แชร์

บทที่ 6 : ความจริงของหมู่บ้าน

last update ปรับปรุงล่าสุด: 2025-06-11 17:07:26

สองสามวันผ่านไป นับตั้งแต่งานแต่งงานที่เรียบง่ายและเปี่ยมด้วยนัยสำคัญ หลี่ซวนเริ่มฟื้นตัวขึ้นมาก แม้บาดแผลยังไม่จางหาย แต่เรี่ยวแรงก็มากพอจะเดินเองได้ 

ซูเหยียนยังคงไม่เปลี่ยนแปลง นางกลับมาสวมชุดผ้าฝ้ายสีน้ำเงิน คอเสื้อและแขนเสื้อลายสีแดงและทองเหมือนเดิม ยังนอนในห้องเก็บยาและปรุงสมุนไพร ใช้เวลาส่วนใหญ่กับการปรุงยา ส่วนหนึ่งนำมาให้หลี่ซวนในคราบเถาอู่ที่กำลังบาดเจ็บ อีกส่วนบรรจุให้ห่อ เหมือนเตรียมไว้สำหรับสถานการณ์ข้างหน้า ราวกับชีวิตนี้ไม่มีเหตุการณ์แต่งงานใด ๆ เกิดขึ้น

ในเช้าวันหนึ่ง หลังออกไปเก็บสมุนไพร ปรุงยาเรียบร้อย นางส่งถ้วยยาร้อนให้เขาเช่นเคย แต่แทนที่จะเงียบตามปกติ นางกลับเอ่ยขึ้นเบา ๆ

"วันนี้มีประชุมหมู่บ้านที่ลานกลางหมู่บ้าน ข้าเห็นว่าเจ้าควรไปฟังด้วยตัวเอง..."

"ชาวบ้านยอมให้ข้าไปหรือ?" หลี่ซวนถาม ก่อนจะมองหน้านางอย่างแปลกใจ

"ไม่มีใครห้ามเจ้า ตั้งแต่เจ้าเอ่ยว่าจะเป็นสามีของข้า" ซูเหยียนพูดเรียบ ๆ แล้วยิ้มให้ ไม่ใช่เชิงล้อเลียน ไม่ใช่หยอกล้อ

"เจ้าจะไปด้วยไหม?" หลี่ซวนถามขึ้น

"ไปสิ ข้าต้องนำสมุนไพรที่ปรุง ไปให้ชาวบ้านหลาย ๆ คน" ซูเหยียนบอกกับเขา ก่อนจะนำห่อยาสมุนไพรจำนวนหนึ่งใส่ห่อผ้า สะพายบ่า เตรียมตัวออกจากบ้าน

ซูเหยียนพาเขาเดินไปพร้อมกลุ่มคนในหมู่บ้านที่มุ่งหน้าไปยัง ลานกลางท่ามกลางแสงแดดอ่อนของฤดูใบไม้ร่วง ที่นั่น ลานดินที่ล้อมรอบด้วยไม้ไผ่สูง กลายเป็นที่ประชุมเล็ก ๆ ผู้ใหญ่บ้านหลินจู้นั่งบนโขดหินในตำแหน่งกลางลาน ข้างกายเขารายล้อมไปด้วยชายหญิงหลายสิบคน ทั้งหมดต่างแต่งตัวด้วยผ้าฝ้ายทอหยาบ ๆ อย่างชาวบ้านสามัญ มีตั้งแต่คนวัยกลางคน ไปจนถึงชายชราหลังงุ้ม และหญิงชราที่มีรอยแผลเป็นประปรายตามแขนขา

เมื่อหลี่ซวนเดินเข้าไป ผู้ใหญ่บ้านหันมามองก่อนจะพยักหน้าเรียกให้เข้ามานั่งร่วมวง

"มาแล้วรึ เจี่ยเถาอู่ หมอหญิงซูเหยียน วันนี้ไม่มีหัวข้ออะไรเป็นพิเศษ แค่มาพูดคุยกันทั่วไปตามวาระทุกเดือน ลองฟังการประชุมดูนะ เจี่ยเถาอู่ หากเจ้าสงสัยอะไรก็ถามได้เสมอ"

ชายหนุ่มไม่ตอบในทันที เขายิ้มเจื่อน ๆ  และเลือกเป็นผู้ฟังการพูดคุย ซูเหยียนจึงยกมือขึ้นเพื่อเปิดประเด็น

"เช่นนั้นข้าจะขอนำสมุนไพรมาแจกจ่ายให้ทุกเรือน" ซูเหยียนเอ่ยพลางหยิบห่อสมุนไพรจำนวนมากออกมาจากห่อผ้าที่นางสะพาย "ช่วงนี้ข้าพบเด็กป่วยเป็นโรคเสียนเจิ้งอยู้ไม่น้อย สมดุลธาตุไฟของคนในช่วงนี้อาจไม่ปรกตินัก ข้าจึงนำกล้วยไม้เทียนหม่ามาสกัด ทำเป็นยาสมุนไพรให้พวกท่าน ของเหล่านี้อาจช่วยปรับสมดุลธาตุในร่างกาย รับมือโรคร้ายเหล่านั้น ไม่ให้มากล้ำกรายพวกท่านได้โดยง่าย"

ซูเหยียนพูดจบก็แจกจ่ายยา ส่งต่อให้กับทุก ๆ คน พร้อมอธิบายวิธีการใข้งานอยู่ครู่ใหญ่ ชาวบ้านต่างพากันยกย่องสรรเสริญนาง นั่นก็ทำให้หลี่ซวนไม่แปลกใจเลยที่ผู้ใหญ่บ้านถึงยอมนางเรื่องการแต่งงานกับเขาง่ายดายนัก

ชาวบ้านคุยกันถึงเรื่องอื่นต่อจากนั้น แต่ระหว่างการสนทนาของกลุ่มชาวบ้าน เจ้าชายในคราบโจรก็เริ่มสังเกตสิ่งผิดปกติ เรื่องที่ถูกพูดถึงในวงล้วนเป็นเรื่องของทางการ การเก็บภาษีที่ไม่เป็นธรรม การมีเจ้าหน้าที่เข้ามายึดทรัพย์ ความยากลำบากของการถูกบังคับให้ย้ายถิ่นฐาน และเรื่องเล่าถึงคนที่เคยถูกใส่ร้ายจนต้องหนีมาซ่อนตัว

หลังจากฟังเรื่องราวมาสักพักใหญ่ ๆ  ในที่สุดเขาก็ตัดสินใจยกมือขึ้นแล้วเอ่ยถามออกไป

"ข้าสงสัยอยู๋เรื่องหนึ่ง ทุกคนที่นี่ ต่อต้านทางการกันงั้นหรือ?"

ผู้ใหญ่บ้านได้ยินการเปิดบทสนทนาของเขา ก็ยิ้มเจื่อน ๆ ก่อนตอบออกมา

"ถามได้ดีเจี่ยเถาอู่ ชาวบ้านที่นี่มากกว่าครึ่งเป็นผู้อพยพเข้ามา บางคนเป็นชาวไร่ชาวนาที่ถูกกดขี่ บางคนเป็นทหารที่ไม่ยอมทำตามคำสั่ง บางคนเป็นลูกหลานของคนที่เคยต่อต้านเจ้าเมือง พวกเขาล้วนเป็นนักโทษที่ถูกตัดสินประหารชีวิต ที่โชคชะตา เทพยดาฟ้าเบื้องบนหรืออะไรก็ตาม อาจนำพาให้ยังอยู่รอด ถึงได้หลบหนีมาอยู่ที่นี่กันโดยมิได้นัดหมาย... "

"เพราะอย่างนั้น ถึงรู้ว่าข้าเป้นโจร ก็เลยไม่ได้กังวลอะไรงั้นรึ?"

"ข้าเชื่อใจหมอหญิงซูเหยียน นางมองคนไม่ผิดหรอก" ผู้ใหญ่บ้านสูงวัยเอ่ยอย่างหนักแน่น 

ชาวบ้านอีกคนหนึ่งเล่าเสริม หลังผู้ใหญ่บ้านเงียบไปครู่ใหญ่

"หมู่บ้านนี้เป็นบ้านป่า เป็นถิ่นของชนกลุ่มน้อย จะเดินทางเข้ามาก็ยากลำบาก เจ้าหน้าที่ก็มาี่นี่ปีละหนตอนจะเก็บภาษี แต่ก็มาเท่านั้น ไม่เคยถามว่าเราจะเป็นจะตายอย่างไร ไม่สังเกตด้วยซ้ำว่ามีคนเพิ่มขึ้นหรือลดลง ขอเพียงพวกเราส่งผลผลิตที่ได้ ของป่าหายาก พืชพรรณให้ตามต้องการ ก็ไม่สนใจอะไรทั้งนั้น"

ผู้ใหญ่บ้านผู้สูงวัยร่างใหญ่พูดขึ้นบ้าง

"ข้าเองก็เคยเป็นขุนนาง แต่หลายสิบปีที่แล้ว กลับถูกใส่ร้ายว่าขายแผ่นดินให้พวกศัตรู ต้องโทษประหาร ข้าหนีมาจนพบชาวบ้านใจดี พบรัก ได้แต่งงานกับชาวบ้าน ช่วยเหลือผู้คนจนพ้นวิกฤตมาหลายครั้ง จนชาวบ้านได้เลือกข้าเป็นผู้ใหญ่บ้านของที่นี่ ข้าจึงอยากช่วยผู้ร่วมชะตากรรมเดียวกัน จนตอนนี้ที่นี่ก็กลายเป็นหมู่บ้านที่มีคนแปลกหน้าหลบหนีอยู่มากมาย แต่ก็อยู่ร่วมกันอย่างสงบ"

หลี่ซวนฟังแล้วรู้สึกบางอย่างในใจพลิกพลัน ความจริงเหล่านี้ทำให้เขาเริ่มเข้าใจแล้วว่าทำไมชาวบ้านจึงไม่กลัวโจรเช่นเขา ทำไมจึงรับคนแปลกหน้าเข้ามาได้อย่างง่ายดาย

"นี่คือดินแดนของคนที่ถูกทางการตั้งใจจะประหารสินะ..." เขาพึมพำกับตัวเอง

"หรือดินแดนของผู้บริสุทธิ์ที่อยากมีชีวิตรอด และล้างมลทินให้ตนเองในสักวัน" ซูเหยียนเอ่ยขึ้นอย่างหนักแน้น ก่อนจะจ้องมองมาที่เขา แววตาของนางจริงจังกว่าทุกครั้งที่เขาเคยเห็น "เจ้าเองก็คิดแบบนั้นหรือไม่?"

"ถ้ามีโอกาส ใครก็ย่อมอยากล้างมลทินให้ตนเองทั้งนั้น หรืออาจจะล้างแค้นที่มันได้ทำกับข้า" หลี่ซวนพูดพลางกัดฟันกรอด เมื่อถึงถึงเถาอู่ตัวจริงที่แย่งชิงใบหน้าของเขาไป 

"ถ้าพวกเราทำได้ก็คงจะดี" ซูเหยียนเอ่ยขึ้นมาอย่างเศร้าสร้อย 

ตอนนี้หลี่ซวนเริ่มเข้าใจสิ่งที่ซูเหยียนต้องเผชิญ นางคงเป็นหญิงสาวต้องโทษ ที่หลบหนีออกมา แล้วเลือกจะอยู่กับคนที่ไม่มีที่ยืนในโลกนี้ และใช้ความรู้เยียวยาชีวิตพวกเขา แม้สังคมจะไม่ยอมรับ แม้ธรรมเนียมจะตีกรอบ แต่เธอก็ยังยืนอยู่ได้อย่างแข็งแกร่ง และคาดหวังว่าจะคืนความบริสุทธฺิ์ให้พวกเขาได้ นั่นคงเป็นเหตุผลที่นางได้ช่วยชีวิตเขาไว้ ทั้งที่รู้ว่าเป็นโจรในประกาศจับ 

เขาก้มศีรษะลงช้า ๆ ด้วยความเคารพต่อชุมชนแห่งนี้

"ข้าจะไม่เป็นภัยกับพวกท่าน ข้าขอสาบาน"

ผู้ใหญ่บ้านพยักหน้ารับช้า ๆ ก่อนจะกล่าว

"ถ้าเจ้ารักษาคำพูด พวกเราก็จะถือว่าเจ้าเป็นคนของที่นี่"

นี่เป็นครั้งแรกที่หลี่ซวนรู้สึกว่าเขาอาจมีที่ทางของตนเองอีกครั้ง ไม่ใช่ในฐานะเจ้าชาย ไม่ใช่ฐานะจอมโจร ไม่ใช่ในฐานะนักโทษหลบหนี แต่ในฐานะชายคนหนึ่งที่ตัดสินใจอยู่อาศัย บนแผ่นดินของเหล่าคนที่หลบหนีโทษตายมารวมตัวกัน

บางทีอาจเป็นโอกาสรวบรวมพวกพ้อง เพื่อล้างมลทิน และทวงสิ่งที่เป็นของเขากลับคืนมาก็เป็นได้

อ่านหนังสือเล่มนี้ต่อได้ฟรี
สแกนรหัสเพื่อดาวน์โหลดแอป

บทล่าสุด

  • สลับชะตาองค์ชายจอมโจร   บทที่ 6 : ความจริงของหมู่บ้าน

    สองสามวันผ่านไป นับตั้งแต่งานแต่งงานที่เรียบง่ายและเปี่ยมด้วยนัยสำคัญ หลี่ซวนเริ่มฟื้นตัวขึ้นมาก แม้บาดแผลยังไม่จางหาย แต่เรี่ยวแรงก็มากพอจะเดินเองได้ ซูเหยียนยังคงไม่เปลี่ยนแปลง นางกลับมาสวมชุดผ้าฝ้ายสีน้ำเงิน คอเสื้อและแขนเสื้อลายสีแดงและทองเหมือนเดิม ยังนอนในห้องเก็บยาและปรุงสมุนไพร ใช้เวลาส่วนใหญ่กับการปรุงยา ส่วนหนึ่งนำมาให้หลี่ซวนในคราบเถาอู่ที่กำลังบาดเจ็บ อีกส่วนบรรจุให้ห่อ เหมือนเตรียมไว้สำหรับสถานการณ์ข้างหน้า ราวกับชีวิตนี้ไม่มีเหตุการณ์แต่งงานใด ๆ เกิดขึ้นในเช้าวันหนึ่ง หลังออกไปเก็บสมุนไพร ปรุงยาเรียบร้อย นางส่งถ้วยยาร้อนให้เขาเช่นเคย แต่แทนที่จะเงียบตามปกติ นางกลับเอ่ยขึ้นเบา ๆ"วันนี้มีประชุมหมู่บ้านที่ลานกลางหมู่บ้าน ข้าเห็นว่าเจ้าควรไปฟังด้วยตัวเอง...""ชาวบ้านยอมให้ข้าไปหรือ?" หลี่ซวนถาม ก่อนจะมองหน้านางอย่างแปลกใจ"ไม่มีใครห้ามเจ้า ตั้งแต่เจ้าเอ่ยว่าจะเป็นสามีของข้า" ซูเหยียนพูดเรียบ ๆ แล้วยิ้มให้ ไม่ใช่เชิงล้อเลียน ไม่ใช่หยอกล้อ"เจ้าจะไปด้วยไหม?" หลี่ซวนถามขึ้น"ไปสิ ข้าต้องนำสมุนไพรที่ปรุง ไปให้ชาวบ้านหลาย ๆ คน" ซูเหยียนบอกกับเขา ก่อนจะนำห่อยาสมุนไพรจำนวนหนึ่งใ

  • สลับชะตาองค์ชายจอมโจร   บทที่ 5 : งานแต่ง

    วันรุ่งขึ้นที่ผู้ใหญ่บ้านนัดหมายให้เป็นวันแต่งงานได้มาถึงเสียงฆ้องกลองจากปลายหมู่บ้านดังก้องมาแต่เช้า กลิ่นธูปหอมจาง ๆ ลอยอบอวลมากับลม ขณะที่แสงแดดอ่อนยามรุ่งสาดส่องลอดม่านไม้ไผ่ซูเหยียนยืนอยู่หน้ากระจกไม้เล็ก ๆ ภายในเรือนของตน สวมชุดคลุมผ้าฝ้ายสีแดง พร้อมทั้งผ้าคลุมหน้าที่แม่เฒ่าในหมู่บ้านนำมาให้ คลุมทับเสื้อและกระโปรงสีเขียวด้านใน เชือกคาดเอวถักจากเส้นไหมสีน้ำตาลแดงถูกมัดไว้หลวม ๆ ที่เอว แม้จะไม่ใช่ชุดเจ้าสาวตามธรรมเนียมชาววัง แต่เมื่ออยู่บนเรือนร่างของหญิงสาวผู้นี้ กลับงามประหลาดจนมิอาจละสายตานางส่องกระจกโดยไม่แต่งเติมใบหน้ามากนัก ร่างกายของนางอบอวลด้วยกลิ่นยาหอมอ่อน ๆ จากตลับไม้เก่า ๆ ซึ่งเคยเป็นของมารดา เมื่อทุกอย่างเรียบร้อย นางก็เดินออกไปยังลานหน้ากระท่อม ที่ซึ่งมีโต๊ะไม้สองสามตัวเรียงกันง่าย ๆ รองรับพิธีแต่งงานที่มิได้ใหญ่โต หลี่ซวนยืนอยู่ที่นั่น ผมยาวถูกมัดไว้ลวก ๆ สวมชุดผ้าหยาบ ๆ ของชาวบ้านธรรมดา ๆ ที่ผู้ใหญ่บ้านนำมาให้ แทนชุดนักโทษที่สวมอยู่แต่แรก แม้จะไม่ได้สภาพดีเท่าไรนัก เพราะผู้ใหญ่บ้านก็ไม่ได้เอ็นดูเขามากพอจะให้ของดี ๆ แต่ก็ดีกว่าชุดรุ่งริ่งเปื้อนดินโคลนที่เขาสวมตอ

  • สลับชะตาองค์ชายจอมโจร   บทที่ 4 : การตัดสินใจ

    แดดสายคล้อยเหนือหลังคาฟาง เสียงจั๊กจั่นครางระงมอยู่หลังแนวไม้ไผ่ในยามสายอันเงียบสงบ แต่ภายในกระท่อมหลังน้อย กลับมีคลื่นความกดดันอันมองไม่เห็นแผ่ซ่าน เมื่อเสียงฝีเท้าหลายคู่กำลังก้าวเดินเข้ามา ก่อนจะหยุดลงหน้าประตูไม้ตึง ตึง ตึง“หมอหญิงซูเหยียน เปิดประตูด้วยเถิด ข้า ผู้ใหญ่บ้าน หลินจู้เอง” เสียงผู้มาเยือนดังขึ้นหลังเคาะประตูหลายครั้ง ซูเหยียนเหลือบตามองหลี่ซวนเพียงแวบหนึ่ง ก่อนพับผ้าเช็ดมือ แล้วเดินไปเปิดประตู ทำให้นางพบกับชายสูงวัยร่างสูงใหญ่ ผมหงอกแซมขมับในชุดผ้าฝ้ายสีเขียวเนื้อหนา ยืนอยู่พร้อมชาวบ้านอีกเกือบสิบคนด้านหลัง“ข้าได้ยินว่ามีชายแปลกหน้าอยู่ในเรือนเจ้ามาหลายวันแล้ว” ผู้มาเยือนกล่าว “เจ้าไม่รายงานใคร ทั้งที่ธรรมเนียมของพวกเราระบุชัดว่า หญิงชายไม่ควรอยู่ร่วมเรือน หากมิใช่ญาติหรือสามีภรรยา เพื่อป้องกันไม่ให้ผู้หญิงต้องเสียหาย”“เขาเป็นคนบาดเจ็บ ข้าไม่อาจปล่อยเขาให้ตาย” ซูเหยียนตอบโดยไม่หลบสายตา ผู้ใหญ่บ้านถอนหายใจ แววตายังแข็งกร้าวราวกับจะเอาโทษให้ได้“แม้เจ้าจะเป็นหมอยา แต่เจ้าก็เป็นหญิงไม่มีสามี ชื่อเสียงของเจ้ามีผลต่อความเชื่อมั่นของหมู่บ้าน ถ้าเจ้าทำเช่นนี้ ต่อไปชายใดก

  • สลับชะตาองค์ชายจอมโจร   บทที่ 3 : หมอยา

    แดดยามสายสาดลอดผ่านไผ่สูงริมชายคา กลิ่นดินชื้นแตะจมูกอ่อน ๆ ขณะที่ไอน้ำค้างยังเกาะอยู่บนปลายใบพืชผัก ซูเหยียนก้มตัวอยู่ในสวนเล็กหลังกระท่อม มือของนางเปื้อนดินเล็กน้อย แต่กลับดูคล่องแคล่วและสง่างาม แม้ชุดของนางจะเป็นเพียงผ้าฝ้ายพื้นเมืองสีน้ำเงินเข้ม หากแต่ท่วงท่าการก้มถอนผัก วางตะกร้า หรือตรวจต้นใบล้วนบรรจงราวกับการร่ายรำของผู้ผ่านการฝึกศิลปะมาอย่างชำนาญสวนของนางไม่ใหญ่ เป็นเพียงแปลงดินแคบ ๆ เรียงชิดแนวไม้ไผ่ และมีรั้วไม้เตี้ย ๆ กั้นรอบ ในแปลงมีทั้งต้นผักชีฝรั่ง กวางตุ้งเขียว ขิงข่า ตะไคร้ และพืชสมุนไพรอีกหลายชนิดที่มักไม่พบในครัวเรือนทั่วไปนางเอื้อมเด็ดใบโหระพาอย่างระวัง ตรวจดูรากว่านหางจระเข้ แล้วบรรจงใช้มีดปลายแหลมเล็ก ๆ ตัดส่วนที่ใช้ได้เก็บลงตะกร้า ขณะถอนต้นกุยช่าย นางหันไปมองกระท่อมหลังน้อย ริมหน้าต่างยังเปิดไว้ ทำให้นางพอรู้ว่าคนบาดเจ็บยังคงนอนนิ่งอยู่“ต่อให้เป็นโจรหรือปีศาจก็ตาม.. คนที่เจ็บ ก็ยังต้องหายากินอยู่ดี...” ซูเหยียนถอนหายใจเบา ๆ แสงแดดกระทบใบหน้าด้านข้างของนาง ดวงตาดำขลับของหญิงสาวเปล่งประกายภายใต้ความเงียบ ยากที่ผู้ใดจะรู้ว่าในใจนางกำลังคิดสิ่งใดอยู่จนกระทั่งในตะ

  • สลับชะตาองค์ชายจอมโจร   บทที่ 2 : สตรีผู้ช่วยชีวิต

    เสียงฝนยังคงโปรยปรายลงมาเบา ๆ บนหลังคาฟางอย่างไม่หยุดหย่อน แสงฟ้าแลบเป็นระลอกสว่างวาบผ่านช่องหน้าต่างไม้ ร่างหนึ่งนอนแน่นิ่งอยู่บนเสื่อผืนเก่าในกระท่อม ขาหอบหายใจถี่ ร่างกายเปียกชุ่ม เลือดซึมออกจากบาดแผลกลางหลัง เสื้อผ้าขาดรุ่งริ่งยังชุ่มน้ำจนแทบแนบติดผิวเสียงประตูไม้เก่าดังแอ๊ดเบา ๆ หญิงสาวผู้หนึ่งเดินเข้ามาในห้อง พร้อมตะเกียงน้ำมันในมือ แสงอุ่นนวลจากเปลวเทียนสะท้อนดวงหน้าของนางอย่างแผ่วเบานางคือหญิงสาวผู้ที่พบร่างเขานอนหมดสติอยู่ข้างลำห้วยริมทุ่งนา ท่ามกลางฝนที่กระหน่ำลงมาในยามค่ำ กระท่อมของนางตั้งอยู่โดดเดี่ยวท่ามกลางผืนนาอันเวิ้งว้าง ไม่มีเพื่อนบ้าน ไม่มีญาติพี่น้อง เป็นอาคารเล็ก ๆ ที่มีเพียงหญิงสาวนางเดียวใช้ชีวิตอยู่อย่างเงียบงันกระนั้น ความเงียบในวันนี้ กลับถูกทำลายโดยเสียงหายใจอันเหนื่อยอ่อนของเขาหญิงสาวนั่งลงข้างตัวชายแปลกหน้า เอื้อมมือบิดผ้าเช็ดร่างเขาอย่างระมัดระวัง น้ำจากผมของเขาหยดลงกับพื้น นางมองด้วยสายตาเรียบสงบ แต่เปี่ยมด้วยความระวังใบหน้าของนางงดงามประหนึ่งภาพเขียนจากฝีแปรงของจิตรกรวังหลวง ผิวเนียนผ่องราวหยกขาว ไม่มีตำหนิแม้แต่น้อย และเมื่อแสงตะเกียงสาดส่องต้อง พ

  • สลับชะตาองค์ชายจอมโจร   บทที่ 1 : สับเปลี่ยนชะตา

    สายลมปลายฤดูหนาวพัดอย่างรุนแรง ปลิดใบไม้จากกิ่งก้านให้ปลิวว่อนบนผืนแผ่นดินอันเยียบเย็น หิมะโปรยปรายลงบนภูผาใหญ่ สะท้อนกับแสงจันทร์เพ็ญจนแวววาวประดุจอัญมณีทว่าผู้คนเบื้องล่างขุนเขานั้นไม่ได้ว่างพอจะรับชมความงามของมัน เสียงฝีเท้าหนักและ เสียงหอบหายใจของเหล่าทหารม้าหลวงนับร้อยที่กำลังไล่ตามใครสักคน บอกให้รู้ว่าพวกเขาไม่ได้มาที่นี่เพื่อเสพความงามของบรรยากาศ“องค์ชาย! มันหนีขึ้นหน้าผาพะย่ะค่ะ! ม้าของพวกเราตามไปไม่ได้”“ล้อมภูเขานี้เอาไว้! อย่าปล่อยให้มันลอยนวล! ข้าจะไปจัดการมันเอง!” ชายหนุ่มผู้ถูกเรียกว่าองค์ชาย จ้องมองเหล่าทหารด้วยสายตาอันเด็ดขาด ก่อนจะแหงนมองชายผู้หนึ่งที่ใช้วิชาตัวเบา วิ่งพลาง กระโดดพลาง จนไต่ขึ้นหน้าผาไปไกลองค์ชายผู้นี้มีผิวเนียนกระจ่างดั่งหิมะต้นฤดู ทว่าแฝงความเปล่งปลั่งของโลหิต ด้วยสุขภาพที่ดีจากการฝึกฝนขัดเกลาร่างกายมานาน เส้นผมของเขาดำสนิท เรียงเส้นอย่างมีวินัย เงางามประหนึ่งหมึกสดบนพู่กันของปราชญ์ เกล้าขึ้นครึ่งศีรษะอย่างเรียบง่าย คิ้วของเขาเรียวและเข้ม ใต้คิ้วนั้นคือดวงตาลุ่มลึกเยือกเย็น มีประกายเข้มแข็งแต่ไม่แข็งกร้าว คล้ายอ่านทุกสิ่งทุกอย่าง สันจมูกโด่งรับกับ

บทอื่นๆ
สำรวจและอ่านนวนิยายดีๆ ได้ฟรี
เข้าถึงนวนิยายดีๆ จำนวนมากได้ฟรีบนแอป GoodNovel ดาวน์โหลดหนังสือที่คุณชอบและอ่านได้ทุกที่ทุกเวลา
อ่านหนังสือฟรีบนแอป
สแกนรหัสเพื่ออ่านบนแอป
DMCA.com Protection Status