Share

บทที่ 3 น้ำพุเซียน

พระสนมในอดีตเป็นคนอ่อนโยน แต่เจ้านายในตอนนี้ให้ความรู้สึกที่ค่อนข้างเย็นชา และที่พวกเธอไม่เข้าใจมากที่สุดก็คือ สิ่งของแปลกๆ เหล่านี้ได้มาจากที่ไหน

อินชิงเสวียนเองก็ปวดหัวไม่แพ้กัน เพราะไม่คิดว่าเรื่องราวในนิยายจะเกิดขึ้นกับตัวเอง

ตัวเธอยังเป็นแค่เด็กน้อยที่ยังเรียนไม่จบมหาลัยเลยด้วยซ้ำ ตอนนี้นอกจากต้องเลี้ยงลูกแล้ว ยังต้องเอาชีวิตรอดในวังเย็นเช่นนี้ โจทย์นี้จะยากเกินไปสำหรับเธอแล้วหรือเปล่า

โชคยังดีที่สวรรค์ยังมอบโกลด์ฟิงเกอร์*ในตำนานให้เธอ เพียงแค่นึกคิด เธอก็จะเข้าไปในช่องว่าง

อินชิงเสวียนใช้แรงขุดหลุมเล็กๆ จำนวนหนึ่ง จากนั้นก็นำเมล็ดข้าวสาลี แตงกวาและมะเขือเทศปลูกลงไป ทันใดนั้นก็มีการแจ้งเตือนปรากฏขึ้นตรงหน้าเธอ

รดน้ำด้วยน้ำพุวิญญาณหรือไม่

ไม่ต้องคิดมากกับคำถามนี้เลย เธอเลือกตอบตกลงทันที ทันใดนั้นน้ำจากน้ำพุวิญญาณก็ลอยมารดพืชที่ปลูกไว้อย่างแม่นยำ จากนั้นก็เกิดเรื่องที่ทำให้อินชิงเสวียนต้องตะลึง

เมล็ดพันธุ์ที่เพิ่งปลูกไปเมื่อสักครู่งอกเงยและเติบโตให้เห็นกับตา และเพียงพริบตาเดียวก็กลายเป็นสวนเขียวขจี

สมแล้วที่เป็นน้ำพุวิญญาณ!

อินชิงเสวียนดีใจยกใหญ่ จึงรีบปลูกเพิ่มอีก และเลือกรดน้ำด้วยน้ำพุวิญญาณเช่นเดิม

หลังจากวุ่นวายมาสองชั่วโมง เธอก็เหนื่อยจนทำต่อไม่ไหว จึงใช้มือรองน้ำจากน้ำพุวิญญาณ และเมื่อดื่มเข้าไป เธอรู้สึกเย็นสดชื่นไปทั้งตัว และเต็มไปด้วยเรี่ยวแรงอีกครั้งในทันที

น้ำพุวิญญาณมีความสามารถในการรักษาด้วยหรือเนี่ย?

อินชิงเสวียนจ้องมองน้ำพุ แล้วยิ่งรู้สึกว่าช่องว่างแห่งนี้น่าเหลือเชื่อเกินกว่าจะคิดได้

และเพื่อไม่ให้ถูกจับได้ เธอไม่ได้อยู่ข้างในนานมาก หลังจากทำงานมาสักพัก เธอก็กลับออกมาจากช่องว่าง

อวิ๋นฉ่ายกับยายหลี่กำลังหยอกเล่นกับเด็กน้อยที่ห้องด้านนอก พอได้ยินเสียงของทั้งสองคน อินชิงเสวียนก็รู้สึกโล่งใจ

อยู่ดีๆ เธอก็คิดถึงน้ำพุวิญญาณอีกครั้ง ถ้าหากให้ยายหลี่ อวิ๋นฉ่ายและเด็กน้อยดื่มด้วย จะช่วยให้พวกเขามีสุขภาพแข็งแรงได้ด้วยหรือไม่ เธอจึงตะโกนขึ้นทันทีว่า "อวิ๋นฉ่าย เจ้าไปหาชามที่ตักน้ำได้มาให้ข้าหน่อย"

เมื่อลองอ้าปาก อินชิงเสวียนพบว่าเลือดลมของตนเองดีขึ้นไม่น้อย

อวิ๋นฉ่ายตอบรับ จากนั้นก็ไปนำชามกระเบื้องสีขาวใบหนึ่งมา

"พระสนมจะเอาไปทำอะไรหรือเพคะ"

เมื่อต้องเผชิญหน้ากับยัยหนูที่เหมือนกับเด็กขี้สงสัยเช่นนี้ อินชิงเสวียนรู้สึกว่าเธอจำเป็นจะต้องอธิบายเสียหน่อย มิเช่นนั้นต่อไปเธอคงไม่สามารถเอาอะไรออกมาจากช่องว่างได้

เธอพูดเสียงเบาว่า "เมื่อคืนนี้ตอนที่ลูกยังไม่เกิด ข้าได้พบกับเซียนองค์หนึ่ง ท่านได้มอบถุงเฉียนคุนที่มีเพียงข้าคนเดียวเท่านั้นที่ใช้ได้ให้กับข้า ข้างในนั้นมีของอร่อยๆ อยู่เยอะแยะ ข้าจะไปเอาน้ำจากน้ำพุเซียนมาให้เจ้ากับยายหลี่ได้ดื่มกัน"

อวิ๋นฉ่ายตกตะลึงจนอ้าปากกว้าง และตาแทบจะถลนออกมา

"พระสนม นี่...เป็นเรื่องจริงรึเพคะ?"

"แน่นอน ไม่อย่างนั้นบะหมี่ที่พวกเจ้ากินจะมาจากไหน?"

อินชิงเสวียนพูดอย่างมั่นใจและหนักแน่น แล้วพูดต่อด้วยเสียงเบาว่า "เรื่องนี้รู้แค่พวกเราสามคนเท่านั้น ถ้าเกิดถูกผู้อื่นได้ยินเข้า จะต้องนำหายนะมาสู่พวกเราแน่นอน เข้าใจไหม?"

อวิ๋นฉ่ายรีบพยักหน้า และพูดด้วยความระวัง "บ่าวทราบแล้วเพคะ"

เมื่อเห็นว่ายัยหนูเชื่อคำพูดของเธอง่ายๆ เช่นนี้ อินชิงเสวียนก็กระตุกยิ้มที่มุมปาก คนโบราณโน้มน้าวง่ายเสียจริง

เธอจึงพูดด้วยเสียงเคร่งขรึมต่อทันที "ถ้าอย่างนั้นก็ออกไปเถอะ ข้าจะไปตักน้ำพุวิญญาณมาให้พวกเจ้าชิม"

หลังจากที่อินชิงเสวียนกันอวิ๋นฉ่ายออกไปแล้ว เธอก็เข้าไปในช่องว่างอีกครั้ง และเมื่อมองไปที่มะเขือเทศและแตงกวาก็พบว่าพวกมันออกดอกแล้ว

ดูจากความเร็วในการเติบโต คิดว่าพรุ่งนี้ก็คงเก็บเกี่ยวได้แล้ว

พอคิดว่าไม่ต้องกินอาหารบูดเน่าอีกต่อไป อินชิงเสวียนก็ดีใจไปพักใหญ่

เธอเดินไปที่ตาน้ำของน้ำพุด้วยความชื่นมื่น และตักน้ำขึ้นมาหนึ่งชาม

แต่เมื่อเห็นใบหน้าที่สะท้อนในน้ำ ก็อดที่จะชื่นชมไม่ได้

เจ้าของร่างเดิมเป็นคนที่สวยจริงๆ คิ้วโก่งโค้งเป็นรูปใบหลิ่วตามแบบมาตรฐาน ใบหน้ารูปไข่ ดวงตางดงามสุกใสราวกับสามารถพูดได้ น่าเสียดายคนสวยไร้ที่ติเช่นนี้ยังต้องวางแผนเล่นเล่ห์เพื่อให้ได้นอนกับผู้ชายเฮงซวยคนนั้น ทำไมถึงคิดสั้นแบบนั้นนะ

และเมื่อคิดถึงเด็กน้อยที่เจ้าของร่างเดิมทนทุกข์ทรมานคลอดออกมา ต่อไปไม่ว่าอย่างไรก็จะไม่ยอมให้เจ้าฮ่องเต้เฮงซวยได้เอารัดเอาเปรียบอีก

เธอน่าจะไปหาพ่อของเจ้าของร่างเดิมที่เมืองซุ่ยหานและเอาช่องว่างไปด้วย ไปใช้ชีวิตอยู่ด้วยกันและช่วยกันทำมาค้าขาย มีเวลาว่างก็หาหนุ่มหล่อสักคน ยังไงก็ดีกว่าชีวิตปากหวานก้นเปรี้ยวในวังเช่นนี้

เพราะเธอไม่ได้พิศวาสในชีวิตที่ต้องแย่งผู้ชายกับผู้หญิงคนอื่น

คิดมาถึงตรงนี้ อินชิงเสวียนรู้สึกว่าชีวิตมีเป้าหมายขึ้นมาทันที

เธอยกน้ำออกไปที่ห้องด้านนอก และพูดกับอวิ๋นฉ่ายกับยายหลี่ "นี่ก็คือน้ำจากน้ำพุเซียน พวกเจ้าก็ดื่มหน่อย"

ยายหลี่สะดุ้งตกใจ รีบพูดขึ้นว่า "อวิ๋นฉ่าย ยังไม่รีบมารับไปอีก ร่างกายพระสนมยังอ่อนแออยู่ ยกของหนักๆ เช่นนี้ไหวที่ไหน"

อินชิงเสวียนยิ้มอย่างไม่คิดมาก

"ไม่เป็นไร ได้ดื่มน้ำจากน้ำพุเซียนไป ข้าหายดีแล้ว พวกเจ้าก็ลองดูสิ"

ยายหลี่ได้ฟังเรื่องราวจากอวิ๋นฉ่ายแล้ว แต่ในใจก็ยังเชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่ง โลกนี้มีเซียนอยู่จริงๆ หรือ?

หากมีอยู่จริง เหตุใดจึงไม่มาเร็วกว่านี้ พวกเธออยู่ที่วังเย็นแห่งนี้มาหนึ่งปีแล้ว ยังไม่ลำบากพออีกหรือ?

อวิ๋นฉ่ายใช้แก้วตักน้ำขึ้นมา เมื่อดื่มเข้าไปก็รู้สึกว่าหวานอร่อยและเย็นฉ่ำ ร่างกายสดชื่น สบายตัว ความเหนื่อยล้าหายเป็นปลิดทิ้ง

พูดขึ้นด้วยน้ำเสียงตื่นเต้น "จริงๆ ด้วย ยายหลี่ ท่านก็ลองชิมดูสิ"

ยายหลี่ก็ดื่มด้วยเช่นกัน และก็ตกตะลึงในทันที

สายตาที่เคยพล่ามัวมาหลายปี ไม่พล่ามัวแล้ว มองอะไรก็ไม่เห็นภาพซ้อนแล้ว ขาที่เมื่อกี้ยังปวดอยู่ก็หายปวดไปเฉยๆ รู้สึกราวกับเป็นสาวขึ้นหลายปีทีเดียว

เธอลองเดินก้าวหนึ่ง และต้องพูดขึ้นด้วยความดีใจ "เป็นเรื่องจริงรึเนี่ย นึกไม่ถึงว่าพระสนมจะได้รับพรเช่นนี้ สวรรค์เมตตาตระกูลอินของเราจริงๆ"

พูดจบ ก็คุกเข่าลงดังตึ่ง แล้วพูดด้วยความตื่นเต้นอย่างมากว่า "พระสนม หากไทเฮาได้รับสิ่งนี้ พระองค์จะต้องทำดีกับพระสนมแน่ ยิ่งไปกว่านั้นพวกเรายังมีพระโอรสด้วย นี่เป็นโอกาสดีที่พวกเราจะออกจากวังเย็นมิใช่หรือเพคะ?"

อินชิงเสวียนสีหน้าอึมครึมทันที พูดว่า "อย่าได้พูดคำพูดเช่นนี้อีก จิตใจคนนั้นโลภมากที่สุด เจ้าให้นางดื่มหนึ่งอึก นางก็จะอยากได้อึกที่สอง หากข้าไม่ให้แล้ว นอกจากนางจะไม่รู้สึกขอบคุณในบุญคุณก่อนหน้า กลับจะยังคับแค้นในใจเสียอีก ยิ่งไปกว่านั้นพวกเรามาอยู่ในวังเย็นปีกว่าแล้ว เราไม่รู้สถานการณ์ข้างนอกเลย และบ้านข้าก็เป็นขุนนางต้องโทษ หากมีคนคิดจะให้ร้าย แล้วเราจะรักษาชีวิตตัวเองอย่างไร? เหตุใดฝ่าบาทจึงหลับนอนกับข้า พวกเจ้าก็รู้ดี เจ้าคิดว่าเขาจะปกป้องข้าเพราะลูกคนเดียวหรือ?"

เมื่อได้ยินดังนั้น ยายหลี่ก็หวาดกลัวจนเหงื่อกาฬไหลพรู

เธอคิดเพียงว่าพระสนมจะสามารถอดทนจนกว่าเรื่องร้ายกลายเป็นดี เพื่อใต้เท้าจะได้กลับเมืองหลวงอีกครั้ง แต่ไม่เคยคิดมากถึงขั้นนี้

ณ ตอนนี้ หากออกไปสุ่มสี่สุ่มห้า ก็ยากที่จะพลิกผันอะไรได้จริงๆ ดีไม่ดีแม้แต่องค์ชายก็ไม่อาจปกป้องได้

และเมื่อคิดถึงท่าทีที่ฮ่องเต้มีต่อพระสนม ก็ต้องพยักหน้ายอมรับ

"พระสนมโปรดอภัยเพคะ บ่าวไม่รอบคอบ จนเกือบทำร้ายพระองค์"

อินชิงเสวียนรู้ว่าแม่นมนั้นรักตนเองจริงๆ และทำเพื่อตระกูลอิน เธอยื่นมือพยุงยายหลี่ลุกขึ้น

"แม้ว่าเจ้ากับข้ามีฐานะเป็นนายบ่าว แต่มีความผูกพันฉันแม่ลูก ต่อไปเจ้าไม่ต้องคุกเข่าเช่นนี้อีก และไม่ต้องคิดอะไรอื่นด้วย ควรจะทำเช่นไร ข้ามีความคิดของตนเอง"

เมื่อเห็นแววตามุ่งมั่นของพระสนม ยายหลี่ก็ตะลึงงัน

เด็กผู้หญิงที่ตนเห็นมาตั้งแต่เด็กจนโตนั้น ราวกับโตเติบขึ้นในชั่วพริบตา

Related chapter

Latest chapter

DMCA.com Protection Status