Share

บทที่ 2 : สตรีผู้ช่วยชีวิต

last update Last Updated: 2025-06-06 15:50:40

เสียงฝนยังคงโปรยปรายลงมาเบา ๆ บนหลังคาฟางอย่างไม่หยุดหย่อน แสงฟ้าแลบเป็นระลอกสว่างวาบผ่านช่องหน้าต่างไม้ ร่างหนึ่งนอนแน่นิ่งอยู่บนเสื่อผืนเก่าในกระท่อม ขาหอบหายใจถี่ ร่างกายเปียกชุ่ม เลือดซึมออกจากบาดแผลกลางหลัง เสื้อผ้าขาดรุ่งริ่งยังชุ่มน้ำจนแทบแนบติดผิว

เสียงประตูไม้เก่าดังแอ๊ดเบา ๆ หญิงสาวผู้หนึ่งเดินเข้ามาในห้อง พร้อมตะเกียงน้ำมันในมือ แสงอุ่นนวลจากเปลวเทียนสะท้อนดวงหน้าของนางอย่างแผ่วเบา

นางคือหญิงสาวผู้ที่พบร่างเขานอนหมดสติอยู่ข้างลำห้วยริมทุ่งนา ท่ามกลางฝนที่กระหน่ำลงมาในยามค่ำ กระท่อมของนางตั้งอยู่โดดเดี่ยวท่ามกลางผืนนาอันเวิ้งว้าง ไม่มีเพื่อนบ้าน ไม่มีญาติพี่น้อง เป็นอาคารเล็ก ๆ ที่มีเพียงหญิงสาวนางเดียวใช้ชีวิตอยู่อย่างเงียบงัน

กระนั้น ความเงียบในวันนี้ กลับถูกทำลายโดยเสียงหายใจอันเหนื่อยอ่อนของเขา

หญิงสาวนั่งลงข้างตัวชายแปลกหน้า เอื้อมมือบิดผ้าเช็ดร่างเขาอย่างระมัดระวัง น้ำจากผมของเขาหยดลงกับพื้น นางมองด้วยสายตาเรียบสงบ แต่เปี่ยมด้วยความระวัง

ใบหน้าของนางงดงามประหนึ่งภาพเขียนจากฝีแปรงของจิตรกรวังหลวง ผิวเนียนผ่องราวหยกขาว ไม่มีตำหนิแม้แต่น้อย และเมื่อแสงตะเกียงสาดส่องต้อง พวงแก้มของนางก็มีสีระเรื่อคล้ายดอกเหมยแรกแย้ม ดวงตาเรียวยาวล้อมด้วยขนตางอนงาม จ้องมองด้วยความเฉียบคม แต่ไม่เย็นชา ริมฝีปากเล็กได้รูปอ่อนแดงธรรมชาติ เรือนผมยาวสลวยสีดำขลับรับกับชุดสีน้ำเงินที่คอเสื้อลายสีแดงสลับทองซึ่งนางสวมไว้ มันดูเป็นชุดพื้นเมืองแบบเรียบง่าย หากแต่เมื่อนางสวมใส่กลับขับให้นางดูมีสง่าราศีประหลาด

“ยังไม่ตายสินะ...” นางพึมพำเบา ๆ ขณะเช็ดเหงื่อบนหน้าผากของชายผู้นอนหมดสติ เสียงครางเบา ๆ หลุดจากปากของหลี่ซวน เขาพยายามขยับตัว แต่ก็ต้องร้องเพราะความเจ็บ

“อย่าเพิ่งขยับ” เสียงนางนุ่มนวลแต่เด็ดขาด ก่อนที่นางจะหยิบสมุนไพรจากตะกร้าไม้ข้างฝา บดและตำด้วยครกเล็ก แล้ววางพอกลงบนแผล

“โชคดีที่ไม่ได้ลึกถึงกระดูก...” หญิงสาวพึมพำพลางนำผ้าขาวมาพันแผลให้ และเมื่อพันผ้าเสร็จ นางก็นั่งมองมายังชายแปลกหน้าที่ยังไม่ลืมตาอีกครั้ง ก่อนถอนหายใจเบา ๆ แล้วลุกขึ้น เดินไปตักน้ำอุ่นจากหม้อดิน ถึงเช่นนั้นสายตาก็ยังเหลือบมองเป็นระยะ ๆ

“เจ้าคือใครกันแน่... ทำไมถึงได้มานอนเจียนตายอยู่ตรงนี้...”

นางพยายามถาม ทว่าไม่มีเสียงตอบกลับ นอกจากเสียงฝนที่ยังโปรยปรายลงบนหลังคา

หญิงสาวเห็นเช่นนั้นก็ไม่สนใจไถ่ถามต่อในตอนนี้ นางยื่นถ้วยน้ำอุ่นจ่อริมฝีปากเขาอย่างแผ่วเบา ประคองให้เขากลืน แม้เขาจะยังสะลึมสะลือ แต่สัญชาตญาณยังทำให้เขาเคลื่อนไหวตาม และกินน้ำที่นางป้อนให้จนหมด นั่นก็ทำให้ปรากฏยิ้มออกมาเล็กน้อย หลุดจากใบหน้านิ่งสงบของนาง

“คืนนี้พักก่อนเถิด... เรื่องอื่นค่อยว่ากันพรุ่งนี้”

นางลุกขึ้น ห่มผ้าให้ชายผู้นั้นอีกครั้ง แล้วเป่าเปลวตะเกียงให้ดับลง ทิ้งไว้เพียงแสงสลัวจากฟ้าแลบที่ยังปรากฏเป็นระยะ กระท่อมไม้หลังเล็กกลับสู่ความเงียบอีกครา องค์ชายผู้ถูกเปลี่ยนหน้า นอนหลับใหลใต้ชายคาอันอบอุ่นของหญิงสาวผู้ยังไม่เอ่ยนาม

.

เวลาผ่านไปเนิ่นนาน จนกระทั่งเสียงไก่ป่าร้องปลุกยามรุ่งสาง

แสงแดดอ่อน ๆ ลอดผ่านรอยแตกของไม้ไผ่ที่กรุฝาเข้ามาเป็นลำเล็ก ๆ ส่องกระทบใบหน้าเปื้อนฝุ่นของชายบาดเจ็บ หลี่ซวนขยับเปลือกตา รู้สึกเจ็บแปลบไปทั้งตัว แขนขาอ่อนแรง แต่ก็ยังพยายามยันกายขึ้น ทว่ายังไม่ทันจะขยับได้มาก เสียงของหญิงสาวก็ดังขึ้นจากมุมห้องด้วยน้ำเสียงสงบ

“อย่าขยับแรง เจ้าบาดเจ็บอยู่”

เขาหันขวับไป เห็นหญิงสาวนั่งบนตั่งไม้เล็ก ๆ ข้างเตาไฟ ดวงตาของนางมองตรงมาไม่วอกแวก

“เจ้า...คือใคร...”

เสียงของเขาแหบพร่า เจือความระแวง ทว่าหญิงสาวไม่ตอบในทันที นางลุกขึ้น เดินมาหา พร้อมชามดินเผาที่มีควันกรุ่น

“ข้าวต้มสมุนไพร ข้าใส่เกลือไว้เล็กน้อย ช่วยให้มีแรง”

หลี่ซวนขมวดคิ้ว ไม่ยื่นมือรับ เขาจ้องหน้านางนิ่งพร้อมถามกลับไปด้วยความสงสัย

“เหตุใดเจ้าจึงช่วยข้า”

หญิงสาวนิ่งไปครู่หนึ่ง ก่อนวางชามลงข้างตัวเขา แล้วเอ่ยเสียงเรียบแทนคำตอบ

“เจ้า...คือ เถาอู่ แซ่เจี่ย ใช่หรือไม่”

คำถามนั้นทำให้หลี่ซวนตะลึง หัวใจเต้นแรง รีบถามกลับไปอย่างกระวนกระวาย

“เจ้ารู้จักชื่อนี้ได้อย่างไร”

“ใบประกาศจับ ถูกแปะอยู่หน้าศาลากลางของหมู่บ้านมาหลายเดือนแล้ว” นางกล่าวด้วยน้ำเสียงเรียบเฉย “หน้าของเจ้าตรงกับรูปวาดในนั้น ข้าจำได้”

หลี่ซวนกัดฟันแน่น ความรู้สึกหงุดหงิดแล่นผ่านทรวงอกเพราะถูกเข้าใจว่าเป็นผู้ที่เขาไม่ได้เป็น

“หากรู้ว่าเป็นโจร เจ้าควรปล่อยข้าให้ตาย...ไม่ใช่หรือ?”

หญิงสาวกลับส่ายหน้าเบา ๆ รอยยิ้มปรากฏบนสีหน้า ดวงตาของนางแฝงประกายหม่นเศร้า

“ข้าเคยเห็นคนตายต่อหน้าต่อตา... พ่อแม่ของข้า...ก็ถูกฆ่าโดยคนที่ไม่ฟังคำแก้ตัว” นางนิ่งไปชั่วครู่ ดั่งต้องฝืนความทรงจำอันเจ็บปวด “ข้าจึงไม่อยากให้ใครตาย... ก่อนที่ข้าจะแน่ใจว่าเขาควรตายจริง ๆ”

คำพูดของนางไม่ได้เปล่งด้วยความโกรธ หรืออาฆาต มันเต็มไปด้วยความสงบ ทำให้หลี่ซวนต้องนิ่งงัน มองหญิงสาวตรงหน้าอย่างพินิจ เขารู้สึกได้ว่าหลังแววตาอ่อนโยนนั้น แฝงความแข็งแกร่งบางอย่างที่แม้เขาผู้เป็นองค์ชายยังสัมผัสได้

“เจ้ายังไม่มีแรงมากพอจะลุก ข้าจะช่วยป้อนให้”  หญิงสาวกล่างจบก็ถอนหายใจเบา ๆ แล้วเอื้อมมือมาเลื่อนชามเข้าใกล้เขาอีกครั้ง

“เจ้าไม่กลัวข้าจะฆ่าเจ้าหรือ” เขาตอบ แต่นางเพียงแค่ยิ้มบาง ๆ

“หากเจ้าจะฆ่า ข้าคงตายไปแล้ว”

หลี่ซวนนิ่งไปอีกครั้ง เขาไม่อาจตอบโต้คำใด ได้เพียงมองหญิงสาวยกช้อนขึ้นตักข้าวต้ม แล้วเป่าเบา ๆ ก่อนยื่นให้เขาอย่างเป็นมิตร

“ข้าชื่อ...ซูเหยียน” นางแนะนำตัว โดยที่ไม่เอ่ยแซ่

“หากเจ้าหายดีเมื่อใด เจ้าจะไปก็ได้ แต่ในระหว่างนี้... เจ้าคือคนเจ็บในบ้านข้า ทำตัวดี ๆ หน่อยก็แล้วกัน”

หลี่ซวนรับช้อนจากมือนางช้า ๆ ดวงตาของเขายังไม่คลายระแวง หากแต่เริ่มแฝงด้วยแววสับสนและแววสำนึกบางอย่าง

“ซูเหยียน...” เขาทวนชื่อของนางเบา ๆ เหมือนเคยได้ยินที่ไหนมาก่อน หญิงสาวมองเขานิ่ง แล้วเอ่ยย้ำอีกครั้งด้วยน้ำเสียงที่นุ่มนวล หากแต่ชัดเจน

“เจี่ยเถาอู่ เจ้าจะรักษาตัวได้ที่นี่จนหายดีด้วยฝีมือข้า… แต่หากคิดทำร้ายข้า เจ้าก็คงไม่หาย ดังนั้นเจ้าจะไม่ทำร้ายข้า ถูกหรือไม่?”

หลี่ซวนกินข้าวต้มทีละคำ กลืนอย่างยากลำบาก ไม่ใช่เพราะรสชาติไม่ดี แต่เพราะความรู้สึกแปลกแยกยังพันธนาการอยู่ในอก

หญิงสาวชื่อซูเหยียนนั่งอยู่ตรงข้ามเขาอย่างเงียบงัน นางไม่ซักถาม ไม่เร่งรัด ไม่แม้แต่จะจ้องตาเขานานเกินจำเป็น หากแต่บรรยากาศกลับไม่สบายใจเลยสักนิด ชายหนุ่มค่อย ๆ กินสิ่งที่นางบรรจงป้อนให้จนหมด ก่อนที่หญิงสาวจะวางชามลง

“ข้า...ไม่เคยคิดว่าจะมีใครช่วยข้า ทั้งที่รู้ว่าในสายตาชาวบ้าน ข้าคือโจร...” หลี่ซวนถามด้วยความไม่เข้าใจ ซูเหยียนเงยหน้าขึ้นช้า ๆ แววตาของนางนิ่งงัน

“ข้าไม่เชื่อสิ่งที่ข้าเห็น...อย่างน้อยไม่ทั้งหมด”

“เพราะอะไร”

“ข้าเคยรู้จักคนที่เคยแจกข้าวแจกน้ำ เขาเป็นขุนนางฝ่ายบุ๋น มีชื่อเสียงว่ายึดหลักคุณธรรม และเขาก็เป็นหนึ่งในผู้กล่าวหาท่านพ่อของข้า ในข้อหากบฏ ทั้งที่ท่านพ่อไม่ได้ทำอะไรผิด จนท่านพ่อต้องถูกประหาร”

หลี่ซวนชะงัก มองนางนิ่ง แววตาสะท้อนความเข้าใจบางอย่าง

“เช่นนั้นข้าจึงไม่สนว่าทางการจะตราหน้าเจ้าเช่นไร ข้าพิสูจน์เองได้ว่าคนตรงหน้า คือปีศาจหรือเป็นเพียงคนเจ็บ”

นางพูดจบ บทสนทนาของทั้งสองก็ถูกความเงียบเข้ามายึดครอง ซูเหยียนลุกขึ้นเก็บถ้วยชาม เสียงช้อนกระทบถ้วยชามคล้ายจะกำจัดความเงียบระหว่างทั้งสอง

หลี่ซวนเอนกายลงบนเตียง ชำเลืองมองรอบ ๆ นอกจากเตียงไม้ฟาก หม้อสมุนไพร และข้าวของเรียบง่ายแล้ว เขาไม่เห็นสิ่งใดบ่งบอกว่าหญิงสาวผู้นี้มีต้นตอจากที่ใด กระท่อมหลังนี้ตั้งอยู่อย่างโดดเดี่ยวกลางทุ่ง ไม่มีรอยเท้าเด็ก ไม่มีเสียงผู้สูงวัย นางอยู่เพียงลำพัง

“เจ้ามีญาติที่ไหนหรือไม่” เขาถามขึ้นมา

“ไม่มี” นางตอบอย่างเรียบเฉย

“อยู่ผู้เดียวเช่นนี้ เจ้าไม่กลัวรึ?”

“ข้าชินแล้ว”

นางพูดพลางวางชามไว้ที่มุมหนึ่ง ก่อนจะยกหม้อต้มน้ำขึ้นเตา

“เจ้ารู้จักสมุนไพรดีนี่” หลี่ซวนเอ่ยพลางมองแผลตัวเองที่ถูกรัดด้วยผ้าสะอาด “ไม่ได้พันมั่ว ๆ เหมือนชาวบ้านทั่วไป”

“ข้าเคยเรียนมาก่อน...มีคนสอน”

“ที่ใด?”

“ในอดีต ข้าไม่ต้องการพูดถึงมัน” นางตัดบทสั้น ๆ ดูก็รู้ได้ไม่ยากว่าไม่อยากเล่าต่อ หลี่ซวนก็รู้ทันทีว่าคำถามเพิ่มเติมจะไม่ได้คำตอบ เขาจึงเงียบลง แต่ในใจกลับเริ่มมีคำถามมากขึ้น หญิงสาวผู้นี้เป็นใครกันแน่? เหตุใดถึงมีความรู้สมุนไพร? เหตุใดแววตานางจึงแน่วแน่เกินหญิงบ้านนา? และทำไมจึงยอมรับ "โจร" ไว้ในบ้าน โดยไม่กลัวแม้แต่น้อย?

ความสงสัยของเขายาวนานจนเวลาเลื่อนไปจนสาย แสงแดดส่องเข้ามาถึงพื้นไม้

ซูเหยียนปรุงยาบางอย่างเสร็จ นางเดินมาวางยาหอมไว้ข้างหมอนของเขา ไม่ได้พูดอะไรต่ออีกสักคำ ก่อนจะเดินออกไปทางประตู ปล่อยให้หลี่ซวนนอนมองเพดานไม้เก่า ๆ ครุ่นคิดอย่างเงียบงัน

“ซูเหยียนงั้นเหรอ?” องค์ชายในคราบโจรพึมพำกับตัวเอง โดยที่เขาไม่ได้รู้ตัวเลยว่า ชื่อนี้จะมีความหมายมากมายเพียงใดกับเขาในอนาคต

Continue to read this book for free
Scan code to download App

Latest chapter

  • สลับชะตาองค์ชายจอมโจร   บทที่ 6 : ความจริงของหมู่บ้าน

    สองสามวันผ่านไป นับตั้งแต่งานแต่งงานที่เรียบง่ายและเปี่ยมด้วยนัยสำคัญ หลี่ซวนเริ่มฟื้นตัวขึ้นมาก แม้บาดแผลยังไม่จางหาย แต่เรี่ยวแรงก็มากพอจะเดินเองได้ ซูเหยียนยังคงไม่เปลี่ยนแปลง นางกลับมาสวมชุดผ้าฝ้ายสีน้ำเงิน คอเสื้อและแขนเสื้อลายสีแดงและทองเหมือนเดิม ยังนอนในห้องเก็บยาและปรุงสมุนไพร ใช้เวลาส่วนใหญ่กับการปรุงยา ส่วนหนึ่งนำมาให้หลี่ซวนในคราบเถาอู่ที่กำลังบาดเจ็บ อีกส่วนบรรจุให้ห่อ เหมือนเตรียมไว้สำหรับสถานการณ์ข้างหน้า ราวกับชีวิตนี้ไม่มีเหตุการณ์แต่งงานใด ๆ เกิดขึ้นในเช้าวันหนึ่ง หลังออกไปเก็บสมุนไพร ปรุงยาเรียบร้อย นางส่งถ้วยยาร้อนให้เขาเช่นเคย แต่แทนที่จะเงียบตามปกติ นางกลับเอ่ยขึ้นเบา ๆ"วันนี้มีประชุมหมู่บ้านที่ลานกลางหมู่บ้าน ข้าเห็นว่าเจ้าควรไปฟังด้วยตัวเอง...""ชาวบ้านยอมให้ข้าไปหรือ?" หลี่ซวนถาม ก่อนจะมองหน้านางอย่างแปลกใจ"ไม่มีใครห้ามเจ้า ตั้งแต่เจ้าเอ่ยว่าจะเป็นสามีของข้า" ซูเหยียนพูดเรียบ ๆ แล้วยิ้มให้ ไม่ใช่เชิงล้อเลียน ไม่ใช่หยอกล้อ"เจ้าจะไปด้วยไหม?" หลี่ซวนถามขึ้น"ไปสิ ข้าต้องนำสมุนไพรที่ปรุง ไปให้ชาวบ้านหลาย ๆ คน" ซูเหยียนบอกกับเขา ก่อนจะนำห่อยาสมุนไพรจำนวนหนึ่งใ

  • สลับชะตาองค์ชายจอมโจร   บทที่ 5 : งานแต่ง

    วันรุ่งขึ้นที่ผู้ใหญ่บ้านนัดหมายให้เป็นวันแต่งงานได้มาถึงเสียงฆ้องกลองจากปลายหมู่บ้านดังก้องมาแต่เช้า กลิ่นธูปหอมจาง ๆ ลอยอบอวลมากับลม ขณะที่แสงแดดอ่อนยามรุ่งสาดส่องลอดม่านไม้ไผ่ซูเหยียนยืนอยู่หน้ากระจกไม้เล็ก ๆ ภายในเรือนของตน สวมชุดคลุมผ้าฝ้ายสีแดง พร้อมทั้งผ้าคลุมหน้าที่แม่เฒ่าในหมู่บ้านนำมาให้ คลุมทับเสื้อและกระโปรงสีเขียวด้านใน เชือกคาดเอวถักจากเส้นไหมสีน้ำตาลแดงถูกมัดไว้หลวม ๆ ที่เอว แม้จะไม่ใช่ชุดเจ้าสาวตามธรรมเนียมชาววัง แต่เมื่ออยู่บนเรือนร่างของหญิงสาวผู้นี้ กลับงามประหลาดจนมิอาจละสายตานางส่องกระจกโดยไม่แต่งเติมใบหน้ามากนัก ร่างกายของนางอบอวลด้วยกลิ่นยาหอมอ่อน ๆ จากตลับไม้เก่า ๆ ซึ่งเคยเป็นของมารดา เมื่อทุกอย่างเรียบร้อย นางก็เดินออกไปยังลานหน้ากระท่อม ที่ซึ่งมีโต๊ะไม้สองสามตัวเรียงกันง่าย ๆ รองรับพิธีแต่งงานที่มิได้ใหญ่โต หลี่ซวนยืนอยู่ที่นั่น ผมยาวถูกมัดไว้ลวก ๆ สวมชุดผ้าหยาบ ๆ ของชาวบ้านธรรมดา ๆ ที่ผู้ใหญ่บ้านนำมาให้ แทนชุดนักโทษที่สวมอยู่แต่แรก แม้จะไม่ได้สภาพดีเท่าไรนัก เพราะผู้ใหญ่บ้านก็ไม่ได้เอ็นดูเขามากพอจะให้ของดี ๆ แต่ก็ดีกว่าชุดรุ่งริ่งเปื้อนดินโคลนที่เขาสวมตอ

  • สลับชะตาองค์ชายจอมโจร   บทที่ 4 : การตัดสินใจ

    แดดสายคล้อยเหนือหลังคาฟาง เสียงจั๊กจั่นครางระงมอยู่หลังแนวไม้ไผ่ในยามสายอันเงียบสงบ แต่ภายในกระท่อมหลังน้อย กลับมีคลื่นความกดดันอันมองไม่เห็นแผ่ซ่าน เมื่อเสียงฝีเท้าหลายคู่กำลังก้าวเดินเข้ามา ก่อนจะหยุดลงหน้าประตูไม้ตึง ตึง ตึง“หมอหญิงซูเหยียน เปิดประตูด้วยเถิด ข้า ผู้ใหญ่บ้าน หลินจู้เอง” เสียงผู้มาเยือนดังขึ้นหลังเคาะประตูหลายครั้ง ซูเหยียนเหลือบตามองหลี่ซวนเพียงแวบหนึ่ง ก่อนพับผ้าเช็ดมือ แล้วเดินไปเปิดประตู ทำให้นางพบกับชายสูงวัยร่างสูงใหญ่ ผมหงอกแซมขมับในชุดผ้าฝ้ายสีเขียวเนื้อหนา ยืนอยู่พร้อมชาวบ้านอีกเกือบสิบคนด้านหลัง“ข้าได้ยินว่ามีชายแปลกหน้าอยู่ในเรือนเจ้ามาหลายวันแล้ว” ผู้มาเยือนกล่าว “เจ้าไม่รายงานใคร ทั้งที่ธรรมเนียมของพวกเราระบุชัดว่า หญิงชายไม่ควรอยู่ร่วมเรือน หากมิใช่ญาติหรือสามีภรรยา เพื่อป้องกันไม่ให้ผู้หญิงต้องเสียหาย”“เขาเป็นคนบาดเจ็บ ข้าไม่อาจปล่อยเขาให้ตาย” ซูเหยียนตอบโดยไม่หลบสายตา ผู้ใหญ่บ้านถอนหายใจ แววตายังแข็งกร้าวราวกับจะเอาโทษให้ได้“แม้เจ้าจะเป็นหมอยา แต่เจ้าก็เป็นหญิงไม่มีสามี ชื่อเสียงของเจ้ามีผลต่อความเชื่อมั่นของหมู่บ้าน ถ้าเจ้าทำเช่นนี้ ต่อไปชายใดก

  • สลับชะตาองค์ชายจอมโจร   บทที่ 3 : หมอยา

    แดดยามสายสาดลอดผ่านไผ่สูงริมชายคา กลิ่นดินชื้นแตะจมูกอ่อน ๆ ขณะที่ไอน้ำค้างยังเกาะอยู่บนปลายใบพืชผัก ซูเหยียนก้มตัวอยู่ในสวนเล็กหลังกระท่อม มือของนางเปื้อนดินเล็กน้อย แต่กลับดูคล่องแคล่วและสง่างาม แม้ชุดของนางจะเป็นเพียงผ้าฝ้ายพื้นเมืองสีน้ำเงินเข้ม หากแต่ท่วงท่าการก้มถอนผัก วางตะกร้า หรือตรวจต้นใบล้วนบรรจงราวกับการร่ายรำของผู้ผ่านการฝึกศิลปะมาอย่างชำนาญสวนของนางไม่ใหญ่ เป็นเพียงแปลงดินแคบ ๆ เรียงชิดแนวไม้ไผ่ และมีรั้วไม้เตี้ย ๆ กั้นรอบ ในแปลงมีทั้งต้นผักชีฝรั่ง กวางตุ้งเขียว ขิงข่า ตะไคร้ และพืชสมุนไพรอีกหลายชนิดที่มักไม่พบในครัวเรือนทั่วไปนางเอื้อมเด็ดใบโหระพาอย่างระวัง ตรวจดูรากว่านหางจระเข้ แล้วบรรจงใช้มีดปลายแหลมเล็ก ๆ ตัดส่วนที่ใช้ได้เก็บลงตะกร้า ขณะถอนต้นกุยช่าย นางหันไปมองกระท่อมหลังน้อย ริมหน้าต่างยังเปิดไว้ ทำให้นางพอรู้ว่าคนบาดเจ็บยังคงนอนนิ่งอยู่“ต่อให้เป็นโจรหรือปีศาจก็ตาม.. คนที่เจ็บ ก็ยังต้องหายากินอยู่ดี...” ซูเหยียนถอนหายใจเบา ๆ แสงแดดกระทบใบหน้าด้านข้างของนาง ดวงตาดำขลับของหญิงสาวเปล่งประกายภายใต้ความเงียบ ยากที่ผู้ใดจะรู้ว่าในใจนางกำลังคิดสิ่งใดอยู่จนกระทั่งในตะ

  • สลับชะตาองค์ชายจอมโจร   บทที่ 2 : สตรีผู้ช่วยชีวิต

    เสียงฝนยังคงโปรยปรายลงมาเบา ๆ บนหลังคาฟางอย่างไม่หยุดหย่อน แสงฟ้าแลบเป็นระลอกสว่างวาบผ่านช่องหน้าต่างไม้ ร่างหนึ่งนอนแน่นิ่งอยู่บนเสื่อผืนเก่าในกระท่อม ขาหอบหายใจถี่ ร่างกายเปียกชุ่ม เลือดซึมออกจากบาดแผลกลางหลัง เสื้อผ้าขาดรุ่งริ่งยังชุ่มน้ำจนแทบแนบติดผิวเสียงประตูไม้เก่าดังแอ๊ดเบา ๆ หญิงสาวผู้หนึ่งเดินเข้ามาในห้อง พร้อมตะเกียงน้ำมันในมือ แสงอุ่นนวลจากเปลวเทียนสะท้อนดวงหน้าของนางอย่างแผ่วเบานางคือหญิงสาวผู้ที่พบร่างเขานอนหมดสติอยู่ข้างลำห้วยริมทุ่งนา ท่ามกลางฝนที่กระหน่ำลงมาในยามค่ำ กระท่อมของนางตั้งอยู่โดดเดี่ยวท่ามกลางผืนนาอันเวิ้งว้าง ไม่มีเพื่อนบ้าน ไม่มีญาติพี่น้อง เป็นอาคารเล็ก ๆ ที่มีเพียงหญิงสาวนางเดียวใช้ชีวิตอยู่อย่างเงียบงันกระนั้น ความเงียบในวันนี้ กลับถูกทำลายโดยเสียงหายใจอันเหนื่อยอ่อนของเขาหญิงสาวนั่งลงข้างตัวชายแปลกหน้า เอื้อมมือบิดผ้าเช็ดร่างเขาอย่างระมัดระวัง น้ำจากผมของเขาหยดลงกับพื้น นางมองด้วยสายตาเรียบสงบ แต่เปี่ยมด้วยความระวังใบหน้าของนางงดงามประหนึ่งภาพเขียนจากฝีแปรงของจิตรกรวังหลวง ผิวเนียนผ่องราวหยกขาว ไม่มีตำหนิแม้แต่น้อย และเมื่อแสงตะเกียงสาดส่องต้อง พ

  • สลับชะตาองค์ชายจอมโจร   บทที่ 1 : สับเปลี่ยนชะตา

    สายลมปลายฤดูหนาวพัดอย่างรุนแรง ปลิดใบไม้จากกิ่งก้านให้ปลิวว่อนบนผืนแผ่นดินอันเยียบเย็น หิมะโปรยปรายลงบนภูผาใหญ่ สะท้อนกับแสงจันทร์เพ็ญจนแวววาวประดุจอัญมณีทว่าผู้คนเบื้องล่างขุนเขานั้นไม่ได้ว่างพอจะรับชมความงามของมัน เสียงฝีเท้าหนักและ เสียงหอบหายใจของเหล่าทหารม้าหลวงนับร้อยที่กำลังไล่ตามใครสักคน บอกให้รู้ว่าพวกเขาไม่ได้มาที่นี่เพื่อเสพความงามของบรรยากาศ“องค์ชาย! มันหนีขึ้นหน้าผาพะย่ะค่ะ! ม้าของพวกเราตามไปไม่ได้”“ล้อมภูเขานี้เอาไว้! อย่าปล่อยให้มันลอยนวล! ข้าจะไปจัดการมันเอง!” ชายหนุ่มผู้ถูกเรียกว่าองค์ชาย จ้องมองเหล่าทหารด้วยสายตาอันเด็ดขาด ก่อนจะแหงนมองชายผู้หนึ่งที่ใช้วิชาตัวเบา วิ่งพลาง กระโดดพลาง จนไต่ขึ้นหน้าผาไปไกลองค์ชายผู้นี้มีผิวเนียนกระจ่างดั่งหิมะต้นฤดู ทว่าแฝงความเปล่งปลั่งของโลหิต ด้วยสุขภาพที่ดีจากการฝึกฝนขัดเกลาร่างกายมานาน เส้นผมของเขาดำสนิท เรียงเส้นอย่างมีวินัย เงางามประหนึ่งหมึกสดบนพู่กันของปราชญ์ เกล้าขึ้นครึ่งศีรษะอย่างเรียบง่าย คิ้วของเขาเรียวและเข้ม ใต้คิ้วนั้นคือดวงตาลุ่มลึกเยือกเย็น มีประกายเข้มแข็งแต่ไม่แข็งกร้าว คล้ายอ่านทุกสิ่งทุกอย่าง สันจมูกโด่งรับกับ

More Chapters
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status