั่งเขาเลื่อนมือข้างหนึ่งขึ้นมากอบกุมเต้าทรวงกลมกลึง ความสยิวก็แล่นปราดไปทั่วทั้งร่างกายของกุลจิรา ทุกรูขุมขนลุกเกรียว ช่วงล่างบดเบียดเข้าหากัน ความรู้สึกในยามที่ถูกสัมผัส เป็นแบบนี้เองหรือ ชายหนุ่มดูดเม้มข้างลำคอขาวผ่อง มือข้างหนึ่งเลื่อนขึ้นมาบีบเคล้นทรวงอกของเธอ แต่ไม่ได้นุ่มนวล ไม่นานก็ถอนริมฝีปากออกจากคอระหง คนที่เพิ่งถูกสูบวิณญาณด้วยจุมพิตร้อนแรงเพิ่งรู้ตัวว่าชุดนอนวาบหวิวที่สวมอยู่ไม่ได้อยู่บนร่างกายแล้ว เนื้อตัวของหญิงสาวสะท้านขึ้นมาเมื่อถูกเขาจ้องมองเต็มทั้งสองตา คิดไม่ถึงว่าลูกสาวของก้องเกียรติจะงดงามเพียงนี้ ปากและลิ้นของภวินท์เลื่อนต่ำลงไปหาทรวงอกกลมโต ขบเม้มเนินอกอวบ ก่อนจะครอบครองยอดประทุมถัน ดูดดุนจนมันเริ่มแข็งเป็นตุ่มไต สัมผัสนี้ส่งผลให้คนไร้ประสบการณ์รู้สึกเสียวซ่านอย่างบอกไม่ถูก ชายหนุ่มผละออกห่างเล็กน้อย นัยน์ตาลุ่มลึกบ่งบอกถึงความปรารถนาที่เปี่ยมล้น หลังจากนี้ไป กุลจิราจะเป็นผู้หญิงที่เขามีไว้เพื่อรองรับอารมณ์ความใคร่ในทุกค่ำคืน ร่างเล็กหลุบตามองการกระทำจากอีกฝ่ายอย่างหวาดหวั่น แววตาเจือปนไปด้วยความปรารถนาที่ถูกปลุกเร้าขึ้นมา ภวินท์นั่งคุกเข่า จับขาเรียวงามแยกออกจากกัน ปลายนิ้วเรียวยาวแทรกสอดเข้าไปหาเนินเนื้ออิ่มที่ไม่หลงเหลืออะไรให้จินตนาการ ส่วนนั้นของกุลจิรางดงามถูกใจเขามากเนื้อในนั้นแดงฉ่ำวาว แต่จะสมกับเงินห้าสิบล้านที่เขาจ่ายไปหรือไม่ เธอยังต้องถูกประเมินหลังจากนี้ แกนกายใหญ่ของภวินท์เต้นกระตุก ในขณะที่ท้องนิ้วเรียวยาวไล้เกลี่ยยอดเกสรที่ซุกซ่อนอยู่ ปลายลิ้นก็ปาดเลียตามลงไปเบา ๆ “อ๊ะ…คะ คุณภวินท์” หญิงสาวสะดุ้งโหยง สติทั้งหมดกระเจิดกระเจิง ส่งเสียงครางออกมาเมื่อความเสียวซ่านไหลบ่าลงไปที่ส่วนนั้นของตนเอง “ถ้าเสียวก็ครางออกมาดังๆสิ ผมอยากได้ยินเสียงครางของคุณ” ก๊อก ก๊อก ก๊อก... เสียงเคาะประตูเบา ๆ ดังขึ้นจากด้านนอก ทำให้กุลจิราที่ยังจมอยู่กับค่ำคืนแรกหลังแต่งงานสะดุ้งตื่น แสงแดดส่องลอดผ่านม่านหน้าต่างเข้ากระทบเปลือกตา เธอถึงรู้ว่าเป็นเช้าของวันใหม่ เมื่อความงัวเงียผ่านพ้นไป กุลจิราถึงสำเหนียกได้ว่าค่ำคืนที่ผ่านมาเธอเพิ่งนอนทอดกายให้ภวินท์เชยชม ก๊อก ก๊อก ก๊อก... เสียงเคาะประตูดังขึ้นอรกครั้ง กุลจิราจึงรีบลุกจากเตียงไม่ทันมองสภาพภายในห้อง หันไปเห็นชุดคลุมอาบน้ำที่วางอยู่ก็รีบคว้ามาสวมอย่างลวก ๆ เดินไปเปิดประตูด้วยความรวดเร็ว พบว่าเป็นป้าลำดวนที่ยืนอยู่หน้าห้อง ใบหน้าของหญิงวัยกลางคนแต่งแต้มด้วยรอยยิ้ม “คุณภิมให้ป้าขึ้นมาปลุกคุณน้ำและแจ้งกับคุณน้ำว่าทุกวันคุณน้ำต้องลงไปทานอาหารเช้าก่อนเจ็ดโมงครึ่งค่ะ” กุลจิราพยักหน้า “ค่ะ น้ำทราบแล้ว โทษทีนะคะที่น้ำตื่นสาย” เธอรู้สึกอายและเกรงใจป้าลำดวนจึงตอบออกไปแบบนั้น เข้ามาอยู่ในบ้านวันแรกเธอก็นอนตื่นสายเสียได้ ทั้งที่ปกติเธอไม่ใช่คนนอนกินบ้านกินเมือง “ไม่ต้องขอโทษหรอกค่ะ คุณน้ำไม่มีความผิดอะไรเลย อีกอย่างป้าก็เข้าใจดีค่ะ” หญิงวัยกลางคนพูดยิ้ม ๆ ก่อนจะเอ่ยต่อ เล่นเอาใบหน้าของกุลจิราร้อนผ่าวขึ้นมาทันทีทันใด “เมื่อคืนเป็นคืนเข้าหอ คุณน้ำก็ต้องเพลียเป็นธรรมดา ไม่ต้องคิดมากนะคะ” ป้าลำดวนพูดไปยิ้มไป เข้าใจดีว่าเธอกับภวินท์เพิ่งแต่งงานกัน เป็นธรรมดาของข้าวใหม่ปลามันที่ย่อมมีความเร่าร้อนในคืนเข้าหอ แม้ว่าภวินท์จะเคยอธิบายกับป้าลำดวนถึงการแต่งงานในครั้งนี้ว่าเกิดขึ้นเพราะการชดใช้หนี้สิน แต่กับคนที่เห็นภวินท์มาตั้งแต่เด็กอย่างป้าลำดวน เลี้ยงดูเขาตั้งแต่แบเบาะ มีหรือจะดูไม่ออก คนอย่างเขาไม่มีทางเอาผู้หญิงมาล่ามตัวเองไว้แบบนี้หรอก ต้องมีเหตุผลอื่นแอบแฝงอย่างแน่นอน ป้าลำดวนรู้แต่พูดมากไม่ได้ หญิงสาวนิ่งค้าง ไม่มีคำแก้ตัวใดหลุดออกจากปาก ครั้นจะบอกว่าค่ำคืนที่ผ่านมา ระหว่างเธอกับเขาไม่มีอะไรเกิดขึ้นก็ดูจะไม่น่าเชื่อเอาซะเลย มองจากตรงนี้ เห็นสภาพของผ้าปูเตียงที่ยับยู่ยี่ดูไม่ได้ ผิดวิสัยของคนที่นอนกันปกติ ไหนจะชุดคลุมอาบน้ำที่กองบนพื้นดูก็รู้ว่าเป็นของใคร “ถ้าคุณน้ำอาบน้ำแต่งตัวเสร็จก็รีบลงไปทานอาหารนะคะ” หญิงวัยกลางคนเตรียมจะหันหลังกลับลงไปข้างล่าง ตอนนั้นเองที่กุลจิราเรียกเอาไว้ “คุณภวินท์ออกไปบริษัทแล้วใช่ไหมคะ?” แม่บ้านประจำตระกูลหันกลับมาให้คำตอบกับเธอด้วยสีหน้าที่เป็นมิตร “ยังค่ะ คุณภิมรออยู่ที่โต๊ะอาหารค่ะ” “คุณภิมมีประชุมตอนเช้าไม่ใช่เหรอคะ” เขาเป็นคนบอกกับเธอเองเมื่อคืนนี้ “อันนี้ป้าไม่ทราบนะคะแต่คุณภิมยังไม่ได้ออกไปบริษัทค่ะ” พูดจบหญิงร่างท้วมก็ลงไปข้างล่าง กุลจิรายืนอยู่ที่เดิมด้วยความสงสัยไม่นานก็กลับเข้ามาในห้อง เธอหันไปมองกล่องไม้เก่า ๆ ที่วางอยู่บนโต๊ะข้างเตียง มันคือของเพียงชิ้นเดียวที่บิดาที่จากโลกนี้ไปแล้วทิ้งไว้ให้ “ไม่ว่าจากนี้ไปอะไรจะเกิดขึ้น น้ำก็จะเข็มแข็งจะไม่อ่อนแอให้ใครดูถูกเราเด็ดขาด” เธอพูดกับกล่องใบเก่า น้ำตาเอ่อออกมาแต่ก็รีบเช็ดมันออก กุลจิราลุกขึ้นจากเตียง เดินเข้าห้องน้ำไป แสงไฟสะท้อนจากกระจกเงาทำให้เห็นใบหน้าของตัวเองชัดขึ้น ใบหน้าของเธอไม่มีสง่าราศรีของผู้หญิงที่เพิ่งแต่งงานแม้แต่นิด กุลจิรากลับออกมาจากห้องน้ำ เดินไปที่ตู้เสื้อผ้า ในตู้มีเสื้อผ้าหรูหราเรียงรายเป็นระเบียบ บ่งบอกถึงการจัดเตรียมไว้ล่วงหน้า หากแต่ไม่มีอะไรเป็นของเธอเลย แม้แต่รสนิยมของชุด เธอเลือกกระโปรงสีครีมยาวคลุมเข่าออกมาจากอีกฝั่งของตู้เสื้อผ้า ผู้หญิงทั่วไปคงจะเตรียมตัวออกไปฉลองวันแรกหลังการแต่งงาน แต่กับเธอแทบไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง ยังต้องไปทำงานตามปกติ ต้องอดทนกับทุกสายตาของเพื่อนร่วมงานที่มองมา เมื่อวานเธอเพิ่งเข้าพิธีวิวาห์กับเจ้าของบริษัท แต่เช้านี้เธอก็ยังเป็นแค่พนักงานฝ่ายการตลาด ไม่ได้มีอะไรเปลี่ยนแปลง หญิงสาวสวมต่างหูมุกเม็ดเล็กหลังจากถอนหายใจออกมา ปล่อยผมยาวสลวยคลอไหล่อย่างเรียบร้อยเหมือนเช่นทุกวัน กระจกสะท้อนภาพหญิงสาวในชุดกระโปรงเรียบร้อย แต่ไม่มีอะไรในนั้นที่บ่งบอกว่าเธอมีความสุข กุลจิราก้าวลงบันไดอย่างระมัดระวัง เสียงส้นรองเท้าสัมผัสพื้นหินอ่อนเรียบเนียนอย่างเบา ๆ ในโถงทางเดินกว้างใหญ่ที่ประดับด้วยภาพเขียนศิลปะราคาแพงและโคมไฟคริสตัล กลิ่นกาแฟหอมกรุ่นและเสียงช้อนส้อมกระทบจานดังขึ้นเบา ๆ บรรยากาศบนโต๊ะอาหารควรจะตํมไปด้วยสีชมพูเมื่อมองเห็นภวินท์นั่งประจำตำแหน่งของตัวเองอยู่ แต่มันกลับไม่เป็นอย่างนั้น เธอยังจำคำพูดเมื่อคืนของเขาได้ดี “ครางออกมาดังๆกว่านี้ ครางชื่อผมให้ดังกว่านี้ ให้สมกับที่ผมซื้อคุณมาด้วยเงินห้าสิบล้านหน่อย”ท้องฟ้าสว่างจ้าที่บ้านเศรษฐวินิจเมื่อช่วงเช้ามืดครึ้มลงในตอนที่กุลจิรามาถึงบริษัท PSW Asset Group ราวกับเป็นลางบอกบางอย่าง“ชีวิตหลังแต่งงาน” ไม่ได้ถูกโรยด้วยกลีบกุหลาบหญิงสาวก้าวผ่านประตูทางเข้าด้วยจก้าวที่มั่นคง แม้ในอกจะมีความกังวลซ่อนอยู่ก็ตามไม่น่าเชื่อว่าเธอจะทำงานให้ที่นี่มาแล้วเจ็ดปี ตำแหน่งเจ้าหน้าที่ฝ่ายวางแผนและฝ่ายการตลาดของบริษัทอสังหาริมทรัพย์ใหญ่โตแม้ไม่ใช่ตำแหน่งสูงส่งแต่กุลจิราก็ทุ่มเทและพยายามอย่างหนัก เพื่อให้ตัวเองมายืนอยู่ตรงนี้ยังจำได้ขึ้นใจ ในบรรดาคนที่มาสัมภาษณ์งานทั้งหมด เธอเป็นคนที่ถูกซักถามมากที่สุด แถมรอบสุดท้ายเธอยังเป็นคนเดียวที่ต้องเข้าไปสัมภาษกับเจ้าของบริษัทโดยตรงอีกด้วย“คุณคิดว่าตัวเองมีข้อดีอะไรที่บริษัทต้องรับคุณเข้ามาทำงาน” น้ำเสียงเรียบนิ่งของภวินท์ในวันนั้นยังดังก้องอยู่ในหัวเธอเสมอเขานั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามในมาดผู้บริหารสุดเนี๊ยบสมบูรณ์แบบ ใบหน้าหล่อเหลายากจะละสายตาทว่าก็แฝงไปด้วยความเย็นเฉียบที่ทำให้เธอไม่กล้าขยับตัวและที่สำคัญ…ภวินท์ทำเหมือนไม่เคยรู้จักเธอมาก่อนก็พอจะเข้าใจได้ เขาเป็นถึงผู้บริหารของบริษัทใหญ่โต ก็ต้องวางมงวางมาดเป็นธรรมดา
“ครางออกมาดังๆกว่านี้ ครางชื่อผมให้ดังกว่านี้ ให้สมกับที่ผมซื้อคุณมาด้วยเงินห้าสิบล้านหน่อย” สิ้นคำนี้ลิ้นร้อนระอุก็ดูดกลืนยอดปทุมถันสีชมพูระเรื่อเข้าไปในปาก ปลายลิ้นที่ชุ่มไปด้วยน้ำลายทั้งดูดทั้งดึงจนมันแข็งเป็นตุ่มไต ร่างบางสั่นสะท้านเกร็งไปทั้งตัว“อ๊า อื้อออ คุณภะ…ภวินท์ อ๊า…” เมื่อเป็นคำสั่งของเขากอปรกับที่ไม่อาจอดทนอดกลั้นเอาไว้ได้ กุลจิราก็ส่งเสียงครวญครางออกมา ความหวิวหวามรัญจวนเล่นงานเธออย่างหนัก ความเสียวซ่านฉีดพุ่งไปทั่วทั้งร่างกายและเหมือนมันจะเรียกร้องให้เขาทำมากกว่านี้“เสียงครางคุณโคตรลามกและมันทำให้ผมมีอารมณ์มากรู้ตัวไหม หืมมม” เขากระซิบเสียงพร่า แล้วยันกายขึ้นไปตอกตรึงความแข็งขึงเข้าไปในร่องคับอย่างเนิบนาบ สายตาจ้องมองไปยังจุดเชื่อมต่อสะโพกเพรียวตอกตรึงเข้าใส่ความนุ่มของหญิงสาวไม่หยุดร่างกายทุกส่วนของกุลจิราตอบสนองเขาอย่างน่าอายเธอไม่มีสิทธิ์จะทักท้วงหรือบอกให้เขาหยุดเขาใช้หนี้ให้ครอบครัวเธอตั้งห้าสิบล้าน เธอก็สมควรจะทำให้เขาพอใจถึงจะถูกหญิงสาวจ้องมองเข้าไปในดวงตาของอีกฝ่าย เสี้ยวหนึ่งของความคิด คาดหวังว่าอยากเห็นความอ่อนโยนจากดวงตาคู่นั้นแต่มันก็ไม่มีอยู่เลยแม
จากหญิงสาวที่เขาได้แต่เฝ้ามองอยู่ไกล ๆ อยากได้ อยากครอบครอง ในสุดวันนี้ก็มาถึง มือเรียวยาวรั้งท้ายทอยให้หญิงสาวรับจูบอันแสนดูดดื่มจากตนเอง ภวินท์ส่งลิ้นเข้าไปกวาดต้อนลิ้นของกุลจิราอย่างเร่าร้อน หญิงสาวเคลิบเคลิ้มไปกับรสจูบดูดดื่มในไม่ช้า ยอมส่งลิ้นให้อีกฝ่ายเลาะชิมดูดดึงควานหาความหวานหอมโดยไม่ขัดขืน กระทั่งเขาเลื่อนมือข้างหนึ่งขึ้นมากอบกุมเต้าทรวงกลมกลึง ความสยิวก็แล่นปราดไปทั่วทั้งร่างกายของกุลจิรา ทุกรูขุมขนลุกเกรียว ช่วงล่างบดเบียดเข้าหากัน ความรู้สึกในยามที่ถูกสัมผัส เป็นแบบนี้เองหรือ ชายหนุ่มดูดเม้มข้างลำคอขาวผ่อง มือข้างหนึ่งเลื่อนขึ้นมาบีบเคล้นทรวงอกของเธอ แต่ไม่ได้นุ่มนวล ไม่นานก็ถอนริมฝีปากออกจากคอระหง คนที่เพิ่งถูกสูบวิณญาณด้วยจุมพิตร้อนแรงเพิ่งรู้ตัวว่าชุดนอนวาบหวิวที่สวมอยู่ไม่ได้อยู่บนร่างกายแล้ว เนื้อตัวของหญิงสาวสะท้านขึ้นมาเมื่อถูกเขาจ้องมองเต็มทั้งสองตา คิดไม่ถึงว่าลูกสาวของก้องเกียรติจะงดงามเพียงนี้ ปากและลิ้นของภวินท์เลื่อนต่ำลงไปหาทรวงอกกลมโต ขบเม้มเนินอกอวบ ก่อนจะครอบครองยอดประทุมถัน ดูดดุนจนมันเริ่มแข็งเป็นตุ่มไต สัมผัสนี้ส่งผลให้คนไร้ประสบการณ์รู้สึก
ดูก็รู้ว่าเขาคือผู้ล่า ไม่ใช่เหยื่อสองมือของกุลจิราทาบลงกับแผ่นท้องแข็งแรงอุดมด้วยกล้ามเนื้อ เธอย่อตัวลงกับพื้น ปลายนิ้วค่อย ๆ เลื่อนลงไป สาบเสื้อแยกออกกว้างกว่าเดิมใจของกุลจิราเต้นแรง กลืนน้ำลายอึกหนึ่งลงคอ ใบหน้างดงามผ่าวร้อนอย่างคนกระดากอาย เมื่อมองเห็นบางส่วนของความเป็นชายของจริงกับภาพในหนังโป๊ช่างให้ความรู้สึกที่ต่างกันหรืออาจเพราะชายหนุ่มตรงหน้าคือเขา ร่างกายของเธอถึงได้ตอบสนองไวเช่นนี้“ออกไปก่อนได้ไหมคะ ฉัน…ขอฉี่แป๊บนึงค่ะ” จู่ ๆ กุลจิราก็เกิดใจเสาะขึ้นมา ต้องการตั้งสติ ขอเวลาเตรียมตัวเตรียมใจอีกนิดน่า…“จะให้ผมออกไปทำไม ยังไงซะผมก็ต้องเห็นทุกอย่างที่เป็นของคุณอยู่ดี” น่าขัน คงไม่ใช่ว่าเธอเกิดใจเสาะหรืออยากถ่วงเวลาหรอกนะ“มันก็จริงแต่ว่า…” ไม่ทันจะได้ต่อรอง อุ้งมือแข็งแรงก็ตรึงด้านหลังท้ายทอยของหญิงสาว ดันปลายคางเรียวมนให้แหงนเงยขึ้นภวินท์บดริมฝีปากลงบนปากอ่อนนุ่ม หญิงสาวเม้มริมฝีปากไว้ ไม่ยอมเผยอออก กระทั่งถูกเขาบีบที่แก้ม“อ๊ะ!” ริมฝีปากอิ่มแยกแย้มออก ลิ้นสากร้อนแทรกสอดเข้ามารัดรึงเรียวลิ้นของเธอ ภวินท์ดูดปลายลิ้นเล็กแน่นเข้า จุมพิตของเขาดุดันขึ้นเรื่อย ๆหัวใจของกุลจิร
“ตามผมขึ้นไปบนห้อง ขึ้นไปทำหน้าที่ของคุณให้เสร็จๆเพราะพรุ่งนี้ผมมีประชุมตอนเช้า” เสียงนั้นเยียบเย็น ดูห่างเหินเกินกว่าจะเป็นคนที่เธอเพิ่งเข้าพิธีวิวาห์ด้วยกุลจิราเงยหน้าขึ้นช้า ๆ ดวงตาคู่สวยปะทะเข้ากับดวงตาคมกริบไร้ซึ่งความรู้สึกสายตาคู่นั้นยังคงมองเธอเป็นเพียงผู้หญิงต่ำต้อย ไม่ต่างจากวันแรกที่เจอหน้ากัน“ค่ะ” ในที่สุดเธอก็พยักหน้ารับคำสั่งอย่างคนที่ยอมรับในชะตากรรมของตัวเองเวลาต่อมากุลจิราสูดลมหายใจเข้าลึก ก่อนจะก้าวขาเข้าไปในห้องนอนของภวินท์หลังจากเคาะประตูบอกอีกฝ่ายแล้วทั้งที่เตรียมตัวเตรียมใจเอาไว้ดิบดีแต่พอถึงเวลา หัวใจเธอก็เต้นผิดจังหวะอย่างไม่อาจควบคุมด้านในสุดของห้องขขนาดใหญ่กุลจิรามองเห็นบานกระจกสูงทอดยาวเปิดรับแสงจากดวงจันทร์ยามค่ำคืนที่สาดส่องเข้ามาจากคำบอกเล่าขอลำดวน แม่บ้านคนเก่าแก่ ห้องฝั่งหนึ่งคงจะเป็นห้องแต่งตัว ถัดไปเดาว่าเป็นห้องทำงานภวินท์ขึ้นมาข้างบนก่อนเธอราวสิบห้านาทีได้ ตอนนี้เขาไม่ได้อยู่ในชุดทัคซิโด้แต่สวมเสื้อคลุมสีดำยาวไว้หลวม ๆ เส้นผมที่ชื้นเล็กน้อยบ่งบอกว่าอีกฝ่ายเพิ่งจะอาบน้ำเสร็จในมือถือแก้วคริสตัลอยู่ เจ้าของใบหน้าเคร่งขรึมดูน่าเกรงขามหันมามองเ
สายลมเย็นเฉียบของปลายฤดูฝนพัดผ่านหน้าต่างบานสูงในคฤหาสน์หลังใหญ่ สัมผัสแผ่วเบากับผิวแก้มของหญิงสาวผู้ยืนเหม่อมองออกไปที่สวนหย่อมเจ้าของร่างเล็กสวมชุดเจ้าสาวสีงาช้างสูดลมหายใจเข้าลึก พยายามกลืนก้อนสะอื้นที่เกาะอยู่ตรงลำคอให้จมหาย กุลจิราเลือกชุดเจ้าสาวจากร้านพรีเวตดิ้งด้วยตัวเอง แม้จะรู้ดีว่าไม่ใช่วิวาห์ที่วาดฝันไว้ เธอก็ยังอยากให้ตัวเองดูดีที่สุดในวันสำคัญของชีวิตความเงียบงันภายในห้องนอนของคฤหาสน์หลังใหญ่มีเพียงเสียงนาฬิกาบนผนังที่เดินเป็นจังหวะ รอยยิ้ม เสียงหัวเราะ คำพูดชื่อชมเธอจากแขกเหรื่อในงานที่จัดขึ้นอย่างยิ่งใหญ่ที่โรงแรมหรูในค่ำคืนที่ผ่านมา คงเป็นเพียงฉากละครฉากหนึ่งกุลจิรายังจำสายตาแขกในงานนับร้อยที่มองมายังเธอได้ดีบางคนยินดี หลายคนอิจฉา บ้างหัวเราะเยาะเมื่อลับจากสายตาเธอภวินท์ เศรษฐวินิจซีอีโอหนุ่มไฟแรง เจ้าของ PSW Asset Group บริษัทอสังหาริมทรัพย์ขนาดใหญ่ที่ไม่มีใครจะไม่รู้จักในเวลานี้ภวินท์เป็นเจ้าบ่าวของเธอ คนที่ยืนเคียงข้างเธอกลับทำตัวเย็นชาเสียจนกุลจิราอยากวิ่งหนีออกไปจากตรงนี้ หากไม่ติดว่าภวินท์คือคนที่ยื่นมือเข้ามาใช้หนี้ก้อนใหญ่ให้กับครอบครัวของเธอที่กำลังจะ







