Share

บทที่ 3 น้ำพุเซียน

Author: ม่อเยี่ยน
พระสนมในอดีตเป็นคนอ่อนโยน แต่เจ้านายในตอนนี้ให้ความรู้สึกที่ค่อนข้างเย็นชา และที่พวกเธอไม่เข้าใจมากที่สุดก็คือ สิ่งของแปลกๆ เหล่านี้ได้มาจากที่ไหน

อินชิงเสวียนเองก็ปวดหัวไม่แพ้กัน เพราะไม่คิดว่าเรื่องราวในนิยายจะเกิดขึ้นกับตัวเอง

ตัวเธอยังเป็นแค่เด็กน้อยที่ยังเรียนไม่จบมหาลัยเลยด้วยซ้ำ ตอนนี้นอกจากต้องเลี้ยงลูกแล้ว ยังต้องเอาชีวิตรอดในวังเย็นเช่นนี้ โจทย์นี้จะยากเกินไปสำหรับเธอแล้วหรือเปล่า

โชคยังดีที่สวรรค์ยังมอบโกลด์ฟิงเกอร์*ในตำนานให้เธอ เพียงแค่นึกคิด เธอก็จะเข้าไปในช่องว่าง

อินชิงเสวียนใช้แรงขุดหลุมเล็กๆ จำนวนหนึ่ง จากนั้นก็นำเมล็ดข้าวสาลี แตงกวาและมะเขือเทศปลูกลงไป ทันใดนั้นก็มีการแจ้งเตือนปรากฏขึ้นตรงหน้าเธอ

รดน้ำด้วยน้ำพุวิญญาณหรือไม่

ไม่ต้องคิดมากกับคำถามนี้เลย เธอเลือกตอบตกลงทันที ทันใดนั้นน้ำจากน้ำพุวิญญาณก็ลอยมารดพืชที่ปลูกไว้อย่างแม่นยำ จากนั้นก็เกิดเรื่องที่ทำให้อินชิงเสวียนต้องตะลึง

เมล็ดพันธุ์ที่เพิ่งปลูกไปเมื่อสักครู่งอกเงยและเติบโตให้เห็นกับตา และเพียงพริบตาเดียวก็กลายเป็นสวนเขียวขจี

สมแล้วที่เป็นน้ำพุวิญญาณ!

อินชิงเสวียนดีใจยกใหญ่ จึงรีบปลูกเพิ่มอีก และเลือกรดน้ำด้วยน้ำพุวิญญาณเช่นเดิม

หลังจากวุ่นวายมาสองชั่วโมง เธอก็เหนื่อยจนทำต่อไม่ไหว จึงใช้มือรองน้ำจากน้ำพุวิญญาณ และเมื่อดื่มเข้าไป เธอรู้สึกเย็นสดชื่นไปทั้งตัว และเต็มไปด้วยเรี่ยวแรงอีกครั้งในทันที

น้ำพุวิญญาณมีความสามารถในการรักษาด้วยหรือเนี่ย?

อินชิงเสวียนจ้องมองน้ำพุ แล้วยิ่งรู้สึกว่าช่องว่างแห่งนี้น่าเหลือเชื่อเกินกว่าจะคิดได้

และเพื่อไม่ให้ถูกจับได้ เธอไม่ได้อยู่ข้างในนานมาก หลังจากทำงานมาสักพัก เธอก็กลับออกมาจากช่องว่าง

อวิ๋นฉ่ายกับยายหลี่กำลังหยอกเล่นกับเด็กน้อยที่ห้องด้านนอก พอได้ยินเสียงของทั้งสองคน อินชิงเสวียนก็รู้สึกโล่งใจ

อยู่ดีๆ เธอก็คิดถึงน้ำพุวิญญาณอีกครั้ง ถ้าหากให้ยายหลี่ อวิ๋นฉ่ายและเด็กน้อยดื่มด้วย จะช่วยให้พวกเขามีสุขภาพแข็งแรงได้ด้วยหรือไม่ เธอจึงตะโกนขึ้นทันทีว่า "อวิ๋นฉ่าย เจ้าไปหาชามที่ตักน้ำได้มาให้ข้าหน่อย"

เมื่อลองอ้าปาก อินชิงเสวียนพบว่าเลือดลมของตนเองดีขึ้นไม่น้อย

อวิ๋นฉ่ายตอบรับ จากนั้นก็ไปนำชามกระเบื้องสีขาวใบหนึ่งมา

"พระสนมจะเอาไปทำอะไรหรือเพคะ"

เมื่อต้องเผชิญหน้ากับยัยหนูที่เหมือนกับเด็กขี้สงสัยเช่นนี้ อินชิงเสวียนรู้สึกว่าเธอจำเป็นจะต้องอธิบายเสียหน่อย มิเช่นนั้นต่อไปเธอคงไม่สามารถเอาอะไรออกมาจากช่องว่างได้

เธอพูดเสียงเบาว่า "เมื่อคืนนี้ตอนที่ลูกยังไม่เกิด ข้าได้พบกับเซียนองค์หนึ่ง ท่านได้มอบถุงเฉียนคุนที่มีเพียงข้าคนเดียวเท่านั้นที่ใช้ได้ให้กับข้า ข้างในนั้นมีของอร่อยๆ อยู่เยอะแยะ ข้าจะไปเอาน้ำจากน้ำพุเซียนมาให้เจ้ากับยายหลี่ได้ดื่มกัน"

อวิ๋นฉ่ายตกตะลึงจนอ้าปากกว้าง และตาแทบจะถลนออกมา

"พระสนม นี่...เป็นเรื่องจริงรึเพคะ?"

"แน่นอน ไม่อย่างนั้นบะหมี่ที่พวกเจ้ากินจะมาจากไหน?"

อินชิงเสวียนพูดอย่างมั่นใจและหนักแน่น แล้วพูดต่อด้วยเสียงเบาว่า "เรื่องนี้รู้แค่พวกเราสามคนเท่านั้น ถ้าเกิดถูกผู้อื่นได้ยินเข้า จะต้องนำหายนะมาสู่พวกเราแน่นอน เข้าใจไหม?"

อวิ๋นฉ่ายรีบพยักหน้า และพูดด้วยความระวัง "บ่าวทราบแล้วเพคะ"

เมื่อเห็นว่ายัยหนูเชื่อคำพูดของเธอง่ายๆ เช่นนี้ อินชิงเสวียนก็กระตุกยิ้มที่มุมปาก คนโบราณโน้มน้าวง่ายเสียจริง

เธอจึงพูดด้วยเสียงเคร่งขรึมต่อทันที "ถ้าอย่างนั้นก็ออกไปเถอะ ข้าจะไปตักน้ำพุวิญญาณมาให้พวกเจ้าชิม"

หลังจากที่อินชิงเสวียนกันอวิ๋นฉ่ายออกไปแล้ว เธอก็เข้าไปในช่องว่างอีกครั้ง และเมื่อมองไปที่มะเขือเทศและแตงกวาก็พบว่าพวกมันออกดอกแล้ว

ดูจากความเร็วในการเติบโต คิดว่าพรุ่งนี้ก็คงเก็บเกี่ยวได้แล้ว

พอคิดว่าไม่ต้องกินอาหารบูดเน่าอีกต่อไป อินชิงเสวียนก็ดีใจไปพักใหญ่

เธอเดินไปที่ตาน้ำของน้ำพุด้วยความชื่นมื่น และตักน้ำขึ้นมาหนึ่งชาม

แต่เมื่อเห็นใบหน้าที่สะท้อนในน้ำ ก็อดที่จะชื่นชมไม่ได้

เจ้าของร่างเดิมเป็นคนที่สวยจริงๆ คิ้วโก่งโค้งเป็นรูปใบหลิ่วตามแบบมาตรฐาน ใบหน้ารูปไข่ ดวงตางดงามสุกใสราวกับสามารถพูดได้ น่าเสียดายคนสวยไร้ที่ติเช่นนี้ยังต้องวางแผนเล่นเล่ห์เพื่อให้ได้นอนกับผู้ชายเฮงซวยคนนั้น ทำไมถึงคิดสั้นแบบนั้นนะ

และเมื่อคิดถึงเด็กน้อยที่เจ้าของร่างเดิมทนทุกข์ทรมานคลอดออกมา ต่อไปไม่ว่าอย่างไรก็จะไม่ยอมให้เจ้าฮ่องเต้เฮงซวยได้เอารัดเอาเปรียบอีก

เธอน่าจะไปหาพ่อของเจ้าของร่างเดิมที่เมืองซุ่ยหานและเอาช่องว่างไปด้วย ไปใช้ชีวิตอยู่ด้วยกันและช่วยกันทำมาค้าขาย มีเวลาว่างก็หาหนุ่มหล่อสักคน ยังไงก็ดีกว่าชีวิตปากหวานก้นเปรี้ยวในวังเช่นนี้

เพราะเธอไม่ได้พิศวาสในชีวิตที่ต้องแย่งผู้ชายกับผู้หญิงคนอื่น

คิดมาถึงตรงนี้ อินชิงเสวียนรู้สึกว่าชีวิตมีเป้าหมายขึ้นมาทันที

เธอยกน้ำออกไปที่ห้องด้านนอก และพูดกับอวิ๋นฉ่ายกับยายหลี่ "นี่ก็คือน้ำจากน้ำพุเซียน พวกเจ้าก็ดื่มหน่อย"

ยายหลี่สะดุ้งตกใจ รีบพูดขึ้นว่า "อวิ๋นฉ่าย ยังไม่รีบมารับไปอีก ร่างกายพระสนมยังอ่อนแออยู่ ยกของหนักๆ เช่นนี้ไหวที่ไหน"

อินชิงเสวียนยิ้มอย่างไม่คิดมาก

"ไม่เป็นไร ได้ดื่มน้ำจากน้ำพุเซียนไป ข้าหายดีแล้ว พวกเจ้าก็ลองดูสิ"

ยายหลี่ได้ฟังเรื่องราวจากอวิ๋นฉ่ายแล้ว แต่ในใจก็ยังเชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่ง โลกนี้มีเซียนอยู่จริงๆ หรือ?

หากมีอยู่จริง เหตุใดจึงไม่มาเร็วกว่านี้ พวกเธออยู่ที่วังเย็นแห่งนี้มาหนึ่งปีแล้ว ยังไม่ลำบากพออีกหรือ?

อวิ๋นฉ่ายใช้แก้วตักน้ำขึ้นมา เมื่อดื่มเข้าไปก็รู้สึกว่าหวานอร่อยและเย็นฉ่ำ ร่างกายสดชื่น สบายตัว ความเหนื่อยล้าหายเป็นปลิดทิ้ง

พูดขึ้นด้วยน้ำเสียงตื่นเต้น "จริงๆ ด้วย ยายหลี่ ท่านก็ลองชิมดูสิ"

ยายหลี่ก็ดื่มด้วยเช่นกัน และก็ตกตะลึงในทันที

สายตาที่เคยพล่ามัวมาหลายปี ไม่พล่ามัวแล้ว มองอะไรก็ไม่เห็นภาพซ้อนแล้ว ขาที่เมื่อกี้ยังปวดอยู่ก็หายปวดไปเฉยๆ รู้สึกราวกับเป็นสาวขึ้นหลายปีทีเดียว

เธอลองเดินก้าวหนึ่ง และต้องพูดขึ้นด้วยความดีใจ "เป็นเรื่องจริงรึเนี่ย นึกไม่ถึงว่าพระสนมจะได้รับพรเช่นนี้ สวรรค์เมตตาตระกูลอินของเราจริงๆ"

พูดจบ ก็คุกเข่าลงดังตึ่ง แล้วพูดด้วยความตื่นเต้นอย่างมากว่า "พระสนม หากไทเฮาได้รับสิ่งนี้ พระองค์จะต้องทำดีกับพระสนมแน่ ยิ่งไปกว่านั้นพวกเรายังมีพระโอรสด้วย นี่เป็นโอกาสดีที่พวกเราจะออกจากวังเย็นมิใช่หรือเพคะ?"

อินชิงเสวียนสีหน้าอึมครึมทันที พูดว่า "อย่าได้พูดคำพูดเช่นนี้อีก จิตใจคนนั้นโลภมากที่สุด เจ้าให้นางดื่มหนึ่งอึก นางก็จะอยากได้อึกที่สอง หากข้าไม่ให้แล้ว นอกจากนางจะไม่รู้สึกขอบคุณในบุญคุณก่อนหน้า กลับจะยังคับแค้นในใจเสียอีก ยิ่งไปกว่านั้นพวกเรามาอยู่ในวังเย็นปีกว่าแล้ว เราไม่รู้สถานการณ์ข้างนอกเลย และบ้านข้าก็เป็นขุนนางต้องโทษ หากมีคนคิดจะให้ร้าย แล้วเราจะรักษาชีวิตตัวเองอย่างไร? เหตุใดฝ่าบาทจึงหลับนอนกับข้า พวกเจ้าก็รู้ดี เจ้าคิดว่าเขาจะปกป้องข้าเพราะลูกคนเดียวหรือ?"

เมื่อได้ยินดังนั้น ยายหลี่ก็หวาดกลัวจนเหงื่อกาฬไหลพรู

เธอคิดเพียงว่าพระสนมจะสามารถอดทนจนกว่าเรื่องร้ายกลายเป็นดี เพื่อใต้เท้าจะได้กลับเมืองหลวงอีกครั้ง แต่ไม่เคยคิดมากถึงขั้นนี้

ณ ตอนนี้ หากออกไปสุ่มสี่สุ่มห้า ก็ยากที่จะพลิกผันอะไรได้จริงๆ ดีไม่ดีแม้แต่องค์ชายก็ไม่อาจปกป้องได้

และเมื่อคิดถึงท่าทีที่ฮ่องเต้มีต่อพระสนม ก็ต้องพยักหน้ายอมรับ

"พระสนมโปรดอภัยเพคะ บ่าวไม่รอบคอบ จนเกือบทำร้ายพระองค์"

อินชิงเสวียนรู้ว่าแม่นมนั้นรักตนเองจริงๆ และทำเพื่อตระกูลอิน เธอยื่นมือพยุงยายหลี่ลุกขึ้น

"แม้ว่าเจ้ากับข้ามีฐานะเป็นนายบ่าว แต่มีความผูกพันฉันแม่ลูก ต่อไปเจ้าไม่ต้องคุกเข่าเช่นนี้อีก และไม่ต้องคิดอะไรอื่นด้วย ควรจะทำเช่นไร ข้ามีความคิดของตนเอง"

เมื่อเห็นแววตามุ่งมั่นของพระสนม ยายหลี่ก็ตะลึงงัน

เด็กผู้หญิงที่ตนเห็นมาตั้งแต่เด็กจนโตนั้น ราวกับโตเติบขึ้นในชั่วพริบตา
Patuloy na basahin ang aklat na ito nang libre
I-scan ang code upang i-download ang App

Pinakabagong kabanata

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 1540 สองพระองค์ครองราชย์ จบบริบูรณ์

    ปีที่สามของการครองราชย์ในราชวงศ์ต้าโจวฮองเฮาให้กำเนิดพระธิดา ได้รับพระราชทานนามว่าองค์หญิงเจ๋อเทียน นามว่าเจิน มีชื่อเล่นว่าฝูเอ๋อร์ในเดือนเก้าของปีเดียวกัน เย่จิ่งอวี้และอินชิงเสวียนปกครองร่วมกัน แบ่งกันปกครองบ้านเมืองและการดำรงชีวิตของผู้คน ราษฎรเคารพทั้งสองในฐานะพระองค์ฝ่ายซ้ายและฝ่ายขวา ประวัติศาสตร์ได้บันทึกช่วงเวลานี้ไว้ด้วยถ้อยคำที่งดงามที่สุด และเรียกช่วงเวลานี้อย่างเคารพว่า ยุคที่สององค์ปกครอง!ห้าปีต่อมา เครื่องกำเนิดพลังงานลมเครื่องแรกปรากฏขึ้นด้วยฝีมือความสามารถของชาวต้าโจว ซึ่งก้าวล้ำหน้าสมัยโบราณที่ล้าหลังไปอย่างมากด้วยก้าวที่ยิ่งใหญ่นักเรียนจากทั่วแคว้นได้แสดงความสามารถ พัฒนาสิ่งที่ล้ำหน้าต่างๆ ผ่านความรู้ทางคณิตศาสตร์ ฟิสิกส์ และเคมีใหม่ล่าสุด บุปผานับร้อยบานสะพรั่งพร้อมกัน ก่อให้เกิดยุครุ่งเรืองของราชวงศ์ต้าโจวตอนนี้อาหารไม่ขาดแคลน ราษฎรไม่ต้องทนทุกข์กับความหิวโหยอีกต่อไป ยิ่งไม่มีการอพยพย้ายถิ่นฐาน โครงการคลองส่งน้ำก็สำเร็จลุล่วง ด้วยการคมนาคมสะดวกระหว่างภาคเหนือและภาคใต้ ก็สามารถแลกเปลี่ยนสิ่งที่ต้องการได้ในที่สุด อ่างเก็บน้ำที่สร้างขึ้นยังสามารถเปลี่ยนเส้นท

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 1539 เสวียนเอ๋อร์ขอบคุณเจ้านะ

    ตำหนักจินอู๋อินชิงเสวียนอดทนต่อความเจ็บปวดที่ถาโถมเข้ามาราวกับกระแสน้ำ แต่ไม่กล้าโคจรกำลังภายในต้านทานไว้ เพราะกลัวว่าจะทำร้ายลูกของนางเมื่อเห็นนางกัดริมฝีปากล่างแน่น มีเหงื่อไหลอาบหน้า หัวใจของเย่จิ่งอวี้ก็รู้สึกเหมือนถูกมีดคมๆ นับพันทิ่มแทง รู้สึกเจ็บปวดอย่างยิ่ง“ต้องทำอย่างไรถึงจะช่วยบรรเทาความเจ็บปวดของฮองเฮาได้ ต้องปล่อยให้นางเจ็บปวดทนทุกข์เช่นนี้หรือ”หมอตำแยกล่าวอย่างกล้าหาญว่า “สตรีคลอดบุตรก็เป็นเช่นนี้เพคะ อดทนไว้ แล้วจะดีเอง”เย่จิ่งอวี้พูดด้วยความโกรธ “ฮองเฮาของข้าจะเทียบได้กับสตรีทั่วไปได้อย่างไร รีบหาทางบรรเทาความเจ็บปวดของฮองเฮาเดี๋ยวนี้”“ข้าไม่เป็นไร อาอวี้ออกไปก่อนเถอะ!”เสียงของอินชิงเสวียนนั้นอ่อนแรง แม้จะเป็นสามีภรรยากัน แต่ถูกเห็นเข้าในสถานการณ์เช่นนี้ก็น่าอายอยู่เหมือนกันเย่จิ่งอวี้เดินก้าวเดียวก็ไปถึงเตียง จับมือของนางแน่นๆ แล้วพูดอย่างกระวนกระวายใจ “ข้าไม่วางใจ มีวิธีถ่ายทอดความเจ็บปวดให้ข้าได้ไหม เจ้าอยู่กับลั่วสุ่ยชิงมานานแล้ว ไม่ได้เรียนวิชาอาคมอะไรจากนางบ้างหรือ”อินชิงเสวียนเจ็บปวดเจียนตายอยู่แล้ว เมื่อได้ยินคำนี้ก็ไม่รู้จะหัวเราะหรือร้องไห้ดี

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 1538 ไท่เฟยไท่ผินออกจากวัง

    อินชิงเสวียนอดทนต่อความเจ็บปวดและกล่าวว่า “ฝ่าบาทไม่จำเป็นต้องอยู่ที่นี่ วันนี้เป็นวันแต่งงานของไห่ถัง ในฐานะพี่ชาย ควรเป็นประธานงานแต่งของนางด้วยตนเอง หากไม่มีคนในราชวงศ์ไป ไห่ถังจะผิดหวังได้”แม้น้องสาวจะเป็นญาติ แต่ก็ไม่ชิดเชื้อเท่ากับภรรยา ลูกคนแรกเกิดในตำหนักเย็น ซึ่งทำให้เย่จิ่งอวี้รู้สึกผิดไปครึ่งชีวิตแล้ว ยากนี้เด็กคนนี้คือสมบัติล้ำค่าที่แท้จริงระหว่างพวกเขา ในฐานะพ่อของลูก เขาจะจากไปได้อย่างไรเมื่อเห็นว่าใบหน้าของนางซีด มีเม็ดเหงื่อเม็ดเล็กๆ ผุดพรายขึ้นเต็มขมับของนาง เย่จิ่งอวี้ก็รีบก้าวไปข้างหน้าเพื่อปลอบนาง “ไม่เป็นไร มีแม่ทัพอินและจอมพลกวนอยู่ด้วย ไห่ถังก็ไม่นับว่าเสียเกียรติอะไรนัก”อินชิงเสวียนคว้าแขนของเขา“จะได้อย่างไร หากไม่มีใครจากในวังไป มันจะกลายเป็นปมในใจของไห่ถังอย่างแน่นอน นี่คือวันที่สำคัญที่สุดในชีวิตของนาง”ไม่ว่าอย่างไรเย่จิ่งอวี้ก็ไม่ยอมไป แต่ก็ไม่สามารถปล่อยให้น้องสาวเสียหน้าได้ เขาหรี่ตาลงเล็กน้อย มีความคิดอยู่ในใจ“เจวี๋ยอิ่ง ไปเชิญไท่เฟยไท่ผินทุกท่าน ให้พวกนางออกจากวัง ร่วมงานเสกสมรสขององค์หญิงเดี๋ยวนี้”ทุกคนตกตะลึง ไม่มีใครคาดคิดว่าเย่จิ่งอวี้จ

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 1537 ฮองเฮาทรงมีพระประสูติการ

    เย่ไห่ถังยังคงมีความสุข แต่จู่ๆ เสียงของหลี่เต๋อฝูก็ทำให้นางรู้สึกไม่พอใจเล็กน้อยเมื่อเปิดประตู เห็นเสด็จพี่และเสด็จพี่สะใภ้ยืนอยู่ที่กลางเรือน น้ำตาก็ไหลออกมาจากดวงตา“ไห่ถังคารวะเสด็จพี่ เสด็จพี่สะใภ้เพคะ!”เย่ไห่ถังกำลังจะคุกเข่าลง แต่เย่จิ่งอวี้ก็ปราดเข้าประคองนางพูดด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน “ในฐานะสตรีที่ออกเรือนแล้ว ทุกสิ่งต้องคำนึงถึงสถานการณ์โดยรวม จะทำตัวเหลวไหลซุกซนเหมือนอยู่ในวังไม่ได้ หากใช้ชีวิตนอกวังจนเบื่อแล้ว ก็สามารถกลับมาได้ตลอดเวลา วังหลวงจะเป็นบ้านของเจ้าตลอดไป”อินชิงเสวียนก็ก้าวไปข้างหน้าและพูดว่า “ถ้าพี่รองของข้ารังแกเจ้า เจ้าก็บอกข้าได้เลย ข้าจะทวงความยุติธรรมให้กับเจ้าแน่นอน”ถ้าคนที่เย่ไห่ถังแต่งงานด้วยไม่ใช่อินปู้อวี่ เย่จิ่งอวี้คงพูดคำนี้ไปนานแล้วเย่ไห่ถังสูดจมูก“ขอบพระทัยเสด็จพี่และเสด็จพี่สะใภ้เพคะ ตอนแรกข้าค่อนข้างมีความสุข แต่ตอนนี้ไม่อยากจากไปเลย”เมื่อเห็นว่าจมูกของเย่ไห่ถังแดง กำลังจะร้องไห้อีก เย่จิ่งอวี้จึงตีหน้าขรึมพูดทันที “ในเมื่อเป็นเช่นนี้ งั้นข้าจะให้คนไปแจ้งอินปู้อวี่ ว่าการแต่งงานครั้งนี้ไม่มีแล้ว หลี่เต๋อฝู!”หลี่เต๋อฝูก็เป็นคนเจ้าเ

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 1536 องค์หญิงกำลังจะเสกสมรส

    ในวันที่หนึ่งเดือนสี่ ลำดับการสอบการต่อสู้ชี้ให้เห็นว่า เฉินเซียงเยว่ที่อินชิงเสวียนสนใจ สอบได้ลำดับหนึ่ง คนผู้นี้หน้าตาดูดุร้ายและน่าเกลียด แต่กลับมีจิตใจอ่อนโยนดังเช่นสตรี ไม่เพียงแต่วรยุทธ์ดีเลิศเท่านั้น แต่ยังเก่งในเรื่องการจัดขบวนทัพด้วย เป็นยอดแม่ทัพที่หาได้ยากนางได้ลำดับหนึ่งก็คือจอหงวนด้านวิชาการต่อสู้ ไม่มีใครไม่ยอมรับเลย แค่ยืนอยู่เฉยๆ ก็ดูฮึกเหิมมีพลังมากกว่าผู้ชายทุกคนในตอนนั้นเด็กผู้หญิงอีกคนหนึ่งแซ่หลิวมีชื่อว่าเยว่ ก็ได้รับเลือกให้ติดอยู่ในสามอันดับแรก รั้งอยู่ในเมืองหลวงฝ่าบาทขานรายชื่อสตรีมามากขนาดนี้ เหล่าขุนนางข้าราชบริพารก็อดไม่ได้ที่จะพูดถึงเรื่องนี้ ต่างรู้สึกว่ามันไม่ถูกต้องตามระเบียบประเพณี แต่ก็กล้าที่จะวิพากษ์วิจารณ์เป็นการส่วนตัวเท่านั้น ต้าโจวในวันนี้เปลี่ยนไปแล้ว ที่ฝ่าบาทยินดีฟังพวกเขา ก็ถือเป็นการให้เกียรติพวกเขาแล้ว หากฝ่าบาทไม่อยากฟัง ถึงพูดมากไปก็ไร้ผลแต่ไม่มีใครกล้าพูดว่าเย่จิ่งอวี้เป็นทรราช ฝ่าบาททรงงานปกครองบ้านเมืองอย่างหนัก แม้ว่าพระองค์จะทรงปฏิรูปครั้งใหญ่ แต่ก็ทำเพื่อประชาชนในราชวงศ์ต้าโจวเท่านั้น ขณะนี้แผ่นดินสงบสุข มีธัญพืชอุดมสมบูรณ

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 1535 เหลวไหลจริงๆ

    เสียงเรียกว่าท่านพี่นั้นทำให้เย่จิ่งอวี้ใจอ่อนลงมากโข ความโกรธทั้งหมดพลันหายไปอย่างไร้ร่องรอยในทันทีไม่เช่นนั้นจะทำอะไรได้อีก ภรรยาที่เลือกมาเอง มีแต่ต้องตามใจเองเท่านั้น“เจ้าคนโกหกตัวน้อย กลับไปสามีจะคิดบัญชีเจ้าหนักๆ ถอนกำลังภายในของเจ้าออก สามีจะทำแทนเจ้าเอง ประเดี๋ยวจะทำร้ายลูกในท้องเอา”เสียงของเย่จิ่งอวี้เชื่อมโยงเป็นเส้น ไหลผ่านกระทบโสตประสาทของอินชิงเสวียนคำต่อคำอย่างแจ่มชัดนางยกมุมปากขึ้น เผยเป็นรอยยิ้มภาคภูมิใจเมื่อสัมผัสได้ถึงกลิ่นอายของเย่จิ่งอวี้ นางจึงเปิดโสตประสาท เหตุผลที่ขอให้เย่จิ่งอวี้ช่วย ก็เพราะว่ากำลังภายในในร่างกายของนางซับซ้อนเกินไป ยากต่อการควบคุม ในงานที่ละเอียดอ่อนเช่นนี้ จะให้เกิดข้อผิดพลาดไม่ได้เด็ดขาดเย่จิ่งอวี้ไม่เหมือนกัน เขาบำเพ็ญตบะกำลังภายในของหอแห่งเสียงศักดิ์สิทธิ์ ทั้งยังประสานพลังแห่งฟ้าดิน แม้ว่าอินชิงเสวียนจะมีพลังลมปราณของหลายสำนัก แต่ก็ไม่สามารถเทียบกับกำลังภายในอันบริสุทธิ์และทรงพลังของฮ่องเต้ได้ในชั่วพริบตา กำลังภายในดุจธารานิ่งลึกหลั่งไหลเข้ามาจากด้านนอกประตู เหมือนโลกลึกล้ำ โอบกอดและยืดหยุ่น บรรยากาศที่มืดมนในห้องโถงคล้ายจะถูก

Higit pang Kabanata
Galugarin at basahin ang magagandang nobela
Libreng basahin ang magagandang nobela sa GoodNovel app. I-download ang mga librong gusto mo at basahin kahit saan at anumang oras.
Libreng basahin ang mga aklat sa app
I-scan ang code para mabasa sa App
DMCA.com Protection Status