บทที่ 3 คืนบำเรอ 2/2
“ฮึก! เจ็บ” บัวบูชาเบ้หน้าออกมาด้วยความเจ็บปวด เมื่อกลางกายสาวถูกรุกล้ำเข้ามาอย่างไร้ความอ่อนโยน หยาดน้ำตาร่วงหล่นออกทางหางตา มือที่ถูกปล่อยเป็นอิสระจิกทึ้งหมอนแน่นราวกับอย่างจะระบายความเจ็บปวดที่เกิดให้ออกไปบ้าง แม้จะไม่ได้ส่งเสียงกรีดร้องออกมาให้ได้ยินมากมาย แต่เจตนิพัทธ์ก็พอจะรับรู้ได้ว่าผู้หญิงใต้ร่างเจ็บปวดแค่ไหน ไม่ใช่เพียงเธอที่เจ็บ คนที่รีบร้อนดันตัวตนเข้าไปในช่องทางคับแคบอย่างเขาเองก็ทั้งเจ็บ ทั้งอึดอัดไปหมด บัวบูชารัดเขาแน่นจนแทบจะขาดอยู่แล้ว ไม่คิดไม่ฝันเหมือนกันว่าผู้หญิงที่กล้ามานอนกับผู้ชายแปลกหน้าเพื่อแลกกับหนี้สินอย่างเธอจะยังบริสุทธิ์อยู่ นับว่าเซอร์ไพรส์เจตนิพัทธ์ไม่น้อยเลยทีเดียว แต่นั้นก็ไม่ใช่เหตุผลที่ชายหนุ่มจะหยุดการกระทำที่กำลังทำอยู่ตอนนี้ เขาต้องการร่างกายของเธอจนไม่อาจหยุดได้อีกแล้ว เอวสอบเริ่มขยับเขยื้อนเข้าหาร่างเล็ก จากเนิบช้าก็เริ่มรุนแรงและดุดันขึ้นเรื่อย ๆ ตามแรงอารมณ์ในกาย "อะ คุณเบาหน่อยได้ไหมคะ" เสียงหวานยังคงอ้อนวานให้เขาเมตตาเธอบ้าง แต่นอกจากเขาไม่ทำตามยังที่บัวบูชาขอแล้ว คนใจร้ายกลับยิ่งเพิ่มแรงกระแทกกระทั้นเข้ามาหนักหน่วงกว่าเดิมเสียอีก "บัวเจ็บนะ อะ" ร่างกายขาวเนียนโยกคลอนไปตามแรงกระทำของคนด้านบน เธอได้ยินเสียงถอนหายใจของเจตนิพัทธ์ดังคล้ายไม่สบอารมณ์ เขาดูเหมือนจะหงุดหงิดกับคำพูดของเธอเมื่อครู่ นั่นจึงทำให้หญิงสาวได้แต่อดทนและกัดริมฝีปากของตัวเองจนห้อเลือด พยายามที่จะไม่ส่งเสียงใด ๆ ออกมาอีก เธอท่องอยู่ในใจว่าทำหน้าที่ของตัวเองให้เสร็จเดี๋ยวทุกอย่างก็จบแล้ว เพียงแค่หกเดือนเท่านั้นที่เธอจะต้องอยู่ที่นี่ ขอเพียงแค่เธออดทนทุกอย่างก็ดีขึ้นเอง แต่ดูเหมือนการกระทำของบัวบูชาจะทำให้คนด้านบนไม่พอใจกว่าเดิมเสียอีก เขาอยากได้ยินเสียงหวาน ๆ ของบัวบูชาครวญครางอยู่ใต้ร่าง ไม่รู้ทำไมยามที่ได้ยินมันยิ่งทำให้เขามีอารมณ์ ฝ่ามือใหญ่สอดเข้าประสานกับมือเล็ก ออกแรงกดจนผิวเตียงยุบตัว ริมฝีปากหนาเลื่อนขึ้นไปบดจูบปากอิ่ม บีบบังคับด้วยความช่ำชองให้คนด้านล่างยอมเผลอริมฝีปากออก ก่อนจะสอดเรียวลิ้นเข้าไปเกี่ยวกระหวัดรัดรึงอย่างหื่นกระหาย เมื่อได้ยินเสียงหวานครางอื้ออึงในลำคอ มุมปากหยักก็เผลอยกเป็นรอยยิ้ม ก่อนใบหน้าหล่อเหลาจะผละห่าง ดวงตาคมดูน่าเกรงขามแต่ทว่าก็น่าหลงใหลในเวลาเดียวกัน จ้องมองลึกเข้าไปยังนัยน์ตาสวยที่เคลือบไปด้วยหยาดน้ำตา ก่อนจะออกคำสั่งกับเธอ "อย่ากัดปากตัวเอง แล้วร้องออกมาให้ดัง ๆ บอกให้ร้องดัง ๆ ยังไงเล่า" เพราะคนด้านล่างแสดงท่าทีดื้อดึงไม่ยอมส่งเสียงครวญครางออกมา เจตนิพัทธ์จึงดัดนิสัยเด็กดื้อด้วยการจับขาเรียวทั้งสองข้างขึ้นพาดบ่า เอวสอบออกแรงกระหน่ำกระแทกตัวตนเข้าใส่จุดเสียวกระสันของคนตัวเล็กถี่ระรัวขึ้นและแทบไม่พลาดเป้าเลยสักครั้ง ทำเอาคนดื้อดึงถึงกับควบคุมตัวเองไม่ไหวอีกต่อไป บัวบูชาหลุดเสียงครวญครางฟังแทบไม่เป็นศัพท์ออกมาครั้งแล้วครั้งเล่า เจตนิพัทธ์ตักตวงความสุขจากร่างกายเล็กหลายต่อหลายครั้ง เขารู้สึกได้ว่าร่างกายของตัวเองและบัวบูชาเข้ากันได้ดี และการที่ได้แนบเนื้อสัมผัสลึกซึ้งมันก็ทำให้ชายหนุ่มมีความสุขไม่น้อย กว่าเขาจะยอมหยุดการกระทำอันไม่ต่างจากสัตว์ป่าติดสัดนี้เวลาก็ล่วงเลยสู่วันใหม่ไปแล้วเกือบสามชั่วโมง บัวบูชาได้สติขึ้นมาอีกครั้งช่วงใกล้รุ่งสาง เธอจำไม่ได้เช่นกันว่าตัวเองหมดสติไปตอนไหน รู้แค่เพียงก่อนจะสลบไปเธออ้อนวอนให้เจตนิพัทธ์หยุดจนเสียงแหบเสียงแห้ง แต่คนใจร้ายก็ไม่ยอมทำตามที่เธอร้องขอเช่นเคย เจ้าของร่างบอบช้ำพยุงตัวลุกในความมืดสลัว ความเจ็บแสบตรงจุดกลางกายยังรู้สึกได้อย่างชัดเจน รวมถึงความเหนอะหนะบริเวณซอกขาด้านในด้วย เจตนิพัทธ์ไม่ได้ป้องกันแม้แต่ครั้งเดียว จากที่ทำใจเอาไว้แล้วแต่พอทุกอย่างจบลงมันก็อดไม่ได้ที่จะเผยใบหน้าเศร้าออกมา ความสาวที่เธอทะนุถนอมท้ายที่สุดก็ต้องมามอบมันให้กับผู้ชายแปลกหน้าคนนี้ คนที่ไม่ใช่คนรักของเธอด้วยซ้ำ และเพราะการขยับตัวของเจ้าของห้องบัวบูชาจึงได้สติขึ้นมาจากความเสียใจ เธอปลอบใจตัวเองว่าไม่เป็นไรอีกครั้ง ก่อนจะพยายามลุกไปหยิบเสื้อผ้ามาสวมใส่ แล้วก้าวออกจากห้องนี้อย่างเบาฝีเท้ามากที่สุด หลังจากหอบสังขารอันบอบช้ำของตนเองกลับมายังห้องพัก บัวบูชาก็รีบเข้าไปอาบน้ำทำความสะอาดร่างกายทันที และเมื่อเห็นร่องรอยตามเนื้อตัว บัวบูชายิ่งรับรู้ว่าเจตนิพัทธ์รุนแรงและป่าเถื่อนกับเธอมากแค่ไหน เขาทำตัวราวกับคนขาดเรื่องอย่างว่ามานานปีอย่างไรอย่างนั้น เมื่อได้พาร่างกายอันหนักอึ้งมาล้มตัวลงนอนบนเตียงของตัวเอง บัวบูชาก็แทบจะหลับไปในทันที และผลจากการกระทำราวกับคนขาดของมานานของเจตนิพัทธ์ในค่ำคืนแรก ก็คือการที่บัวบูชาไข้ขึ้นสูง ต้องนอนซมอยู่แต่ในห้องถึงสองวัน ลำบากป้าชื่นต้องคอยเอาข้าวเอาน้ำมาป้อนให้ถึงห้องบทที่ 20 ผู้หญิงเนรคุณ 2/2"พี่เจต" บัวบูชาเรียกชื่ออีกฝ่ายทั้งน้ำตา หัวใจยังสั่นไหวรุนแรงด้วยความกลัว"เป็นอะไรรึเปล่าบัว เจ็บตรงไหนไหม""เจ็บท้องค่ะ" เธอบอกเขาด้วยสีหน้าเจ็บปวดจากแรงบีบรัดที่เกิดขึ้นตรงช่วงหน้าท้อง เม็ดเหงื่อเริ่มผุดพรายตามกรอบหน้าหวานมากขึ้นเรื่อย ๆอรรถพลไม่ได้สนใจเลยสักนิดว่าลูกสาวและหลานของตนจะเป็นอย่างไรบ้าง เขารีบก้มเก็บกระเป๋าเงินและถุงกำมะหยี่สีแดงคล้ายถุงใส่ทองขึ้นมาจากพื้นก่อนจะรีบวิ่งหนีออกไป ทว่ายังไม่ทันได้วิ่งหนีไปไกลเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยของโรงพยาบาลก็เข้ามารวบตัวอีกฝ่ายไว้ได้ทันท่วงทีเจตนิพัทธ์ไม่ได้สนใจความวุ่นวายรอบข้าง สิ่งเดียวที่เขาสนใจตอนนี้คือความปลอดภัยของลูกและเมียเท่านั้น เจ้าของร่างสูงโปร่งรีบอุ้มคนท้องกลับเข้าไปด้านในโรงพยาบาลและตามหมอให้มาดูอาการอย่างร้อนใจเขากลัวจนแทบบ้าว่าบัวบูชาและลูกจะเป็นอะไรรึเปล่า และเอาแต่โทษตัวเองซ้ำ ๆ ที่ทิ้งเธอไว้เพียงลำพังจนเรื่องทุกอย่างมันเกิดขึ้นแบบนี้ถ้าหากเขามาไม่ทัน บัวบูชากับลูกจะเป็นอย่างไรบ้าง หากเป็นแบบนั้นเขาคงไม่มีวันให้อภัยตัวเองแน่"ทั้งแม่และเด็กปลอดภัยดีค่ะ น่าจะเกิดจากอาการวิตกกังวลขอ
บทที่ 20 ผู้หญิงเนรคุณ 1/2ไม่ว่าจะกี่ครั้งต่อกี่ครั้งเจตนิพัทธ์ก็ยังรู้สึกตื่นเต้น และตื้นตันใจทุกครั้งที่ได้เห็นภาพอัลตราซาวด์ของเจ้าลูกชาย ในขณะที่มือยังกอบกุมมือแม่ของลูกไว้ ทว่าดวงตาคู่คมกลับเอาแต่จ้องหน้าจอแสดงผลของคุณหมอแทบไม่กระพริบ เสียงเต้นของหัวใจลูกดังชัดเจนในสองหูคนเป็นพ่อ อีกแค่ไม่กี่สัปดาห์เด็กที่เขาเห็นผ่านจอตรงหน้านี้ก็จะลืมตาดูโลกแล้ว ยิ่งคิดหัวใจคนเป็นพ่อยิ่งโลดแล่นอย่างดีใจเขาพาบัวบูชามาพบคุณหมอด้วยตัวเองทุกครั้ง แม้ช่วงไตรมาสสุดท้ายหมอจะนัดว่าที่คุณแม่บ่อยแทบทุกสัปดาห์แต่คนที่ยุ่งมากอย่างพ่อเลี้ยงเจตก็ไม่เคยให้บัวบูชาต้องมาเพียงลำพังเลยแม้แต่ครั้งเดียว"เจ้าตัวเล็กแข็งแรงดีมากค่ะคุณพ่อคุณแม่ แต่ว่าช่วงนี้ต้องควบคุมเรื่องน้ำตาลหน่อยนะคะ"ว่าที่คุณพ่อและคุณแม่ตั้งใจฟังสิ่งที่คุณหมอแนะนำกันอย่างดี พูดคุยกับคุณหมอเสร็จก็พากันออกมารอรับยาบำรุงด้านนอก"เหนื่อยไหม" เขาถามหลังประคองคนท้องโตมานั่งยังที่นั่งรอรับยา"นิดหน่อยค่ะ""ดื่มน้ำก่อน" เจตนิพัทธ์ยื่นขวดน้ำเย็น ๆ ที่เสียบหลอดให้เรียบร้อยไปให้คุณแม่ที่ตอนนี้ดูอวบอิ่มขึ้นกว่าแต่ก่อนมาก แต่ถึงอย่างนั้นในสายตาของเขาบัวบู
บทที่ 19 วันแรกของการดูแลคนท้อง 4/4เดิมทีบัวบูชาก็เล่านิทานให้ลูกในท้องฟังอยู่บ่อยครั้ง เพราะศึกษามาว่าการเล่านิทานให้ลูกฟังตั้งแต่อยู่ในท้องมันช่วยกระตุ้นพัฒนาการสมองของลูก และยังทำให้ลูกจดจำเสียงของพ่อและแม่ได้ด้วย แต่ไม่คิดเลยว่าเจตนิพัทธ์เองก็จะให้ความสำคัญกับเรื่องนี้ด้วย ตอนที่เขาชวนเธอไปซื้อหนังสือเมื่อช่วงบ่ายก็เอาแต่พูดไม่หยุดว่าอยากอ่านเรื่องอะไรให้ลูกฟังบ้าง แถมยังซื้อกลับมาจนแทบทำเป็นชั้นหนังสือได้เลยเสียงเล่านิทานยังติด ๆ ขัด ๆ เพราะเพิ่งจะเคยเล่าเป็นครั้งแรกในชีวิตเลยก็ว่าได้ แต่ถึงอย่างนั้นเจตนิพัทธ์ก็ยังตั้งใจเล่าต่อไปและบอกตัวเองตลอดว่าพรุ่งนี้เขาจะต้องเล่าให้ดีกว่านี้ให้ได้ และเมื่อนิทานจบลงว่าที่คุณพ่อถึงได้รู้ว่าคนบนเตียงนอนหลับสนิทไปแล้ว"ไม่ใช่ว่าน่าเบื่อจนหลับหรอกใช่ไหม" เสียงทุ้มพึมพำแผ่วเบากับตัวเอง ก่อนจะดึงผ้าห่มมาห่มให้คนบนเตียง วันนี้เขายังจับจองพื้นข้างเตียงของบัวบูชาเป็นที่หลับนอนเช่นเคยเจตนิพัทธ์นั่งมองหน้าคนหลับสลับกับหน้าท้องที่มีลูกของเราอยู่ในนั้นนานจนเริ่มง่วง แต่ก่อนจะนอนเขาก็อยากจะสัมผัสเนื้อตัวแม่ของลูกนิด ๆ หน่อย ๆ ให้พอชุ่มชื่นหัวใจบ้าง ใบห
บทที่ 19 วันแรกของการดูแลคนท้อง 3/4"แล้วต่อจากนี้บัวมีสิทธิ์ไหมคะ สิทธิ์ที่จะอยากรู้เรื่องราวเกี่ยวกับคุณเจตให้มากขึ้น"ใบหน้าคมเข้มระบายยิ้มกว้าง ดวงตาคล้ายมีประกายระยิบระยับอยู่ด้านในนั้น เขาก้าวเข้าไปใกล้คนท้องขึ้นอีกหน่อยก่อนจะเอื้อมไปจับมือของเธอไว้"ได้สิ อยากรู้อะไรเกี่ยวกับพี่บัวถามได้เลยนะ ถามได้ตลอดเวลา อยากรู้ตอนไหนก็ถามออกมาได้เลยพี่พร้อมจะบอกทุกเรื่อง" เขาไม่รู้ว่ารอยยิ้มของตัวเองตอนนี้เรียกว่ายิ้มจนแก้มแทบปริได้ไหม รู้แค่เพียงดีใจเหลือเกินที่คนตรงหน้าอยากจะรู้เรื่องเกี่ยวกับเขาให้มากขึ้นบัวบูชาไม่รู้ว่าเธอคิดผิดหรือถูกที่พูดออกไปแบบนั้น เพราะมันทำให้เจตนิพัทธ์ยิ้มกว้างอย่างที่เธอชอบ เธอชอบมองเขายิ้มและหัวเราะที่สุด และตอนนี้รอยยิ้มของเขาก็ทำเอาหัวใจเธอสั่นไหวรุนแรงเหลือเกิน"คือ...เอ่อ" อยู่ ๆ เธอก็คล้ายคนสมองเบลอไปชั่วขณะคิดอะไรไม่ออกเพียงเพราะรอยยิ้มของผู้ชายคนหนึ่ง "บัวว่าบัวหิวแล้วค่ะ""กับข้าวเสร็จหมดแล้ว บัวไปนั่งรอที่โต๊ะได้เลย เดี๋ยวพี่ยกไปให้"เธอเพียงพยักหน้ารับก่อนจะเดินหน้าร้อนออกมาจากจุดที่ยืนอยู่ และไม่รู้เลยว่าตอนนี้บนใบหน้ากำลังมีรอยยิ้มแห่งความดีใจประด
บทที่ 19 วันแรกของการดูแลคนท้อง 2/4คนท้องรู้สึกตัวขึ้นมาอีกครั้งในช่วงสายของวัน อาการแพ้ท้องดีขึ้นมากกว่าช่วงเช้า ว่าที่คุณแม่ที่หน้าท้องเริ่มนูนเด่นค่อย ๆ ขยับตัวลุกจากเตียง ก่อนจะเดินออกมาจากห้องนอน และเพราะมีเสียงดังมาจากในห้องครัวเธอจึงตัดสินใจเดินเข้าไปดู ซึ่งก็ต้องตกใจกับสิ่งที่ได้เห็นคนที่อยู่ในครัวไม่ใช่ป้าชื่น แต่เป็นเจ้าของร่างสูงโปร่ง อีกทั้งเจตนิพัทธ์ตอนนี้ยังอยู่ในชุดผ้ากันเปื้อนอีกด้วย"คุณเจตทำอะไรอยู่คะ""ตื่นแล้วเหรอ" เขาหันมายิ้มกว้างให้คนท้อง ก่อนจะรีบล้างไม้ล้างมือแล้วก้าวเดินเข้าไปหาเธอ ทว่าคราวนี้ไม่เหมือนเมื่อเช้า เพราะบัวบูชาเริ่มเหม็นกลิ่นตัวพ่อของลูกอีกแล้ว"อย่าเข้ามาใกล้เกินค่ะ" เธอรีบยกมือขึ้นห้ามเขาไว้ ซึ่งเจตนิพัทธ์ก็ยอมถอยห่างแต่โดยดี"ยังคลื่นไส้อยากอ้วกอยู่อีกไหม""ห่างเท่านี้ก็ไม่ค่อยได้กลิ่นแล้วค่ะ ว่าแต่ป้าชื่นล่ะคะ" ดวงตาคู่สวยมองหาคนที่อยู่ดูแลเธอมาเกือบจะสองเดือน ปกติทุกเช้าหลังตื่นนอนบัวบูชามักจะเห็นป้าขื่นคลุกตัวอยู่แต่ในห้องครัวนี่นา"พี่ให้แกกลับไปแล้ว เพราะต่อจากนี้พี่จะเป็นคนดูแลเธอกับลูกเอง อีกอย่าง...ก็ถือเป็นการซ้อมอยู่ด้วยกันแบบพ่อแม
บทที่ 19 วันแรกของการดูแลคนท้อง 1/4คนที่เพิ่งจะได้นอนช่วงเช้ามืดเพราะมัวแต่หาข้อมูลในการดูแลคนท้องสะดุ้งตัวตื่นทันที เมื่อได้ยินเสียงคนอ้วกดังมาจากในห้องน้ำ เจตนิพัทธ์รีบลุกทั้งในสภาพที่ใบหน้ายังงัวเงียและผมเผ้าไม่ได้จัดทรง เขาเดินตรงไปหน้าห้องน้ำโดยไม่ลืมหยิบขวดน้ำเปล่าไปให้คนท้องใช้ล้างคอว่าที่คุณแม่อ้วกจนแทบไม่มีอะไรให้อ้วกออกมาอีกแล้ว บัวบูชาไม่มีแรงพอจะยืนด้วยซ้ำจึงต้องนั่งนิ่งอยู่ที่พื้นห้องน้ำก่อน ทว่าก็ต้องตกใจเมื่ออยู่ ๆ ร่างกายก็ถูกช้อนอุ้มขึ้น"จะทำอะไรคะ""พาไปนอนที่เตียง เป็นแบบนี้ทุกเช้าเลยเหรอ" ร่างสูงถามขณะอุ้มว่าที่คุณแม่กลับมานอนพักยังเตียงนอน เขาวางเธอลงอย่างเบามือ ก่อนจะจัดการนำหมอนมารองแผ่นหลังเพื่อให้คนท้องนั่งได้อย่างสบายขึ้น"บัวแพ้ท้องช้า เพิ่งจะมาแพ้หนักก็ตอนที่เข้าเดือนที่สี่ค่ะ ช่วงเช้าก็จะแพ้ท้องหนักกว่าช่วงอื่น ๆ สาย ๆ หน่อยอาการก็จะดีขึ้นเองค่ะ""รอแป๊บนะ เดี๋ยวพี่ไปเอาน้ำขิงกับขนมมาให้ เห็นเขาบอกว่ามันช่วยแก้อาการคลื่นไส้ได้""ใครบอกคะ" บัวบูชาเอียงคอสงสัย และก็ได้รับเป็นรอยยิ้มอ่อนโยนกลับมาจากใบหน้าคมเข้ม"ในเน็ตน่ะ"เขาตอบสั้น ๆ ก่อนจะเดินออกจากห้อง