Share

บทที่ 2 พระสนมดูแปลกๆ

อินชิงเสวียนแก้มแดงด้วยความเขิน ตนเองยังไม่มีแม้แต่แฟนหนุ่ม อยู่ดีๆ บอกให้เธอให้นมทารก ไม่ว่าอย่างไรก็รู้สึกแปลกๆ แต่พอเห็นทารกน้อยร้องไห้จนหน้าแดงก่ำ ก็ทนใจร้ายไม่ลง

เธอรับทารกน้อยมาด้วยความระวัง กลัวจะเผลอทำเด็กน้อยเจ็บ แต่วินาทีต่อมาก็ตกอยู่ในสถานการณ์น่าอึดอัดทันที เพราะเจ้าของร่างเดิมไม่มีน้ำนม

เด็กน้อยดูดดุนไปสักพัก แต่ไม่มีอะไรเข้าปากเลย ทันใดนั้นมือน้อยๆ กำแน่นแล้วเริ่มร้องไห้ ขาเล็กๆ ทั้งสองเตะไปมาราวกับกำลังระบายความไม่พอใจที่มีออกมา

ยายหลี่รีบอุ้มทารกน้อยกลับไป กล่อมเด็กน้อยไปพลางและพูดด้วยความร้อนใจ “ทีนี้ควรจะทำอย่างไรดี พระสนมไม่มีน้ำนม ผู้ใหญ่อย่างเราอดบ้างหิวบ้างไม่เป็นไร แต่องค์ชายยังเด็กขนาดนี้ จะทนไหวได้อย่างไรกัน”

เด็กน้อยร้องไห้จนหอบเหนื่อย ทำให้อินชิงเสวียนก็เริ่มร้อนใจขึ้นมาด้วย แต่เมื่อนึกขึ้นได้ว่าในช่องว่างมีภารกิจที่เก็บคะแนนได้ จึงพูดขึ้นทันที “อวิ๋นฉ่าย เจ้าไปข้างนอกเก็บต้นหญ้ามาให้ข้าต้นหนึ่ง”

อวิ๋นฉ่ายชะงัก นี่พระสนมร้อนใจจนสับสนเสียแล้วหรือ เก็บต้นหญ้ามาจะมีประโยชน์อะไร?

เสียงร้องเด็กน้อยดังสนั่น อินชิงเสวียนก็รู้สึกว้าวุ่นในใจตาม พูดด้วยเสียงที่ดังขึ้นว่า “ไปเร็ว”

อวิ๋นฉ่ายเห็นว่าเจ้านายร้อนใจแล้ว จึงวิ่งฝ่าสายฝนออกไปข้างนอกประตู ใต้ชายคามีต้นหญ้าเหี่ยวแห้งขึ้นเต็มไปหมด เธอจึงถอนขึ้นมาหนึ่งกำมือ

อินชิงเสวียนรับต้นหญ้ามาไว้ในมือ แล้วพูดกับทั้งสองคนว่า “พวกเจ้าออกไปก่อน ข้าจะหาวิธีเอง”

ยายหลี่อ้าปาก แต่แล้วก็ไม่ได้พูดอะไร อุ้มทารกแล้วออกไปข้างนอกพร้อมกับอวิ๋นฉ่าย

อินชิงเสวียนเข้าสู่ช่องว่างทันที และนำหญ้าในมือปลูกลงที่ข้างๆ น้ำพุวิญญาณ

สามวินาทีต่อมา เสียงนั้นดังขึ้นอีกครั้ง

“ผู้ครองปลูกพืชสำเร็จ ได้รับรางวัล 10 คะแนน”

อินชิงเสวียนรู้สึกตื่นเต้น รีบวิ่งไปที่ร้านค้า แล้วหยิบนมผงมาหนึ่งห่อ

ครั้งนี้ไม่ถูกระบบดีดออก แต่ได้รับการแจ้งเตือนว่าจะทำการแลกซื้อหรือไม่แทน

ใช้ 2 คะแนนแลกซื้อนมผงหนึ่งถุง

อินชิงเสวียนมองขวดนมที่อยู่ด้านข้าง ต้องใช้ 2 คะแนนเช่นกัน ยังถือว่าไม่แพง จึงแลกเปลี่ยนมาอย่างละหนึ่งชิ้น

และใช้อีก 3 คะแนนแลกซื้อบะหมี่สองห่อกับเกลือหนึ่งถุง ยังเหลืออีก 3 คะแนน แต่กลับไม่รู้จะใช้แลกซื้ออะไรในทันทีทันใด

อินชิงเสวียนเดินไปรอบร้านค้า ทันใดนั้นก็เห็นเมล็ดพืชวางเรียงกันอยู่ราวยี่สิบกว่าห่อตรงมุมหนึ่ง มีแตงกวา มะเขือเทศ พริก ถั่วฝักยาว ข้าวสาลี และข้าวเป็นต้น ซึ่งพืชผักที่พบเห็นได้ทั่วๆ ไปมีอยู่ทั้งหมด

เมื่อหยิบมาดู ทุกอย่างต้องใช้ 1 คะแนนแลกซื้อ อินชิงเสวียนก็อดที่จะรู้สึกตื่นเต้นไม่ได้ จึงใช้อีก 3 คะแนนที่เหลือเปลี่ยนเป็นแตงกวา มะเขือเทศและข้าวสาลีที่ตนเองชอบกิน

มีของเหล่านี้แล้ว แม้ว่าจะไม่มีคะแนนสะสมแล้ว อย่างน้อยตนเองก็ยังได้กินผักและบะหมี่ที่สดใหม่

ก่อนจะออกจากช่องว่าง เธอมองไปที่แผ่นป้ายอีกครั้ง ภารกิจบนนั้นอัพเดตใหม่แล้วอย่างที่คิดไว้

ภารกิจมือใหม่ 2: เก็บเกี่ยวผลผลิตที่เพาะปลูกสำเร็จ ได้รับ 100 คะแนน

พอนึกถึงเด็กน้อยข้างนอกที่กำลังร้องไห้ไม่หยุด อินชิงเสวียนก็หยุดความอยากรู้อยากเห็นเอาไว้ก่อน และรีบออกจากช่องว่างอย่างรวดเร็ว

เด็กน้อยยังคงร้องไห้อย่างที่คิด อินชิงเสวียนเลิกม่านออก แล้วตะโกนเรียกอวิ๋นฉ่าย “ไปต้มน้ำร้อนมาชงนมให้ลูกดื่มเสียหน่อย”

อวิ๋นฉ่ายรีบวิ่งเข้ามาทันที “พระสนม เรามีนมที่ไหนกันเพคะ?”

อินชิงเสวียนสีหน้าอึมครึม “ไม่ต้องถามมาก ไปต้มน้ำมา”

เป็นครั้งแรกที่อวิ๋นฉ่ายเห็นเจ้านายท่าทางเคร่งขรึมเช่นนี้ จึงอดรู้สึกกลัวไม่ได้ เธอรับคำแล้ววิ่งออกไปทันที

ครู่หนึ่ง เธอก็ถือกาน้ำร้อนเข้ามา

อินชิงเสวียนไม่มีกะจิตกะใจสนใจว่าอวิ๋นฉ่ายจะคิดอย่างไร เธอเปิดถุงนมผงออกแล้วตักนมผงสองช้อนใส่ขวดนม ใช้น้ำร้อนชงเสร็จเรียบร้อยก็ให้อวิ๋นฉ่ายนำพักตั้งพักให้เย็นลง แล้วค่อยนำไปป้อนเด็กน้อย

เธอไม่รู้ว่าสองช้อนเพียงพอหรือไม่ แต่ตอนที่หลานชายเพิ่งคลอดใหม่ๆ พี่สะใภ้ก็ป้อนเช่นนี้

อวิ๋นฉ่ายมองนมผงด้วยความตะลึง รวมถึงขวดนมที่รูปร่างแปลกประหลาดนี้ด้วย ในใจเต็มไปด้วยความน่าทึ่งที่ไม่อาจบรรยายได้

แต่ตอนนี้ไม่มีอะไรสำคัญไปกว่าองค์ชาย อวิ๋นฉ่ายรีบตักน้ำเย็นมา แล้วแช่ให้นมคลายร้อน จากนั้นก็นำไปให้ยายหลี่

พอเห็นขวดนม ยายหลี่ก็ตะลึงเช่นกัน

“นี่คืออะไร เจ้าไปเอามาจากไหน?”

อวิ๋นฉ่ายก็ไม่รู้จะอธิบายเช่นไร ได้แต่พูดออกไปตามจริง

“พระสนมให้มา ข้าก็ไม่แน่ใจนัก พระสนมบอกว่าข้างในนี้คือนม ยายหลี่ ท่านป้อนองค์ชายดื่มก่อนถอะ”

ยายหลี่นำจุกนมไปไว้ที่ปากของทารก เจ้าตัวน้อยรอไม่ไหวแล้ว อ้าปากแล้วดูดกินสุดแรง อินชิงเสวียนที่อยู่ข้างในก็พลอยโล่งใจไปด้วยที่ในที่สุดก็หยุดร้องไห้แล้ว

คนเราเมื่อรู้สึกผ่อนคลาย ท้องก็จะเริ่มร้องโครมครามขึ้นมาทันที

และเมื่อคิดได้ว่านายบ่าวหลายวันมานี้ได้กินแต่อาหารบูดเน่าติดๆ กัน ก็อดก่นด่าในใจไม่ได้ ในวังนั้นล้วนมีแต่คนมาตรฐานสูง แต่ไร้ซึ่งความสามารถ

โชคดีที่ในร้านค้ามีของอร่อยอยู่ไม่น้อย แค่เพียงเก็บสะสมคะแนนได้ ก็สามารถซื้อสิ่งของทั่วไปได้ทุกอย่าง แต่ตอนนี้ควรต้มบะหมี่มารองท้องก่อน

และขณะนี้ ฝนก็หยุดตกแล้ว

มาก็เร็ว ไปก็เร็วเช่นกัน

เพียงชั่วพริบตา ท้องฟ้าก็ปลอดโปร่งสดใส

ตำหนักจินหลวน

บนบัลลังก์มังกรเบื้องบน ชายหนุ่มรูปงามในชุดสีเหลืองคนหนึ่งนั่งอยู่

ศรีษะสวมมงกุฎ เอวคาดเข็มขัดหยก ด้านหน้าของเสื้อปักลายมังกรตัวผงาดกางกรงเล็บด้วยไหมสีทอง ซึ่งส่งเสริมให้รูปลักษณ์ของเขาดูอาจหาญและน่าเกรงขาม

คนผู้นี้ก็คือฮ่องเต้พระองค์ใหม่ของแคว้นต้าโจว เย่จิ่งอวี้

เมืองหลวงแห้งแล้งมาตลอดปี แต่เมื่อกี้กลับมีฝนตกลงมา

และที่น่าแปลกยิ่งกว่าก็คือ ก่อนที่ฝนจะมาไม่มีเคล้าของเมฆครึ้มแม้แต่น้อย กลับเสมือนว่าท้องฟ้าถูกกรีดออกเป็นรู แล้วเทสาดน้ำลงมาเสียมากกว่า

แต่ผ่านไปไม่ถึงชั่วพริบตา ฝนฟ้าก็เงียบสงบแล้ว

เหล่าขุนนางอำมาตย์ทุกคนมองไปที่ด้านนอกตำหนัก แล้วต่างก็พากันซุบซิบ

ฝนตกครั้งนี้แปลกประหลาดมากจริงๆ

“ซือเทียนหลาน เจ้าคิดเช่นไรกับฝนครั้งนี้”

เสียงทุ้มต่ำดังขึ้นมาจากบัลลังก์มังกร และสะท้อนก้องกังวานในตำหนักใหญ่

คนผู้หนึ่งเดินออกมาจากในกลุ่มขุนนาง เขาสะบัดชายเสื้อแล้วคุกเข่า พูดด้วยน้ำเสียงแสร้งประหลาดใจ “ทูลฝ่าบาท นี่เป็นสัญญาณอันดีงาม เกรงว่าในบรรดาหญิงงามคงมีกัลยาณมิตรที่ดี จึงนำพาฝนนี้มา หากได้อุปถัมภ์ค้ำชูซึ่งกัน เชื่อว่าต้าโจวต้องพ้นภัยวิกฤติ และมีสุขร่มรื่นเป็นแน่พ่ะย่ะค่ะ”

เย่จิ่งอวี้แววตาดุดัน พูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา “ใครสอนให้เจ้าพูดเช่นนี้?”

ซือเทียนหลานสะดุ้งเฮือก หมอบลงและพูดว่า “ไม่มีใครบอกกระหม่อม เป็นผลที่กระหม่อมทำนายเองพ่ะย่ะค่ะ”

เย่จิ่งอวี้หลี่ตา แล้วโน้มตัวไปข้างหน้าเล็กน้อย

พูดด้วยน้ำเสียงเย็นเยือก “ข้าว่าเจ้าทำนายผิด ออกไปทำนายใหม่นอกประตูวัง หากทำนายผลลัพธ์ที่ดีไม่ได้ หัวของเจ้าก็อย่าเอาไว้อีกเลย”

ทันใดนั้นก็มีทหารมาลากตัวซือหลานเทียนออกไป

เย่จิ่งอวี้กวาดสายตาไปรอบๆ บรรดาขุนนาง พูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา “หญิงงามแค่ไม่กี่คน ก็ทำให้พวกเจ้าโมเมคิดเพ้อเจ้อได้ถึงขนาดนี้ แต่กลับมองไม่เห็นผู้คนอดอยากเต็มแผ่นดิน ที่ตอนนี้พากันหลั่งไหลเข้ามาในเมืองหลวง เสนาบดีกรมโยธา ข้าสั่งให้เจ้าขุดเจาะบ่อน้ำ เพื่อนำมารินรดที่นา เหตุใดจนตอนนี้ก็ยังไม่เห็นผลใดๆ?”

เสนาบดีกรมโยธารีบคุกเข่าลงทันที พูดด้วยน้ำเสียงหวาดหวั่น “กระหม่อมได้สั่งให้คนออกไปปฏิบัติตามพื้นที่ต่างๆ แล้ว เพียงแต่การขุดเจาะบ่อน้ำก็ต้องใช้เวลา ขอฝ่าบาทวางพระทัยพ่ะย่ะค่ะ”

เย่จิ่งอวี้หัวเราะในลำคอ น้ำเสียงยิ่งเย็นชาขึ้น

“ข้าให้เวลาเจ้าสามเดือน หากเจ้าทำไม่ได้ ก็ลาออกกลับบ้านเกิดไปเอง”

เสนาบดีกรมโยธาเหงื่อตกทันที “พ่ะย่ะค่ะ กระหม่อมน้อมรับบัญชา”

เย่จิ่งอวี้สะบัดชายเสื้อ แล้วลุกขึ้นยืน

เดชานุภาพแห่งกษัตริย์ได้แผ่กระจายกดดันจนเหล่าขุนนางแทบหายใจไม่ออก ได้แต่ยืนก้มหน้ามองปลายเท้า ไม่กล้าแม้แต่จะหายใจเสียงดัง

เย่จิ่งอวี้ก้มมองเหล่าขุนนาง พูดด้วยน้ำเสียงนิ่งเรียบ “การช่วยชาติช่วยราษฎร ควรเริ่มตั้งแต่ในวัง ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป ข้าราชการใหญ่น้อยให้ทานอาหารแค่สองมื้อ ในวังก็ปฏิบัติเช่นเดียวกัน เสบียงที่เก็บเหลือได้ ให้ผลัดกันนำไปแจกจ่ายให้ประชาชนทุกวันที่ 1 และวันที่ 15 ของเดือน ใครกล้าปฎิบัติเป็นกรณีพิเศษ ลงโทษโบยห้าสิบครั้ง มีโทษร่วมทั้งวงศ์ตระกูล เลิกประชุม”

ทันทีที่มีพระราชโองการ ในวังก็เกิดความโกลาหล

หญิงงามที่ได้รับการปรนนิบัติเป็นพิเศษรีบให้คนมาดับฟืนไฟ ส่วนขันทีและนางกำนัลต่างก็วุ่นวายกับการช่วยเจ้านายแอบซ่อนของหวาน

แม้กระทั่งวังเย็นก็ได้รับผลกระทบไปด้วย เดิมทีมีอาหารบูดเน่าวันละสองมื้อ ตอนนี้เหลือเพียงหนึ่งมื้อเท่านั้น

ยังดีที่อินชิงเสวียนชิงลงมือแลกซื้อบะหมี่สองชั่งเอาไว้ก่อน

เธอให้อวิ๋นฉ่ายต้มน้ำร้อน และใส่เกลือลงไปเล็กน้อย แม้ว่ารสชาติจะไม่อร่อยนัก แต่ก็ดีกว่าอาหารบูดเน่าเป็นไหนๆ

อวิ๋นฉ่ายกับยายหลี่ไม่เคยเห็นบะหมี่มาก่อน จึงกินอย่างหิวกระหาย

หลังจากที่กินเสร็จแล้ว อวิ๋นฉ่ายก็อดที่จะถามไม่ได้ “พระสนม ของที่อร่อยเช่นนี้ พระองค์เอามาจากไหนหรือเพคะ?”

อินชิงเสวียนไม่สามารถตอบได้ ก็เลยปั้นหน้าขรึมแทน

“ห้ามถามเยอะ ต่อไปหากไม่มีคำสั่งของข้า อย่าเข้ามาข้างในตามใจ หากลูกร้อง ก็ชงนมให้เขาดื่มเอา” พูดเสร็จก็ปล่อยม่านลง

อวิ๋นฉ่ายกับยายหลี่สบตากัน ต่างก็รู้สึกว่าพระสนมท่าทีแปลกๆ

Related chapter

Latest chapter

DMCA.com Protection Status