ช่วงสายวันต่อมา ฟางเอ๋อเข้ามาแสดงความยินดีกับพระสนมหยูนายหญิงของตนเอง เพราะนางดีใจเหลือเกินที่ฮ่องเต้เสด็จมาหาพระสนมที่ตำหนักนี้และอยู่ค้างคืนจนกระทั่งเช้าจึงได้กลับไป
นับว่าเป็นข่าวดีนัก ที่พระสนมที่เกือบจะปลายแถวเช่นนายหญิงของตนได้รับใช้องค์ฮ่องเต้ในเวลาอันรวดเร็วเช่นนี้ ขนาดพระชายาที่รับการแต่งตั้งถึงสามนางยังไม่มีผู้ใดได้รับโอกาสในการถวายการรับใช้ดังเช่นนายหญิงของตนเลย
“ บ่าวยินดีกับพระสนมจริงๆนะเพคะ ที่ท่านได้มีโอกาสปรนนิบัติฮ่องเต้แล้ว และรวดเร็วกว่าสตรีใดในวังหลังแห่งนี้เลยนะเพคะ หม่อมฉันทราบในตอนแรกแทบจะไม่เชื่อเลยว่าพระสนมจะได้ปรนนิบัติองค์ฮ่องเต้ได้รวดเร็วปานนี้ บ่าวได้ยินว่าขนาดพระชายาสามพระองค์นั่นยังไม่ได้มีโอกาสรับใช้ฮ่องเต้เลยนะเพคะ ”
ฟางเอ๋อนางกำนัลน้อยกล่าวอย่างยินดีในบุญวาสนาของนายหญิงตนเอง ขณะที่นางกำลังปรนนิบัตินายหญิงหลังจากอาบน้ำแล้ว ก็หวีผมยาวสลวยให้และกำลังติดเครื่องประดับผมที่มีขันทีนำมามอบให้เมื่อวานนี้
ใบหน้าของหงลี่เปลี่ยนสีไปทันที ใครบอกว่าฮ่องเต้เสด็จมาที่ตำหนักของนางกัน ชายคนเมื่อคืนที่เคี่ยวกรำนางแทบจะทั้งคืนกว่าจะยอมปล่อยให้นางนอนหลับ แล้วเมื่อนางตื่นมาอีกครั้งเขาก็ออกไปแล้ว
หลี่หมิงต่างหากที่….อยู่กับนางทั้งคืน ไม่ใช่ฮ่องเต้พระองค์นั้นสักหน่อย แต่ด้วยความกลัวว่าหลี่หมิงจะเดือดร้อน นางรีบหันไปกำราบนางกำนัลคนสนิทของตนเองทันที
“ ฟางเอ๋อ อย่าเที่ยวพูดไปนะ ว่าฮ่องเต้เสด็จมาที่ตำหนักของข้า ไม่ใช่สักหน่อย เจ้าคงจะเข้าใจผิดไป ฮ่องเต้ไม่ได้เสด็จมาที่นี่เจ้าเองก็เห็นไม่ใช่หรือ เมื่อคืนก่อนที่เจ้าจะกลับไปนอน ข้าอยู่เพียงคนเดียวในเรือนนี้ แล้วฮ่องเต้จะมาที่นี่ได้อย่างไรกัน เจ้าไปได้ยินมาจากที่ไหน ”
ฟางเอ๋ออึ้งงันไปทัน นางหันไปมองเตียงนอนหลังใหญ่ที่อยู่ริมผนังด้านหนึ่งของห้องนอนของพระสนมหยู นั่นมันมีร่องรอยว่ามีคนอยู่ร่วมเตียงกับพระสนมอย่างแน่นอน แล้วหากไม่ใช่ฮ่องเต้จะเป็นผู้ใดที่จะบังอาจเข้ามานอนในเรือนของพระสนมได้กันเล่า
เพราะพระสนมแม้ไม่เคยได้ปรนนิบัติรับใช้ฮ่องเต้ แต่ก็มิอาจจะมีบุรุษอื่นใดได้อีก แล้ว……ฟางเอ๋อรีบหยุดความคิดของตนเองไปทันที ในเมื่อนายหญิงของตนบอกว่าฮ่องเต้ไม่ได้มาที่นี่ก็คงจะไม่ได้มาจริงๆ
นางฟังเรื่องนี้มาจากสาวใช้เก่าแก่ของพระสนมนางหนึ่งที่อยู่ถัดไปอีกสามตำหนัก บอกเล่ากับนางเมื่อตอนพบกันในตอนที่นางไปรับโถอาหารเช้าจากเจ้าพนักงานที่นำอาหารมาส่งตามตำหนักต่างๆ สามเวลาในทุกๆวัน ทำให้เหล่านางกำนัลรับใช้มีโอกาสได้พบปะและสนทนาก้นบ้าง
หงลี่ไม่รู้ว่าหลี่หมิงคือฮ่องเต้ เพราะเขาไม่ได้บอกนาง เมื่อคืนเขาไม่ได้สวมอาภรณ์หรือเครื่องประดับใดที่แสดงฐานะของเขา แถมยังบอกว่าเขาคือสหายที่บังเอิญได้รู้จักฮ่องเต้ จึงได้เข้ามาอยู่ที่ในวังหลวงและได้รับพระราชทานตัวของนางเป็นรางวัล เขาหมายความว่าเขาทำความดีความชอบบางอย่างจนได้รับนางเป็นของกำนัล และเขาจะให้นางมาเป็นนางบำเรอของเขา ไม่คิดจะยกย่องนางไปมากกว่านี้
หงลี่ก็ไม่เข้าใจสิ่งที่เขาพูดนัก เขาหมายความว่าเขาไม่ได้คิดจะตบแต่งกับนางเช่นดังอดีตแล้ว แต่จะให้นางอยู่ในฐานะนางบำเรอของเขา เช่นนั้นหรือ หงลี่ที่เป็นเพียงบุตรีขุนนางบ้านนอกไม่เข้าใจเรื่องราวในวังหลวงแห่งนี้นัก ไม่เข้าใจระเบียบในวังหลังอีกด้วย นางเพียงเข้าใจบางกฏระเบียบอย่างที่มีเหล่าหมัวมัวที่อบรมนางเมื่อแรกเข้ามาอยู่ที่วังหลังแห่งนี้เท่านั้น
นางไม่เข้าใจว่าในฐานะพระสนมปลายแถวเช่นนางนั้น สามารถปรนนิบัติชายอื่นได้ด้วยหรือ หรือว่าฮ่องเต้นั้นจะมอบเหล่าสนมให้กับชายอื่นได้หรือไม่ เรื่องเหล่านี้นางเองก็ไม่รู้เลย แต่ก็ไม่กล้าถามฟางเอ๋อหรือผู้ใดทั้งนั้นเพราะเกรงว่าหลี่หมิงจะแอบอ้างว่าองค์ฮ่องเต้ว่ามอบนางให้กับเขา แล้วลักลอบเข้ามาหานาง
เช่นนี้แล้วเขาอาจจะได้รับโทษหนัก ไม่เพียงแต่เขานางเองก็คงจะต้องได้รับโทษหนักนั้นด้วยกระมัง หงลี่ได้แต่หวั่นใจ และภาวนาขอไม่ให้หลี่หมิงมาพบนางที่ตำหนักแห่งนี้อีก
และนางเองก็ภาวนาให้มีปาฎิหาริย์ที่ไม่ให้องค์ฮ่องเต้เรียกหานาง เพราะนางเองก็ไม่ใช่หญิงบริสุทธิ์แล้ว นางตกเป็นของชายอื่นไปแล้ว หากนางเข้าถวายตัวนางก็เกรงว่าจะถูกจับได้ และนางอาจจะมีโทษหนัก ที่ไม่แน่ว่าโทษหลอกลวงเบื้องสูงนี้มีโทษหนักหนาเพียงใด
ตั้งแต่ในคราแรกที่นางกำลังจะปริปากบอกคนที่พานางเข้ามาในวังหลวงว่านางถวายตัวเป็นสนมไม่ได้อีกแล้ว เพราะนางไม่ใช่สตรีบริสุทธิ์ แต่ก็มีเหตุอื่นทำให้คนผู้นั้นไม่ได้อยู่ฟังนางจนจบ เขาเร่งออกไปทันที เพราะมีผู้มาตามเขา ทำให้วันนั้นหงลี่เลยบอกความจริงยังไม่ทันได้รู้เรื่องกัน แล้วอย่างนี้นางจะเดือดร้อนหรือไม่หากเพิ่งจะมาบอกเอาป่านนี้แล้ว
สนมน้อยกระวนกระวายนัก ทั้งกลัวหลี่หมิงจะมาพบนางที่ตำหนักอีก ทั้งกลัวจะถูกเรียกให้เข้าเฝ้าถวายตัว ได้แต่ภาวนาไม่ให้เรื่องเหล่านี้เกิดขึ้น นางเองก็ไม่อยากจะมีสามีสองคนในเวลาเดียวกันหรอก ในหัวใจของนางมีเพียงหลี่หมิงเท่านั้น แต่ก็มิอาจจะครองคู่กันได้อีกแล้ว
และบัดนี้เขาก็คงจะเลิกรักนางแล้ว ความรู้สึกที่เขามีต่อนางก็คงจะเหลือเพียงความเกลียดชัง และรังเกียจสตรีแพศยาร่านชายเช่นนางกระมัง หงลี่คิดอย่างเศร้าสร้อยกับโชคชะตาอันพลิกผันของตน
หลายวันต่อมาสนมทุกนางได้ถูกเชิญไปที่ท้องพระโรงเพื่อร่วมงานเลี้ยงฉลองงานวันเฉลิมพระชมน์ของไทเฮาที่ในวังหลวงนั้นมีงานพิธีถึงสามวันสามคืน และมีการจัดเลี้ยงฉลองในท้องพระโรง โดยฮ่องเต้ ไทเฮา เหล่าพระชายาและพระสนม รวมถึงขุนนางและแม่ทัพนายกองน้อยใหญ่ร่วมงานในเลี้ยงฉลองนี้ด้วย
รวมถึงพระสนมหยูหงลี่ก็เช่นกัน แต่นางเป็นสนมปลายแถวขั้นเฟยแถมยังถูกจัดลำดับเอาไว้เกือบจะสุดท้าย นางจึงได้มีที่นั่งอยู่ทางด้านหลังแถวที่สาม ห่างไกลจากที่ประทับของฮ่องเต้ แต่ก็พอมองเห็นกันได้ในระยะหนึ่ง แต่ก็ไม่ชัดเจนนัก
นางรู้สึกว่าฮ่องเต้องค์นี้ทั้งรูปร่างหน้าตาและกิริยาท่าทางนั้นดูคุ้นตาเป็นอย่างมาก เขานั่งอยู่บนบัลลังฆ์ เคียงข้างไทเฮา และถัดลงมาเบื้องหน้าเขาก็เป็นที่นั่งของเหล่าพระชายาทั้งสองข้าง และก็มีสนมที่นั่งอยู่ตามตำแหน่งของตนเองรวมแล้วเท่าที่ประมาณด้วยสายตาน่าจะหลายสิบชีวิต
มีภรรยามากมายเช่นนี้ บางคนเขาก็คงไม่เรียกไปปรนนิบัติหรอกกระมัง โดยเฉพาะสนมชั้นปลายแถวเช่นนางที่จับพลัดจับพลูเข้ามาอยู่ในวังหลวงกับเขาได้อย่างไรก็ไม่รู้ได้
ส่วนฮ่องเต้หรือหลี่หมิงนั้น ก็แอบลอบมองสนมปลายแถวนางนั้นอยู่บ่อยครั้ง แล้วยกยิ้มอย่างสมใจ เป็นเช่นไรล่ะ เคยเหยียดหยามดูแคลนผู้อื่นว่าต่ำต้อยอย่างนั้นอย่างนี้ แต่บัดนี้ตนเองก็เป็นเพียงสนมชั้นปลายแถว ที่เขาไม่คิดจะยกย่องให้มีฐานะสูงส่งไปกว่านี้ เพียงแค่เก็บนางไว้บำเรอเช่นนี้ในเวลาที่ต้องการก็เพียงพอแล้วกระมัง
ช่วงสายวันต่อมา ฟางเอ๋อเข้ามาแสดงความยินดีกับพระสนมหยูนายหญิงของตนเอง เพราะนางดีใจเหลือเกินที่ฮ่องเต้เสด็จมาหาพระสนมที่ตำหนักนี้และอยู่ค้างคืนจนกระทั่งเช้าจึงได้กลับไป นับว่าเป็นข่าวดีนัก ที่พระสนมที่เกือบจะปลายแถวเช่นนายหญิงของตนได้รับใช้องค์ฮ่องเต้ในเวลาอันรวดเร็วเช่นนี้ ขนาดพระชายาที่รับการแต่งตั้งถึงสามนางยังไม่มีผู้ใดได้รับโอกาสในการถวายการรับใช้ดังเช่นนายหญิงของตนเลย“ บ่าวยินดีกับพระสนมจริงๆนะเพคะ ที่ท่านได้มีโอกาสปรนนิบัติฮ่องเต้แล้ว และรวดเร็วกว่าสตรีใดในวังหลังแห่งนี้เลยนะเพคะ หม่อมฉันทราบในตอนแรกแทบจะไม่เชื่อเลยว่าพระสนมจะได้ปรนนิบัติองค์ฮ่องเต้ได้รวดเร็วปานนี้ บ่าวได้ยินว่าขนาดพระชายาสามพระองค์นั่นยังไม่ได้มีโอกาสรับใช้ฮ่องเต้เลยนะเพคะ ”ฟางเอ๋อนางกำนัลน้อยกล่าวอย่างยินดีในบุญวาสนาของนายหญิงตนเอง ขณะที่นางกำลังปรนนิบัตินายหญิงหลังจากอาบน้ำแล้ว ก็หวีผมยาวสลวยให้และกำลังติดเครื่องประดับผมที่มีขันทีนำมามอบให้เมื่อวานนี้ ใบหน้าของหงลี่เปลี่ยนสีไปทันที ใครบอกว่าฮ่องเต้เสด็จมาที่ตำหนักของนางกัน ชายคนเมื่อคืนที่เคี่ยวกรำนางแทบจะทั้งคืนกว่าจะยอมปล่อยให้นางนอนหลับ แ
หลี่หมิงดึงรั้งอาภรณ์ของสตรีใต้ร่างจนแทบจะหลุดลุ่ย เขาฉีกตูโต้วผืนบางของนางออกจนขาดเป็นทาง แล้วแหวกกระโปรงผ้าเนื้อบางเบาของนางออก เลิกมันขึ้นไปจนสูง เปิดเปลือยเนินเนื้ออวบใหญ่ที่คุ้นตาให้แก่เขา หลี่หมิงถอดกางเกงของตนเองอย่างรวดเร็ว แล้วจับเจ้าลูกชายของเขาถูไถเนินเนื้อของนางไปมา แต่ไม่ยอมสอดเข้าไป เพียงถูไถมันไปมาเพียงเท่านั้น ส่วนสตรีใต้ร่างก็ดิ้นรนขัดขืนไม่สมยอมเขาดังเช่นที่เคยผ่านมา “ ปล่อยข้านะ ปล่อยข้า เจ้าคนชั่ว เจ้าคนเลวอย่าทำอะไรข้านะ ไม่อย่างนั้นข้าจะร้องให้คนช่วย ออกไปจากเรือนของข้านะ ” นางกรีดร้อง แต่ก็ไม่กล้าเสียงดังจนเกินไปเพราะเกรงจะมีคนได้ยิน แล้วหลี่หมิงจะเดือดร้อน นางแค่ต้องการให้เขาโกรธและเลิกมายุ่งเกี่ยวกับนางแต่หลี่หมิงไม่สนใจเสียงข่มขู่นั้น เขากลับก้มลงดูดอกอวบใหญ่ที่สั่นไหวอยู่ใต้ร่าง เขาขบกัดผลอิงเถาของนางอย่างแรง สลับกับไล้เลียมันไปมา หงลี่พยายามดิ้นรนไม่ยอมให้เขากระทำตามใจ แต่ยิ่งดิ้นยิ่งถูกดูด เขาดูดเต้าหวานของนางจนแทบจะเข้าไปในปากทั้งเต้า ดูดอย่างแรง ดูดสลับกับไล้เลียชิมรสของมัน ดูดจนสตรีใต้ร่างเลิกดิ้นรนหนี แต่เปลีี่ยนไปเป็นดิ้นพล
หลังจากผ่านไปกว่าสิบวัน หงลี่ก็เริ่มดีขึ้น นางทำใจได้แล้ว เพราะถึงทำใจไม่ได้นางก็ทำอะไรไม่ได้ ครอบครัวที่ถูกเนรเทศไปก็ยังดีกว่าถูกประหาร นางได้คิดก็เพราะมีนางกำนัลวัยกลางคนที่นำอาภรณ์และข้าวของมาให้กับนางได้เตือนสตินางเช่นนี้ ใช่ อย่างน้อยพวกเขาก็ยังไม่ตาย แค่เพียงย้ายถิ่นฐานไปอยู่แคว้นอื่น หากมีวาสนาภายหน้าอาจจะได้พบกัน ส่วนนางบัดนี้มาอยู่ในวังหลวง ไม่ได้ทำการงานอะไร เพียงนั่งทอดถอนหายใจทิ้งไปไว้ๆ นางมาอยู่ที่นี่ได้เพียงสองวันก็มีสาวใช้นางหนึ่งมาแนะนำตัวกับนาง ว่ามีชื่อว่าฟางเอ๋อ ได้รับมอบหมายให้มาเป็นนางกำนัลประจำตัวของพระสนม แม้นางจะเป็นสนมขั้นต่ำสุด แต่ก็ยังมีคนรับใช้ และเมื่ออยู่ๆ ไปก็ได้รับความรู้จากนางกำนัลที่มารับใช้ว่านางคือพระสนมขั้นเฟย ที่เป็นชั้นต่ำสุดในบรรดาพระสนม และพระสนมทุกคนในวังหลวงก็ใช่ว่าจะได้ถวายตัวให้แก่ฮ่องเต้ บางคนก็ไม่เคยได้พบหน้าพระองค์เลยด้วยซ้ำ ฟางเอ๋อยกตัวอย่างฮ่องเต้รัชกาลที่ผ่านมาให้ฟังส่วนฮ่องเต้องค์ใหม่พระองค์นี้ เพิ่งจะรับนางสนม และพระชายาเข้ามาเป็นชุดแรก ส่วนฮองเฮายังไม่ได้สถานปนาเพราะพระองค์เพิ่งขึ้นครองราชย์ หงลี่นั่งรับฟังก
แต่คำตอบของหงลี่ก็คือการที่นางตวัดฝ่ามือตบหน้าของเขาดังฉาด “ ออกไปนะ ออกไปจากห้องของข้า ไม่อย่างนั้นข้าจะตะโกนให้คนรู้กันทั้งจวนว่าเจ้าลอบเข้ามาในห้องนอนของข้า ” หลี่หมิงชะงักไป เขาจ้องมองใบหน้าที่มองเขาด้วยดวงตาเฉยชา นางมองเมินไปทางอื่น หลี่หมิงจ้องมองใบหน้างามของอดีตคนรักแล้วก็ตัดสินใจถอยออกไปจากเรือนของนาง คนที่ไม่มีใจต่อให้เขายื้อยุดนางเอาไว้แทบตาย ก็คงจะยื้อนางเอาไว้ไม่ได้เขามาที่นี่ก็เพื่อให้แน่ใจว่าเขาได้ยินไม่ผิดไป นางไม่ได้มีใจให้เขา แค่เพียงหลอกปั่นหัวเขาเล่นๆ และวันนี้เขาแน่ใจแล้วว่านางไม่ได้รักเขาจริงๆเขากลับออกมาเพราะเสียใจที่ได้รู้ว่าอดีตคนที่เขาคิดว่ารักกลับไม่ได้รักตนเอง เพียงหลอกลวงเล่น ๆ และนางนั้นมิได้รักบุรุษใดทั้งสิ้น รักเพียงเงินของบุรุษผู้นั้น ส่วนเขาไม่มีสิ่งที่นางอยากได้นางจึงไม่ต้องการแต่งงานกับเขาอยู่แล้ว หลี่หมิงเสียใจและผิดหวังเหลือเกิน เขาเดินออกมาจากเรือนของสตรีอดีตคนเคยรักแล้วก็ลัดเลาะออกมาจากจวนของขุนนาง หยูได้อย่างปลอดภัย หลังจากค่ำคืนแห่งรักและแค้นคืนนั้น หลี่หมิงก็ลอบออกมาจากจวนของขุนนางหยูแล้วก็กลับเรือนของตนเองไปเขาตั้งใจว
กบฎนั้นก่อโดยอ๋องเผยอันน้องชายของฮ่องเต้องค์เก่าที่เพิ่งจะสวรรคตไป และนางเองอดีตฮองเฮาต้องหอบหิ้วบุตรชายหนีมาเพราะนางให้กำเนิดเขาเมื่ออายุมากแล้ว ทั้งๆที่ไม่เคยคิดมาก่อนว่านางจะสามารถมีบุตรได้ และแล้วสวรรค์ก็ประทานบุตรชายให้กับนาง เขาคือองค์รัชทายาท แต่ก็มิอาจจะครองบััลลังฆ์ตามที่ควรจะเป็นได้ เพราะถูกก่อกบฎไปเสียก่อน แต่นางยังมีความหวัง เพราะนางเชื่อเต็มหัวใจว่ายังมีขุนนางและแม่ทัพนายกองมากมายที่ยังภักดีต่อฮ่องเต้พระองค์เดิม และองค์รัชทายาทที่บัดนี้เติบใหญ่จนสามารถจะกลับไปทวงบังลังฆ์ที่ควรจะเป็นของเขากลับคืนมาได้แล้วส่วนสตรีต่ำต้อยที่เป็นเพียงบุตรีของขุนนางขั้นสามนั่นก็ไม่ได้คู่ควรกับองค์รัชทายาทเช่นหลี่หมิงสักนิด ดีแล้วที่มันแสดงธาตุแท้ออกมาก่อน ตอนแรกนางก็ไม่เห็นด้วยนักที่เขาจะรับบุตรีขุนนางขั้นสามมาเป็นชายา แต่เมื่อบุตรชายทั้งรักทั้งหลงสตรีนางนั้นมากเหลือเกิน แม่อย่างนางที่รักบุตรชายมากและสงสารในชะตากรรมของเขา ที่ควรจะอยู่ในที่สูงส่งแต่กลับต้องมาลำบากอยู่ปะปนกับชาวบ้านทั่วไปเช่นนี้แต่ก็ไม่เป็นไร เพราะซ่งหลี่หมิงแท้จริงเขาคือองค์รัชทายาทที่ไม่นานจะต้องได้คืนบังลังฆ
“ น่าขบขันนัก เจ้าช่างไม้ต่ำต้อย เงินสินสอดแค่หยิบมือ คิดจะมาสู่ขอบุตรสาวของขุนนางอย่างข้า คิดหรือว่าข้าจะยกหงลี่ให้กับเจ้า ช่างน่าหัวเราะสิ้นดี คำสัญญาที่เจ้าบอกข้า มันจับต้องไม่ได้หรอกนะ เจ้าจะทำมันได้หรือไม่ก็ยังไม่รู้ แต่ที่แน่ๆ ตอนนี้เจ้าคือช่างไม้รับจ้างที่ยากจน มีเพียงบ้านหลังเล็กๆ เอาไว้ซุกหัวนอนกับแม่ที่แก่ชราของเจ้า เพียงเท่านั้น ข้าไม่โง่เง่าพอที่จะยกบุตรสาวของข้าให้ไปตกระกำลำบากกับเจ้าหรอก เป็นการิอยากจะกินเนื้อหงส์ ช่างน่าขบขันนัก ” ขุนนางหยูเอ่ยขึ้นด้วยใบหน้าทมึงถึงขัดกับคำพูดของเขาที่บอกว่าคำสัญญาของหลี่หมิงช่างน่าขบขัน เขากับฮูหยินจ้องมองช่างไม้หนุ่มกับมารดาด้วยสายตาดูแคลนไม่ปิดบังซักนิด พวกเขาไม่ยอมเรียกบุตรสาวออกมาพบกับทั้งสองเลยด้วยซ้ำ “ แต่ข้ากับหงลี่เราได้เสียกันแล้ว หากท่านไม่ยอมให้นางแต่งงานกับข้าแล้วนางเกิดตั้งครรภ์ขึ้นมา จะทำเช่นไร ” ช่างไม้หนุ่มตัดสินใจใช่้ไม้ตายของเขาที่คิดว่าหากพูดออกไปแล้วพ่อตาแม่ยายอาจจะใจอ่อนยอมให้หงลี่กับเขาแต่งงานกันก็เป็นได้“ หากนางตั้งครรภ์ข้าก็จะไม่เก็บเจ้าเด็กนั่นไว้ประจานสกุลของข้าหรอกนะ หรือไม่ข้าก็จะให้นางรีบแต