รุ่งเช้ามาเยือนพร้อมกับความปวดร้าวไปทั่วสรรพางค์กายของ ซูหลิง แสงแดดอ่อน ๆ เล็ดรอดผ้าม่านเข้ามาเพียงเล็กน้อย ทำให้ห้องนอนยังคงอยู่ในบรรยากาศสลัว ๆ ซูหลิงขยับตัวช้า ๆ ความเจ็บแปลบแล่นไปทั่วร่างกาย บ่งบอกถึงค่ำคืนอันยาวนานที่ผ่านมา เธอหลับไปเมื่อไหร่ไม่รู้ รู้แต่ว่ามันเป็นห้วงเวลาที่ร่างกายของเธอถูกครอบครองอย่างสมบูรณ์
เธอหันมองไปยังที่ว่างข้างกาย หลงเฟย หายไปแล้ว ไม่มีร่องรอยของการมีอยู่ของเขา ยกเว้นความรู้สึกราวกับมีไฟแผดเผาอยู่ในกายของเธอ และรอยแดงช้ำจาง ๆ ตามผิวเนื้อที่บอบบาง ความรู้สึกโล่งใจเพียงชั่วครู่ก็ถูกแทนที่ด้วยความอ้างว้างและเคว้งคว้างอย่างประหลาด เธอเกลียดที่ร่างกายของตัวเองตอบสนองต่อเขา แต่ลึก ๆ แล้ว เธอก็ไม่อาจปฏิเสธได้ว่าสัมผัสของเขา... เร้าใจอย่างที่ไม่เคยรู้จักมาก่อน
ซูหลิงลุกขึ้นจากเตียงอย่างยากลำบาก เธอเดินโซซัดโซเซไปยังห้องน้ำขนาดใหญ่ สายตาจับจ้องไปที่ภาพสะท้อนของตัวเองในกระจกเงาบานใหญ่ ดวงตาคู่สวยยังคงฉายแวววาวของความดื้อรั้น แต่รอบดวงตานั้นคล้ำลงอย่างเห็นได้ชัด ริมฝีปากอิ่มบวมเจ่อจากการจูบอย่างเร่าร้อนเมื่อคืน รอยแดงช้ำบนผิวขาวเนียนคือหลักฐานที่ไม่อาจปฏิเสธได้ถึงสิ่งที่เกิดขึ้น ซูหลิงใช้นิ้วลูบไล้รอยเหล่านั้นอย่างแผ่วเบา ความรู้สึกเจ็บปวดผสมกับความร้อนผ่าวแล่นพล่านไปทั่ว เธอเบือนหน้าหนีภาพตัวเองในกระจก ไม่อยากเห็นความพ่ายแพ้ที่ปรากฏอยู่ตรงหน้า
หลังจากชำระร่างกาย ซูหลิงเลือกสวมชุดนอนผ้าไหมที่เรียบง่ายแต่ดูดี เธอเดินออกมาจากห้องน้ำด้วยความรู้สึกอ่อนล้าทั้งกายและใจ เธอพยายามกินอาหารเช้าที่ถูกจัดเตรียมไว้ให้บนโต๊ะ แต่ก็ทานได้เพียงเล็กน้อย รสชาติอาหารไม่สามารถกระตุ้นความอยากของเธอได้เลย สิ่งเดียวที่เธอรู้สึกได้คือความหนักอึ้งในอก
ตลอดทั้งวัน ซูหลิงพยายามหาทางออก เธอสำรวจทุกซอกทุกมุมของเพนท์เฮาส์อีกครั้งอย่างละเอียดถี่ถ้วน แม้จะรู้ว่าไร้ประโยชน์ แต่เธอก็ยังคงมีความหวังริบหรี่ การเดินไปมาทำให้เธอได้เห็นของตกแต่งหรูหรามากมาย ภาพวาดราคาแพง รูปปั้นแกะสลักที่ประณีต แต่ไม่มีสิ่งใดเลยที่จะมอบอิสรภาพให้กับเธอได้
ในยามที่ความปรารถนาและอารมณ์สับสนเข้าครอบงำ ซูหลิงมักจะหาทางปลดปล่อยความเครียดด้วยการใช้สมองและร่างกาย เธอสวมชุดออกกำลังกายสีดำสนิท ซึ่งประกอบด้วยเสื้อครอปตัวสั้นและกางเกงรัดรูป ชุดนี้แนบชิดไปกับเรือนร่างของเธอ เผยให้เห็นเส้นโค้งเว้าและสัดส่วนที่ชัดเจน เสื้อครอปดีไซน์เรียบง่ายแต่เน้นสรีระ เผยช่วงท้องที่แบนราบและกล้ามเนื้อหน้าท้องที่กระชับ ส่วนกางเกงรัดรูปนั้นโอบรัดสะโพกและเรียวขาอย่างพอดิบพอดี ทำให้การเคลื่อนไหวดูคล่องแคล่วว่องไวและดึงดูดสายตาเดินไปยังห้องออกกำลังกายส่วนตัวของเพนท์เฮาส์ ที่ซึ่งมีอุปกรณ์ครบครัน
เธอเริ่มฝึกศิลปะการป้องกันตัวที่เคยเรียนมาอย่างเข้มข้น เตะ ต่อย และหลบหลีกไปในอากาศราวกับมีคู่ต่อสู้ที่มองไม่เห็น เหงื่อไหลซึมไปทั่วร่างกาย แต่เธอก็ไม่หยุด เธอใช้การเคลื่อนไหวที่รุนแรงเพื่อบีบอัดความรู้สึกที่ท่วมท้นในใจ หรือไม่ก็กลับไปยังห้องสมุด เธอนั่งลงหน้าโต๊ะทำงานของหลงเฟย พยายามแก้ปริศนาตรรกะที่ซับซ้อนจากหนังสือเก่าๆ ที่เขาเก็บไว้ มันเป็นการฝึกสมองที่ทำให้เธอรู้สึกว่ายังคงเป็นคนฉลาด แม้จะอยู่ในกรงทองก็ตาม
เมื่อความมืดโรยตัวลงอีกครั้ง หลังจากออกกำลังกายและชำระล้างร่างกายเรียบร้อย ซูหลิงเปลี่ยนมาสวมชุดนอนผ้าซาตินสีแดงเบอร์กันดี และเดินมานั่งอยู่บนโซฟานุ่มในห้องนั่งเล่น จ้องมองออกไปนอกหน้าต่างบานใหญ่ที่เผยให้เห็นแสงไฟระยิบระยับของเมืองยามค่ำคืน เธอรู้ดีว่าไม่ว่าจะซ่อนตัวที่ไหน หลงเฟยก็จะหาเธอเจออยู่ดี ความรู้สึกหวาดกลัวเข้าเกาะกุมหัวใจ แต่ก็มีบางอย่างที่แตกต่างออกไป ความรู้สึกประหลาดที่เธอไม่อยากยอมรับ... ความคาดหวัง
ความรู้สึกที่สับสนในใจทำให้ซูหลิงลุกขึ้นจากโซฟาอย่างเชื่องช้า เธอเดินไปตามทางเดินที่ทอดยาวไปยังห้องนอนหลัก ประตูบานใหญ่เปิดออกอย่างเงียบงัน เผยให้เห็นห้องที่กว้างขวางและตกแต่งอย่างหรูหราด้วยโทนสีเข้มและอบอุ่น แสงไฟสลัวจากโคมไฟข้างเตียงส่องกระทบชุดนอนผ้าซาตินสีแดงเบอร์กันดีของเธอ ทำให้ผ้าพลิ้วไหวดูมีชีวิตชีวาและสะท้อนความเย้ายวนออกมา
เธอเดินเข้าไปในห้องอย่างเงียบงัน หัวใจเต้นระรัวด้วยความรู้สึกที่ผสมปนเปกันระหว่างความกลัวและความคาดหวัง เตียงขนาดคิงไซส์ที่ปูด้วยผ้าปูที่นอนสีดำสนิทดูโดดเด่นอยู่กลางห้อง ราวกับเป็นจุดศูนย์กลางของโชคชะตาที่กำลังจะมาถึง เธอค่อยๆ ก้าวขึ้นไปบนเตียงและทิ้งตัวลงบนผ้าห่มนุ่มนิ่ม จ้องมองไปยังความมืดที่อยู่นอกหน้าต่างอีกครั้ง เธอรอคอยอย่างเงียบงัน รอคอยให้หลงเฟยกลับมาและเผชิญหน้ากับความรู้สึกที่ไม่อาจหลีกหนีได้อีกต่อไป
เสียงคลิกที่คุ้นเคยดังขึ้นที่ประตูห้องนอน ซูหลิงสะดุ้งสุดตัวอีกครั้ง เธอรู้ทันทีว่าใครมา หลงเฟยก้าวเข้ามาในห้องด้วยท่วงท่าสง่างาม ใบหน้าคมคายของเขาฉาบด้วยรอยยิ้มเย็นยะเยือกที่ทำให้หัวใจของซูหลิงเต้นระรัวอย่างควบคุมไม่ได้ เขามองเห็นซูหลิงที่นั่งอยู่บนโซฟา เขาไม่ได้สวมเสื้อเชิ้ตแล้ว แต่เป็นเสื้อคลุมผ้าไหมสีเข้มที่เปิดกระดุมสองสามเม็ดด้านบน เผยให้เห็นแผงอกกว้างและมัดกล้ามเนื้อที่แข็งแกร่ง เขายังคงมีกลิ่นเฉพาะตัว กลิ่นกายบุรุษผสมกับบุหรี่ซิการ์ชั้นดีและน้ำหอมราคาแพง กลิ่นเฉพาะตัวของหลงเฟยที่ซูหลิงเริ่มจดจำได้อย่างดี กลิ่นที่บ่งบอกถึงอันตรายและความเย้ายวนในคราวเดียวกัน
"ยังไม่นอนหรือ...ที่รัก" เสียงทุ้มต่ำของหลงเฟยเอ่ยเสียงนุ่มลึก แต่ดวงตาคมกริบของเขากลับเต็มไปด้วยความต้องการที่ซูหลิงเข้าใจดี เขาไม่ได้รอให้เธอตอบกลับ แต่เดินตรงเข้ามาหาซูหลิงอย่างไม่รีบร้อน ทุกย่างก้าวของเขามั่นคงและเต็มไปด้วยอำนาจ
ซูหลิงพยายามขยับตัวลุกขึ้น แต่หลงเฟยกลับทรุดตัวลงนั่งข้างเธอ มือหนาของเขาเอื้อมมาเชยปลายคางของซูหลิงขึ้นช้าๆ บังคับให้เธอเงยหน้าขึ้นสบตา สายตาของเขาทั้งเร่าร้อนและลึกซึ้ง มันทำให้ซูหลิงรู้สึกเหมือนถูกเปลื้องผ้าอีกครั้ง เธอเห็นประกายความดิบเถื่อนในดวงตาของเขา ก่อนที่ความคลั่งรักบางอย่างจะฉายวูบขึ้นมา
สายตาของหลงเฟยเลื่อนลงมาจับจ้องที่ชุดนอนผ้าซาตินสีแดงเบอร์กันดีที่ซูหลิงสวมอยู่ แววตาที่เคยเต็มไปด้วยอำนาจและความดิบเถื่อนพลันแปรเปลี่ยนเป็นความตกตะลึงระคนกับความพึงพอใจอย่างที่สุด มันเป็นความรู้สึกที่ล้นทะลักออกมาจากดวงตาของเขาโดยไม่ทันตั้งตัว ราวกับว่าชุดที่เธอเลือกสวมในค่ำคืนนี้คือคำตอบที่เขาเฝ้ารอคอยมาตลอด
"ฉันคิดถึงเธอ...ตลอดทั้งวัน" เขาเดินเข้าไปใกล้เธออย่างรีวดเร็วและเอ่ยเสียงกระซิบข้างหู ซูหลิงสัมผัสได้ถึงลมหายใจร้อนผ่าวที่รดซูหลิงอยู่ข้างแก้ม ขนอ่อนลุกซู่ไปทั้งตัว เธอกลืนน้ำลายลงคออย่างยากลำบาก ได้ลิ้มรสความขมปร่าของความหวาดกลัวปนกับความหวั่นไหวที่น่ารังเกียจ
ก่อนที่ซูหลิงจะได้ทันพูดอะไร ริมฝีปากของหลงเฟยก็บดเบียดลงมาบนริมฝีปากอิ่มของเธออีกครั้ง จูบนี้ไม่รุนแรงเท่าครั้งแรก แต่กลับเต็มไปด้วยความดูดดื่มและเร่าร้อนที่ยากจะต้านทาน เขาดูดเม้มกลีบปากบนและล่างอย่างช้า ๆ ลิ้นร้อนรุกล้ำเข้ามาในโพรงปากอย่างเชื่องช้า แต่ทว่ากลับทำให้ซูหลิงรู้สึกเสียวซ่านไปทั่วสรรพางค์กาย
ซูหลิงพยายามขืนตัว ปิดริมฝีปากแน่นหนีสัมผัสของเขา แต่หลงเฟยกลับยิ้มร้ายกาจและส่งเสียง ฮึ ในลำคอ เขาใช้ปลายลิ้นของเขากดเบา ๆ ที่มุมปากของเธอ ลูบไล้ไปมาอย่างยั่วยวน จนซูหลิงต้องเผลอเผยอริมฝีปากออกมาเพียงเล็กน้อย และนั่นก็เป็นช่องทางให้เขาได้รุกล้ำเข้ามาอย่างง่ายดาย เขากวาดต้อนโพรงปากของเธอ ดูดกลืนเอาความหวานล้ำภายในอย่างหิวกระหาย ราวกับจะสูบเอาลมหายใจของเธอไปทั้งหมด
มือหนาของหลงเฟยสอดเข้ามาใต้เสื้อผ้าของซูหลิง ลูบไล้ไปตามแผ่นหลังเนียนละเอียดอย่างแผ่วเบา ก่อนจะบีบเคล้นสะโพกกลมกลึงอย่างจงใจ ความร้อนจากปลายนิ้วของเขาแผ่ซ่านเข้ามาในกายของซูหลิง เธอรู้สึกเหมือนมีกระแสไฟฟ้าแล่นไปทั่วร่างกาย ความรู้สึกที่ทั้งห้ามไม่ได้และต้านทานไม่ไหว
"ดูเหมือนร่างกายของเธอจะจำรสสัมผัสของฉันได้เป็นอย่างดีเลยนะ.." หลงเฟยกระซิบเสียงพร่า ขณะที่เขาผละจูบออกไปเพียงครู่เดียว ดวงตาคมกริบของเขายังคงจ้องมองใบหน้าแดงก่ำของซูหลิงอย่างไม่ละสายตา เขาเห็นความสับสนและความปรารถนาที่ซ่อนอยู่ลึก ๆ ในดวงตาของเธอ เขาใช้ปลายนิ้วกรีดเบาๆ ที่ต้นขาด้านในของซูหลิง สัมผัสที่แผ่วเบาแต่เต็มไปด้วยความจงใจ ทำให้ซูหลิงสะท้านเฮือก
"อย่า..." ซูหลิงเผลอร้องออกมา
เขาไม่สนใจคำพูดของเธอกลับโน้มตัวลงมาจูบซับไปตามลำคอระหง ดูดเม้มสร้างรอยแดงจาง ๆ ลงมาถึงไหปลาร้า ปากของเขาเคลื่อนต่ำลงมาเรื่อย ๆ แผ่วเบาแต่เร่าร้อน มือหนาของเขาปลดกระดุมชุดนอนของซูหลิงออกอย่างช้า ๆ ทีละเม็ด เสียงผ้าไหมเสียดสีกันเบาๆ คลอไปกับเสียงหอบหายใจของซูหลิง แสงจันทร์ส่องกระทบผิวกายขาวนวลที่ค่อย ๆ เผยออกมา ซูหลิงรู้สึกอับอาย แต่ร่างกายของเธอกลับร้อนรุ่มไปหมด
ขณะที่จูบของเขาไล้ลงต่ำ ซูหลิงก็พยายามจะห้ามใจ แต่แล้วเสียงครางต่ำ ๆ "อือ..." ก็หลุดจากลำคอเธออย่างไม่อาจควบคุมได้ เมื่อหลงเฟยก้มลงดูดเม้มยอดอกสีระเรื่อของเธออย่างหิวกระหายสลับกันไปมาในขณะที่อีกมือหนึ่งก็คลึงก้อนเนื้อนุ่มหยุ่นอย่างช่ำชอง ความเสียวซ่านที่รุนแรงแผ่ซ่านไปทั่วร่างจนเธอแทบจะระเบิดออกเป็นเสี่ยง ๆ เธอไม่อาจควบคุมตัวเองได้อีกต่อไป มือเรียวของเธอจิกผ้าบุโซฟาแน่นจนเล็บแทบจะจิกเนื้อ เพื่อระบายความรู้สึกที่กำลังปะทุขึ้นภายในอย่างบ้าคลั่ง
"ร้องชื่อของฉันออกมาสิ... ซูหลิง" หลงเฟยกระซิบเสียงต่ำพร่าข้างใบหู "ฉันอยากได้ยินเสียงของเธอ... อยากรู้ว่าเธอรู้สึกดีแค่ไหนที่อยู่ใต้การครอบครองของฉัน... อยากให้ทั้งร่างกายและจิตวิญญาณของเธอยอมจำนนให้ฉันคนเดียว"
เขาไม่ได้ต้องการเพียงแค่ร่างกายของเธอ แต่เขากำลังเรียกร้องการยอมจำนนทางจิตใจด้วย สัมผัสของหลงเฟยดำเนินไปอย่างเนิบนาบ แต่ทว่าร้อนแรงจนซูหลิงรู้สึกเหมือนกำลังจะขาดใจ เสียงหอบหายใจของเธอเริ่มดังขึ้นเรื่อย ๆ เสียงหัวใจของเธอเต้นกระหน่ำในอก ราวกับจะหลุดออกมาจากซี่โครง ร่างกายของเธอสั่นสะท้านไปกับสัมผัสที่เขาหยิบยื่นให้ เธอรู้สึกเหมือนกำลังถูกทรมานด้วยความสุขที่ไม่อาจต้านทานได้
บนเตียงกว้างหลงเฟยยกซูหลิงขึ้นให้นั่งอยู่บนตักของเขา สองขานุ่มนวลโอบรอบเอวสอบของเขาไว้ในขณะที่ร่างกายของทั้งคู่แนบชิดกันเป็นหนึ่งเดียว ใบหน้าของเธอแดงก่ำจากการหายใจหอบถี่ หลงเฟยเคลื่อนไหวอย่างเนิบนาบแต่เปี่ยมด้วยความร้อนแรงและอำนาจ ทุกจังหวะที่รุกเร้าคือการแสดงออกถึงความต้องการที่มากกว่าเพียงแค่ร่างกาย แต่เป็นการเรียกร้องการยอมจำนนจากจิตใจของเธอโดยสิ้นเชิง ซูหลิงก้มหน้าซบไหล่หนาของเขาเพื่อซ่อนความรู้สึกที่กำลังพลุ่งพล่านอยู่ในดวงตา ปล่อยให้ร่างกายเป็นไปตามแรงกระตุ้นของเขา
ในทุกจังหวะที่ซูหลิงยกตัวขึ้น หลงเฟยก็ใช้ร่างกายกระแทกกลับอย่างหนักหน่วงและมั่นคง ท่วงท่าอ่อนช้อยแต่แฝงไปด้วยความปรารถนาที่ไม่อาจปฏิเสธได้ เสียงเนื้อกระทบเนื้อดังก้องไปทั่วห้องนอน แต่ก็ถูกกลบด้วยเสียงหอบหายใจของคนทั้งคู่ การเคลื่อนไหวที่เคยเนิบนาบเริ่มเร็วขึ้นเรื่อยๆ เต็มไปด้วยอารมณ์ที่พุ่งพล่านจนถึงขีดสุด ความรู้สึกที่เธอไม่อาจต้านทานได้กำลังหล่อหลอมความหวาดกลัวและความปรารถนาเข้าด้วยกัน เธอปล่อยให้ความปรารถนาเข้าครอบงำอย่างสมบูรณ์
แรงกระแทกถี่กระชั้นนำพาซูหลิงไปสู่จุดสุดยอด เธอสูดหายใจเฮือกใหญ่ ปล่อยเสียงครางหวานที่บ่งบอกถึงความสุขสมออกมาอย่างไม่อาจเก็บกลั้น "อ๊า...อ๊าาา...หลงเฟย....หลงเฟย" ร่างกายของเธอสั่นเทิ้มไปทั้งร่างราวกับต้องกระแสไฟฟ้า ก่อนจะค่อยๆ อ่อนยวบลงในอ้อมแขนของหลงเฟย
แต่ความปรารถนาของหลงเฟยยังคงร้อนแรง เขาพลิกตัวซูหลิงอย่างนุ่มนวลให้คุกเข่าลงบนเตียง ก่อนที่เขาจะตามเข้าไปประชิดด้านหลัง สองมือหนายึดสะโพกมนของเธอไว้มั่นคง แหงนเงยใบหน้ามองแผ่นหลังเนียนละเอียดที่โค้งงอนรับสรีระ ท่าทางนี้เผยให้เห็นเรียวขาขาวผ่องและบั้นท้ายงอนงามอย่างชัดเจน หลงเฟยไม่รอช้า เขากระแทกกายเข้าสู่ช่องทางรักอีกครั้งอย่างลึกซึ้งและหนักหน่วง เสียงครางต่ำลึกดังก้องมาจากลำคอของเขา สอดประสานกับเสียงหอบหายใจถี่รัวของซูหลิงที่ดังระงมไปทั่วห้องนอน
“ชั้นทำดีใช่ไหม… เธอชอบไหม… ตอบฉันสิซูหลิง!” เขากระซิบถามเสียงพร่าอย่างควบคุมอารมณ์ไม่ได้ พลางจูบซับแผ่นหลังของเธออย่างเร่าร้อนราวกับจะกลืนกิน เธอพยายามเปล่งเสียงตอบ แต่ทำได้เพียงส่งเสียงครางแผ่วเบาด้วยความเสียวซ่านที่พุ่งพล่านไปทั่วทั้งร่าง ความสุขสมที่แล่นเข้าโจมตีเธออย่างต่อเนื่องทำให้เธอไม่อาจเปล่งคำพูดใดๆ ได้อีก นอกจากส่งเสียงครางรับสัมผัสจากเขาอย่างบ้าคลั่ง
หลังจากการเร่งเร้าอย่างหนักหน่วง หลงเฟยพลิกตัวซูหลิงอย่างนุ่มนวลให้เธอตะแคงข้างในท่าช้อน ร่างกายกำยำของเขาแนบชิดกับแผ่นหลังของเธอจากด้านหลัง เขาใช้มือข้างหนึ่งโอบรัดเอวบางไว้แน่น ขณะที่อีกมือสอดเข้าไปประคองเรือนร่างที่บอบบางไว้ในอ้อมแขน "ฉันจะพาเธอไปด้วยกัน...ที่รัก" เขาพึมพำเสียงกระซิบพร่าข้างหู
หลงเฟยใช้จังหวะที่เนิบนาบแต่เต็มไปด้วยแรงปรารถนา สัมผัสที่โอบรัดและเคลื่อนไหวไปพร้อมกันทำให้ซูหลิงรู้สึกเหมือนเป็นหนึ่งเดียวกับเขา หลงเฟยเคลื่อนไหวอย่างเนิบนาบแต่เปี่ยมด้วยความร้อนแรงทุกครั้งที่ร่างกายของเขากระแทกเข้าสู่ช่องทางรักที่ชื้นแฉะ ริมฝีปากของเขาประทับจูบและขบเม้มซอกคอของซูหลิงไม่หยุดหย่อน สอดประสานกับการขยับสะโพกอย่างเชื่องช้าแต่มั่นคง ราวกับกำลังขับเคลื่อนความรู้สึกที่ลึกซึ้งให้เชื่อมโยงกัน
ขณะที่ร่างกายของเขากำลังรุกเร้าจากด้านหลัง มืออีกข้างของเขาก็ไม่ว่างเปล่า เขาบีบคลึงหน้าอกอวบอิ่มของซูหลิงอย่างช่ำชอง ทุกครั้งที่เขาบีบเคล้นความเสียวซ่านก็แล่นไปทั่วร่างของเธอ ทำให้เธอส่งเสียงครางแผ่วเบาออกมาอย่างไม่อาจควบคุมได้ ทุกครั้งที่เขาขยับตัวแรงๆ ร่างกายของเธอก็ขยับตามเป็นจังหวะเดียวกัน เธอยังคงเรียกชื่อของเขาออกมาไม่หยุดหย่อน "หลงเฟย..." เสียงหวานครางแผ่วเบา แต่เปี่ยมด้วยความรู้สึกที่ไม่อาจเก็บซ่อนได้อีกต่อไป
ในที่สุด ร่างกายของทั้งคู่ก็กระตุกเกร็งพร้อมกันอย่างรุนแรง ซูหลิงร้องเรียกชื่อของเขาออกมาเป็นครั้งสุดท้ายด้วยเสียงที่สั่นพร่า ตามมาด้วยเสียงครางต่ำลึกของหลงเฟยที่ดังขึ้นพร้อมๆ กัน เสียงแห่งความสุขสมของคนทั้งคู่ผสมผสานกันเป็นหนึ่งเดียวบ่งบอกถึงการเดินทางที่มาถึงจุดหมายพร้อมกัน
หลงเฟยผละขึ้นมามองใบหน้าเธออีกครั้ง ดวงตาของเขาลุกโชนด้วยไฟปรารถนา ก่อนจะกดจูบลงมาบนริมฝีปากที่บวมเจ่อของซูหลิงอีกครั้งอย่างดูดดื่ม จูบที่เต็มไปด้วยการครอบครอง ความดิบเถื่อน และความคลั่งไคล้ มือของเขากดท้ายทอยของซูหลิงไว้แน่น บังคับให้เธอรับจูบของเขาอย่างไม่มีทางเลือก
ในค่ำคืนนี้... ภายใต้แสงจันทร์ที่ส่องผ่านหน้าต่างและแสงไฟสลัวจากภายในห้อง เสียงหอบหายใจของทั้งคู่ดังประสานกันไปกับเสียงผ้าปูที่นอนที่เสียดสีกันอย่างเร่าร้อน ร่างกายของซูหลิงได้ยอมจำนนต่อแรงปรารถนาที่หลงเฟยปลุกขึ้นมาอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ มันคือความเร้าใจครั้งแรกที่เธอไม่อาจต้านทานได้อีกต่อไป แม้จิตใจจะบอกว่าเกลียดชัง แต่ร่างกายกลับถูกครอบครองโดยสมบูรณ์ และเธอไม่รู้เลยว่าหลังจากนี้ ชีวิตของเธอจะถูกหลงเฟยบงการไปในทิศทางใดต่อไป เธอรู้สึกเหมือนตัวเองกำลังจมดิ่งลงสู่ห้วงลึกของมหาสมุทรที่มืดมิด ไร้ทางกลับขึ้นสู่ผิวน้ำ มันเป็นความรู้สึกใหม่ที่ทั้งน่ากลัวและน่าดึงดูดใจอย่างประหลาด นี่ไม่ใช่จุดจบ... แต่มันคือจุดเริ่มต้นของพันธนาการที่ไม่อาจหลีกเลี่ยงได้
ซูหลิง รู้สึกเหมือนตัวเองกำลังจมดิ่งลงสู่ห้วงลึกของมหาสมุทรที่มืดมิด ไร้ทางกลับขึ้นสู่ผิวน้ำ สายตาของ หลงเฟย ที่จ้องมองมาเมื่อครู่ยังคงตรึงติดอยู่ในความทรงจำ มันเป็นแววตาที่ทั้งน่ากลัวและน่าเย้ายวนใจไปพร้อมกัน คำพูดของเขาที่ว่า "คืนนี้เธอต้องใส่ชุดที่ฉันเลือกไว้ให้" ยังคงก้องอยู่ในหูของเธอราวกับคำสั่งที่ไม่อาจปฏิเสธได้เธอใช้ความคิดอย่างหนักในขณะที่เดินไปยังห้องแต่งตัวอย่างเชื่องช้า ซูหลิงรู้ดีว่าเธอไม่สามารถปฏิเสธความต้องการของหลงเฟยได้ แต่ลึกๆ แล้วเธอก็ไม่อยากยอมแพ้ง่ายๆ เธอจึงเลือกที่จะเปลี่ยนชุดด้วยตัวเองเพื่อแสดงให้เห็นว่าเธอไม่ได้ถูกบังคับให้ทำอะไรตามที่เขาต้องการทั้งหมด เธอก้าวเข้าไปในห้องแต่งตัวอย่างเงียบเชียบและใช้เวลาในการพิจารณาเสื้อผ้าที่แขวนอยู่ภายในตู้ในตู้เสื้อผ้ามีชุดราตรีมากมายหลายแบบ ทั้งชุดที่เรียบร้อยและชุดที่เซ็กซี่เกินกว่าที่เธอจะกล้าใส่ เธอจ้องมองไปที่ชุดเดรสที่หลงเฟยเลือกไว้ให้ก่อนจะเลื่อนสายตาไปที่ชุดอื่นเพื่อค้นหาชุดที่เหมาะสมกว่าสุดท้าย เธอก็พบชุดที่ถูกใจ เป็นชุดเดรสผ้าไหมสีชมพูอ่อนที่ดูเรียบง่ายแต่กลับให้ความรู้สึกหรูหรา ซูหลิงเปลี่ยนเสื้อผ้าอย่างรวดเร็ว
รุ่งเช้าของอีกวัน ซูหลิงตื่นขึ้นมาพร้อมกับความอ่อนล้าทั้งทางกายและใจ แสงแดดยามเช้าส่องลอดผ้าม่านเข้ามาเพียงเล็กน้อย ไม่ได้ช่วยให้บรรยากาศในห้องสดใสขึ้นเลยแม้แต่น้อย ร่างกายของเธอยังคงระบมจากค่ำคืนที่ผ่านมา รอยจูบและรอยแดงช้ำปรากฏอยู่ทั่วผิวเนื้อขาวเนียนราวกับหลักฐานการถูกครอบครองที่ไม่อาจลบเลือนได้หลงเฟยจากไปแล้วตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่รู้ เขามักจะหายตัวไปอย่างเงียบเชียบเสมอ ทิ้งไว้เพียงกลิ่นกายและรอยประทับที่ฝังลึกอยู่ในความทรงจำและบนร่างกายของเธอ แม้จะรู้สึกขยะแขยงตัวเองที่อ่อนไหวต่อสัมผัสของเขา แต่ลึกๆ แล้ว ซูหลิงก็ไม่อาจปฏิเสธได้ว่ามีความรู้สึกบางอย่างที่แตกต่างออกไปก่อตัวขึ้นในใจ มันทั้งน่ากลัวและน่าสับสนหลังจากจัดการตัวเองเรียบร้อย ซูหลิงเดินไปที่ห้องครัว อาหารเช้าถูกจัดเตรียมไว้ให้พร้อมสรรพเหมือนเช่นเคย เธอพยายามฝืนกินเข้าไปเพียงเล็กน้อยเพื่อประทังชีวิต สมองของเธอสั่งการให้คิดหาทางออกตลอดเวลา เธอไม่อาจปล่อยให้ตัวเองจมปลักอยู่ในความสิ้นหวังได้นานกว่านี้ ความแค้นคือเชื้อเพลิงเดียวที่ทำให้เธอยังคงหายใจอยู่ในเวลาเดียวกัน ห่างออกไปไม่กี่ไมล์ ณ อาคารสำนักงานใจกลางเมือง หลงเฟยกำลังนั่งอ
รุ่งเช้ามาเยือนพร้อมกับความปวดร้าวไปทั่วสรรพางค์กายของ ซูหลิง แสงแดดอ่อน ๆ เล็ดรอดผ้าม่านเข้ามาเพียงเล็กน้อย ทำให้ห้องนอนยังคงอยู่ในบรรยากาศสลัว ๆ ซูหลิงขยับตัวช้า ๆ ความเจ็บแปลบแล่นไปทั่วร่างกาย บ่งบอกถึงค่ำคืนอันยาวนานที่ผ่านมา เธอหลับไปเมื่อไหร่ไม่รู้ รู้แต่ว่ามันเป็นห้วงเวลาที่ร่างกายของเธอถูกครอบครองอย่างสมบูรณ์เธอหันมองไปยังที่ว่างข้างกาย หลงเฟย หายไปแล้ว ไม่มีร่องรอยของการมีอยู่ของเขา ยกเว้นความรู้สึกราวกับมีไฟแผดเผาอยู่ในกายของเธอ และรอยแดงช้ำจาง ๆ ตามผิวเนื้อที่บอบบาง ความรู้สึกโล่งใจเพียงชั่วครู่ก็ถูกแทนที่ด้วยความอ้างว้างและเคว้งคว้างอย่างประหลาด เธอเกลียดที่ร่างกายของตัวเองตอบสนองต่อเขา แต่ลึก ๆ แล้ว เธอก็ไม่อาจปฏิเสธได้ว่าสัมผัสของเขา... เร้าใจอย่างที่ไม่เคยรู้จักมาก่อน ซูหลิงลุกขึ้นจากเตียงอย่างยากลำบาก เธอเดินโซซัดโซเซไปยังห้องน้ำขนาดใหญ่ สายตาจับจ้องไปที่ภาพสะท้อนของตัวเองในกระจกเงาบานใหญ่ ดวงตาคู่สวยยังคงฉายแวววาวของความดื้อรั้น แต่รอบดวงตานั้นคล้ำลงอย่างเห็นได้ชัด ริมฝีปากอิ่มบวมเจ่อจากการจูบอย่างเร่าร้อนเมื่อคืน รอยแดงช้ำบนผิวขาวเนียนคือหลักฐานที่ไม่อาจปฏิเสธได้ถึ
แสงจันทร์สีเงินนวลทอดผ่านผ้าม่านโปร่งเข้ามาในห้องนอนกว้างขวางของเพนท์เฮาส์ยามวิกาล บรรยากาศเงียบสงัด มีเพียงเสียงลมหายใจของ ซูหลิง ที่ยังคงสะท้อนก้องอยู่ในความว่างเปล่า เธอพลิกตัวไปมาบนเตียงขนาดคิงไซส์ พยายามข่มตาหลับแต่ก็ไร้ผล ภาพใบหน้าของ หลงเฟย วนเวียนอยู่ในหัว ดวงตาคมกริบที่เต็มไปด้วยอำนาจและรอยยิ้มเย้ยหยันยังคงตามหลอกหลอนกว่าสองวันแล้วที่เธอถูกกักขังอยู่ในกรงทองแห่งนี้ ทุกนาทีคือความทรมานทางจิตใจ เธอรู้สึกเหมือนถูกจับจ้องตลอดเวลา แม้จะไม่มีใครอยู่ในห้อง แต่ความรู้สึกไร้อิสรภาพนั้นหนักอึ้งจนแทบหายใจไม่ออก อาหารที่จัดเตรียมอย่างดีถูกแตะต้องเพียงเล็กน้อย เธอนอนไม่หลับอย่างรุนแรง ดวงตาคล้ำลง และผิวพรรณที่เคยสดใสก็ดูซีดเซียวลงไปบ้าง แต่กระนั้นความสวยก็ยังไม่จืดจาง ความมุ่งมั่นในการแก้แค้นยังคงอยู่ แต่ร่างกายของเธอกำลังส่งสัญญาณประท้วงถึงความอ่อนล้าเสียงคลิกเบาๆ ที่ประตูห้องนอนทำให้ซูหลิงสะดุ้งสุดตัว เธอหันขวับไปมอง ประตูไม้เนื้อดีเปิดออกช้าๆ เผยให้เห็นเงาร่างสูงใหญ่ของหลงเฟยในกรอบประตู แสงไฟจากโถงทางเดินสาดเข้ามาจากด้านหลัง ทำให้ใบหน้าของเขาดูมืดมิดและน่าเกรงขามยิ่งขึ้นไปอีก เขาก้าว
หลังจากค่ำคืนที่แสนเลวร้ายในงานประมูล ซูหลิง ถูกพาตัวมายังเพนท์เฮาส์สุดหรูใจกลางมหานคร สิ่งปลูกสร้างระฟ้าที่ทิ่มแทงท้องฟ้าเบื้องบนราวกับจะเสียดทะลุเมฆหมอก ตัวตึกสูงเสียดฟ้าถูกตกแต่งด้วยกระจกสีดำทมิฬสะท้อนแสงไฟระยิบระยับของเมืองยามราตรี มันเป็นเพนท์เฮาส์ที่กว้างขวางโออ่าจนน่าตกใจ ทุกตารางนิ้วถูกประดับประดาด้วยงานศิลปะล้ำค่า ของตกแต่งราคาแพงระยับ และเฟอร์นิเจอร์สั่งทำพิเศษจากต่างประเทศ พื้นหินอ่อนมันวาวสะท้อนเงาของโคมไฟคริสตัลระยิบระยับ ฝาผนังประดับด้วยภาพวาดของจิตรกรชื่อดังระดับโลก หน้าต่างบานใหญ่สูงจากพื้นจรดเพดานเผยให้เห็นทิวทัศน์ของเมืองทั้งเมืองที่สว่างไสวราวกับดวงดาวบนผืนผ้ากำมะหยี่สีดำแต่ความงดงามเหล่านี้กลับไม่สามารถบดบังความรู้สึกอึดอัดและโดดเดี่ยวที่กัดกินหัวใจซูหลิงได้เลย นี่ไม่ใช่บ้าน แต่มันคือกรงทองที่งดงามที่สุดเท่าที่เธอเคยเห็น เธอถูกกักขังอยู่ในนั้นโดยไร้อิสรภาพใดๆ ซูหลิงไม่เห็นหน้าของ หลงเฟย อีกเลยหลังจากที่เขาประมูลเธอได้เมื่อคืน เขาสั่งให้คนของเขาพาเธอมาที่นี่ และทิ้งเธอไว้เพียงลำพัง เหมือนเธอเป็นเพียงสมบัติชิ้นใหม่ที่เขาสามารถโยนทิ้งไว้ที่ไหนก็ได้ทันทีที่เข้ามาในเพ
ความมืดมิดในห้องขังชั่วคราวถูกแทนที่ด้วยแสงไฟสลัวสีแดงจากโคมระย้าคริสตัลเมื่อบานประตูเหล็กเปิดออก เสียงเสียดสีของบานพับโลหะดังเอี๊ยดอ๊าดบาดแก้วหู พลันปรากฏร่างสูงใหญ่ของ หลงเฟย ยืนตระหง่านอยู่ตรงหน้า ซูหลิง ใบหน้าคมคายของเขาฉาบด้วยรอยยิ้มเหี้ยมเกรียม ซูหลิงรู้สึกหนาวสะท้านไปถึงขั้วหัวใจ แม้ว่าในห้องจะเย็นเฉียบอยู่แล้ว"ตื่นแล้วหรือ...แม่หนูน้อยนักสืบ" เสียงทุ้มต่ำของหลงเฟยเอ่ยขึ้นอย่างเยาะเย้ย เขาก้าวเข้ามาใกล้ ร่างของซูหลิงถอยร่นไปติดผนังเย็นเฉียบ เธอพยายามรวบรวมสติและปั้นสีหน้าให้ดูแข็งกร้าวที่สุด"คุณต้องการอะไร?" ซูหลิงถามเสียงห้าว พยายามซ่อนความกลัวที่กำลังบีบรัดหัวใจ เธอกัดฟันแน่นจนกรามเป็นสัน เธอรู้ว่าการแสดงความอ่อนแอต่อหน้าเขาจะนำมาซึ่งหายนะ เพราะนั่นจะยิ่งทำให้เขาได้ใจและขยี้เธอให้จมดินได้ง่ายขึ้นหลงเฟยหัวเราะในลำคอ เสียงหัวเราะที่ฟังดูเหมือนการคำรามของสัตว์ร้ายจากส่วนลึกของป่าอันตราย"สิ่งที่ฉันต้องการ... เธอจะรู้เองในไม่ช้า และรับรองว่ามันจะทำให้เธอจดจำไปชั่วชีวิต" เขาไม่รอให้ซูหลิงตอบกลับเขาสะบัดมือเล็กน้อย พลันลูกน้องสองคนก็ก้าวเข้ามาในห้อง แต่ละคนร่างใหญ่เท่าหมีป่า ดว