จวงเล่ยแยกจากพระชายาเกาได้ก็ขี่ม้าตรงดิ่งไปที่กระท่อมลึกกลางป่าหลิว ที่อยู่ทางทิศเหนือของเมืองหลวง เขาไม่ได้เข้าไปใกล้กระท่อมที่ถูกสร้างอย่างดี ผิดกับกระท่อมของชาวบ้าน แต่ส่งสัญญาณให้คนที่อยู่ในนั้นรับรู้และรอคอยการมาถึงด้วยใจที่ร้อนรุ่มไม่นานบุรุษชาตินักรบผู้สง่างามก็ปรากฏขึ้นตรงหน้า “ท่านอ๋อง”เกาหรงซานคิ้วขมวด แววตาเกิดคำถาม “เกิดอะไรขึ้น ทำไมสีหน้าถึงเคร่งเครียดเช่นนั้น”“ข้าก็อยากจะถามท่านอ๋องเช่นกัน”“ถามข้า.. เพราะข้าอย่างนั้นหรือ”“ขอรับ เพราะท่านข้าถึงต้องเป็นแบบนี้ ข้ารู้สึกผิดต่อพระชายาเอกยิ่งนัก”“หยุดพูดคำนั้นนะ!” เกาหรงซานเสียงกร้าวใส่คนสนิทพร้อมกับชี้นิ้วใส่ “ต้าชวี่คือพระชายาของข้าเพียงหนึ่งเดียวเท่านั้น”จวงเล่ยขบกรามแน่น นัยน์ตาคุกรุ่นด้วยความไม่พอใจมองหน้าผู้เป็นนายเหนือหัว“เช่นนั้นท่านทำแบบนี้ทำไม ถ้าท่านบอกว่าพระชายาเกาเป็นชายาเพียงหนึ่งเดียวของท่าน แล้วนางในกระท่อมหลังนั้นเป็นใครเล่า ทำไมท่านต้องให้ความสำคัญกับนางถึงขั้นโกหกพระชายาด้วย” ท้ายประโยคเขาถามเสียงกร้าวพร้อมชี้นิ้วไปที่กระท่อมอย่างสุดจะทานทนอีกต่อไป“โกหก..” คิ้วเข้มขมวดมุ่นมองหน้าองครักษ์คู่ใจ ใจเริ่
“พระชายา” เกาหรงซานเอ่ยเรียกเมียรักหลังจากสังเกตมาสักพักแล้วว่านางไม่ค่อยเจริญอาหาร แทบจะคีบข้าวใส่ปากทีละเม็ดเลยก็ว่าได้ “ทำไมถึงไม่กินเลยเล่า อาหารไม่ถูกปากหรือ.. เจ้าเป็นอะไรเล่า!” ตกใจจนเสียงหลงเมื่อเห็นน้ำตาคลอเบ้าของนางหญิงสาวรีบปาดน้ำตาที่เริ่มไหลออกมาทิ้ง ส่ายหน้ายิ้ม ๆ ข่มกลั้นความหวาดระแวงไว้อย่างที่สุด“ข้าแค่คิดถึงลูก ๆ เท่านั้น”“ข้าจะรีบให้จวงเล่ยไปรับพวกเขากลับมาเดี๋ยวนี้”“ไม่ต้องหรอกท่านพี่”“เช่นนั้นเจ้าก็จะร้องไห้แบบนี้ไม่หยุด”“แต่พี่ชายของพวกเขาก็คิดถึงพวกเขาเหมือนกัน เรื่องแค่นี้ข้าทนได้เจ้าค่ะ” นางคิดเรื่องของเขาทั้งคืนแทบไม่ได้นอน ความเหงาความว้าเหว่ที่บังเกิดจึงทำให้นางพลอยคิดถึงลูก ๆ ไปด้วย “วันนี้ท่านจะเข้าวังหลวงหรือไม่”“..ไปสิ เดี๋ยวข้าก็ต้องไปแล้ว คืนนี้คงจะกลับดึกอีกเหมือนเคย” ชั่งใจอยู่ชั่วเสี้ยวลมหายใจก่อนจะตอบคิ้วเรียวโก่งกระตุกเล็กน้อยเมื่อเขาหลบสายตา ไม่กล้าสบตานางเหมือนแต่ก่อน แม้แต่น้ำเสียงหงุดหงิดหรือคำบ่นพาดพิงถึงองค์ฮ่องเต้ที่เป็นญาติผู้น้องก็ยังไม่มีเหมือนเคย“กรำงานหนักแบบนี้ต้องรักษาสุขภาพให้ดี กินข้าวให้ครบทุกมื้อด้วย อย่าเอาแต่ทำงานจนลื
เจ็ดวันต่อมา“องค์หญิง” ต้าชวี่ย่อกายคารวะสตรีสูงศักดิ์ที่ก้าวเท้าลงจากรถม้าอย่างแช่มช้อย“พระชายา” องค์หญิงเยียนเยื้องย่างอย่างนุ่มนวลไปหาป้าสะใภ้ “ท่านสบายดีใช่หรือไม่”คิ้วเรียวได้รูปไหวเล็กน้อยกับคำถามที่แปลกไปจากเดิม เพราะถ้าองค์หญิงได้เห็นตนเมื่อไหร่ นางก็มักจะถามไถ่แบบเจาะจงไปเลย เช่นดูท่านมีความสุขดีจังเลย เจอท่านทีไรก็ยิ้มแย้มตลอดเวลา วันนี้ข้ามาขอรบกวนท่านหน่อยนะ ไม่เคยมีสักครั้งที่จะถามใช่หรือไม่แบบนี้ แล้วยังแววตาที่ดูเจือความกังวลแวบหนึ่งนั่นอีก“ข้าสบายดี องค์หญิงเล่า”“ข้าไม่ค่อยสบายใจสักเท่าไหร่ ถึงได้อยากพาเด็ก ๆ ออกไปเที่ยวนี่ไง” องค์หญิงวัยสิบเจ็ดปีตอบป้าสะใภ้ที่นางรักและให้ความนับถือเทียบเท่าเกาอ๋องผู้มีศักดิ์เป็นลุง“เป็นอะไรหรือ ให้ข้าเดินทางเป็นเพื่อนดีไหม” ได้ยินดังนั้นก็รีบถามด้วยความห่วงใย“ไม่ต้องหรอก” องค์หญิงรีบปฏิเสธความหวังดีของป้าสะใภ้ “ท่านเพิ่งกลับมาได้ไม่นาน อยู่บ้านกับเกาอ๋องดีแล้ว แค่ให้เด็ก ๆ ไปด้วยก็พอ” สตรีสูงศักดิ์ที่วางตัวได้ดีเกินอายุกล่าวกับป้าสะใภ้ มองนางด้วยสายตาเป็นมิตร แต่ในสายตาเป็นมิตรนั้นเผลอแสดงความรู้สึกไม่สบายใจออกไปเนือง ๆเฟิ่งต้
หลายปีผ่านไป“อาหลี่”หัวหน้าพี่เลี้ยงของคุณหนูทั้งสี่หันไปตามเสียงเรียก“ฮูหยิน เพิ่งตื่นหรือเจ้าคะ” ทักทายนายหญิงที่เดินออกมาจากห้อง“ตื่นได้สักพักแล้ว ข้าอ่านหนังสืออยู่น่ะ ท่านอ๋องยังไม่กลับมาอีกหรือ”คิ้วบาง ๆ ของหลี่ขมวดเข้าหากันเมื่อถูกถาม “ท่านอ๋องกลับมาถึงสักพักใหญ่แล้วนะเจ้าคะ”คราวนี้คิ้วเรียวเข้มได้รูปของต้าชวี่ขมวดมุ่นเข้าหากันบ้าง ปกติสามีจะต้องแวะมาหานางก่อนทุกครั้งที่กลับมาถึงบ้าน แต่ทำไมวันนี้..“ข้ายังไม่เห็นเขาเลยนะ”“ท่านอ๋องกลับมาแล้วจริง ๆ เจ้าค่ะ ข้ายังคำนับเขาอยู่เลย”“แล้วเขาไปไหน ทำไมไม่มาหาข้าเหมือนทุกครั้ง” พึมพำเบา ๆ ไม่ได้หวังเอาคำตอบแต่สาวใช้หูดีพอที่จะได้ยิน “ท่านมีงานด่วนกระมัง”“ก็อาจจะเป็นอย่างนั้น แล้วเจ้ากำลังจะไปไหน”“กำลังจะไปที่ครัว ไปเอานมวัวให้คุณชายสามกับคุณหนูดื่ม.. ฮูหยินต้องการให้ข้าตามหาท่านอ๋องให้หรือไม่” หลี่รีบเปลี่ยนความตั้งใจอย่างรู้งาน“ไม่ต้องหรอก เจ้าไปดูแลเด็ก ๆ เถิด”กลางดึกความเงียบที่ผิดปกติเกินไปของสามี ทำให้ผู้เป็นภรรยาที่เพิ่งกลับจากห้องน้ำและกำลังจะหลับตาลงอีกครั้งนึกเอะใจ ตั้งใจฟังเงียบ ๆ อยู่สักพักก่อนจะพลิกตัวไปหาเขา
ผู้เป็นสามีรีบจับแขนภรรยาขึ้นมาแตะชีพจร แล้วคลี่ยิ้มกว้างอวดฟันขาวเรียงสวย“ข้ากำลังจะเป็นพ่อคนอีกแล้วยอดรัก ไม่มีเสียแรงที่ทุ่มเทพละกำลังลงไปจริงๆ ฮาๆๆ ฮาๆๆ” เขาหัวเราะดังลั่นด้วยความยินดี“ข้าจะไม่ยอมมีลูกกับท่านอีกแล้ว ข้าจะตั้งท้องนี้เป็นท้องสุดท้าย คลอดลูกคนนี้แล้วท่านห้ามยุ่งกับข้าอีกเด็ดขาด”“ตามใจเจ้ายอดรัก”คำตอบของสามีสร้างความแปลกใจแก่นางยิ่งนัก นางมองเขาอย่างสงสัยในคำตอบที่หนักแน่นนั้น “ท่านแน่ใจเหรอ”ถ้าเขาลงมือแล้วไม่มีทางที่นางจะไม่ยอม เขารู้ทุกจุดสวาทบนเรือนร่างระหงนั้น นางปฏิเสธเขาไม่ได้หรอก “ข้าจะไม่ฝืนใจเจ้า ถ้าเจ้าไม่ยอมข้าจะไม่เสพเจ้า จะไม่เอาเปรียบเจ้า ข้าสัญญา”“เจ้าเล่ห์นัก! ข้ารู้ความคิดของท่านหรอกนะ ไม่ต้องมาหลอกให้ข้าตายใจเลย” นางชูมือจะทุบสามี แต่ก็เกิดอาการหน้ามืดจนต้องซบลงกับอกแกร่งแทนหลังจากนั้นอีกสองปี“ท่านพ่อสิ่งนี้คือน้องสาวของข้าใช่ไหม” เกาหรงเยี่ยหรือคุณชายอี้ในวัยสี่ขวบ ถามบิดาที่กำลังอุ้มห่อผ้าสีแดงเอาไว้“เจ้าเรียกน้องสาวว่าสิ่งนี้ไม่ได้นะลูกอี้ นางเป็นน้องสาวของเจ้า เจ้าต้องเรียกนางว่าหญิงเล็กตามที่มารดาเจ้าต้องการ”“หญิงน้อย น้องๆ หญิงน้อย” เ
“คิกๆๆ” นางหัวเราะร่วนด้วยความจั๊กจี้ และเริ่มสูดปากครางเบาๆ ด้วยความสยิว เพราะริมฝีปากกับปลายลิ้นหนาของเขาเริ่มทำงานอย่างมีชั้นเชิงสองขาเรียวของนางกระหวัดรัดรอบตัวสามีไว้แน่น เมื่อถูกยกตัวขึ้นจากที่นอนให้นั่งคร่อมลงบนตักแกร่ง แอ่นอกงามปรนเปรอให้เขาอย่างเต็มที่ไม่มีอาย เพราะโหยหาความรัญจวนนี้ยิ่งนัก“หรงซานของข้า ข้ามีความสุขเหลือเกิน อือ.. ซู้ดดดด..” นางจูบริมฝีปากบางสลับกับพรมจูบไปทั่วใบหน้าของเขา หยุดอยู่ที่ใบหูหนาและแตะปลายลิ้นปลุกเร้า เลียนแบบที่เขาเคยทำ ส่วนมือเรียวก็ลูบไล้ที่ยอดอกเล็กๆ ของเขาจนมันแข็งชัน เด่นนูนออกมาสะโพกกลมกลึงไม่รอช้า ยกลอยขึ้นสูงเล็กน้อยขณะที่เขายังหยอกเย้ากับยอดอกเต่งตึง เลื่อนมือไปจับแก่นกายใหญ่โตของเขารูดยาวๆ เร้าอารมณ์จนรู้สึกเปียกลื่นที่มือ แต่ก็ยังวางท่าอิดออดไม่ยอมตอบสนองมากไปกว่านี้“ท่านต้องการข้าหรือไม่ยอดรัก” ถามเสียงกระเส่าที่ข้างหูของสามี“ข้าต้องการเจ้าที่สุด” เกาหรงซานตอบเสียงพร่า แล้วจูบที่เนินอกและไหปลาร้าเรียวสวย ไปหาไหล่กลมกลึงและต้นแขนเรียว ขณะที่ในลำคอนั้นส่งเสียงครางไปด้วย “อา..” เขาร้องสุดเสียงด้วยความเสียวซ่านที่วิ่งแล่นจากปลายแก่นก