"บ่าวตกใจหมด คุณหนูอย่าพูดเล่นน่ากลัวแบบนี้อีกนะเจ้าคะ"
"เจ้ากลัวว่าพี่สาวข้าจะตายจริง?"
"เปล่าเจ้าค่ะ บ่าวกลัวว่าคนที่พูดจะไม่ใช่คุณหนูของบ่าว"
"เจ้ากลัวว่าข้าจะเป็นฟ่างเซียนเซียนตัวปลอม?"
"บ่าวกลัวคุณหนูจะถูกภูติผีสิงมากกว่าเจ้าค่ะ"
เฟิงซูเหยาหัวเราะออกมาเบา ๆ
"เจ้าอายุเท่าใดแล้วยังเชื่อเรื่องงมงายพวกนั้นอีก"
ไม่มีหรอกภูติผีปีศาจ เพราะแค่เฟิงซูเหยาผู้นี้ก็น่ากลัวกว่าสิ่งเหล่านั้นแล้ว
"ตกลงแล้วเกิดอะไรขึ้นกับพี่ข้า"
เห็นสาวใช้เงียบไปนางจึงเอ่ยถามอีกครั้ง
"ตอนนี้ฮูหยินรองกับคุณหนูเจินเม่ยอยู่ที่ค่ายแล้วเจ้าค่ะ"
"เจ้าว่าอะไรนะ!?"
ได้ยินข่าวจากอาถังเฟิงซูเหยาถึงกับตกใจ
"ตอนแรกที่บ่าวรู้เรื่องทั้งสองคนมาที่ค่ายก็ตกใจเหมือนคุณหนูนี่ละเจ้าค่ะ"
สองแม่ลูกคู่นี้ตั้งใจจะทำอะไรอีก หรือว่าลงทุนมาที่กันดารเช่นนี้เพื่อตามมาหาเรื่องนาง?
ถ้าเป็นเรื่องนั้นถือว่าสองคนนี้ลงทุนลงแรงใช่เล่น
แต่ถ้าตามลางสังหรณ์ของเฟิงซูเหยาลึก ๆ แล้วสองแม่ลูกนี้น่าจะมาดูทีท่าว่าเฟิงซูเหยาจะเดาผู้อยู่เบื้องหลังโจรนั้นออกหรือไม่มากกว่า
"งั้นเราต้องรีบไปต้อนรับฮูหยินรองกับพี่ข้าแล้วละ"
มาที่ค่ายได้สี่วันเริ่มรู้สึกเบื่อ ๆ แล้วเหมือนกัน หากได้มีเรื่องมีราวกับสองแม่ลูกนั่นคงคลายเบื่อให้เฟิงซูเหยาได้สักหน่อย
"คุณหนูจะไปพบทั้งสองคนจริงหรือเจ้าคะ เรื่องโจรพวกนั้น..."
แค่หวนคิดถึงวันที่ถูกเอาดาบจ่อคออาถังก็กลัวจนไม่กล้าสู้หน้าสองแม่ลูกนั่นแล้ว
"มีเหตุผลอะไรที่ข้าจะต้องหลบหน้าพวกนาง"
อาถังได้แต่มองหน้าเฟิงซูเหยาอย่างเป็นห่วง
ห่วงว่าจะถูกกลั่นแกล้งถึงขั้นเลือดตกยางออกอีก
"เจ้าเตรียมชุดสีแดงที่ข้าสวมออกจากจวนวันนั้นให้ที"
"คุณหนูจะใส่ชุดวันนั้นทำไมเจ้าคะ"
"ข้าจะเริ่มตีงูแก้แค้นให้เจ้าที่ถูกดาบจ่อคอ"
เหตุใดถึงบอกว่าแก้แค้นให้สาวใช้อย่างนางกัน คนที่สมควรแก้แค้นให้คือตัวคุณหนูนางมากกว่า ทว่าอาถังก็มิได้ใคร่ถามอย่างที่สงสัย นางเชื่อใจคุณหนูของนางว่าทำการใดย่อมตริตรองมาแล้วอย่างดี
"คุณหนูจะบอกเรื่องนี้กับท่านแม่ทัพใหญ่แล้วใช่หรือไม่เจ้าคะ"
"ข้าบอกเจ้าแล้วเรื่องนี้ต้องเก็บเป็นความลับจากท่านพ่อ"
"แล้วเหตุใดคุณหนูถึงกล่าวว่าจะตีงูที่นี่ล่ะเจ้าคะ"
บางครั้งอาถังก็ตามความคิดของคุณหนูนางไม่ทัน
"แค่ตีงูกระจอก ๆ ข้าไม่จำเป็นต้องพึ่งท่านพ่อให้เสียเวลา ทำตามที่ข้าสั่ง เตรียมชุดนั่นไว้ อีกประเดี๋ยวข้าจะขึ้นจากน้ำแล้ว"
อาถังได้แต่รับคำสั่งเดินออกไปเตรียมชุดที่ว่าให้เฟิงซูเหยาอย่างไร้การไถ่ถามใด ๆ
"ท่านพี่อี้เฟยอยู่ที่ใดเจ้าคะท่านพ่อ"
เจินเม่ยที่เพิ่งเดินทางมาถึงค่ายทหารแห่งนี้ถามถึงบุรุษที่แอบมีใจให้
เพราะนางเคยพบเจออี้เฟยตั้งแต่เด็กบ่อยกว่าฟ่างเซียนเซียนน้องสาวและด้วยความที่อี้เฟยเคารพแม่ทัพใหญ่ฟ่างมากจึงเห็นนางเป็นน้องสาวคนหนึ่งเลยไม่ได้ใส่ใจหากนางจะเรียกเขาแบบนั้น
"องค์ชายฝึกดาบอยู่กับคุณชายไป๋"
เสวียนสวี่ตอบบุตรสาวพร้อมมองหน้าเจินซู่
"เหตุใดเจ้าถึงได้พาเจินเม่ยมาที่ค่ายนี้โดยไม่แจ้งแก่ข้าก่อน"
น้ำเสียงที่ถามออกไปกึ่งไม่พอใจกึ่งเป็นห่วงผสมผสานกัน
"ข้าต้องขออภัยท่านพี่ พอดีว่าเห็นเซียนเอ๋อร์ออกมาหลายวันแล้วแต่ไม่มีใครส่งข่าวกลับจวน พวกเราเลยเป็นห่วงนาง เร่งเดินทางมาดูด้วยตาตนเองว่าปลอดภัยดี"
"ขอบคุณฮูหยินรองที่เป็นห่วงข้า"
เสียงบุคคลที่อยู่ในบทสนทนาดังขึ้น
เจินซู่รีบหันมองตามต้นเสียงนั้นเห็นบุตรสาวของมารหัวใจสวมชุดสีแดงโดดเด่นเดินเข้ามาพร้อมสาวใช้คนสนิท
หากจำไม่ผิดนี่คือชุดที่นางออกจากจวนวันนั้น แต่สภาพยังดูดีไม่มีร่องรอยขาดวิ่นเหมือนไม่มีเรื่องร้ายอันใดเกิดกับนางมาก่อน
"เซียนเอ๋อร์ลูกแม่" เจินซู่รีบตีสองหน้าทำเป็นห่วงใยเฟิงซูเหยาด้วยการถลาเข้ามาสวมกอด สร้างความกระอักกระอ่วนให้คนถูกแสร้งทำดีด้วยจนเกือบอาเจียนออกมา
"เจ้านี่ดวงแข็งเสียจริง"
เสียงกระซิบแบบกัดฟันพูดดังให้ได้ยินแค่สองคน เฟิงซูเหยาสวมกอดตอบอีกคนพร้อมเล็บทั้งห้าที่จิกลงผ่านผ้าไหมเนื้อดีหวังให้อีกคนเจ็บปวด
"โอ๊ย!" เจินซู่ร้องออกมาเมื่อเล็บแหลมคมจิกบาดเนื้อนางผ่านเสื้อผ้า
"ท่านแม่เป็นอันใด" เจินเม่ยที่อยู่ใกล้ทั้งสองคนได้ยินเสียงร้องของมารดาจึงปรี่เข้าไปดูอาการ
"ฮูหยินรองคงเหนื่อยล้าจากการเดินทาง เซียนเอ๋อร์ช่วยพาท่านไปพักที่กระโจมรับรองได้ไหมเจ้าคะท่านพ่อ"
เฟิงซูเหยาแสร้งทำเสียงอ่อนหวานอย่างห่วงใยคนที่พูดถึง
"ดีเหมือนกัน พ่อฝากเจ้าด้วย สักประเดี๋ยวต้องพาทหารออกไปลาดตระเวนแล้ว"
"ท่านพ่อวางใจ เซียนเอ๋อร์จะต้อนรับฮูหยินรองและท่านพี่อย่างดีเจ้าค่ะ"
"ท่านพี่จะไปแล้วหรือเจ้าคะ"
ภายในฐานทัพของศัตรู เฟิงซูเหยาทำร้ายทหารของข้าศึกเพื่อชิงชุดของฝั่งนั้นมาใส่จะได้เดินไปไหนมาไหนในฐานทัพศัตรูได้ง่าย ๆ"ช้าก่อน!"เสียงนายกองที่เดินลาดตระเวนผ่านมารั้งไว้"พลทหารลาดตระเวนกำลังมุ่งหน้าไปที่ใด"เฟิงซูเหยาได้ยินคำถามคิดครู่หนึ่งจึงดัดเสียงให้ใหญ่ตอบ"ข้าน้อยจะไปเข้าห้องน้ำขอรับ"เฟิงซูเหยาตอบแต่ไม่หันหน้ากลับไป"เจ้าเป็นทหารใหม่หรือถึงไม่รู้ว่าห้องน้ำไปทิศทางใด"คนถูกถามในชุดที่ปลอมตัวอยู่ถึงกับเลิ่กลั่ก หูที่แสนดีได้ยินเสียงทหารด้านหลังชักกระบี่ขึ้นเบา ๆ เป็นสัญญาณเตือนว่าเขาไม่เชื่อใจนางแล้วมือแน่งน้อยค่อย ๆ หยิบเข็มพิษที่ซ่อนไว้ในผ้ารัดข้อมือออกมาเตรียมซัดใส่ศัตรู ทว่า..."อั่ก!"เสียงหล่นตุ้บของร่างกำยำดังขึ้นทำเอานางรีบหันกลับไปดู"อาเฟย"ทันทีที่เห็นว่าเป็นฝีมือผู้ใดเฟิงซูเหยาถึงกับตกใจเล็กน้อย"ท่านมาได้เยี่ยงไร"เมื่อเห็นว่าอีกคนไม่ทักทายกลับจึงรีบวิ่งเข้าไปใกล้แล้วชวนคุย"หากข้ามาช้างานแต่งอีกสามวันข้างหน้าคงไร้เจ้าสาวเคียงข้างไปแล้ว"อี้เฟยพูดตัดพ้อใบหน้าเงียบขรึม"ท่านช่างพูดเกินไปเมื่อครู่ข้าคนเดียวก็เอาอยู่"เฟิงซูเหยาย่นจมูกทำท่าทางแง่งอนใส่อีกคน"เอาอยู่น่
“เช่นนั้นช่วยป้าล้างผักตรงนั้นแล้วกัน”เสิ่นอี้มองตาเด็กน้อยก็รู้แล้วว่านางคงมีความทุกข์ในใจจึงไม่ใส่ใจถามสิ่งที่เฟิงพูดค้างคาเอาไว้ต่อ“วันนี้ท่านป้าจะทำกับข้าวเลี้ยงฉลองหรือเจ้าคะ”เฟิงมาอยู่ที่นี่หลายวันแล้วนางเห็นความเป็นอยู่ของทั้งสองคนว่ากินอยู่เช่นไร พอมาวันนี้เห็นของที่วางเรียงรายอยู่ตรงหน้านางรู้ในทันทีว่าต้องเป็นของที่ทำเพื่อเลี้ยงฉลองแน่นอน“วันนี้วันเกิดเฟยเอ๋อร์”เฟยเอ๋อร์หรืออี้เฟยดรุณที่เป็นคนยื่นมือพาเฟิงน้อยคนนี้ออกมาจากตรอกน่ากลัวแห่งนั้น“ข้ามิรู้ว่าวันนี้วันเกิดเสี่ยวเฟยจึงไม่ได้เตรียมของขวัญไว้”เขาเป็นถึงผู้มีพระคุณสำหรับนาง วันสำคัญเช่นนี้เฟิงยังตอบแทนอี้เฟยเล็ก ๆ น้อย ๆ ไม่ได้ช่างไม่สมกับที่เขาให้ชีวิตใหม่นางเอาเสียเลย“ไม่ต้องคิดมาก งั้นวันนี้ป้าจะสอนเฟิงทำอาหารโปรดเฟยเอ๋อร์ดีหรือไม่”เฟิงพยักหน้าอย่างระรื่น นางไม่จำเป็นต้องให้ของขวัญที่เป็นสิ่งของเสมอไป หากเป็นการทำอาหารแม้รสชาติจะไม่ได้เลิศรสเท่ากับพ่อครัวแม่ครัวที่อื่น แต่นางก็จะตั้งใจเรียนรู้และทำให้เขาเพื่อเป็นของขวัญวันเกิดในวันนี้“ทานสิ”เฟิงคะยั้นคะยอให้บุรุษเพียงหนึ่งเดียวที่นั่งร่วมโต๊ะอาหารลองทานอา
แฮ่ก แฮ่ก แฮ่กเสียงหอบเหนื่อยที่ดังเบาแทบจะไม่ให้ใครได้ยินแม้แต่ตัวเองดังขึ้นเด็กน้อยวัยสักสิบขวบเศษกำลังวิ่งหลบไปตามต้นไม้น้อยใหญ่เพื่อหลีกหนีการตามล่าของกองโจรที่แสนน่ากลัวเฟิงเสี้ยว“รอยเท้ามันมาทางนี้ อย่าให้มันหนีรอดไปไหนได้”เสียงหนึ่งในกลุ่มโจรที่ออกตามล่าเด็กน้อยผู้นี้ดังขึ้นร่างบอบบางคุดคู้อยู่ด้านหลังโขดหินที่มีตะไคร่น้ำเกาะจนเป็นสีเดียวกับต้นไม้เพื่ออำพลางไม่ให้ถูกโจรกลุ่มนั้นตามล่าเข้า“เฟิง ข้ารู้ว่าเจ้าแอบซ่อนอยู่แถวนี้”รองหัวหน้ากองโจรเฟิงเสี้ยวเอ่ยชื่อของนักโทษหลบหนีเสียงเรียบเย็นดรุณีน้อยได้แต่ขดตัวสั่นแทบจะลืมหายใจด้วยซ้ำ“ออกมาเถอะน่า ประมุขเฟิงรอเจ้าอยู่”เสียงอีกคนที่ออกตามล่าเอ่ยเรียกอีกแรง“ไม่ ข้าไม่ออก ข้าไม่อยากกลับไปฆ่าคนอีกแล้ว”เฟิงน้อยเอ่ยอย่างรู้สึกหวาดกลัวตลอดเวลาสิบปีมานี้ แม้คนในกองโจรเฟิงเสี้ยวจะดีกับนาง แต่ก็ทำเพื่อหวังผลประโยชน์ทั้งนั้น เห็นดรุณีน้อยฉลาดหัวไว สอนอะไรก็เก่งกาจไปเสียหมด ไม่ว่าจะเรื่องพิษ เรื่องต่อสู้ เฟิงผู้นี้ไม่เคยทำให้ประมุขแห่งกองโจรนี้ผิดหวังสักเรื่อง เพราะแบบนี้เขาเลยไม่ยอมเสียหมากตัวนี้ให้หนีออกไปจากกองโจรแห่งนี้“ระวังต
"อั่ก! จ...เจ้า"ดวงตาอี้ซินเบิกโพลง เลือดมากมายค่อย ๆ ไหลออกมาจากปากและจมูก เฟิงซูเหยาที่ถูกกระบี่ของเขาแทงไหปลาร้าก็มีสภาพไม่ต่างจากอี้ซินเช่นกัน"รสชาติของมีดเล่มนี้ยามปักที่อกท่านเป็นเช่นไรบ้างเพคะ คุณชาย"เฟิงซูเหยากระซิบออกมาแผ่ว ๆ นางเรียกอี้ซินอย่างที่เคยเรียกตอนเป็นเฟิงซูเหยา ทำเอาคนที่คุ้นชินทั้งเหตุการณ์ทั้งสรรพนามที่เคยถูกเรียกหลุบตามองนางด้วยแววตาสั่นไหว"ตอนที่ข้าปักมันลงบนอกด้วยมือของข้าเองท่านรู้หรือไม่ว่ามันไม่เจ็บปวดเลย เพราะตอนนั้นหัวใจข้าได้ตายลงก่อนที่ข้าจะแทงขั้วหัวใจตัวเองแล้ว"เฟิงซูเหยาพรั่งพรูทุกสิ่งทุกอย่างที่นางอยากเล่าในชาติที่แล้วแต่ไม่มีโอกาสให้เขาฟังด้วยความขมขื่น"เจ้าเป็นใครกันแน่"อี้ซินฝืนรวบรวมแรงทั้งหมดเอื้อมมือที่แสนจะหนักอึ้งขึ้นมากระชากผ้าปิดหน้าของสตรีตรงหน้าออกดวงตาเขาสับสนปนวูบไหวเมื่อใบหน้านี้คือใบหน้าของฟ่างเซียนเซียน แต่ประโยคที่นางเอ่ยกับตนกลับเป็นเหตุการณ์ของอีกคนที่นางผู้นี้ไม่มีวันรู้ว่าวันนั้นเมื่อสองเดือนก่อนเกิดอะไรขึ้นบ้าง"คุณชายคงกำลังสับสนใช่หรือไม่ว่าข้ารู้เรื่องราวของเฟิงซูเหยาได้เช่นไร"รอยยิ้มแห่งชัยชนะผุดพรายขึ้นบนใบหน้าสว
"อย่าคิดหนี อ๊ะ!"เฟิงซูเหยาตั้งใจจะตามสามคนนั้นไปแต่ถูกฉินเทาเข้ามาขวางเอาไว้เสียก่อนเสียงกระบี่ทั้งสองฟาดฟันกันอย่างเอาเป็นเอาตายจวบจนเฉินเทาเพลี่ยงพล้ำเสียท่าถูกเฟิงซูเหยาปลิดชีพ"สุนัขรับใช้ที่แสนซื่อสัตย์ สุดท้ายเจ้าก็ตายอย่างโดดเดี่ยวอย่างน่าเวทนา"นางกล่าวอย่างสมเพชร่างไร้ลมหายใจของฉินเทา จากนั้นจึงเร่งตามสามคนนั้นไปเพื่อไม่ให้เสียเวาไปมากกว่านี้มีดสั้นที่นางเก็บไว้กับตัวถูกขว้างออกไปแต่พลาดเป้า"เจ้านี่มันกัดไม่ปล่อยเสียจริง อยากรู้นักว่พวกนั้นจ้างวานเจ้าเท่าใดถึงยอมเสี่ยงตายขนาดนี้"เมื่อหนีไม่พ้นอี้ซินมีเพียงทางเลือกเดียวคือหันหน้าเผชิญกับนักฆ่าสาวที่ปกปิดใบหน้าเอาไว้"อย่าใช้นิสัยตนเองตัดสินผู้อื่น ไม่มีผู้ใดจ้างวานข้าทั้งนั้น หากแต่วันนี้ข้าจ้องการคิดบัญชีแค้นกับท่านด้วยเหตุผลส่วนตัว""ข้าไม่เคยรู้จักนักฆ่าเช่นเจ้ามาก่อน"หึ! แน่แหละที่เขาไม่รู้จักนางในร่างของผู้อื่นเช่นนี้"ท่านไม่รู้จักข้าแล้วเช่นไร ขอเพียงข้าจดจำความแค้นที่ท่านเคยมอบให้ข้าแต่เพียงผู้เดียวก็เพียงพอแล้ว"เฟิงซูเหยาไม่อยากเปลืองน้ำลายยิ่งกว่านี้ นางตั้งท่ากระบี่วสันหวนคืนทันที อี้ซินเห็นท่วงท่าของเพลงกระ
"ดาบนี้ตอบแทนที่ท่านพ่อชุบเลี้ยงข้ามาด้วยความเลือดเย็น"เฟิงซูเหยากระซิบแผ่วเบาข้างหูเฟิงเสี้ยวที่ถามว่านางเป็นใครเพียงแค่ได้ยินถ้อยคำนั้นดวงตาเขาก็เบิกกว้างด้วยความตกใจ"จ...เจ้า เจ้ายังไม่ตาย"น้ำเสียงที่เอ่ยออกมาเบาจนเฟิงซูเหยาเองก็แทบจะไม่ได้ยิน"ข้าจะตายก่อนได้แก้แค้นคนชั่วช้าเช่นพวกท่านได้เยี่ยงไร"น้ำเสียงที่ส่งออกมามีแต่ความเคียดแค้น"จ...เจ้า ..เฮือก!"มีคำพูดมากมายที่เฟิงเสี้ยวอยากเอ่ยแต่ไม่ทันเสียแล้วเมื่อเฟิงซูเหยาแทงกระบี่เข้าไปจนสุดด้ามปลิดลมหายใจเขาจนสิ้นในครั้งเดียว"แม่นางระวัง!"เฟิงซูเหยาที่ไม่ทันระวังตัวเกือบถูกมีดจากฉินเทาปลิดชีพไปแล้ว โชคดีที่ได้ฟ่างเสวียนสวี่ร้องเตือน"ยานี้ช่วยถอนพิษได้"นางรีบยื่นขวดยาถอนพิษที่พกติดตัวมาเผื่อให้ฟ่างเสวียนสวี่ก่อนจะรีบปลีกตัวหนีไปปิดบัญชีแค้นในครั้งนี้หมับ!ทว่าข้อมือเล็กกลับถูกคว้าเอาไว้เสียก่อนด้วยฝ่ามือแกร่งของฟ่างเสวียนสวี่เอง"เซียนเอ๋อร์ นั่นเจ้าใช่หรือไม่"บิดาที่ไหนกันจะจำเพียงแววตาของบุตรสาวตนเองไม่ได้ครั้งแรกที่เขาลืมตาขึ้นมาเห็นเพียงแววตาของฟ่างเซียนเซียนที่อยู่ด้านหลังประมุขเฟิงเขาก็จับได้ในทันทีเฟิงซูเหยาไม่มีเ