บทที่ 7 เจี่ยฟางมาเยือน
วันถัดมา
เจี่ยฟางอยู่ที่เรือนตระกูลสวี่ตั้งแต่ท่านพี่แต่งออกเรือนภายในเรือนเงียบงัน ไร้เสียงตวาดต่อว่าสาวใช้อย่างเคยชิน แต่ทว่าสาวใช้กลับชอบที่เรือนเงียบสงบไร้คุณหนูที่เอาแต่ใจตนเองทำให้ทุกคนมีความสุขมากขึ้น
“เฮ้อ! ตั้งแต่พี่หยางออกเรือนไปที่นี่ช่างเงียบเหงาจัง ข้าไปพี่หยางสักนิดดีมั้ยนะหากรอพี่หยางมาหาคงไม่มีเวลาแน่นอน ซื่อจินข้าจะเดินทางไปเยี่ยมพี่หยาง” เจี่ยฟางลุกขึ้นยืนหันไปบอกแก่สาวใช้ในสิ่งที่นางต้องการ
“จะไปหาคุณหนูใหญ่หรือเจ้าคะ? เช่นนั้นข้าจะให้บ่าวเตรียมเกี้ยวให้นะเจ้าคะ” ซื่อจินสาวใช้ข้างกายของเจี่ยฟางแจ้งต่อคุณหนูก่อนจะก้มโค้งลงก่อนจะเดินออกจากห้องไปบอกให้บ่าวเตรียมเกี้ยวเพื่อออกเดินทางไปที่เรือนของเสิ่นเกาหลาน ดวงตาของเจี่ยฟางเป็นประกายก่อนจะย่างกรายออกจากห้องของตนเพื่อไปเยี่ยมสวี่หยาง
เรือนเสิ่นเกาหลาน
ฝั่งด้านสวี่หยางตั้งแต่เมื่อวานที่นางเดินหนีเสิ่นเกาหลาน เขามิได้ยื้อนางไว้แต่อย่างไร เช้าวันนี้เขาเองก็มิได้ร่วมกินอาหารกับนางด้วยซ้ำสาวใช้ได้เอ่ยบอกว่าเช้าวันนี้คุณชายออกไปด้านนอกตั้งแต่เช้าตรู่ทำให้อาหารมื้อนี้สวี่หยางกินอย่างเอร็ดอร่อยกว่าทุกวันที่เข้ามาอยู่ที่นี่
อากาศยามซื่อ (09.00) ช่างเป็นอากาศที่เย็นสบายแสงแดดอ่อน ๆ สาดส่องเข้ามาในห้องโถงกระแสลมพัดเอื่อยหอบเอากลิ่นดอกกุ้ยฮวาลอยมาตามลม สวี่หยางหลับตาสูดดมกลิ่นหอมในความเงียบงันหูกลับได้ยินเสียงเท้าที่เดินเร็วตรงเข้ามาหานาง สวี่หยางลืมตาจ้องมองไปดูผู้ที่เข้ามาเยือน
ครั้นประตูถูกเปิดเข้ามาใบหน้าความดีใจแสดงเต็มดวงตาเดินกึ่งวิ่งเข้ามาสวมกอดนางแนบแน่น
“พี่หยางข้าคิดถึงท่านพี่เหลือเกินเจ้าค่ะ” สวี่หยางเผยอยิ้มกว้างความวิตกเล็กน้อยสลายหายไปจนสิ้นนางคิดว่าเป็นเสิ่นเกาหลานเสียอีก
“เจี่ยฟางเจ้ามาที่นี่ได้อย่างไร?” มือของนางโอบกอดเจี่ยฟางพลางเอ่ยถามที่นางเดินทางมาหานางที่นี่
เจี่ยฟางคลายอ้อมแขนออกจากสวี่หยางยืนมองก่อนจะตอบคำถามของนาง
“ข้ามากับซื่อจินเจ้าค่ะ ข้าน้อยใจท่านพี่นักออกเรือนมาไม่คิดถึงข้าบ้างเลยหรือเจ้าคะ หากข้าไม่มาเยือนวันนี้ท่านพี่จะไปหาข้าที่เรือนบางหรือไม่เจ้าคะ? ” สวี่หยางยิ้มกริ่มเอ็นดูเจี่ยฟางใช้มือลูบหัวนางอย่างอ่อนโยน
“ข้าจะไม่คิดถึงเจ้าได้อย่างไร ข้าคิดว่าจะไปหาเจ้ากับท่านพ่อที่เรือนแต่ทว่าช่วงนี้ข้ายังต้องปรับตัวหลายอย่าง เจ้าช่วยเข้าใจข้าด้วยนะเจี่ยฟาง ข้าจะไม่คิดถึงเจ้าได้อย่างไรเจ้าเปรียบเสมือนดวงใจของข้าเลยรู้หรือไม่?” เจี่ยฟางยิ้มกว้างดวงตาแวววาวประกายความดีอกดีใจ
“ข้ารู้อยู่แล้วว่าอย่างไรพี่หยางต้องคิดถึงข้า มาอยู่ที่นี่เป็นเช่นไรบ้างเจ้าคะ”
“เจ้ามาถึงที่นี่ก่อนจะพูดคุยกันเรื่องอื่นเจ้านั่งลงก่อนเถิด ข้าจะให้สาวใช้จัดเตรียมน้ำชามาต้อนรับเจ้า”
“สาวใช้หรือเจ้าคะ ข้าเดินเข้ามามิเห็นมีสาวใช้คอยดูแลท่านพี่เลยแม้แต่ผู้เดียว” เจี่ยฟางหันซ้ายหันขวามองดูสาวใช้ที่สวี่หยางกล่าวถึง แม้ไม่บอกนางก็รู้ว่าเหตุใดถึงไม่มีผู้ใดกล้าเข้ามาใกล้สวี่หยาง
“เพราะข้าต้องการอยู่เพียงลำพัง เจ้านั่งคอยข้าที่นี่สักครู่ข้าจะไปตามสาวใช้มาจัดเตรียมขนมกับน้ำชามาต้อนรับเจ้าเอง”
“เจ้าค่ะท่านพี่” สวี่หยางปล่อยให้เจี่ยฟางนั่งคอยอยู่ที่ห้องโถงหากเป็นเช่นดั่งที่เจี่ยฟางกล่าวยามนี้คงไม่มีสาวใช้อยู่บริเวณใกล้เคียงหากจะเรียกใช้คงเปล่าประโยชน์ นางจึงเดินไปที่โรงครัวด้วยตนเองเพื่อเรียกหาสาวใช้
ฝั่งด้านเจี่ยฟางนั่งคอยสวี่หยางที่ห้องโถงกวาดสายตาสำรวจในห้อง ทุกอย่างช่างตื่นตาตื่นใจ
“คุณหนูใหญ่ดูมีความสุขดีนะเจ้าคะ” ซื่อจินเอ่ยขึ้นเมื่ออยู่ในห้องเพียงลำพังกับคุณหนู
“นั่นสิข้าคิดว่าท่านพี่หยางจะทุกข์ระทมใจเสียอีก แต่เจ้าดูสิหากข้าเป็นท่านพี่ข้าเองก็คงไม่ทุกข์ระทมใจหรอกไม่ว่าจะเป็นของใช้ในเรือน เสื้อผ้าอาภรณ์หรือแม้แต่เรื่องประดับมากมายล้วนเป็นของหายาก เพราะท่านพี่แต่งเข้าเรือนสกุลเสิ่นที่เป็นพ่อค้าไม่ต่างจากตกแต่งกับขุนนางอย่างไรล่ะ " เจี่ยฟางไล่มือลูบแจกันโถที่ประดับตกแต่งในห้องด้วยความสนใจ
ครั้นนั้นเสียงฝีเท้าได้ดังก้าวเข้ามาเจี่ยฟางคิดว่าเป็นพี่สาวของตนเงยหน้ามามองเผยรอยยิ้มออกมาเต็มดวงหน้า
สายตาจ้องประสานตาผู้ที่เข้ามามิใช่สวี่หยางแต่เป็นเสิ่นเกาหลานที่กลับมาจากด้านนอกคิดว่าผู้ที่อยู่ในห้องโถงคือสวี่หยางเขามีเรื่องจะพูดคุยกับนางจึงเดินเข้ามาหา แต่เมื่อเห็นว่าเป็นสตรีงดงามใบหน้าอ่อนหวานดวงตาประกายความอ่อนโยนตราตรึงแก่สายตาผู้มาเยือนราวถูกสะกดให้อยู่ในห้วงความลุ่มหลง
เสิ่นเกาหลานจดจำสตรีที่อยู่ตรงหน้าได้ดีนางคือสวี่เจี่ยฟางสตรีที่เขาหมายปองจะร่วมงานมงคล ไม่ว่ายามใดนางยังงดงามเช่นเคย
"ข้าน้อยเจี่ยฟางคารวะพี่เสิ่นเกาหลานเจ้าค่ะ " เจี่ยฟางชะงักเล็กน้อยที่เห็นว่ามิใช่สวี่หยางรีบโน้มตัวลงคารวะอย่างนอบน้อม กริยาอ่อนช้อย
"คุณหนูเจี่ยฟางมิต้องมากพิธีกับข้าหรอกเรามันเป็นคนในครอบครัวเดียวกัน มิใช่คนอื่นคนไกล " เสิ่นเกาหลานรีบเข้ามาประคองแขนทั้งสองข้างของเจี่ยฟางไม่ให้คารวะเขาอยู่ท่านั้นอย่างลืมตัว รีบผละออกยิ้มกริ่มอย่างเขินอาย
"เช่นนั้นพี่เสิ่นเกาหลานเลิกเรียกข้าว่าคุณหนูเถอะเจ้าค่ะ เรียกข้าว่าเจี่ยฟางเช่นเดียวกันพี่หยางเถอะเจ้าค่ะ " เจี่ยฟางเนียมอายเอ่ยขึ้นมาใบหน้าแดงระเรื่อ
"เช่นนั้นข้าจะเรียกว่าเจี่ยฟางเช่นเดียวกับสวี่หยางก็แล้วกัน แล้วนี่สวี่หยางนางไปที่ใดหรือ?" เสิ่นเกาหลานหันซ้ายหันขวาไม่เห็นสวี่หยางจึงเอ่ยถามด้วยความสงสัย
"พี่หยางไปนำน้ำชามาต้อนรับข้าเจ้าค่ะ พี่เสิ่นเกาหลานกลับมาเหน็ดเหนื่อยนั่งพักก่อนนะเจ้าคะอีกไม่นานพี่หยางคงกลับมา " เจี่ยฟางผายมือให้เสิ่นเกาหลานมานั่งที่เก้าอี้ตัวตรงข้ามตนเพื่อรอสวี่หยาง
ฝั่งด้านสวี่หยางที่เดินมาตามสาวใช้มายกน้ำชาไปต้อนรับเจี่ยฟางเท้าของนางยังก้าวไม่ถึงโรงครัวได้เสียงกระจอกระแจของสาวใช้ที่กำลังนั่งพูดเรื่องของตนอยู่
"นี่เจ้า! เจ้าว่าเหมือนข้าหรือไม่? ฮูหยินน่าจะร้ายอย่างที่เขาลือกันมาขนาดคุณชายใหญ่ยังไม่สนใจเข้าหาฮูหยินเลยตั้งแต่วันที่เข้าห้องหอมาข้าไม่เห็นคุณชายไปเยือนที่ห้องของฮูหยินอีกเลย "
"ข้าคิดว่าฮูหยินน่าจะร้ายกาจจนคุณชายรับมือไม่ได้เป็นแน่เลย ผู้ใดจะไปคอยรับใช้ก็ไปเถิดข้าไม่เอาด้วยหรอกนะข้ากลัว กลัวจะทำไม่ถูกใจจะถูกทำร้ายจนตายเช่นสาวใช้ของฮูหยินก่อนจะเข้ามาอยู่ที่เรือนแห่งนี้นะสิ"
"จริงหรือ? เจ้ารู้อะไรมาช่วยเล่าให้พวกข้าฟังที"
"ข้าไปเดินที่ตลาดฝั่งเรือนตระกูลสวี่เขาลือกันให้แซ่ดว่าคุณหนูใหญ่สวี่หยางลงโทษสาวใช้อย่างโหดเหี้ยมเพียงเพราะนางทำน้ำแกงหกเท่านั้นเอง เห็นเขาว่ากันว่านางให้บ่าวทุบตีก่อนจะจับยาพิษกรอกปาก ตาเหลือกตาค้างน้ำลายฟูมปากเลยล่ะเอ่ยมาแล้วก็น่ากลัวเหลือเกิน ฮึ่ย!! ข้าไม่ไปรับใช้เป็นอันขาด "
สวี่หยางที่ยืนฟังอยู่ถึงกับชะงักเล็กน้อย ไม่คิดว่าเรื่องที่เกิดขึ้นกับจี๋เสียงจะเลื่องลือขนาดนี้ แถมยังมีการเอ่ยว่านางเป็นคนทำสาวใช้อีก สวี่หยางกัดฟันกรามดวงตาเขม็งเดินเข้ามาพลางเอ่ยถามสาวใช้ที่กำลังเอ่ยถึงตนอยู่จนสาวใช้ในโรงครัวสะดุ้งตกใจกลัวกันยกใหญ่
"ผู้ใดที่เล่าให้เจ้าฟังหรือ? แม้ว่าจะมีเรื่องจริงในข่าวลือแต่ก็มีส่วนไม่จริงพวกเจ้าอยากฟังหรือไม่ว่าข้าทำเช่นไรกับสาวใช้ปากดีที่เอ่ยลับหลังผู้เป็นนาย ข้าใช้น้ำร้อนราดปากก่อนจะใช้เหล็กจี้ไฟร้อน ๆ ดาดลงที่ลิ้นสาวใช้ที่เอ่ยเรื่องนายจะได้ไม่มีสิทธิ์ได้เอ่ยวาจาอีกต่อไป"
น้ำเสียงเรียบเฉยแต่ทว่ากลับมีพลังน่ากลัวแสดงอยู่ในนั้นสาวใช้ยืนตัวสั่นเทารีบคุกเข่าลงต่อหน้าพร้อมเอ่ยวาจาขอโทษทันที
บทที่ 59 ข้าจะลิขิตเองน้ำเสียงจริงจังแววตาเต็มไปด้วยความมุ่งมั่นของเสิ่นจิ้นทำให้สวี่หยางส่ายหัวไปมาลอบยิ้มหนึ่งคราก่อนจะตอบเขาไป“เรื่องนั้นอยู่ที่ฟ้าจะลิขิตแล้วเจ้าค่ะว่าท่านจะหาข้าพบหรือไม่? หากท่านหาข้าพบจริง ๆ ครานั้นข้าจะตอบคำถามนี้นะเจ้าคะ ตอนนี้ข้าต้องเดินทางก่อนต้องใช้เวลาหลายวันกว่าจะถึงที่ที่ข้าจะไป ข้าหวังว่าท่านจะพบสตรีที่งดงามและท่านรักนางหมดใจจนล้มเลิกความคิดที่จะตามหาข้า ลาก่อนเจ้าค่ะ” สวี่หยางเอ่ยจบเดินจากเสิ่นจิ้นขึ้นรถม้าที่อยู่หน้าเรือนตามด้วยหลีลี่จื่อ นางเห็นเสิ่นจิ้นได้โค้งคำนับลงหนึ่งครั้งก่อนจะขึ้นรถม้าตามสวี่หยางออกเดินทางเสิ่นจิ้นยืนมองรถม้าเคลื่อนออกไปลมได้พัดผ่านความเย็นมาระลอกหนึ่งประหนึ่งคำกล่าวลาของสวี่หยาง เขาหัวเราะออกมาอย่างขบขัน ก่อนจะพึมพำเอ่ยตามหลังนาง“ผู้ใดว่าข้าจะให้สวรรค์ลิขิตกัน ข้าเสิ่นจิ้นขอลิขิตเองและสตรีที่ข้าหมายใจมีเพียงเจ้าผู้เดียวสวี่หยางไม่ว่าเจ้าจะอยู่ที่ใดไกลพันลี้ข้าจะตามหาเจ้าให้เจอ เมื่อนั้นข้าจะไม่ยอมปล่อยให้เจ้าจากข้าไปได้อีกต่อไปเตรียมรับมือจากข้าได้เลย” แววตาของเสิ่นจิ้นเต็มไปด้วยความมุ่งมั่น แม้จะใช้เวลานานก็ถือว่าเขาได้พ
บทที่ 58 จากลาเสิ่นเกาหลานเดินจากไปให้เสิ่นจิ้นที่ยืนอยู่ด้านนอกเข้ามาหาสวี่หยางเพราะเห็นท่าทางของเสิ่นจิ้นแล้วเขาน่าจะอยากคุยกับนางมากกว่าเขาเสียอีกสวี่หยางหันไปมองหลุมป้ายชื่ออีกครั้งนางไม่คิดจะอยู่ที่นี่เพราะไม่อยากพบเจอเสิ่นเกาหลานอีกแค่เห็นเขานางก็หวนคิดถึงเจี่ยฟางไม่จางหาย หากนางสะสางทุกอย่างเสร็จสิ้นจะเดินทางไปหาท่านป้าที่ทิศเหนือไปใช้ชีวิตอย่างสงบสุขปลูกผักเลี้ยงสัตว์เย็บผ้าอย่างเรียบง่าย หนีเรื่องวุ่นวายจะดีกว่า แม้ว่าไม่ทำงานอะไรสมบัติของท่านพ่อที่มีนางคงใช้ไม่หมดแน่ ๆ“ท่านตัดสินใจหย่ากับท่านพี่จริง ๆ หรือ”“จริงเจ้าค่ะ จริงสิข้ายังไม่ได้ขอบคุณท่านเลย ท่านคอยเคียงข้างมาตลอดหากไม่มีท่านข้าก็ไม่รู้จะทำเช่นไรเหมือนกันเจ้าค่ะ ขอบคุณด้วยความจริงใจนะเจ้าคะ” สวี่หยางหันมาก้มโค้งลงอย่างนอบน้อมทราบซึ้งน้ำใจของเสิ่นจิ้น เขารีบประคองนางขึ้นมาไม่ให้นางต้องขอบคุณเขาเพราะที่เขาทำไปเพราะเขาอยากทำด้วยใจจริงเช่นกัน“ไม่เห็นต่องทำเช่นนี้เลยขอรับ ไม่ได้มากมายอันใดที่ข้าช่วยเหลือท่านเพียงเท่านี้เล็กน้อย”“คุณชายเป็นคนดี วันนี้ข้าจะขออวยพรในฐานะพี่สะใภ้ของท่าน ขอให้ท่านพบเจอความรักที่สวยงามแล
บทที่ 57 ทำทุกอย่างให้ถูกต้องหลังจากที่ปลอบใจของสวี่หยางอยู่ไม่นานบ่าวรับใช้กลับมาพร้อมผู้ตรวจการ ช่วยพากันนำรางของใต้เท้าสวี่ลงมาจากขื่อตรวจสอบดูในห้องไร้ร่องรอยการต่อสู้แน่ชัดแล้วว่าเขาตั้งใจปลิดชีพตนเองเพราะมีจดหมายที่เขียนด้วยฝีมือของเขาอยู่บนเตียงนอนสวี่หยางสงบสติอารมณ์แม้จะเจ็บร้าวไปทั้งหัวใจแต่ยามนี้นางต้องตั้งสติเพื่ออ่านเนื้อความในจดหมาย“สวี่หยางข้ารู้ว่าอีกไม่นานเจ้าคงมาหาข้าที่เรือน ครั้งก่อนข้าเห็นเจ้าเช่นกันเจ้าแอบมาหาข้า ครั้นเมื่อข้ารู้ว่าเจ้ากลับไปที่เรือนเสิ่นเกาหลานข้าอยากไปพบหน้าเจ้าเหลือเกิน แต่ข้ากลับละอายใจข้าเป็นบิดาที่ไม่เอาไหน ไม่สามารถปกป้องเจ้าเพียงเพราะคิดว่าเจ้าเก่งสามารถปกป้องตนเองได้ ข้าจึงเอาแต่สนใจเจี่ยฟาง และข้ามีสิ่งหนึ่งจะบอกแก่เจ้าข้าปกปิดทุกคนมาตลอด เจี่ยฟางมิใช่น้องสาวที่คลานตามกันออกมาแต่เป็นเพราะความโง่เขลาของข้าที่ทำให้ข้าพลาดพลั้งไปมีอะไรกับสาวใช้ จึงทำให้นางท้อง ข้าปิดบังไม่ให้มารดาของเจ้ารู้จึงปกปิดเรื่องนี้เอาไว้ แต่แล้วเรื่องไม่คาดคิดก็เกิดขึ้นเมื่อจู่ ๆ วันที่แม่ของเจ้าคลอดคือวันที่สาวใช้ผู้นั้นคลอดเช่นกัน และโชคร้ายที่น้องชายของเจ้าเ
บทที่ 56 ข้าเพียงฝันไปใช่มั้ยหลังพายุที่โหมกระหน่ำได้หยุดลงเวลานี้ก็สองยามแล้ว หลังจากที่เสิ่นจิ้นพาสวี่หยางกลับมารีบให้บ่าวรับใช้ไปตามตัวท่านหมอมาตรวจดูอาหารหลีลี่จื่อเข้ามาเปลี่ยนเสื้อผ้าอาภรณ์ชุดใหม่ให้และเล่าเรื่องก่อนหน้าให้แก่เสิ่นจิ้นฟัง ส่วนซื่อจินหนีไม่รอดนางถูกทหารจับแต่ทว่าเมื่อจับตัวนางไปคุมขังนางกลับเลือกใช้ยาพิษกรอกปากของตนเพื่อจบชีวิตดีกว่าถูกทางการทรมานรุ่งเช้ามาเยือนแม้ว่าเจี่ยฟางจะหมดลมหายใจแต่ทว่าความผิดของนางครั้งนี้ใหญ่หลวงยิ่งนักทำให้ทางการถอดถอนยศของใต้เท้าสวี่ให้เป็นเพียงคนสามัญชนธรรมดาเท่านั้น สวี่หยางลืมตาขึ้นกวาดสายตามองไปรอบ ๆ นี่มันห้องของนางนี่น่าแล้วนางมาอยู่ที่นี่ได้อย่างไรนางจำได้ว่าครั้งสุดท้ายอยู่กับเจี่ยฟางที่หน้าผา จู่ ๆ สวี่หยางพรวดลุกขึ้นทันที“เจี่ยฟาง ข้าจะไปช่วยเจี่ยฟาง” หลีลี่จื่อที่อยู่เฝ้าอาการสวี่หยางทั้งคืนตื่นขึ้นจากเสียงร้องของสวี่หยาง“ฮูหยินฟื้นแล้วหรือเจ้าคะ โชคดีเหลือเกินที่ท่านไม่เป็นอันใดมาก”“หลีลี่จื่อ เจี่ยฟางล่ะนางปลอดภัยดีหรือไม่?”“ฮูหยินเจ้าคะ นางทำร้ายสารพัดแต่ฮูหยินยังเป็นหวงนางอยู่หรือเจ้าคะ ยามนี้ร่างของนางถูกคุณชายเ
บทที่ 55 ยิ้มทั้งน้ำตาฝั่งด้านเสิ่นจิ้นเมื่อมาถึงเรือนของเสิ่นเกาหลานพบหลีลี่จื่อที่มีสีหน้าตื่นตระหนกตกใจ นางกำลังจะจับตัวของซื่อจินตามคำสั่งของสวี่หยางจึงแอบซุ่มอยู่แต่เมื่อเห็นว่าซื่อจินรีบร้อนไปแจ้งเจี่ยฟาง นางจึงแอบตามไปจึงเห็นว่าสวี่หยางถูกเจี่ยฟางพาตัวหนีไปด้วย หากนางจะตามไปก็เกรงจะไม่มีผู้ใดแจ้งทางการเพราะไม่มีคนรู้เรื่องนี้เช่นนางสักคน“คุณชายเสิ่นจิ้นช่วยฮูหยินด้วยเจ้าค่ะ”“เกิดอะไรขึ้นกับนาง เจ้ารีบบอกข้ามา”“เรื่องมันยาวเจ้าค่ะ แต่ทว่ายามนี้คุณชายรีบตามไปที่หลังเรือนเถอะเจ้าค่ะ คุณหนูเจี่ยฟางกำลังพาฮูหยินหนีไปทางนั้น ส่วนซื่อจินกำลังไปอีกทางเจ้าค่ะ” เสิ่นเกาหลานตามมาทีหลังได้ยินถึงกับตกใจ รีบสั่งให้ทหารไปตามจับซื่อจินส่วนเขาจะไปช่วยสวี่หยางแต่เขาก็ช้ากว่าเสิ่นจิ้นหนึ่งก้าว เสิ่นจิ้นวิ่งนำไปก่อนแล้วฝนโปรยปรายลงมาแรงขึ้นเรื่อย ๆ สายลมกระหน่ำลงมาอย่างบ้าคลั่ง เจี่ยฟางเริ่มหวาดกลัวเสื้อผ้าของนางและสวี่หยางเริ่มเปียกปอน“มันต้องไม่ใช่อย่างนี้สิ ข้าแค่เพียงต้องการเป็นหนึ่งเดียวของท่านพี่เสิ่นเกาหลานเท่านั้น ข้าแค่หวังอยากอยู่ครองรักจนกว่าจะหมดลมหายใจเหตุใดมันต้องยุ่งยากเช่นนี้
บทที่ 54 ข้าเกลียดท่าน“เพราะข้าเกลียดท่าน ยิ่งท่านรักข้ามากเท่าไหร่ข้ายิ่งเกลียดท่าน ท่านมันจะไปรู้อะไรคนที่เกิดมาในตระกูลที่ดี มารดาเป็นคุณหนูต่างจากข้าที่มีมารดาเป็นเพียงสาวใช้เท่านั้น! ที่ข้าอยากจัดการท่านเพราะต้องการทุกอย่างที่ท่านมี ท่านพ่อไม่เคยรักข้าเลยมักจะต่อว่า ว่าข้าไม่ได้เรื่องอันใดไม่เหมือนท่าน ข้าพยายามมากมายที่จะเป็นสตรีที่เพรียบพร้อมกิริยามารยาทงามเพื่อไม่ให้พ่อท่านต้องเป็นกังวลแต่ก็ไม่วายที่ท่านพ่อยังคงรักแต่ท่าน” น้ำเสียงเกรี้ยวกราดของเจี่ยฟางตวาดใส่สวี่หยางดังกึกก้อง แต่ไม่ทันที่นางจะเอ่ยจบสวี่หยางรับฟังคำที่พรั่งพรู่ออกมาจากปากของนางทำให้นางเสียใจไม่น้อยจนเก็บอารมณ์ไม่อยู่ตบเข้าที่ใบหน้าของเจี่ยฟาง“เพี๊ยะ!!!!. แรงสั่งสะเทือนของน้ำมือสวี่หยางทำให้ร่างบางอย่างเจี่ยฟางถลาล้มไปกับพื้นจนล้มลง“เจ้าต่างหากที่โง่เขลา ข้าไม่เคยรู้ด้วยซ้ำว่าเจ้ามิใช่น้องแท้ ๆ ของข้า ทั้งข้าทั้งท่านพ่อต่างรักเจ้ามากกว่าสิ่งใด เจ้ามันโง่งมที่ไม่เข้าใจความรักที่ข้ามอบให้ แต่กลับคิดร้ายว่าข้าสงสารเจ้าอย่างนั้นหรือ! เพราะใจอคติของเจ้าต่างหากที่ทำให้เจ้าหน้ามืดตามัวทำเรื่องเลวร้ายขึ้นมาทั้งหมด