共有

ตอนที่ 9 เดือดดาล

last update 最終更新日: 2025-05-01 00:24:06

เผิงเหยียนเฉิงในชุดผ้าแพรเนื้อดีสีฟ้า ถือถาดน้ำชาด้วยมือที่กลับมาแข็งแรงมั่นคง เดินเข้าสู่ห้องโถงใหญ่ของเรือนหลักอย่างสง่างาม

ลู่หยวนฉีและอันเหม่ยฉินนั่งรออยู่ก่อนแล้ว ท่าทางเรียบง่ายทว่ามีอำนาจอย่างสงบ เผิงเหยียนเฉิงหยุดอยู่หน้าโต๊ะ ประสานมือคำนับอย่างนอบน้อม ก่อนยกถ้วยน้ำชาขึ้น

“เผิงเหยียนเฉิง ขอคารวะท่านลุงลู่ ท่านป้าลู่ ขอขอบคุณท่านทั้งสองที่เมตตาช่วยเหลือ ให้ที่พักพิง และให้โอกาสข้าได้เริ่มต้นใหม่ ข้าจะจดจำพระคุณนี้ไปชั่วชีวิต”

ลู่หยวนฉีหัวเราะเบาๆ รับถ้วยน้ำชา ยกขึ้นจิบเล็กน้อย จากนั้นก็วางลง

“เป็นเรื่องที่ควรกระทำ เจ้าคือบุตรชายของผู้มีพระคุณเก่าแก่ของข้า” เขาหันไปมองภรรยาของตนอย่างอบอุ่น

อันเหม่ยฉินยิ้มพลางพยักหน้า ก่อนเอ่ยขึ้นบ้าง

“ตอนพวกเราเพิ่งย้ายมาเมืองเจียงเฉิน ยังเป็นครอบครัวเล็กๆ ไม่มีแม้กระทั่งเรือนใหญ่โตอย่างในตอนนี้” นางมองใบหน้าของเผิงเหยียนเฉิงด้วยสายตาเอ็นดู เหมือนมองเด็กคนหนึ่งที่เคยรู้จักมานาน

“จำได้ว่าตอนนั้น...เจ้ามักจะตามพ่อเจ้ามาเรือนข้าอยู่เสมอ อยู่เป็นเพื่อนหนานเอ๋อร์ของข้า เล่นกันอยู่ใต้ต้นไม้หน้าเรือน” เสียงหัวเราะนุ่มนวลแฝงด้วยความคิดถึง

“ข้าไม่เคยลืมเลย ว่าเจ้าคอยช่วยหนานเอ๋อร์จับจักจั่น หรือนั่งฟังนางเล่านิทานอย่างตั้งใจ”

เผิงเหยียนเฉิงฟังแล้ว ใบหน้าคล้ายจะแดงขึ้นเล็กน้อย เขาเองก็เลือนๆ จำได้เช่นกัน ว่าเด็กหญิงน้อยในชุดกระโปรงสีอ่อน ที่วิ่งเล่นไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย นั่นคือลู่ซือหนานในวัยเยาว์

“ข้าไม่กล้าหวังว่าท่านทั้งสองจะยังจำเรื่องเล็กน้อยเช่นนั้นได้...” เขาก้มหน้าลงด้วยความซาบซึ้ง

“ความกตัญญูรู้คุณ ไม่มีวันสูญหาย แม้กาลเวลาจะผ่านไป เจ้าคือคนที่ข้ายินดีอ้าแขนรับอย่างแท้จริง” ลู่หยวนฉีหัวเราะอย่างใจดี ตบบ่าเขาเบาๆ

บรรยากาศในห้องโถงอบอวลไปด้วยความอบอุ่นลู่ฮูหยินยังกล่าวเสริมด้วยรอยยิ้ม

“นับแต่นี้ไป ไม่ต้องคิดว่าตัวเองเป็นแค่แขกของเรือนนี้อีกแล้ว จงอยู่ให้เหมือนเป็นบ้านของเจ้า”

เผิงเหยียนเฉิงคุกเข่าลง คารวะอีกครั้งด้วยใจจริง

แม้โชคชะตาจะเคยเหยียบย่ำเขาจนเกือบสิ้นหวัง แต่วันนี้ เขามีที่ที่เรียกว่าบ้านได้อีกครั้งแล้ว

หลังจากบรรยากาศแห่งความหลังและความซาบซึ้งได้จางลง ลู่หยวนฉีก็เอ่ยปากถามถึงเรื่องราวที่ผ่านมาของเผิงเหยียนเฉิงอีกครั้ง เพื่อให้ภรรยาของตนได้รับรู้โดยละเอียดจากปากของเขา

เมื่อได้ฟังว่าเผิงเหยียนเฉิงคือบัณฑิตอันดับหนึ่งของการสอบระดับเมืองหลวง เป็นความภาคภูมิใจของแคว้นสือ ทว่ากลับต้องพบจุดตกต่ำเพราะถูกสกุลโจวหักหลังเพียงเพราะโรคภัยที่ไม่ตั้งใจ อันเหม่ยฉินถึงกับตบโต๊ะดังลั่น

“นางโจวจิงหยูนั่นมันตาต่ำนัก ช่างไม่เห็นบุญคุณและศักดิ์ศรีคนเลยแม้แต่น้อย” นางลุกพรวดขึ้น ใบหน้าขาวนวลแดงจัดด้วยความโกรธจัด

ประโยคและน้ำเสียงนั้นไม่ต้องบอกว่าลู่ซือหนานได้มาจากไหน นางได้มารดาของตนมาเต็มๆ ทั้งท่าทางและความคิด

“แต่งเขามาเพราะหวังผลประโยชน์ พอเจ้าเกิดเหตุ กลับผลักไสไล่ส่งราวกับผ้าขี้ริ้วชำรุด ทั้งๆ ที่เจ้าช่วยชีวิตนางแท้ๆ ช่างไร้ยางอายนัก”

“ฮูหยิน ใจเย็นๆ ก่อน” ผู้เป็นสามีต้องเอ่ยปากให้นางสงบลง ก่อนจะวางมือบนโต๊ะอย่างหนักแน่น สายตาเคร่งขรึม

เผิงเหยียนเฉิงได้แต่นั่งก้มหน้า นิ่งเงียบ ไม่มีคำแก้ตัวใดๆ แทนอดีตครอบครัวภรรยาของตน

“ใจเย็นได้หรือ สกุลโจวยังมีความเป็นคนหลงเหลืออยู่หรือไม่” นางกล่าวด้วยความโมโห ทำให้เขาซาบซึ้งที่มีคนเจ็บปวดร่วมไปกับตน

“เอาเถอะ เรื่องที่ผ่านมา เจ้าจงถือเป็นบทเรียน แต่นับจากนี้ไป เจ้าต้องยืนหยัดขึ้นมาใหม่อย่างมั่นคง ข้าและฮูหยินต่างเห็นตรงกันแล้วว่า จะสนับสนุนเจ้าให้เต็มที่” ลู่หยวนฉีรีบเปลี่ยนเรื่องพูด ก่อนที่ภรรยาจะหัวเสียไปมากกว่านี้

“ใช่ เจ้าต้องสอบผ่านการสอบเคอจวี่ปีหน้า ให้ทุกคนได้เห็น ว่าแม้จะไร้สกุลโจว เจ้าก็จะขึ้นไปยืนในที่สูงได้ด้วยตนเอง” อันเหม่ยฉินพยักหน้าอย่างจริงจัง สายตาของนางเต็มไปด้วยประกายมุ่งมั่นราวกับจะถ่ายทอดแรงใจทั้งหมดให้แก่เขา

“ตำแหน่งจอหงวนไม่ใช่สิ่งเกินเอื้อม เหยียนเฉิง เจ้าต้องเชื่อมั่นในตัวเอง” เสียงของนางเปี่ยมด้วยพลังจนทั่วทั้งห้องโถงดูเหมือนสว่างขึ้นด้วยความหวัง เข้าข้างบัณฑิตตรงหน้าอย่างเต็มที่

เผิงเหยียนเฉิงเงยหน้าขึ้น ดวงตาแดงเรื่อ น้ำเสียงหนักแน่น

“ขอรับ! ข้าจะไม่ทำให้ท่านผิดหวัง”ภายในอกของเขา เต็มไปด้วยเพลิงไฟแห่งความตั้งใจแน่วแน่

ความรู้สึกอบอุ่นจากการต้อนรับในตอนแรกยิ่งทวีความลึกซึ้งเข้าไปในหัวใจ ไม่คิดว่าทั้งสองจะช่วยเหลือตนโดยไม่หวังสิ่งตอบแทนได้ขนาดนี้

“ป้าของเจ้านางจริงจังกับทุกเรื่องมากไปหน่อย อย่างไรก็ยอมๆ นางหน่อยนะ” ลู่หยวนฉีกระซิบบอก แต่เป็นการกระซิบที่ตั้งใจเย้าภรรยาให้ได้ยิน

“ท่านพี่ ข้าจริงจังนะ จะให้เหยียนเฉิงเอาความสำเร็จไปฟาดหน้าสกุลโจว ฮึ พูดแล้วก็โมโหยิ่งนัก” นางกล่าวแล้วพ้นหายใจอย่างหงุดหงิด

“ข้าต้องขอบคุณท่านป้าเสียมากกว่าที่เป็นเดือดเป็นร้อนแทนข้า ทำให้ข้ารู้สึกว่ายังมีคนที่คอยหนุนหลัง ไม่ได้เดียวดายอีกต่อไป” เขากล่าวแล้วยิ้มออกมาด้วยความซาบซึ้ง

ครั้งนี้ เขาจะไม่ล้มเหลวอีกต่อไป

************************

この本を無料で読み続ける
コードをスキャンしてアプリをダウンロード

最新チャプター

  • สยบรักยอดบัณฑิต   ตอนที่ 140 ตอนจบ

    ในช่วงเวลาที่ความเปลี่ยนแปลงในราชสำนักเริ่มต้น งานราชการในส่วนของสำนักศึกษาที่เผิงเหยียนเฉิงได้ริเริ่มและปรับปรุงใหม่ก็เริ่มประสบความสำเร็จอย่างชัดเจน จากการที่มีแนวคิดปฏิรูปที่เน้นความเป็นธรรมและให้โอกาสแก่ทุกคน ผู้คนในราชสำนักและชาวบ้านต่างยกย่องความคิดเหล่านี้อย่างไม่ขาดสายณ ห้องทำงานหลักในจวนโหว เผิงเหยียนเฉิงก้าวขึ้นเป็นสัญลักษณ์แห่งความเปลี่ยนแปลงใหม่ ด้วยความตั้งใจที่แท้จริงและความมุ่งมั่นที่จะสร้างระบบการศึกษาที่เอื้ออำนวยให้แก่สตรี ซึ่งเขาและภรรยา ลู่ซือหนาน ได้ร่วมกันผลักดันมาตลอดช่วงเวลาที่ผ่านมาหลักสูตรและแนวทางสอนได้ถูกปรับปรุงอย่างละเอียดถี่ถ้วน ตามคำแนะนำจากผู้รู้และนักวิชาการทั้งในราชสำนักและต่างแคว้นฮ่องเต้ทรงประกาศแสดงความชมเชยต่อความก้าวหน้าของสำนักศึกษาและการปฏิรูปที่ได้รับการดำเนินการโดยเผิงเหยียนเฉิงและลู่ซือหนานอย่างยิ่งยวดขณะเดียวกัน เมื่อหน้าที่การงานประสบความสำเร็จ ครอบครัวของเขาก็ประสบความสำเร็จเช่นเดียวกันในห้องนอนอันอบอุ่น ภายใต้แสงเทียนสีอ่อนที่สาดส่องลงมาจากเพดานเผิงเหยียนเฉิงที่เพิ่งกลับมาถึง เขาเดินเข้ามาเอื้อม

  • สยบรักยอดบัณฑิต   ตอนที่ 139 วันที่รอคอย

    ในยามค่ำของคืนนั้น ท้องฟ้าโปร่งใสแต่แสงจันทร์ดูหม่นเล็กน้อย บรรยากาศภายในจวนโหวเงียบสงบเช่นเคย จนกระทั่งเสียงร้องเบาๆ ดังขึ้นจากห้องนอนชั้นใน“อื้อ ท่านพี่... ข้าเจ็บ... เจ็บท้อง...”ลู่ซือหนานนิ่วหน้า มือข้างหนึ่งกุมผ้าห่ม อีกข้างจับท้องแน่น ร่างทั้งร่างเกร็งเหมือนคลื่นบางอย่างกำลังซัดเข้ามาทีละระลอกเผิงเหยียนเฉิง ได้ยินเสียงภรรยาก็ลุกจากโต๊ะหนังสือมา ใบหน้าซีดเผือด“ฮูหยิน เจ้าเป็นอะไร เจ็บมากหรือไม่ เสี่ยวหลาน เสี่ยวหลาน ไปตามหมอตำแยมา ไปตามท่านแม่ด้วย”เสียงร้องเรียกดังลั่นจนบ่าวไพร่วิ่งกันพล่านทั่วเรือน เสี่ยวหลานกับสาวใช้หลายคนรีบพากันเข้ามาช่วยพยุงลู่ซือหนานให้นอนสบาย เตรียมน้ำอุ่น ผ้าสะอาดอย่างเร่งด่วนอันเหม่ยฉินเข้ามาพร้อมท่าทีสงบนิ่ง นางมองเห็นสถานการณ์แล้วเอ่ยเสียงเข้ม“ทุกคนอยู่ในความสงบ ให้คนไปตามหมอตำแยแล้วหรือยัง ถ้ายังให้รีบไปตามมา เซี่ยมามารบกวนให้คนต้มยาสมุนไพรตามตำราเร่งด่วน เสี่ยวหลาน เสี่ยวหนิว พวกเจ้าอยู่ใกล้นาง ห้ามให้เคลื่อนไหวแรง”ผู้เป็นสามีพยายามจะเข้าไปใกล้ แต่ลู

  • สยบรักยอดบัณฑิต   ตอนที่ 138 ครอบครัวพร้อมหน้า

    ในวันหนึ่ง ณ ถนนหน้าจวนโหว เสียงฝีเท้าของม้าหลายตัวดังขึ้นตามถนนสายหน้าเรือนใหญ่ ขบวนรถม้าอย่างดีจากเจียงเฉินเคลื่อนตัวมาหยุดตรงประตูหน้าจวนโหว ข้ารับใช้รีบออกมาต้อนรับเมื่อรู้ว่าเป็นครอบครัวของฮูหยินใหญ่ประตูไม้เปิดออก ชายในชุดตัวยาวผ้าแพรสีเทาอ่อนลงจากรถก่อน ลู่หยวนฉีบิดาของลู่ซือหนานเดินลงมาแล้วมองไปรอบๆ ด้วยความปีติ ก่อนจะหันไปรับลูกชายตัวน้อยจากภรรยา ให้นางลงมาจากรถม้าได้สะดวกเด็กน้อยวัยหกเดือนในอ้อมแขนของบิดา เขามีผมดำขลับ ดวงตากลมโต และยิ้มแย้มแจ่มใสไม่ต่างจากพี่สาวอย่างลู่ซือหนานในวัยเยาว์หลี่อันพ่อบ้านประจำจวนรีบเข้าไปแจ้งข่าว แก่ลู่ซือหนานที่นั่งพักอยู่ในห้องพักด้านในเมื่อได้ยินข่าวถึงกับน้ำตารื้นด้วยความตื้นตัน นางให้เสี่ยวหลานพยุงเดินออกมาช้าๆ โดยมีเซี่ยมามาเดินเข้ามาดูแลอยู่ไม่ห่าง เพราะเผิงโหวสั่งเอาไว้ว่าให้นางคอยดูแลนายหญิงให้ดีเมื่อเห็นบิดามารดาและน้องชายตัวน้อย นางคารวะเล็กน้อยแล้วยิ้มทั้งน้ำตา ก่อนที่อันเหม่ยฉินจะเอามือไปสัมผัสข้างแก้มของบุตรสาวด้วยน้ำตา“ลูกเอ๋ย...แม่คิดถึงเจ้าเหลือเกิน เจ้าอ่อนล้าหรือไม่ ท้องโ

  • สยบรักยอดบัณฑิต   ตอนที่ 137 ตัดไฟแต่ต้นลม

    วันถัดมา หยางมี่อิงแต่งกายเรียบร้อยในชุดผ้าแพรบางสีชมพูอ่อน เครื่องประดับจัดเต็มแต่ดูละมุน เดินมาถึงหน้าจวนโหวอย่างมั่นใจ หวังจะเข้ามาเยี่ยมลู่ซือหนานเช่นเคย“บอกเผิงฮูหยินด้วยว่า ข้ามาเยี่ยมตามปกติ”นางยิ้มบาง ส่งเสียงกับบ่าวเฝ้าประตูแต่บ่าวหนุ่มกลับทำหน้านิ่ง ยกมือขึ้นคำนับ“ขอประทานอภัยแม่นางหยาง ข้าน้อยรับคำสั่งจากท่านโหวเผิงโดยตรง ห้ามมิให้แม่นางก้าวเข้าจวนอีก”“อะไรนะ” สีหน้าหยางมี่อิงเปลี่ยนไปในทันที เสียงที่เคยหวานเริ่มสั่นเครือ“ท่านโหวพูด... พูดแบบนั้นจริงหรือ”บ่าวค้อมศีรษะอย่างสุภาพแต่หนักแน่น “ใช่ขอรับ เป็นคำสั่งชัดเจนเมื่อวานก่อน แม้จะเป็นสหายเก่า ก็ไม่อนุญาตให้เข้าได้ ท่านโหวถึงขั้นให้จดชื่อไว้ด้วย เพื่อป้องกันการฝ่าฝืน”หยางมี่อิงยืนแข็งอยู่หน้าจวน ใบหน้าที่เคยเชิดสูงบัดนี้แดงจัดด้วยความอับอายและโกรธแค้น หัวใจพลันเต้นแรงอย่างบ้าคลั่ง นางไม่คิดว่าเผิงเหยียนเฉิงจะกล้าปฏิเสธนางตรงๆ เช่นนี้ และที่สำคัญกว่านั้น นั่นหมายความว่าเขาอาจบอกภรรยาไปแล้ว&ldqu

  • สยบรักยอดบัณฑิต   ตอนที่ 136 เผยธาตุแท้

    บรรยากาศในจวนโหวที่เคยสงบ เริ่มมีการเคลื่อนไหวอย่างแนบเนียนของสตรีอีกนาง หยางมี่อิงยังคงเข้ามาหาลู่ซือหนานบ่อยครั้ง ยิ่งช่วงที่เผิงเหยียนเฉิงต้องออกไปจัดการงานราชการต่างเมือง ก็ยิ่งเปิดโอกาสให้นางได้ใช้เวลาอยู่ในจวนมากขึ้น ทว่าภายใต้รอยยิ้มและน้ำเสียงที่แสดงความสนิทสนมนั้น กลับซ่อนอะไรบางอย่างที่เสี่ยวหลานรู้สึกถึงบ่ายวันหนึ่ง ณ เรือนรับรองภายในจวนโหวลู่ซือหนานนั่งถักเชือกสีขาวแดงสำหรับทำเครื่องประดับทารกอยู่บนตั่งในสวน หยางมี่อิงเดินเข้ามาพร้อมตะกร้าผลไม้ในมือ“วันนี้ข้าแวะผ่านตลาด เห็นท้อขาวลูกสวยเลยซื้อมาฝากเจ้า” หยางมี่อิงยิ้มอ่อนโยน วางตะกร้าไว้บนโต๊ะหิน“หญิงตั้งครรภ์กินผลไม้สดดีต่อร่างกาย”“ขอบใจเจ้า มี่อิง” ลู่ซือหนานรับคำอย่างนุ่มนวล พลางวางเชือกในมือลง“เจ้าลำบากแวะมาหาข้าบ่อย ข้ารู้สึกเกรงใจนัก”“เจ้าเป็นเพื่อนเก่า ข้าดีใจที่ได้อยู่ใกล้ๆ ต่างหาก” หยางมี่อิงกล่าวพร้อมยิ้มหวาน ดวงตากวาดมองไปทางเรือนรอบข้าง แล้วเอ่ยขึ้นเหมือนไม่ตั้งใจ“ช่วงนี้ท่านโหวไม่

  • สยบรักยอดบัณฑิต   ตอนที่ 135 มาดีหรือมาร้าย

    ช่วงเวลาหลายวันถัดมา หยางมี่อิงเริ่มแวะเวียนมาหาลู่ซือหนานที่จวนโหวบ่อยขึ้น นางพูดจานุ่มนวล อ่อนโยน และมักนำของฝากเล็กๆ น้อยๆ มาให้ ไม่ว่าจะเป็นผ้าแพรลวดลายงามจากทางใต้ หรือสมุนไพรบำรุงครรภ์ที่ได้จากหมอชื่อดัง“ข้าเห็นเจ้ากำลังตั้งครรภ์ เลยปรึกษาผู้อาวุโสในเรือน ข้าว่าน้ำขิงสูตรนี้จะช่วยให้เจ้าหลับได้ดีขึ้นยามค่ำ” หยางมี่อิงยื่นถ้วยให้ลู่ซือหนานด้วยรอยยิ้มอ่อนโยนลู่ซือหนานรับน้ำขิงมา แต่ไม่ได้ดื่มเข้าไป เพราะไม่ไว้ใจยาจากคนนอก “ขอบคุณเจ้ามาก ข้ามีบ่าวอยู่ แต่ก็อบอุ่นใจนักที่เจ้าห่วงใยถึงเพียงนี้”หยางมี่อิงนั่งลงใกล้ๆ พลางช่วยจัดเรียงผ้าปักลายที่สาวใช้พับไว้ข้างตั่ง“เจ้ารู้หรือไม่ ข้าอิจฉาเจ้ายิ่งนัก...” นางว่าเบาๆ“มีสามีดี มีลูกในครรภ์ และยังได้รับเกียรติให้ตั้งสำนักศึกษาอีก ข้าดีใจแทนเจ้านะซือหนาน”ลู่ซือหนานยิ้ม ไม่ได้กล่าวสิ่งใด แต่เก็บถ้อยคำเหล่านั้นไว้ในใจ นางสัมผัสได้ถึงความจริงใจปนเล่ห์นัยบางอย่างจากน้ำเสียงของเพื่อนเล่นวัยเยาว์ เหมือนสายลมอ่อนโยน แต่กลับแฝงความเยือกเย็นบางอย่าง

続きを読む
無料で面白い小説を探して読んでみましょう
GoodNovel アプリで人気小説に無料で!お好きな本をダウンロードして、いつでもどこでも読みましょう!
アプリで無料で本を読む
コードをスキャンしてアプリで読む
DMCA.com Protection Status