Home / รักโบราณ / สองพี่น้องหลังเขาวั้งซานกู่ / 20 ผมนึกว่าทุกคนทิ้งผมไปหมดแล้ว

Share

20 ผมนึกว่าทุกคนทิ้งผมไปหมดแล้ว

last update Huling Na-update: 2025-09-24 10:39:15

สตรีผู้นี้คือเยว่ปิงเหยียน มารดาของเจ้าจอมแสบทั้งสอง เมื่อฉางกังได้เห็นมารดาที่ตกตายไปแล้วในมิติปัจจุบันเขาก็ตะลึงค้างอยู่อย่างนั้น ความรู้สึกแรกที่ได้พบเห็นคนที่ไม่มีวันจะได้เจอกันอีกช่างเป็นความรู้สึกตื้นตันจนน้ำตาแทบเอ่อล้นออกมา แม้นว่าความทรงจำเกี่ยวกับนางผู้นี้จะน้อยเต็มที แต่อย่างน้อยเขาก็รู้สึกดีใจจนพูดไม่ออก

…การต้องคิดถึงคนที่อยากเจอแต่ไม่มีวันได้พบเจอแล้วมันเจ็บปวดมากจริง ๆ ขอแค่เสี้ยวเวลาเดียวที่ได้เห็นคนผู้นั้นอีกครั้ง ต่อให้จะเป็นความฝันก็ตามที

เหมือนได้หวนคืนสู่วัยเด็กที่นครฉงเทียน ความอบอุ่นจากอ้อมกอดมารดาที่เขาโหยหาอยู่ตรงหน้านี้แล้ว ทว่าเขากลับยืนตัวแข็งทื่อไม่ไหวติง เอาแต่จ้องร่างนั้นเหมือนมีใครบางคนกดหยุดเวลาไว้ให้ตรึงอยู่อย่างนี้

พลันหยาดน้ำตาก็ไหลออกมาโดยไม่รู้ตัว น้ำใส ๆ ไหลอาบตั้งแต่แก้มมาจนถึงปลายคาง ก่อนจะหล่นแหมะลงที่คอเสื้อบริเวณอก ฉางกังค่อย ๆ เปิดปากเรียกคนตรงหน้านั้นเสียงสั่นปนสะอื้น

“…คุ คุณแม่…แม่จริง ๆ ด้วย ผมได้เจอแม่อีกจริง ๆ ด้วย ฮึก…แม่ครับ ทุกคนหันหลังให้ผม ผมนึกว่าทุกคนทิ้งผมไปหมดแล้ว”

“…กังเอ๋อร์”

นางเอ่ยชื่อลูกชายพลางทำหน้าสงสัย วันนี้เขาแปลกไปจริง ๆ ทุกครั้งที่นางกลับมาจากตลาดลูกชายทั้งสองจะวิ่งมาถามว่ามีขนมมาฝากด้วยหรือไม่ แต่วันนี้ฉางกังเอาแต่ยืนอึ้งร้องไห้เหมือนเด็กขี้แย

“กังเอ๋อร์ร้องไห้เพราะเหตุใดเล่า หรือว่ากลัวแม่ไม่ซื้อขนมมาฝาก แม่ย่อมต้องซื้อมาให้อยู่แล้วล่ะ ขนมอยู่ในตะกร้าข้างหลังแม่นี่อย่างไร มาดูสิเร็วเข้า”

เขาไม่สนใจขนมหรืออะไรทั้งนั้น วิ่งเข้าไปกอดเอวมารดาแล้วยิ่งสะอื้นหนักกว่าเดิม ปากก็ย้ำพูดประโยคเดิมซ้ำ ๆ

“อย่าเมินผม…ได้โปรดอย่าหมางเมินผม อย่าทำเหมือนผมไม่มีตัวตน อย่าทิ้งผมไป…แม่ ผมคิดถึงแม่ คิดถึงมาตลอดเลย”

“…ลู่ ลู่ฉางกังลูกเป็นอะไรไป”

นางวางฝ่ามือลงบนศีรษะลูกชายแล้วลูบปอยผมด้วยความอบอุ่น คิดไม่ถึงว่าตั้งแต่นางก้าวออกจากบ้านเพื่อเอาของไปขายที่ตลาดใช้เวลาเพียงไม่กี่ชั่วยามและไม่พ้นวันเสียด้วยซ้ำ ฉางกังจะร้องงอแงเรียกหานางยิ่งเสียกว่าฉางเกอที่เด็กกว่า ปกติเขาโตพอที่จะเข้าใจอะไรได้แล้ว วันนี้ท่าทีของเขาช่างแตกต่างจากทุกวันยิ่งนัก

“แม่จะหมางเมินลูกได้อย่างไร ลูกทั้งสองคือดวงใจของแม่เลยรู้หรือไม่ เช็ดน้ำตาเร็วเข้า เป็นชายชาตรีห้ามร้องไห้เด็ดขาด ดูสิ...เจ้าเด็กขี้แยคนนี้ร้องไห้ขี้มูกโป่งแล้ว”

น้ำเสียงของนางช่างอบอุ่นเหมือนแสงแดดในฤดูหนาว ใบหน้างามล้ำละมุนดุจดั่งน้ำค้างปลายยอดหลิว นี่คือมารดาคนดีคนเดิมของฉางกังไม่มีผิด ความทรงจำระหว่างเขากับแม่น้อยก็จริงแต่อ้อมกอดอุ่นและความรู้สึกนี้เขาจดจำมันได้เป็นอย่างดี  

บนโลกนี้เขาค้นเจอแล้วว่าอะไรที่เงินซื้อไม่ได้ นั่นคือการได้กลับมาพบเจอคนที่ลาจากไปแล้วตลอดกาลอีกครั้ง ต่อให้ใช้เงินสักหมื่นล้านหยวนเขาก็ไม่สามารถซื้อมารดากลับคืนมาได้อีก…

เมื่อความดีใจผ่านพ้น กลับมีความรู้สึกใหม่เข้ามาแทรก มันคือความรู้สึกของการสูญเสียครั้งยิ่งใหญ่ที่เขาไม่อยากหวนนึกถึงแม้เสี้ยวขณะเดียว นางเป็นสตรีที่จิตใจสง่างามและรักเขามากก็จริง แต่หลังเกิดเหตุการณ์บางอย่างที่ทำให้ความทรงจำช่วงนั้นของเขาหายไปปิงเหยียนก็ค่อย ๆ แปรเปลี่ยนไปทีละนิดละน้อย นานวันพ้นผ่านนางก็ได้เปลี่ยนไปเป็นคนละคนตลอดกาล...

“กังเอ๋อร์อย่าร้อง...พอได้แล้ว แม่รักลูกมาก แม่รักลูกทั้งสองมากกว่าทุกสิ่งบนโลกนี้ เจ้ารีบเช็ดน้ำตาเสียเถิด ใกล้เวลาอาหารมื้อเย็นป่านนี้ท่านย่าคงหิวมากแล้ว เป็นเด็กให้ผู้ใหญ่ต้องรอนานถือว่าอกตัญญู”

ปิงเหยียนเช็ดน้ำตาให้เขาอย่างเบามือ พอใบหน้าของเขาสะอาดเกลี้ยงเกลาแล้วนางจึงจูงมือเขาไปนั่งที่โต๊ะอาหาร ซึ่งโต๊ะอาหารนั้นเป็นแบบที่นั่งกับพื้นล้อมวงทาน มีโต๊ะเตี้ย ๆ สำหรับวางจานอาหารเพียงเท่านั้น

“เจ้าเด็กขี้แยเอ๋ย กินเข้าไปเยอะ ๆ”

เมื่อฉางกังนั่งลงประจำที่ ผักมากมายถูกคีบใส่ในชามของเขา เขามองหน้าแม่เฒ่าด้วยความไม่พอใจ  

ให้กินแต่ผักเนี่ยนะ!  คุณย่ารู้ดีกว่าใครมิใช่หรือว่าเขาเกลียดผักเสียยิ่งกว่าอะไรทั้งนั้น จู่ ๆ ความคิดไม่ดีบางอย่างก็ผุดขึ้น ฉางกังหันหน้าไปหาฉางเกอที่นั่งข้างกันแล้วบอกกล่าวผู้เป็นน้องชายว่า...

“ลู่เกอ เป็นเด็กเป็นเล็กต้องกินเยอะ ๆ นะ ผักมีประโยชน์มากรู้ไหม”

เขาคีบผักทั้งหมดที่ย่าหลิวให้มาใส่ชามข้าวของน้องชาย พลันเสียงดุดันของผู้อาวุโสก็ดังขึ้น

“หยุดเลยนะ! จะหาเรื่องไม่กินผักอีกแล้วใช่ไหม เจ้าเด็กคนนี้นี่ รีบ ๆ กินเสีย กินผักบ้าง ผักนี่แหละคือของหาง่ายที่สุด ครอบครัวเราจะกินเนื้อสัตว์แค่สามวันต่อหนึ่งอาทิตย์เท่านั้น”

“ทำไมต้องเป็นอย่างนั้นล่ะครับ”

“เพราะบ้านเราจนน่ะสิ เนื้อสัตว์มีราคาแพง พ่อเจ้าไม่อยู่ก็ไม่มีคนออกไปล่า กินเต้าหู้แทนไปก่อน เอานี่เอา! ส่งชามมาให้ย่า"

เฮ้อ…ที่นครฉงเทียนจะเหมาวัวทั้งฟาร์มมากินก็ยังได้…ทำไมชีวิตที่นี่ถึงได้อดอยากยากจนนักนะ

แม่เฒ่าหลิวคีบเต้าหู้ใส่ในชามของเขาอีกครั้ง ฉางกังนั่งทอดมองเต้าหู้ในชามทำสีหน้าเบื่อหน่ายสุดขีด แล้วเสียงถอนหายใจก็ดังขึ้นบ่งบอกว่าไม่ชอบใจอย่างยิ่ง

Patuloy na basahin ang aklat na ito nang libre
I-scan ang code upang i-download ang App

Pinakabagong kabanata

  • สองพี่น้องหลังเขาวั้งซานกู่   78 ความทรงจำ (จบ)

    ตะวันบ่ายคล้อย แสงแดดเบื้องบนแรงกล้าทว่ากลับส่องไม่ถึงยังพื้นดิน เนื่องจากต้นไม้สูงใหญ่ขึ้นหนาแน่นบดบังแสงแดดจนมิด ทำให้อากาศใต้ร่มเงาของต้นไม้ไม่ถึงขั้นร้อนจัด เข่อซิงเหนื่อยจนคอแห้งเป็นผงรีบหยิบเอาน้ำพกที่เหน็บอยู่เอวมายื่นให้เจ้านายหนึ่งขวด ส่วนอีกขวดที่พกมาเขาดื่มเอง ฉางกังรับน้ำมาแล้วก็ดื่มเข้าไปหนึ่งอึกใหญ่“เดินมาตั้งนานแล้วไม่มีทีท่าว่าจะเจอเลยนะครับ หรือว่าจะไม่มี” เข่อซิงพูดไปมือก็ปิดฝาขวดไป“ฉันคงคิดไปเองสินะ ความฝันก็ยังเป็นความฝันวันยังค่ำ ฝันดีแค่ไหนสุดท้ายก็ต้องตื่น”คำนี้เป็นเขาเองที่เคยพูดกับฉางเกอ ฝันดีแค่ไหนสุดท้ายก็ต้องตื่น แต่วันนี้กลับมีเพียงเขาที่ไม่ยอมตื่นเสียที ฉางกังคิดแล้วก็ทำหน้าเศร้า ระหว่างที่กำลังถอดใจผู้ดูแลหยางเปียวก็ได้พูดขึ้น“เป็นไปได้ไหมครับว่าต้นเทียนไถเอ่อร์ลี่ที่ประธานลู่ตามหาจะตายไปแล้ว”"ตายงั้นเหรอ”“ขอรับ ที่วั้งซานกู่มีซากต้นไม้ใหญ่ยืนต้นตายต้นหนึ่ง ขนาดของมันใหญ่หลายคนโอบแต่ตอนนี้เหลือแต่ตอ”“รีบพาไปดูเร็วเข้า”หยางเปียวพยักหน้ารับแล้วเดินนำสองคนไปยังต้นไม้ใหญ่ที่ตายแล้ว มันเหลือแต่ตออย่างที่เขาบอกจริง ๆ แต่เป็นตอที่มีความสูงอยู่ระดับอก เส

  • สองพี่น้องหลังเขาวั้งซานกู่   77 ผมฝัน

    นอกจากเข่อซิงกับฉางกังแล้วยังมีหลิวเซียงฉินที่ติดตามมาด้วยอีกคน อีกไม่กี่กิโลเมตรก็จะเข้าเขตเขาวั้งซานกู่แล้ว จู่ ๆ ฉางกังก็ได้พูดบางอย่างขึ้นมาจนทำให้ทุกคนที่นั่งในรถเพ่งความสนใจมาที่เขา“คุณย่าครับ ช่วงที่ผมหลับไปหลายวันผมฝัน”“ฝันว่าอะไร” ย่าหลิวถามกลับอย่างใส่ใจ ฉางกังคว้ามือเหี่ยวย่นมากุมไว้แล้วพูดต่อ“มันเป็นฝันดีตื่นหนึ่ง พอลืมตาขึ้นมาหัวใจของผมก็แตกสลายไปหมดแล้ว”บรรยากาศในรถเงียบสนิท ทุกคนต่างอึ้งไปตาม ๆ กันและไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับฉางกังกันแน่ ฉางกังหัวเราะเบา ๆ เพื่อให้ความตึงเครียดของคนในรถลดลง “ผมฝันว่าได้กอดคุณแม่ ฝันว่าคุณพ่อแบกผมขึ้นหลัง…แล้วผมก็ฝันว่าลู่เกอร้องไห้งอแงกอดขาผม”ใบหน้าของหลิวเซียงฉินกระตุบวูบหนึ่ง ความลับที่ปกปิดเอาไว้เพื่อเป็นเกราะป้องกันให้ฉางกังคงถึงเวลาต้องพังทลายลงแล้ว ถึงจะรู้ดีแก่ใจว่าไม่อาจปิดบังเขาได้ชั่วชีวิต แต่นางก็ไม่คิดว่าจู่ ๆ ฉางกังจะจดจำได้เอง คนเราทุกคนต่างมีความทุกข์เป็นของตนเอง ในความทุกข์นั้นก็ใช่ว่าจะไม่มีความสุขปนอยู่ อย่างน้อย ๆ ฉางกังก็ยังยิ้มได้ นั่นแสดงว่าเขาคงทำใจยอมรับได้บ้างแล้ว“ผมจำทุกอย่างได้หมดแล้วนะครับ”“…อากัง ย่าขอ

  • สองพี่น้องหลังเขาวั้งซานกู่   76 หวนกลับไปเยือน

    “คุณย่าครับ ผมขอคุยบางอย่างกับลี่อินลำพังหน่อยสิ”เข่อซิงพยักหน้ารับแล้วค่อย ๆ ประคองคุณย่าหลิวออกไป หลังจากอยู่กันสองต่อสองแล้วลี่อินพยายามจะเอ่ยคำขอโทษแต่ฉางกังยกมือขึ้นมาปรามไว้ก่อน“อย่ารู้สึกผิดและอย่าโทษตัวเอง คุณไม่ได้ทำอะไรผิด ที่ผมเป็นแบบนี้ก็เพราะผมทำตัวเองทั้งนั้น”“ฉัน…”“ลี่อิน อันที่จริงมันก็ถึงเวลาที่เราต้องปล่อยมือจากกันตั้งนานแล้ว แต่เป็นผมเองที่ยังรั้งคุณเอาไว้อย่างเห็นแก่ตัว นับจากนี้ไปเราจงหันหลังให้กันในฐานะคนรัก และหันหน้าให้กันในฐานะเพื่อนเถอะ อย่าฝืนทนกันอีกต่อไปเลย คุณรักไปเหนื่อยไป ส่วนผมก็ไม่เคยเปลี่ยนแปลงอะไรให้ดีขึ้นมาได้ วันนี้ผมเข้าใจทุกอย่างแล้วว่าเรื่องระหว่างเรามันถึงจุดที่ควรพอ ถึงวันข้างหน้าเราอาจไม่ใช่คนรักกันแล้ว แต่ผมอยากให้รู้ว่าคุณคือผู้หญิงที่ดีที่สุดที่ได้ผ่านเข้ามาในชีวิตผม ผมอยากขอโทษคุณจากใจจริงจางลี่อิน คำขอโทษครั้งนี้เกิดขึ้นเพราะผมสำนึกผิด ไม่ใช่หน้าที่ที่ต้องทำและไม่ใช่สถานะที่เราเป็น…ผมขอโทษ”ลี่อินสะอื้นเบา ๆ เธอยิ้มให้เขาทั้งน้ำตา ฉางกังเองก็ยิ้มตอบเช่นกัน เรื่องของลี่อินและเข่อซิงเป็นเรื่องที่ไม่อาจบอกได้ว่าอนาคตจะเป็นอย่างไร เพียง

  • สองพี่น้องหลังเขาวั้งซานกู่   75 กล่องไม้นั่น

    ฉางกังไม่อยากให้ทุกคนลืมเขาไปเลยจริง ๆ และยังอยากฝังตนเองให้อยู่ในความทรงจำของทุกคนตลอดกาล เสียอย่างเดียวที่ไม่อาจหลีกหนีโชคชะตาได้ แต่ก็ดีแล้วล่ะ…เพราะการจากลามันเจ็บปวดเกินไป หากทุกคนจำได้ว่ามีฉางกังอยู่ก็อาจจะเจ็บปวดจากการจากไปของเขา“สักวันพวกเราคงพบเจอกันใหม่ที่ไหนสักที่หนึ่ง…ข้าขอลา”สิ้นคำอำลาฉางกังค่อย ๆ เปิดฝากล่องไม้ออก ครั้งนี้มันเปิดออกง่ายดายเสียจนไม่ต้องออกแรงให้เหนื่อยเหมือนทุกครั้ง หยาดน้ำตาใส ๆ หล่นแหมะลงไปที่ก้นกล่องไม้ พลันบังเกิดแสงสว่างวาบเหมือนสายฟ้าฟาด ชั่วพริบตาเดียวร่างของเขาก็อันตรธานหายไปจากตรงนั้น เหลือไว้เพียงความทรงจำที่ทุกคนลืมเลือนไป……..ติ๊ด…..ติ๊ด….ติ๊ด….ติ๊ดเสียงที่ทำให้รู้สึกรำคาญหูปลุกเขาตื่นจากการหลับใหล เสียงที่ได้ยินเมื่อครู่เป็นเสียงเครื่องมือแพทย์ที่ใช้ตรวจสอบชีพจรซึ่งมันตั้งอยู่ที่ข้างเตียงผู้ป่วย วินาทีแรกที่ฉางกังลืมตาขึ้นมาเขาได้มองไปรอบกาย ทุกสิ่งอย่างล้วนเป็นของในยุคปัจจุบัน สิ่งแวดล้อมรอบ ๆ สามารถประเมินได้ทันทีว่าเขาอยู่ที่ใด สถานที่แห่งนี้คือโรงพยาบาลอันดับหนึ่งในนครฉงเทียน คนในตระกูลลู่มาใช้บริการเป็นประจำเมื่อมีอาการเจ็บป่วย เขาก

  • สองพี่น้องหลังเขาวั้งซานกู่   74 ข้าขอซื้อร้านค้าร้านนี้

    ที่โพรงต้นไม้ใหญ่ปากทางเข้าบ้านตระกูลลู่ ฉางกังมุดเข้าไปเอาถุงที่บรรจุตั๋วเงินออกมา ผลปรากฏว่าไม่มีอะไรเสียหายเลย พืชกันแมลงที่ใส่เข้าไปนั้นออกฤทธิ์ดีเยี่ยม ฉางกังแบกเอาถุงผ้าเก่า ๆ ขึ้นบ่าเดินเข้าไปในตลาด ระหว่างที่เดินบนถนนอันหนาแน่นด้วยผู้คนบังเอิญเห็นเข่อซิงและลี่อินเดินเคียงคู่กันมา ฉางกังหยุดมองแล้วยิ้มบาง ๆ แต่คนทั้งสองได้เดินผ่านเลยไปเหมือนไม่รู้จักกัน ยามนี้ฉางกังจึงเริ่มรู้แล้วว่าไม่ใช่แค่ครอบครัวที่จดจำเขาไม่ได้ แต่เป็นคนในมิตินี้ทั้งหมดเลยต่างหากเขาเดินมาหยุดยังสถานที่แห่งหนึ่ง วางถุงใส่ตั๋วเงินอันหนักอึ้งลงพื้นเสียงดังตุบ คนในร้านต่างหันกลับมามองเป็นตาเดียว“เถ้าแก่อยู่ไหม”“อยู่ ข้านี่แหละเถ้าแก่ร้านนี้”“ข้าขอซื้อร้านค้าร้านนี้”เช้าตรู่วันรุ่งขึ้นเสียงแง้มประตูให้เปิดออก ตามมาด้วยร่างของหญิงชรานางหนึ่ง ยามนี้เป็นเวลาเช้าตรู่อากาศจึงหนาวเย็นยะเยือก หยาดน้ำค้างเกาะอยู่ตามยอดหลิวแลดูอ่อนละมุนยิ่ง กลิ่นควันจากการเผาไหม้จาง ๆ ลอยมาเตะจมูก พลันดวงตาพร่ามัวก็สะดุดเข้ากับวัตถุบางอย่างที่วางอยู่บนแคร่ไม้ไผ่ หญิงชราเดินเชื่องช้าไปยังแคร่ไม้ไผ่ตัวนั้น เมื่อได้เข้ามาดูใกล้ ๆ ก็พ

  • สองพี่น้องหลังเขาวั้งซานกู่   73 เสียงนี่มัน

    “เอาความทรงจำของพวกเขามาแลก คนที่เจ้ารักจะลืมเลือนเจ้าจนหมดสิ้น แล้วเจ้าก็จะกลายเป็นคนอื่นสำหรับพวกเขา ความเจ็บปวดที่สุดของมนุษย์ไม่ใช่การลืมแต่เป็นการจดจำ เช่นนี้ถึงจะเป็นการแลกเปลี่ยนที่สมน้ำสมเนื้อ…ว่าอย่างไรลู่ฉางกัง!”“ตะ ต้องทำกันถึงขนาดนี้เลยหรือ…" เด็กชายจุกในอกจนพูดไม่ออกอยู่ครู่หนึ่งแล้วจึงเปล่งเสียงแผ่วเบาออกมา "ได้ ข้ายอมแลก ต่อให้ข้าจะหายไปจากความทรงจำของพวกเขาก็ยังอยากขอให้ฉางเกอได้มีโอกาสใช้ชีวิตอีกครั้ง ได้โปรดช่วยน้องชายข้าด้วยเถอะ"ฉางกังรับข้อเสนอด้วยหัวใจที่ปวดร้าว ต่อให้สิ่งแลกเปลี่ยนคราวนี้จะมีค่ามหาศาลเพียงใดเขายอมแลกได้ทั้งนั้น แม้แต่ชีวิตฉางกังยังยินดีมอบให้ได้ แล้วนับประสาอะไรแค่การหายไปจากใจพวกเขาตลอดกาล…...เขากัดริมฝีปากตนเองจนขึ้นสีขาวซีด แล้วปิดเปลือกตาลงช้า ๆ“…ข้าพร้อมแล้ว”สิ้นคำจำยอมก็เกิดแสงสว่างวูบใหญ่เหมือนสายฟ้าฟาด ที่เบื้องหน้าฉางกังปรากฏกล่องไม้โบราณลอยอยู่ในอากาศ แล้วเสียงปริศนาดังขึ้นว่า“เมื่อเจ้าเปิดกล่องใบนี้อีกครั้ง เจ้าจะได้กลับไปที่ที่เจ้าจากมา”“…เข้าใจแล้ว ขอบคุณ ข้าขอบคุณ”ในก้าวแรกที่เขาผละตัวออกมา พลันภาพทั้งหลายก็หมุนกรอย้อนกลับเป

Higit pang Kabanata
Galugarin at basahin ang magagandang nobela
Libreng basahin ang magagandang nobela sa GoodNovel app. I-download ang mga librong gusto mo at basahin kahit saan at anumang oras.
Libreng basahin ang mga aklat sa app
I-scan ang code para mabasa sa App
DMCA.com Protection Status