ระหว่างนี้เขาก็ยกสุราขึ้นดื่มอวยพรเป็นระยะ เวลาที่เหล่าชายาของเขากล่าวอวยพระพระมารดา รวมถึงเหล่าขุนนางทั้งหลายที่พากันยกจอกสุราดื่มอวยพร และพากันทะยอยมอบของขวัญบรรณการกันเป็นระยะ
รวมถึงเหล่าภรรยาใหม่ๆทั้งหลายของเขาที่พากันถวายของขวัญแก่พระมารดาของเขาเพื่อเอาอกเอาใจกันเป็นระยะ บางนางมาจากครอบครัวที่ร่ำรวยของขวัญก็ย่อมจะล้ำค่าราคาแพงและแปลกตา ไทเฮาขอบคุณเหล่าสะใภ้และขุนนางที่เข้าถวายของขวัญแก่พระนาง
ส่วนสนมปลายแถวเช่นหงลี่จะมีอะไรไปถวายว่าที่แม่สามีกันเล่า ได้แต่เฝ้ามองคนอื่นๆ มอบของขวัญ และเฝ้ามองการแสดงตรงหน้าที่สลับกันมาให้ความบันเทิงในหลากหลายรูปแบบเท่านั้น
เมื่องานเลี้ยงใกล้จะเลิกรา ก็มีการถวายพระพรกันอีกครั้งและก็กล่าวปิดงานโดยไทเฮาและฮ่องเต้ที่ขอบใจเหล่าบรรดาราชวงศ์และขุนนางน้อยใหญ่ที่มาเข้าร่วมถวายพระพรองค์ไทเฮา และเหล่าแขกที่มาร่วมงานก็เริ่มทะยอยกันออกไปจากท้องพระโรง ส่วนฮ่องเต้และฮองเฮาเสด็จลงจากที่ประทับทางด้านข้าง และก็หายลับเข้าไปทางห้องด้านหลังเป็นอันว่าเสด็จกลับแล้ว
พระชายาและสนมน้อยใหญ่ก็พากันลุกขึ้นแล้วก็ทะยอยกลับเช่นกัน รวมถึงเหล่าขุนนางด้วย ส่วนหงลี่ก็เมื่อยเนื้อตัวไม่น้อยกำลังจะลุกขึ้นและออกไปจากท้องพระโรงนี้เช่นกัน อยู่ๆ ก็มีนางกำนัลเดินมากระซิบบอกนางให้ตามไปเพราะฮ่องเต้มีพระประสงค์จะพบกับหงลี่ที่ห้องพระอักษร ทำให้หงลี่จำต้องเดินตามนางกำนัลที่นำทางนางไปยังห้องทรงอักษรของฮ่องเต้ที่ต้องเดินลัดออกไปทางด้านหลัง โดยมีสายตาหลายคู่มองตามหลังนางไป โดยที่หงลี่ไม่รู้ตัวเลยสักนิด
หงลี่เดินตามหลังนางกำนัลผู้นั้นไปก็มองไปตามรายทางระหว่างที่นางเดินไปด้วย พระราชวังแห่งนี้ล้วนโอ่งโถงและหรูหรานักมีทั้งประดับประดาไปด้วยทองคำ หยก และอัญมณีหลากหลาย ดูแล้วน่าจะเป็นของแท้ที่มีมูลค่าไม่น้อย นางมองและเดินชมอย่างเพลิดเพลินเพราะเพิ่งเคยเข้ามาในท้องพระโรงแห่งนี้เป็นครั้งแรก
แต่แล้วก็พลันนึกได้ว่าฮ่องเต้เรียกนางไปพบ ด้วยสาเหตุใดหรือ นางเริ่มไม่สบายใจ เพราะเกรงจะถูกเรียกเข้าถวายตัว นางมีมลทินแล้วมิกล้าขึ้นถวายตัวจะทำประการใดดี
หงลี่คิดด้วยความวิตกไปตลอดเส้นทางการเดินจนมาถึงเรือนหลังใหญ่แห่งหนึ่งที่่่่สร้างแยกจากหมู่เรือนน้อยใหญ่ที่อยู่ในบริเวณใกล้ๆกัน นางก้าวเข้าไปในประตูที่สาวใช้นางนั้นเคาะแล้วเปิดออกให้นางเดินเข้าไป
“ ที่นี่แหละเพคะ พระสนมเชิญเข้าไปด้านใน ฮ่องเต้รอท่านอยู่แล้ว ไม่ควรให้เนิ่นช้าเกินไป ” หงลี่จึงได้เดินเข้าไปพร้อมกับนางกำนัลผู้นั้นปิดประตูลงทันที
หงลี่เดินเข้าไปเรื่อยๆ จนกระทั่งพบโต๊ะทำงานที่สลักเสลางดงามตกแต่งด้วยสีทองกระจ่างตา ในห้องนี้ข้าวของเครื่องใช้ล้วนหรูหราราคาแพงทั้งสิ้น นางมองไปที่โต๊ะทรงอักษรตัวนั้นแต่ไม่พบผู้ใด นางจึงกวาดตามองไปแล้วก็พบกับร่างของฮ่องเต้ที่ยังทรงอาภรณ์ชุดสีทองชุดเดิมที่ทรงสวมเมืื่อร่วมงานเลี้ยงเมื่อครู่
พระองค์กำลังยืนจ้องมองไปที่ด้านนอกหน้าต่าง และไม่ยอมหันกลับมาเสียที หงลี่อดไม่ได้จึงได้เอ่ยขึ้นว่า “ หม่อมฉันหยูหงลี่มาพบตามพระประสงค์แล้วเพคะ ”
ร่างหนาในชุดสีทองสง่างามนั้นก็ค่อยๆหันกลับมา และแล้วดวงตาของหงลี่ก็เบิกโพลงขึ้น นางแทบไม่เชื่อสายตาตนเองเลยสักนิด เขาคือหลี่หมิงเช่นนั้นหรือ นางกวาดตามองจนทั่วร่างล่ำสันที่บัดนี้ยิ่งดูสง่างามและสูงส่งยิ่งนัก เรือนกายล่ำสันสวมอาภรณ์สีทองลายมังกรที่ดูหรูหราและเหมาะสมกับเรือนร่างสูงสง่าของเขายิ่งนัก
“ ท่านคือ…..” เสียงของหงลี่ขาดหายไปในลำคอ ริมฝีปากหยักหนายกยิ้มนิด ๆ “ ใช่เราคือฮ่องเต้ และเจ้าคือสนมผู้ต่ำต้อยที่เราเรียกเจ้ามาปรนนิบัติในวันนี้ เขาเอ่ยขึ้นพร้อมกับเดินไปทรุดนั่งที่ตั่งไม้ที่สลักเสลาอย่างงดงามตัวหนึี่งที่ตั้งอยู่ริมผนังข้างหนึี่ง เขาทรุดนั่งลงอย่างสง่างาม พร้อมกับกระดิกนิ้วเป็นเชิงเรียกหงลี่ให้เดินไปหา
” พระองค์มีพระชายาและสนมมากมาย เหตุใดไม่เรียกสตรีที่งดงามเหล่านั้นมาปรนนิบัติเพคะ ทำไมต้องเรียกสตรีบ้านนอกที่มีตำแหน่งเพียงสนมผู้ต่ำต้อยเช่นหม่อมฉันมาปรนนิบัติพระองค์เล่าเพคะ " หงลี่ที่เมื่อรู้ความจริงว่าหลี่หมิงคือฮ่องเต้นางจึงกล้าต่อฝีปากกับเขา อย่างไม่เกรงกลัวจนตัวสั่นเหมือนในทีแรก
“ เราคือฮ่องเต้ จะทำสิ่งใดก็ย่อมได้ทั้งนั้น และเจ้าคือนางบำเรอที่เราต้องการให้มารับใช้ เราจะเรียกเจ้ามาหรือสตรีนางอื่นก็ย่อมเป็นสิทธิ์ของเรา ไม่ใช่เจ้าจะมาตัดสินใจแทนได้ รีบมาเร็วๆ เข้า ” หงลี่จำต้องเดินนวยนาดตรงไปหาเขาที่จ้องมองนางไม่คลาดสายตา คนบ้า… หงลี่แอบคิดในใจ หลอกลวงข้าว่าเป็นช่างไม้ แต่ที่จริงแล้วท่านคือ…มิน่าเล่า ครอบครัวของนางถึงได้ถูกเนรเทศเพราะบังอาจไปทำร้ายเขาจนบาดเจ็บมากเพียงนั้น แต่เขาก็ยังปราณีไม่สั่งประหารครอบครัวของนาง
ใช่นางจำภาพที่บิดาให้บ่าวทั้งเตะทั้งต่อย และทุบตีเขาไม่ยั้งมือ และมารดาของเขาท่านป้าซ่งก็คงจะเป็นองค์ไทเฮาที่นั่งอยู่่ข้างกายของเขาเมื่อตอนงานเลี้ยงในท้องพระโรง ใช่แล้ว นางเห็นใบหน้าของพวกเขาไม่ชัดเจนเพราะนั่งอยู่ห่างไกลออกไปมาก มองเห็นได้เพียงลางๆ ส่วนคนผู้นี้นางแค่ดูคุ้นตาเท่านั้น
และเมื่อหงลี่เดินเข้าไปใกล้แล้ว เขาก็สั่งว่า “ ถอดอาภรณ์ของเจ้าออก เดี๋ยวนี้ ” หงลี่ตะลึงงัน แต่เมื่อมองสบตาเขาก็เห็นว่าเขาเอาจริง และเขาคือฮ่องเต้นางจะทำเช่นไรได้ นอกจากยอมถอดอาภรณ์ของตนเองทีละชิ้นต่อหน้าเขา ต่อให้เขาสั่งให้นางคลาน นางก็คงจำต้องคลาน จะทำอย่างไรได้มากไปกว่านี้
เมื่อถอดอาภรณ์ชั้นนอกออกไปจนหมดสิ้นแล้ว เหลือเพียงตูโต้วผ้าเนื้อบางสีขาวที่มีลายปักดอกเหม่ยกุ้ยที่บางจนมองทะลุไปเห็นผลอิงเถาสองผลของนางได้อย่างชัดเจน แต่มันรู้สึกมองแล้วเร้าอารมณ์หนุ่มได้มากกว่า ฮ่องเต้จึงได้สั่งให้นางหยุด นางเหลือเพียงกระโปรงตัวบางและตูโต้วเท่านั้น
เขากระดิกนิ้วอีกทำให้นางจำต้องขยับเข้าไปใกล้เขาให้มากขึ้น และแล้วมือหนาก็ยื่นมาคว้าตัวของนางอย่างแรง จนหงลี่เสียหลักลงไปนั่งบนตักแกร่งของเขา แต่เขาก็ยังไม่พอใจ สองมือหนาคู่นั้นจับที่เอวคอดของนาง แล้วยกตัวขึ้นสูง
“ กางขาออกให้กว้าง…. ” เขาออกคำสั่งกับนาง และหงลี่ก็จำต้องยอมแยกขาของตัวเองออก แล้วก็ถูกเขาจับให้นางแยกขาคร่อมลำตัวของเขา โดยที่ตัวของนางนั่งอยู่บนตักหนานั้น
ใบหน้าของฮ่องเต้หนุ่มนั้นอยู่ระดับต้นคอของนาง ดวงตาคู่คมส่งแสงวิบวับดูไม่น่าไว้ใจนัก และแล้วเขาก็ก้มลงแล้วดูดผลอิงเถาของนางที่อยู่ใต้ตูโต้วผืนบางในทันที เขาลองไล้เลียชิมรสมันอยู่ครู่หนึ่ง แล้วก็อ้าปากออกครอบผลอิงเถาตรงหน้าเข้าไปแทบจะครึ่งเต้า หงลี่แอ่นร่างหยัดขึ้นทันที เพราะนางรู้รสรักของเขามาแล้ว ไฟสวาทของนางย่อมจะจุดติดได้อย่างง่ายดายนัก ร่างขาวผ่องแอ่นหยัด ปากก็ร้องครางออกมาเบาๆ “ อู๊ยยยย อู๊ยยยย พี่หลี่หมิง อ๊าาาา ”
มือบางของนางเสยเข้าที่เส้นผมของฮ่องเต้หนุ่มอย่างไม่เกรงกลัวอีกต่อไป แต่เขาก็มิได้ว่าอะไรนางสักคำปล่อยให้นิ้วน้อยๆ ของนางเสยเข้าไปในเส้นผมดกหนาของเขา แล้วโน้มศีรษะของเขาลงมาจนชิดอกอวบใหญ่ที่แอ่นระแน้ขึ้นหาเขา เสียงดูดจ๊วบจ๊าบดังขึ้นอย่างหยาบคาย ฮ่องเต้หนุ่มไม่ได้สนใจสิ่งใดนอกจากเต้าอวบคู่หวานตรงหน้า เขาสลับเชยชมมันไปมาทั้งสองข้าง ดูดดื่มมันดังเช่นทารกกระหายนมมารดากระนั้น ส่วนสตรีร่างบางแต่เมื่อยามเปลือยเปล่าเรือนร่างกลับอวบอิ่มงดงามยิ่งนัก นางร้องครวญครางปานจะขาดใจ เมื่อถูกทั้งดูดทั้งไล้เลียสลับกันไปทั้งสองข้าง เมื่อดูดเต้าหวานของสตรีบนตักจนพอใจแล้ว เขาก็เงยหน้าขึ้นสบตาที่เต็มไปด้วยไฟสวาทของสนมตัวน้อยของเขา และแล้วใบหน้าของทั้งสองก็เลื่อนเข้าหากัน แล้วจูบที่ดูดดื่มและเร่าร้อนเหมือนหิวกระหายในกันและกันเหลือแสนก็เริ่มต้นขึ้น จูบนั้นยาวนานเหลือเกิน นานจนหงลี่แทบจะขาดใจ ฮ่องเต้หนุ่มจึงยอมปล่อยนาง ขณะที่มือหนาของเขาก็สอดเข้าไปใต้กระโปรงที่บัดนี้เลิกขึ้นมาอยู่ที่เอวคอดของนาง ส่วนด้านล่างนั้นเปลือยเปล่า ชั้นในตัวน้อยที่ผูกปมเอาไว้ที่สะโพกทั้งสองข้างนั้นไม่ทราบว่าหายไปที่ใดแล้
ระหว่างนี้เขาก็ยกสุราขึ้นดื่มอวยพรเป็นระยะ เวลาที่เหล่าชายาของเขากล่าวอวยพระพระมารดา รวมถึงเหล่าขุนนางทั้งหลายที่พากันยกจอกสุราดื่มอวยพร และพากันทะยอยมอบของขวัญบรรณการกันเป็นระยะ รวมถึงเหล่าภรรยาใหม่ๆทั้งหลายของเขาที่พากันถวายของขวัญแก่พระมารดาของเขาเพื่อเอาอกเอาใจกันเป็นระยะ บางนางมาจากครอบครัวที่ร่ำรวยของขวัญก็ย่อมจะล้ำค่าราคาแพงและแปลกตา ไทเฮาขอบคุณเหล่าสะใภ้และขุนนางที่เข้าถวายของขวัญแก่พระนางส่วนสนมปลายแถวเช่นหงลี่จะมีอะไรไปถวายว่าที่แม่สามีกันเล่า ได้แต่เฝ้ามองคนอื่นๆ มอบของขวัญ และเฝ้ามองการแสดงตรงหน้าที่สลับกันมาให้ความบันเทิงในหลากหลายรูปแบบเท่านั้นเมื่องานเลี้ยงใกล้จะเลิกรา ก็มีการถวายพระพรกันอีกครั้งและก็กล่าวปิดงานโดยไทเฮาและฮ่องเต้ที่ขอบใจเหล่าบรรดาราชวงศ์และขุนนางน้อยใหญ่ที่มาเข้าร่วมถวายพระพรองค์ไทเฮา และเหล่าแขกที่มาร่วมงานก็เริ่มทะยอยกันออกไปจากท้องพระโรง ส่วนฮ่องเต้และฮองเฮาเสด็จลงจากที่ประทับทางด้านข้าง และก็หายลับเข้าไปทางห้องด้านหลังเป็นอันว่าเสด็จกลับแล้ว พระชายาและสนมน้อยใหญ่ก็พากันลุกขึ้นแล้วก็ทะยอยกลับเช่นกัน รวมถึงเหล่าขุนนางด้วย ส่วนหงลี่ก็เม
ช่วงสายวันต่อมา ฟางเอ๋อเข้ามาแสดงความยินดีกับพระสนมหยูนายหญิงของตนเอง เพราะนางดีใจเหลือเกินที่ฮ่องเต้เสด็จมาหาพระสนมที่ตำหนักนี้และอยู่ค้างคืนจนกระทั่งเช้าจึงได้กลับไป นับว่าเป็นข่าวดีนัก ที่พระสนมที่เกือบจะปลายแถวเช่นนายหญิงของตนได้รับใช้องค์ฮ่องเต้ในเวลาอันรวดเร็วเช่นนี้ ขนาดพระชายาที่รับการแต่งตั้งถึงสามนางยังไม่มีผู้ใดได้รับโอกาสในการถวายการรับใช้ดังเช่นนายหญิงของตนเลย“ บ่าวยินดีกับพระสนมจริงๆนะเพคะ ที่ท่านได้มีโอกาสปรนนิบัติฮ่องเต้แล้ว และรวดเร็วกว่าสตรีใดในวังหลังแห่งนี้เลยนะเพคะ หม่อมฉันทราบในตอนแรกแทบจะไม่เชื่อเลยว่าพระสนมจะได้ปรนนิบัติองค์ฮ่องเต้ได้รวดเร็วปานนี้ บ่าวได้ยินว่าขนาดพระชายาสามพระองค์นั่นยังไม่ได้มีโอกาสรับใช้ฮ่องเต้เลยนะเพคะ ”ฟางเอ๋อนางกำนัลน้อยกล่าวอย่างยินดีในบุญวาสนาของนายหญิงตนเอง ขณะที่นางกำลังปรนนิบัตินายหญิงหลังจากอาบน้ำแล้ว ก็หวีผมยาวสลวยให้และกำลังติดเครื่องประดับผมที่มีขันทีนำมามอบให้เมื่อวานนี้ ใบหน้าของหงลี่เปลี่ยนสีไปทันที ใครบอกว่าฮ่องเต้เสด็จมาที่ตำหนักของนางกัน ชายคนเมื่อคืนที่เคี่ยวกรำนางแทบจะทั้งคืนกว่าจะยอมปล่อยให้นางนอนหลับ แ
หลี่หมิงดึงรั้งอาภรณ์ของสตรีใต้ร่างจนแทบจะหลุดลุ่ย เขาฉีกตูโต้วผืนบางของนางออกจนขาดเป็นทาง แล้วแหวกกระโปรงผ้าเนื้อบางเบาของนางออก เลิกมันขึ้นไปจนสูง เปิดเปลือยเนินเนื้ออวบใหญ่ที่คุ้นตาให้แก่เขา หลี่หมิงถอดกางเกงของตนเองอย่างรวดเร็ว แล้วจับเจ้าลูกชายของเขาถูไถเนินเนื้อของนางไปมา แต่ไม่ยอมสอดเข้าไป เพียงถูไถมันไปมาเพียงเท่านั้น ส่วนสตรีใต้ร่างก็ดิ้นรนขัดขืนไม่สมยอมเขาดังเช่นที่เคยผ่านมา “ ปล่อยข้านะ ปล่อยข้า เจ้าคนชั่ว เจ้าคนเลวอย่าทำอะไรข้านะ ไม่อย่างนั้นข้าจะร้องให้คนช่วย ออกไปจากเรือนของข้านะ ” นางกรีดร้อง แต่ก็ไม่กล้าเสียงดังจนเกินไปเพราะเกรงจะมีคนได้ยิน แล้วหลี่หมิงจะเดือดร้อน นางแค่ต้องการให้เขาโกรธและเลิกมายุ่งเกี่ยวกับนางแต่หลี่หมิงไม่สนใจเสียงข่มขู่นั้น เขากลับก้มลงดูดอกอวบใหญ่ที่สั่นไหวอยู่ใต้ร่าง เขาขบกัดผลอิงเถาของนางอย่างแรง สลับกับไล้เลียมันไปมา หงลี่พยายามดิ้นรนไม่ยอมให้เขากระทำตามใจ แต่ยิ่งดิ้นยิ่งถูกดูด เขาดูดเต้าหวานของนางจนแทบจะเข้าไปในปากทั้งเต้า ดูดอย่างแรง ดูดสลับกับไล้เลียชิมรสของมัน ดูดจนสตรีใต้ร่างเลิกดิ้นรนหนี แต่เปลีี่ยนไปเป็นดิ้นพล
หลังจากผ่านไปกว่าสิบวัน หงลี่ก็เริ่มดีขึ้น นางทำใจได้แล้ว เพราะถึงทำใจไม่ได้นางก็ทำอะไรไม่ได้ ครอบครัวที่ถูกเนรเทศไปก็ยังดีกว่าถูกประหาร นางได้คิดก็เพราะมีนางกำนัลวัยกลางคนที่นำอาภรณ์และข้าวของมาให้กับนางได้เตือนสตินางเช่นนี้ ใช่ อย่างน้อยพวกเขาก็ยังไม่ตาย แค่เพียงย้ายถิ่นฐานไปอยู่แคว้นอื่น หากมีวาสนาภายหน้าอาจจะได้พบกัน ส่วนนางบัดนี้มาอยู่ในวังหลวง ไม่ได้ทำการงานอะไร เพียงนั่งทอดถอนหายใจทิ้งไปไว้ๆ นางมาอยู่ที่นี่ได้เพียงสองวันก็มีสาวใช้นางหนึ่งมาแนะนำตัวกับนาง ว่ามีชื่อว่าฟางเอ๋อ ได้รับมอบหมายให้มาเป็นนางกำนัลประจำตัวของพระสนม แม้นางจะเป็นสนมขั้นต่ำสุด แต่ก็ยังมีคนรับใช้ และเมื่ออยู่ๆ ไปก็ได้รับความรู้จากนางกำนัลที่มารับใช้ว่านางคือพระสนมขั้นเฟย ที่เป็นชั้นต่ำสุดในบรรดาพระสนม และพระสนมทุกคนในวังหลวงก็ใช่ว่าจะได้ถวายตัวให้แก่ฮ่องเต้ บางคนก็ไม่เคยได้พบหน้าพระองค์เลยด้วยซ้ำ ฟางเอ๋อยกตัวอย่างฮ่องเต้รัชกาลที่ผ่านมาให้ฟังส่วนฮ่องเต้องค์ใหม่พระองค์นี้ เพิ่งจะรับนางสนม และพระชายาเข้ามาเป็นชุดแรก ส่วนฮองเฮายังไม่ได้สถานปนาเพราะพระองค์เพิ่งขึ้นครองราชย์ หงลี่นั่งรับฟังก
แต่คำตอบของหงลี่ก็คือการที่นางตวัดฝ่ามือตบหน้าของเขาดังฉาด “ ออกไปนะ ออกไปจากห้องของข้า ไม่อย่างนั้นข้าจะตะโกนให้คนรู้กันทั้งจวนว่าเจ้าลอบเข้ามาในห้องนอนของข้า ” หลี่หมิงชะงักไป เขาจ้องมองใบหน้าที่มองเขาด้วยดวงตาเฉยชา นางมองเมินไปทางอื่น หลี่หมิงจ้องมองใบหน้างามของอดีตคนรักแล้วก็ตัดสินใจถอยออกไปจากเรือนของนาง คนที่ไม่มีใจต่อให้เขายื้อยุดนางเอาไว้แทบตาย ก็คงจะยื้อนางเอาไว้ไม่ได้เขามาที่นี่ก็เพื่อให้แน่ใจว่าเขาได้ยินไม่ผิดไป นางไม่ได้มีใจให้เขา แค่เพียงหลอกปั่นหัวเขาเล่นๆ และวันนี้เขาแน่ใจแล้วว่านางไม่ได้รักเขาจริงๆเขากลับออกมาเพราะเสียใจที่ได้รู้ว่าอดีตคนที่เขาคิดว่ารักกลับไม่ได้รักตนเอง เพียงหลอกลวงเล่น ๆ และนางนั้นมิได้รักบุรุษใดทั้งสิ้น รักเพียงเงินของบุรุษผู้นั้น ส่วนเขาไม่มีสิ่งที่นางอยากได้นางจึงไม่ต้องการแต่งงานกับเขาอยู่แล้ว หลี่หมิงเสียใจและผิดหวังเหลือเกิน เขาเดินออกมาจากเรือนของสตรีอดีตคนเคยรักแล้วก็ลัดเลาะออกมาจากจวนของขุนนาง หยูได้อย่างปลอดภัย หลังจากค่ำคืนแห่งรักและแค้นคืนนั้น หลี่หมิงก็ลอบออกมาจากจวนของขุนนางหยูแล้วก็กลับเรือนของตนเองไปเขาตั้งใจว