"เจ้ากล้าเอาศักดิ์ศรีของสตรีมาเดิมพัน งั้นข้าเองก็จะเชื่อผู้ที่สวรรค์ส่งกลับมาเกิดใหม่อีกครั้งเช่นเจ้าดู"
เฟิงซูเหยายิ้มในใจ
สมแล้วที่เป็นองค์ชายสามผู้ฉลาดหลักแหลม แผนการแก้แค้นของนางขยับขึ้นมาแล้วหนึ่งขั้น ความตื่นเต้นที่จะได้เอาคืนคนที่หลอกลวงนางทำให้เฟิงซูเหยาแทบจะรอดูวันหายนะของเขาไม่ไหวแล้ว
"เรื่องหมั้นหมาย หวังว่าพระองค์จะกระทำเร็วไวนะเพคะ"
เพราะนางไม่รู้ว่าจะทนรอแก้แค้นตามแผนการได้นานแค่ไหนเช่นกัน
"สุรารสเลิศมาแล้ว"
เสียงไป๋เจิ้นหยางดังแทรกขึ้น ด้านหลังเขามีอาถังและต้าลู่ตามมาพร้อมของกินเต็มไม้เต็มมือ
"มาได้เวลาพอดี ข้ามีเรื่องสำคัญจะแจ้งแก่พวกเจ้า"
ทั้งสามคนที่มาใหม่ถึงกับมองหน้ากัน ส่วนเฟิงซูเหยาทำตัวเก้อเขินหลบสายตาของคนอื่น ๆ ที่มองนางสลับกับองค์ชายอี้เฟย
"อย่าบอกนะว่าพวกข้าหายไปไม่กี่เพลาพวกท่านก็ปลูกต้นรักกันแล้ว"
ไป๋เจิ้นหยางพูดแหย่เล่นตามประสาคนช่างจ้อ ทว่าสิ่งที่อี้เฟยตอบกลับมาทำเอาทั้งสามคนที่มาใหม่ถึงกับตกตะลึง
"ข้ากับแม่นางฟ่างจะหมั้นหมายกัน"
เฟิงซูเหยาตกใจเล็กน้อยที่องค์ชายสามผู้นี้ตัดสินใจเร็วขนาดนี้ แต่ก็ถือว่าเป็นผลดีสำหรับนางอยู่
"คุณชายล้อพวกเราเล่นหรือขอรับ" ต้าลู่ถามอย่างไม่อยากเชื่อหู
"เรื่องนี้ใครเขาเอามาพูดเล่นกัน"
หมับ!
มือหนาเอื้อมไปดึงเฟิงซูเหยาเข้ามาสวมกอดต่อหน้าสายตาทั้งสามคู่
"ข้ากับฟ่างเซียนเซียนจะหมั้นหมายกันเร็ว ๆ นี้ ฝากพวกเจ้าเตรียมตัวจัดงานรื่นเริงด้วย"
คงมีเพียงอาถังผู้เดียวที่ยิ้มเขินแสดงความยินดีกับคุณหนูนาง เพราะเจิ้นหยางกับต้าลู่เอาแต่มองอี้เฟยอย่างจับผิด
สนิทกันจนมองตาก็รู้ความคิดอีกฝ่ายจะให้เชื่อได้อย่างไรว่างานแต่งในครั้งนี้เกิดจากความรักของบุรุษเย็นชาเช่นเขาได้
"อาถังยินดีกับคุณหนูด้วยนะเจ้าคะ"
น้ำตาแห่งความดีใจอันใสซื่อของสาวรับใช้พรั่งพรูออกมา
หลังจากนี้อาถังคงนอนตายตาหลับแล้ว มีองค์ชายสามปกป้องคุณหนูนาง สองแม่ลูกนั้นก็ทำอันใดฟ่างเซียนเซียนของนางไม่ได้อีก
"เจ้าพาเซียนเซียนกลับที่พักก่อนเถอะ ตอนนี้ลมเริ่มแรงแล้ว"
อี้เฟยเปลี่ยนเรียกชื่อเฟิงซูเหยาให้ดูสนิทสนมขึ้น
"เพคะ คุณหนูกลับที่พักก่อนเถอะเจ้าค่ะ"
"เซียนเอ๋อร์ทูลลา"
สตรีทั้งสองนางเดินออกจากกระโจมนี้แล้ว เหลือเพียงบุรุษสามคนที่ยังคงอยู่ที่เดิม
"เจ้ากับแม่นางฟ่างกำลังวางแผนทำเรื่องอะไรกันแน่" ไป๋เจิ้นหยางเอ่ยถามศิษย์น้องเสียงเรียบ
เขารู้จักนิสัยคนผู้นี้ดี กี่ปีแล้วที่ฟ่างเซียนเซียนแสดงออกว่ามีใจให้แต่อี้เฟยก็ไม่เคยสนใจ แค่ปล่อยให้อยู่กันลำพังเพียงไม่ถึงครึ่งก้านธูปทั้งสองก็ปลงใจจะหมั้นหมายกันเสียแล้ว
หากเป็นบุรุษเจ้าสำราญเช่นเขาก็ว่าไปอย่างจะไร้ข้อสงสัยในเรื่องนี้ทันที
"เก็บความสงสัยเจ้าไว้ศิษย์พี่ ข้ายังมีงานให้พวกเจ้าทำ"
ใช่ว่าอี้เฟยจะไร้ข้อสงสัยในตัวฟ่างเซียนเซียนผู้นั้น เขายังคงมีแผนการในใจเช่นกัน
"คุณชาย"
ต้าลู่เกือบลืมเหตุผลที่ตนมาพร้อมกับไป๋เจิ้นหยางเสียแล้ว
"อะไร"
"จดหมายจากตำหนักองค์ชายห้าขอรับ"
ต้าลู่ยื่นจดหมายที่ถูกประทับตราส่วนตัวขององค์ชายห้าอี้ซินให้เจ้านายเขา
"จดหมายว่าอย่างไรบ้าง"
ไป๋เจิ้นหยางเห็นคิ้วที่ผูกปมของสหายรักหลังจากอ่านจดหมายนั้นจบจึงเอ่ยถาม
"องค์ชายอี้ซินจะมาที่ค่ายทหารในอีกสองวัน"
เป็นเรื่องน่าเหลือเชื่อ องค์ชายห้าผู้ที่สงบนิ่ง ชอบเรียนอักษรขับขานกาพย์กลอนจะมาที่ทุรกันดารเช่นนี้ด้วยเหตุอันใด
"ยี่สิบปีไม่เคยย่างกรายมาพบปะ เหตุใดครั้งนี้ถึงได้อยากมา" สิ่งที่ไป๋เจิ้นหยางพูดทำให้อี้เฟยยิ่งคิดหนัก
เหตุใดตอนนี้เขารู้สึกว่าความสงบรอบตัวเขากำลังลดลง มีแต่ความวุ่นวายที่กำลังจะเกิดขึ้นแทน
สองวันต่อมา...
หลังจากที่อี้เฟยแจ้งแก่สหายว่าจะหมั้นหมายกับเฟิงซูเหยา เขาก็ทำตามขนบธรรมเนียมโดยการสู่ขอนางกับเสวียนสวี่ในเช้าวันต่อมา ทว่าเสวียนสวี่กลับยังไม่ตกปากรับคำ เขาไม่ได้ห้ามอี้เฟยหากจะคบหากับบุตรสาว แต่ยังไม่อยากให้ทั้งคู่ใจร้อน หากแต่ให้เรียนรู้ใจกันไปก่อนสักระยะ โดยอนุญาตให้เฟิงซูเหยาอาศัยอยู่ที่ค่ายนี้จนกว่านางจะเบื่อเพื่อทั้งสองจะได้ลองเรียนรู้ใจกันและกัน ซึ่งอี้เฟยมิได้ขัดข้องแต่อย่างใด เพราะเขาเองก็ไม่อยากให้ผลลัพธ์สุดท้ายที่เฟิงซูเหยาจะได้รับกลายเป็นตราบาปตลอดชีวิตของทั้งคู่
ส่วนเฟิงซูเหยาแม้จะผิดแผนไปสักหน่อยแต่ขอแค่ยังได้อยู่ในค่ายทหารแห่งนี้รวมถึงได้อยู่เคียงข้างองค์ชายสามเพื่อวางแผนแก้แค้นขั้นต่อไปก็พอใจแล้ว
"คุณหนูรู้เรื่องหรือยังเจ้าคะ"
อาถังเอ่ยถามเฟิงซูเหยาขณะที่กำลังเติมน้ำอุ่นให้นางเตรียมล้างเนื้อล้างตัวในเช้าวันนี้
"เรื่องอะไร"
เฟิงซูเหยาถามกลับเสียงเรียบเพราะนางไม่มีเวลาสนใจเรื่องอื่นนอกจากเรื่องเตรียมแผนแก้แค้นคนที่ทรยศนาง
"เรื่องคุณหนูรองไงเจ้าคะ"
เจินเม่ยน่ะหรือ?
จะว่าไปนางเกือบลืมสองแม่ลูกคู่นี้ไปแล้ว เรื่องโจรกระจอกที่สองคนนั้นส่งมาจัดการนาง เฟิงซูเหยายังไม่ได้เอาคืนเลย
"พี่สาวข้าเป็นอะไรรึ หรือว่านางป่วยหนักจนต้องให้ข้ากลับไปดูใจ"
"คุณหนู!"
"ข้าล้อเล่น ตกลงแล้วมีเรื่องอะไร"
ล้อเล่นที่ไหนกัน เฟิงซูเหยาอยากให้สองแม่ลูกนั้นตายตกตามฟ่างเซียนเซียนไปจริง ๆ แต่ถ้าจะตายขอให้ตายด้วยน้ำมือนางคงจะดีกว่า
ภายในฐานทัพของศัตรู เฟิงซูเหยาทำร้ายทหารของข้าศึกเพื่อชิงชุดของฝั่งนั้นมาใส่จะได้เดินไปไหนมาไหนในฐานทัพศัตรูได้ง่าย ๆ"ช้าก่อน!"เสียงนายกองที่เดินลาดตระเวนผ่านมารั้งไว้"พลทหารลาดตระเวนกำลังมุ่งหน้าไปที่ใด"เฟิงซูเหยาได้ยินคำถามคิดครู่หนึ่งจึงดัดเสียงให้ใหญ่ตอบ"ข้าน้อยจะไปเข้าห้องน้ำขอรับ"เฟิงซูเหยาตอบแต่ไม่หันหน้ากลับไป"เจ้าเป็นทหารใหม่หรือถึงไม่รู้ว่าห้องน้ำไปทิศทางใด"คนถูกถามในชุดที่ปลอมตัวอยู่ถึงกับเลิ่กลั่ก หูที่แสนดีได้ยินเสียงทหารด้านหลังชักกระบี่ขึ้นเบา ๆ เป็นสัญญาณเตือนว่าเขาไม่เชื่อใจนางแล้วมือแน่งน้อยค่อย ๆ หยิบเข็มพิษที่ซ่อนไว้ในผ้ารัดข้อมือออกมาเตรียมซัดใส่ศัตรู ทว่า..."อั่ก!"เสียงหล่นตุ้บของร่างกำยำดังขึ้นทำเอานางรีบหันกลับไปดู"อาเฟย"ทันทีที่เห็นว่าเป็นฝีมือผู้ใดเฟิงซูเหยาถึงกับตกใจเล็กน้อย"ท่านมาได้เยี่ยงไร"เมื่อเห็นว่าอีกคนไม่ทักทายกลับจึงรีบวิ่งเข้าไปใกล้แล้วชวนคุย"หากข้ามาช้างานแต่งอีกสามวันข้างหน้าคงไร้เจ้าสาวเคียงข้างไปแล้ว"อี้เฟยพูดตัดพ้อใบหน้าเงียบขรึม"ท่านช่างพูดเกินไปเมื่อครู่ข้าคนเดียวก็เอาอยู่"เฟิงซูเหยาย่นจมูกทำท่าทางแง่งอนใส่อีกคน"เอาอยู่น่
“เช่นนั้นช่วยป้าล้างผักตรงนั้นแล้วกัน”เสิ่นอี้มองตาเด็กน้อยก็รู้แล้วว่านางคงมีความทุกข์ในใจจึงไม่ใส่ใจถามสิ่งที่เฟิงพูดค้างคาเอาไว้ต่อ“วันนี้ท่านป้าจะทำกับข้าวเลี้ยงฉลองหรือเจ้าคะ”เฟิงมาอยู่ที่นี่หลายวันแล้วนางเห็นความเป็นอยู่ของทั้งสองคนว่ากินอยู่เช่นไร พอมาวันนี้เห็นของที่วางเรียงรายอยู่ตรงหน้านางรู้ในทันทีว่าต้องเป็นของที่ทำเพื่อเลี้ยงฉลองแน่นอน“วันนี้วันเกิดเฟยเอ๋อร์”เฟยเอ๋อร์หรืออี้เฟยดรุณที่เป็นคนยื่นมือพาเฟิงน้อยคนนี้ออกมาจากตรอกน่ากลัวแห่งนั้น“ข้ามิรู้ว่าวันนี้วันเกิดเสี่ยวเฟยจึงไม่ได้เตรียมของขวัญไว้”เขาเป็นถึงผู้มีพระคุณสำหรับนาง วันสำคัญเช่นนี้เฟิงยังตอบแทนอี้เฟยเล็ก ๆ น้อย ๆ ไม่ได้ช่างไม่สมกับที่เขาให้ชีวิตใหม่นางเอาเสียเลย“ไม่ต้องคิดมาก งั้นวันนี้ป้าจะสอนเฟิงทำอาหารโปรดเฟยเอ๋อร์ดีหรือไม่”เฟิงพยักหน้าอย่างระรื่น นางไม่จำเป็นต้องให้ของขวัญที่เป็นสิ่งของเสมอไป หากเป็นการทำอาหารแม้รสชาติจะไม่ได้เลิศรสเท่ากับพ่อครัวแม่ครัวที่อื่น แต่นางก็จะตั้งใจเรียนรู้และทำให้เขาเพื่อเป็นของขวัญวันเกิดในวันนี้“ทานสิ”เฟิงคะยั้นคะยอให้บุรุษเพียงหนึ่งเดียวที่นั่งร่วมโต๊ะอาหารลองทานอา
แฮ่ก แฮ่ก แฮ่กเสียงหอบเหนื่อยที่ดังเบาแทบจะไม่ให้ใครได้ยินแม้แต่ตัวเองดังขึ้นเด็กน้อยวัยสักสิบขวบเศษกำลังวิ่งหลบไปตามต้นไม้น้อยใหญ่เพื่อหลีกหนีการตามล่าของกองโจรที่แสนน่ากลัวเฟิงเสี้ยว“รอยเท้ามันมาทางนี้ อย่าให้มันหนีรอดไปไหนได้”เสียงหนึ่งในกลุ่มโจรที่ออกตามล่าเด็กน้อยผู้นี้ดังขึ้นร่างบอบบางคุดคู้อยู่ด้านหลังโขดหินที่มีตะไคร่น้ำเกาะจนเป็นสีเดียวกับต้นไม้เพื่ออำพลางไม่ให้ถูกโจรกลุ่มนั้นตามล่าเข้า“เฟิง ข้ารู้ว่าเจ้าแอบซ่อนอยู่แถวนี้”รองหัวหน้ากองโจรเฟิงเสี้ยวเอ่ยชื่อของนักโทษหลบหนีเสียงเรียบเย็นดรุณีน้อยได้แต่ขดตัวสั่นแทบจะลืมหายใจด้วยซ้ำ“ออกมาเถอะน่า ประมุขเฟิงรอเจ้าอยู่”เสียงอีกคนที่ออกตามล่าเอ่ยเรียกอีกแรง“ไม่ ข้าไม่ออก ข้าไม่อยากกลับไปฆ่าคนอีกแล้ว”เฟิงน้อยเอ่ยอย่างรู้สึกหวาดกลัวตลอดเวลาสิบปีมานี้ แม้คนในกองโจรเฟิงเสี้ยวจะดีกับนาง แต่ก็ทำเพื่อหวังผลประโยชน์ทั้งนั้น เห็นดรุณีน้อยฉลาดหัวไว สอนอะไรก็เก่งกาจไปเสียหมด ไม่ว่าจะเรื่องพิษ เรื่องต่อสู้ เฟิงผู้นี้ไม่เคยทำให้ประมุขแห่งกองโจรนี้ผิดหวังสักเรื่อง เพราะแบบนี้เขาเลยไม่ยอมเสียหมากตัวนี้ให้หนีออกไปจากกองโจรแห่งนี้“ระวังต
"อั่ก! จ...เจ้า"ดวงตาอี้ซินเบิกโพลง เลือดมากมายค่อย ๆ ไหลออกมาจากปากและจมูก เฟิงซูเหยาที่ถูกกระบี่ของเขาแทงไหปลาร้าก็มีสภาพไม่ต่างจากอี้ซินเช่นกัน"รสชาติของมีดเล่มนี้ยามปักที่อกท่านเป็นเช่นไรบ้างเพคะ คุณชาย"เฟิงซูเหยากระซิบออกมาแผ่ว ๆ นางเรียกอี้ซินอย่างที่เคยเรียกตอนเป็นเฟิงซูเหยา ทำเอาคนที่คุ้นชินทั้งเหตุการณ์ทั้งสรรพนามที่เคยถูกเรียกหลุบตามองนางด้วยแววตาสั่นไหว"ตอนที่ข้าปักมันลงบนอกด้วยมือของข้าเองท่านรู้หรือไม่ว่ามันไม่เจ็บปวดเลย เพราะตอนนั้นหัวใจข้าได้ตายลงก่อนที่ข้าจะแทงขั้วหัวใจตัวเองแล้ว"เฟิงซูเหยาพรั่งพรูทุกสิ่งทุกอย่างที่นางอยากเล่าในชาติที่แล้วแต่ไม่มีโอกาสให้เขาฟังด้วยความขมขื่น"เจ้าเป็นใครกันแน่"อี้ซินฝืนรวบรวมแรงทั้งหมดเอื้อมมือที่แสนจะหนักอึ้งขึ้นมากระชากผ้าปิดหน้าของสตรีตรงหน้าออกดวงตาเขาสับสนปนวูบไหวเมื่อใบหน้านี้คือใบหน้าของฟ่างเซียนเซียน แต่ประโยคที่นางเอ่ยกับตนกลับเป็นเหตุการณ์ของอีกคนที่นางผู้นี้ไม่มีวันรู้ว่าวันนั้นเมื่อสองเดือนก่อนเกิดอะไรขึ้นบ้าง"คุณชายคงกำลังสับสนใช่หรือไม่ว่าข้ารู้เรื่องราวของเฟิงซูเหยาได้เช่นไร"รอยยิ้มแห่งชัยชนะผุดพรายขึ้นบนใบหน้าสว
"อย่าคิดหนี อ๊ะ!"เฟิงซูเหยาตั้งใจจะตามสามคนนั้นไปแต่ถูกฉินเทาเข้ามาขวางเอาไว้เสียก่อนเสียงกระบี่ทั้งสองฟาดฟันกันอย่างเอาเป็นเอาตายจวบจนเฉินเทาเพลี่ยงพล้ำเสียท่าถูกเฟิงซูเหยาปลิดชีพ"สุนัขรับใช้ที่แสนซื่อสัตย์ สุดท้ายเจ้าก็ตายอย่างโดดเดี่ยวอย่างน่าเวทนา"นางกล่าวอย่างสมเพชร่างไร้ลมหายใจของฉินเทา จากนั้นจึงเร่งตามสามคนนั้นไปเพื่อไม่ให้เสียเวาไปมากกว่านี้มีดสั้นที่นางเก็บไว้กับตัวถูกขว้างออกไปแต่พลาดเป้า"เจ้านี่มันกัดไม่ปล่อยเสียจริง อยากรู้นักว่พวกนั้นจ้างวานเจ้าเท่าใดถึงยอมเสี่ยงตายขนาดนี้"เมื่อหนีไม่พ้นอี้ซินมีเพียงทางเลือกเดียวคือหันหน้าเผชิญกับนักฆ่าสาวที่ปกปิดใบหน้าเอาไว้"อย่าใช้นิสัยตนเองตัดสินผู้อื่น ไม่มีผู้ใดจ้างวานข้าทั้งนั้น หากแต่วันนี้ข้าจ้องการคิดบัญชีแค้นกับท่านด้วยเหตุผลส่วนตัว""ข้าไม่เคยรู้จักนักฆ่าเช่นเจ้ามาก่อน"หึ! แน่แหละที่เขาไม่รู้จักนางในร่างของผู้อื่นเช่นนี้"ท่านไม่รู้จักข้าแล้วเช่นไร ขอเพียงข้าจดจำความแค้นที่ท่านเคยมอบให้ข้าแต่เพียงผู้เดียวก็เพียงพอแล้ว"เฟิงซูเหยาไม่อยากเปลืองน้ำลายยิ่งกว่านี้ นางตั้งท่ากระบี่วสันหวนคืนทันที อี้ซินเห็นท่วงท่าของเพลงกระ
"ดาบนี้ตอบแทนที่ท่านพ่อชุบเลี้ยงข้ามาด้วยความเลือดเย็น"เฟิงซูเหยากระซิบแผ่วเบาข้างหูเฟิงเสี้ยวที่ถามว่านางเป็นใครเพียงแค่ได้ยินถ้อยคำนั้นดวงตาเขาก็เบิกกว้างด้วยความตกใจ"จ...เจ้า เจ้ายังไม่ตาย"น้ำเสียงที่เอ่ยออกมาเบาจนเฟิงซูเหยาเองก็แทบจะไม่ได้ยิน"ข้าจะตายก่อนได้แก้แค้นคนชั่วช้าเช่นพวกท่านได้เยี่ยงไร"น้ำเสียงที่ส่งออกมามีแต่ความเคียดแค้น"จ...เจ้า ..เฮือก!"มีคำพูดมากมายที่เฟิงเสี้ยวอยากเอ่ยแต่ไม่ทันเสียแล้วเมื่อเฟิงซูเหยาแทงกระบี่เข้าไปจนสุดด้ามปลิดลมหายใจเขาจนสิ้นในครั้งเดียว"แม่นางระวัง!"เฟิงซูเหยาที่ไม่ทันระวังตัวเกือบถูกมีดจากฉินเทาปลิดชีพไปแล้ว โชคดีที่ได้ฟ่างเสวียนสวี่ร้องเตือน"ยานี้ช่วยถอนพิษได้"นางรีบยื่นขวดยาถอนพิษที่พกติดตัวมาเผื่อให้ฟ่างเสวียนสวี่ก่อนจะรีบปลีกตัวหนีไปปิดบัญชีแค้นในครั้งนี้หมับ!ทว่าข้อมือเล็กกลับถูกคว้าเอาไว้เสียก่อนด้วยฝ่ามือแกร่งของฟ่างเสวียนสวี่เอง"เซียนเอ๋อร์ นั่นเจ้าใช่หรือไม่"บิดาที่ไหนกันจะจำเพียงแววตาของบุตรสาวตนเองไม่ได้ครั้งแรกที่เขาลืมตาขึ้นมาเห็นเพียงแววตาของฟ่างเซียนเซียนที่อยู่ด้านหลังประมุขเฟิงเขาก็จับได้ในทันทีเฟิงซูเหยาไม่มีเ