“ฟ้าผ่าแรงมากพี่คิด” ยามเฉลิมยิ้มกริ่ม ปล่อยให้เด็กสาวโอบกอดแขนล่ำเต็มที่ ประหนึ่งพระเอกที่กำลังปกป้องนางเอกอย่างไรอย่างนั้น “ลมแรงอย่างกับพายุเข้า เราเข้าไปหลบในป้อมก่อนดีกว่าคุณนิด”
เพราะเสียงฟ้าร้องฟ้าผ่ายังดังต่อเนื่องไม่ยอมหยุด อณิกาจึงยอมเข้าไปในป้อมยามตามการเชื้อเชิญของยามเฉลิม โดยไม่เอะใจเลยว่า...มันคือประตูสู่นรกดีๆนี่เอง....!!!
ภายในป้อมยามถูกแบ่งเป็นสองส่วน ส่วนแรกคือออฟฟิศขนาดเล็กส่วนหน้าที่ใช้ประจำการสอดส่องดูแลการเข้าออกทางประตูเหล็ก ส่วนที่สองคือส่วนหลังของตัวป้อมยามซึ่งมีห้องพักขนาดเล็กสำหรับไว้พักผ่อน ในห้องนั้นมีโซฟาหนึ่งชุดและมุมกาแฟเล็กๆไว้ชงดื่มด้วยตัวเอง บนผนังมีชุดแบบฟอร์มยามรักษาการแขวนอยู่หนึ่งชุด และแผงรายชื่อของยามรักษาการณ์ที่ทำงานประจำในป้อมยามแห่งนี้ ซึ่งมีอยู่ด้วยกันห้าคน โดยลุงสมคิดเป็นหัวหน้ายามประจำป้อมนี้
“ไม่ต้องกลัวนะคุณนิด นั่งพักในห้องนี้ไปก่อน พอฝนหยุดก็ค่อยกลับไปที่พัก” ยามเฉลิมส่งกาแฟมอคค่าร้อนคืนให้แก่เธอ “พอดีผมเพิ่งดื่มกาแฟทรีอินวันไป คุณนิดดื่มกาแฟร้อน ๆ แก้หนาวสิครับ”
“ขอบคุณนะคะ” เธอรับกาแฟแก้วนั้นมาดื่มโดยหาไม่รู้ว่ามีส่วนผสมบางอย่างเพิ่มเติมลงไปจากสูตรเดิมของร้านสะดวกซื้อ แน่นอน มันเป็นยาปลุกเซ็กส์ที่หัวหน้ายามจอมหื่นแอบใส่ลงไปก่อนจะส่งมันให้ยามเฉลิม นำมามอบให้แก่เธอในห้องพัก
“อือ...” ไม่นานนัก ยาก็เริ่มออกฤทธิ์ “ทำไมรู้สึกแปลกๆ รู้สึกร้อนวูบวาบยังไงไม่รู้”
“ร้อนเหรอ” ยามเฉลิมถามพลางขยับใบหน้าเข้าใกล้เธอจนลมหายใจแทบจะประสานกัน เธอชะงักขยับใบหน้าหนีแทบไม่ทันทีเดียว
“เอ่อ...คือ...สงสัยจะมีไข้น่ะค่ะ ก็เลย...” หัวใจกระหน่ำเต้นหนักกว่าเดิม เนื้อกายร้อนผะผ่าวตั้งแต่หัวจรดปลายเท้า ท้องไส้ปั่นป่วนซวนเซ “อือ...”
“ร้อนจริงด้วย” ฝ่ามือใหญ่หนาวางลงบนขาอ่อนขาวนวลแล้วลูบไล้ สายตาคู่นั้นดูหื่นเต็มพิกัด มันทำให้เธอทั้งตกใจและหวาดหวั่นระคนกัน แต่จะลุกหนีก็ไม่ทันเสียแล้ว เธอโดนสองลุงยามล็อกตัวไว้ในกรงเล็บมารอย่างหนักแน่นทั้งบนล่างจนไม่สามารถดิ้นหนีได้
“ว๊าย! พวกลุงจะทำอะไรหนู ปล่อยนะ!!!”
“ก็ทำให้หนูหายร้อนไง” ด้วยการช่วยกันลวนลามจูบหอมเธอไม่หยุด ต่อให้เธอพยายามจะผลักไส ดีดดิ้นต่อต้าน แต่มันก็ไม่ได้ผล ร่างกายของเธอตกอยู่ในอุ้งมือของสองซาตานกระหายเลือด ที่พร้อมจะย่ำยีพรหมจรรย์ของเธอไม่ให้เหลือซาก
“อย่านะ...อย่า...อย่า...อื้อ” ปากของเธอโดนประกบด้วยปากหนาของยามเฉลิม ส่วนยามสมคิดมุดเข้าหาหว่างขาแล้วจูบไซ้เนินอวบอูมใต้ผ้ายีนอย่างหิวโหยกระหายใคร่ราวกับอดอยากมานานแสนนาน
“โอ้...อ้า...อื้อ...ซี๊ดดดด” เขาสะบัดเอวเร็วรี่ ขยับสะโพกชนิดถี่ยิบ แรงกระแทกทำให้กายสาวสั่นสะท้านไปทั้งตัว เธอร้องโหยลั่นห้อง ก่อนจะกดเกร็ง กระตุกซ้ำ ๆ แล้วปล่อยปล่อยความสดสาวพรั่งพรู“อูวววววว” เขาครวญครางประสานเสียงสุขสม เสียวเสียดหนั่นแน่น กำหนัดไหล เขาขยับร่างเบียดบดกดคลึง ถลึงถลำเข้าไปมิใคร่หยุด“อ้า...” เธอขยับช่วงล่างรับความเสียวซ่านรสหฤหรรษ์ แอ่นอกอิ่มเอิบไถถูแผงอกกว้างของชายหนุ่ม เขาก้มลงจูบเธออย่างเผ็ดร้อน ก่อนจะแลกลิ้นกันกินอย่างดูดดื่ม “อืม....”“โอวววว...โอ๊ะ! ที่รัก ผม...โอววว” เขาเร่งเร้าเป็นครั้งสุดท้าย ก่อนจะเกร็งร่างจนเอ็นผุด เธอรู้สึกร้อนวาบไปทั้งตัว ยามมังกรร้ายพ่นลาวาไฟใส่โพรงถ้ำจนฉ่ำเยิ้ม เธอสวมกอดกายแกร่งไว้แน่นมือ ราวกับกลัวเขาจะหายไป“ฉันมีความสุขเหลือเกิน”“ผมก็เหมือนกัน” เขายังเหนื่อย ลมหายใจเขาอุ่นจัดเลยทีเดียว แต่มันช่วยกระตุ้นอารมณ์เธอได้ไม่น้อย“ฉันจะทำให้คุณมีความสุขมากที่สุด จนคุณลืมฉันไม่ได้เลยล่ะ” หญิงสาวพลิกร่างขึ้นนั่งคร่อมบนกายแกร่ง จับมังกรแทรกใส่ในกลีบกุหลาบสวย เธอกดสะโพกลงจนแนบแน่น แล้วขยับโยกไม่หยุดหย่อน“อืม...ดีจัง...พิมจ๋า”“ห้ามลืมฉันนะ”
“อะ...” พิมาลาอ้าปากหวอ ลืมหายใจไปชั่วขณะ แต่ในหัววิ่งวุ่นไปหมด เธอคิดไม่ออกเลยว่าจะทำอะไรต่อไปหลังจากวินาทีนี้ “คะ.....คือ...”“ทำไม? รู้จักกันหรือวะ”เพื่อนเขาถามด้วยความแปลกใจ“อือ...รู้จัก” เขาจ้องเธอด้วยสายตาดุเดือด เหมือนว่าจะฆ่าเธอได้อย่างนั้นแหละ หากเธอไม่หันหลังแล้วเปิดประตู วิ่งหนีออกมาซะก่อนปัง!พิมาลากลับเข้าห้องประจำของตัวเอง ด้วยสีหน้าซีดเซียวเหมือนคนป่วยหนัก และหัวใจที่เต้นรัวเหมือนจะระเบิดออกมา“ทำไงดี...เราจะทำยังไงดี...ทำไมต้องเป็นแบบนี้ด้วย...ทำไม!!!”ทำไมเธอต้องเจอเขาในที่แห่งนี้...ผู้ชายที่ไม่ควรรู้ว่าเธอคือโรสทำไม????หญิงสาวรีบออกจากเล้าหรู ขับรถมุ่งหน้ากลับกรุงเทพฯ เธอไม่อยากจะคิดเลยว่าชีวิตหลังจากนี้ของเธอจะเป็นอย่างไร ในเมื่อความลับของเธอจะไม่เป็นความลับอีกต่อไป“ชีวิตฉันต้องพังแน่ ๆ”เธอตัดสินชีวิตของเธอโดยทันที เพราะเธอไม่คิดว่าพลวัตรจะปล่อยผู้หญิงที่ทำให้บิดาของเขาเจ็บป่วยขนาดนี้ไปแน่ ๆ แม้ไม่ใช่ฝีมือของเธอก็ตาม การที่เขาไปที่นั่น ก็เพื่อจะพบกับโรส“ไม่น่าเลย ถ้าเขารู้ว่าเราทำงานอะไรอยู่ เขาต้องไม่ให้อภัยเราแน่” เพราะถ้าเป็นเธอก็คงไม่ให้อภัยเขาเหมือนกัน
เขาเล้าโลมเธอไปทั้งตัว จนเธอทนไม่ไหว ลุกขึ้นทำให้เขาบ้างเป็นครั้งแรก ใช้ลิ้นกับของ ๆเขาอย่างช่ำชอง จนทำให้เขารู้สึกดีไม่น้อย“พิม...อ่า...” จากนั้นทั้งคู่ก็ร่วมรักกันอีกสองรอบ ก่อนจะพากันเข้าสู่ห้องน้ำ จัดการชำระคราบใคร่ตัณหาจนสะอาดเอี่ยม ชายหนุ่มอยากจัดเธออีกรอบในห้องน้ำ แต่หญิงสาวห้ามไว้...“สายมากแล้วค่ะ เดี๋ยวไปทำงานไม่ทันนะ”“จริงด้วย” เขาใส่เสื้อผ้าชุดเดิมของตัวเอง ตั้งใจจะแวะไปเปลี่ยนเสื้อผ้าที่คอนโดก่อนไปกองถ่าย“พิมไปส่งคุณที่คอนโดนะคะ”เธอกอดคลอเคลียแฟนหนุ่มออกจากห้อง เขาเองก็กอดสะเอวเธออย่างสนิทสนม ขณะเธอจัดการล็อคห้องอยู่นั่นเอง ประตูห้องข้าง ๆก็เปิดออกมา พลวัตรตกใจมากที่เห็นพิมาลาและเพื่อนสนิทออกจากห้องมาด้วยกันในตอนเช้าแบบนี้วิศวะเองก็ตกใจและอึ้งไปหลายวินาทีทีเดียว นั่นเพราะเขาไม่รู้มาก่อนว่าเพื่อนรักซื้อห้องติดกับแฟนสาวของเขา เพราะเธอเองก็ไม่ได้เล่าให้ฟัง“ไอ้วัตร!”พิมาลาหันไปมองพลวัตร “อ้าว กลับมาแล้วเหรอ?”พลวัตรหน้าซีดเผือด พูดอะไรไม่ออก จึงเลือกที่จะเดินนำทั้งคู่ไปยังหน้าลิฟต์ ทั้งสามไม่คุยกันอีกเลย กระทั่งเข้าไปในลิฟต์แล้ว“ไม่ยักรู้ว่า...”“เราคบกันอยู่” วิศวะปก
“คืนนี้ว่างมั้ย ไปซ้อมบทกันหน่อยดีมั้ย”“ไม่ว่างค่ะ”เขาทำหน้าผิดหวัง “หรืออว่าคุณไม่อยากได้บทนั้นแล้ว”“ไม่อยากค่ะ” เธอยิ้มอย่างรู้ทัน “พอเถอะค่ะคุณยุทธ พิมรู้แล้วนะว่ามีคนไปแคสบทนี่ตั้งหลายคน”“แต่ไม่มีใครสู้คุณได้สักคนเลยนะพิม”“พิมควรจะภูมิใจใช่มั้ย”“คุณเจ๋งที่สุดแล้ว” เขาล่ะอยากจะแตะเนื้อต้องตัวเจ้าหล่อนจริง ๆ หากไม่กลัวใครจะเห็นเข้า “คืนนี้เมียผมไปถ่ายละครต่างจังหวัด มะรืนถึงจะกลับ ผมว่า...”“ไม่ดีกว่าค่ะ พิมไม่อยากเล่นหนังเรื่องนั้นแล้ว” เจ้าหล่อนยิ้มอย่างยั่วยวนใส่เขาอย่างจงใจจะให้เขาอารมณ์กระเจิง “พิมคิดว่าบทโสเภณีมันยากไปสำหรับพิมน่ะค่ะ คุณหาคนใหม่ที่เหมาะกว่านี้ดีกว่า”แล้วเจ้าหล่อนก็เดินจากมา อย่างไม่รู้สึกเสียดายโอกาส เธอยังอยากเป็นดาราอยู่นะ แต่ไม่จำเป็นต้องเอาตัวเข้าแลกเพื่อให้ได้งานใช่มั้ย?“พิมจัดการเรื่องซื้อที่กับดาวน์รถกระบะให้แล้วนะ”เธอโทรศัพท์หาบิดา ขณะนั่งอยู่หลังพวงมาลัยเหล็ก ในรถเก๋งคันงามของตัวเอง“ไม่ต้องห่วงเรื่องผ่อนหรอก ขอเวลาอีกสักเดือน พิมจะโปะให้หมดเลย”“เอ็งเล่นหนังเรื่องเดียว ทำไมถึงได้เงินเยอะแยะขนาดนั้น”“เอาอีกแล้ว ชอบสงสัยไม่เข้าเรื่อง หนูเล่นห
“ไอ้...นาย...” เธอไม่อยากจะเชื่อเลยว่าจะได้เห็นนายพลวัตรที่นี่ ไอ้นักเลงบ้านนอกที่เกะกะระรานคนไปเรื่อยนั่นเหรอ เขามาทำอะไรที่นี่“แก ๆ เห็นปะ? คนที่เดินมากับโปรดิวเซอร์อ่ะ เขาเป็นคนเขียนบทหนังเรื่องนี้ล่ะ เท่นะ ฉันชอบเขาอ่ะ” บุษบงกชเล่าพลางบิดเนื้อบิดตัวด้วยความขวยเขิน แต่ข้อมูลที่ออกมาจากปากของเธอ ทำให้พิมาลาอึ้งไปหลายวินาทีทีเดียว“เขียนบทเหรอ?”“ใช่ เห็นว่าเป็นเพื่อนสนิทกับโปรดิวเซอร์ด้วยนะ อ่อ ตอนนี้ทุกคนก็รู้กันหมดแล้วนะ ว่าคุณวิศวะเป็นลูกชายของเจ้าของบริษัท เขาก็เลยสามารถเอาใครออกก็ได้ แล้วก็สามารถตัดสินใจได้ทุกเรื่อง เพราะเป็นนายทุนเองไงล่ะ”พิมาลาอึ้งไปอีกรอบ “อ๋อ...เหรอ นึกแล้วเชียว”วิศวะคุยกับพลวัตรอย่างสนุก ก่อนจะตวัดสายตามามองหญิงสาว สายตาอ่อนหวานส่งสัญญาณมาถึงเธอเต็ม ๆ เธอก็อยากจะส่งสายตาหวานคืนไปหรอกนะ หากไม่ติดว่ากำลังโกรธ เรื่องที่เขาปิดบังเธอไว้“เป็นถึงลูกชายเจ้าของบริษัทเชียวเหรอ” ส่วนอีกคนก็ “เขียนบทหนัง เออสิ...ทุกคนสามารถเป็นอะไรได้ทั้งนั้น และไม่จำเป็นต้องบอกใครด้วย”เธอก็ไม่ต่างจากสองคนนั้น ที่มีความลับของตัวเอง ไม่อยากให้ใครรู้ เพราะฉะนั้น เธอไม่ควรจะโกรธคนรั
“สิบห้าล้าน”“ห๊า” เธออ้าปากเป็นรูปตัวโอ “คุณไปเอาเงินมาจากไหน”“ถึงผมจะขี่มอเตอร์ไซค์ ไม่ได้ใช้ของแบรนด์เนม แต่ผมก็ลูกคนมีเงินนะ คุณ เห็นหน้าตาเถื่อน ๆ บ้าน ๆ แบบนี้ ไฮโซนะจะบอกให้”“จริงอ่ะ”“ผมจะโกหกคุณทำไม” เขาเข้ายืนซ้อนหลังเธอแล้วสวมกอดเธอไว้แน่น จนทำให้เธอรู้สึกอบอุ่นอย่างบอกไม่ถูก “ถึงผมจะไม่ค่อยถูกกับป๊าผมเท่าไหร่ ไม่ใช่ลูกรัก อาจไม่ได้มรดก แต่ผมก็ทำงานเก่งนะ มีปัญญาเลี้ยงเมียเลี้ยงลูกละกัน”“หืม...นี่เราเพิ่งตกลงจะคบกันเอง เอาเงินมาล่อซะแล้ว”“ก็อยากให้แน่ใจไงว่าไม่ลำบากแน่นอน”เธอยิ้มอย่างมีความสุข “ปล่อยได้แล้ว”“ไม่เอา”“ฉันจะกลับแล้ว”“จะรีบไปไหนเล่า”“ถ้าไม่รีบกลับ มีหวัง ฉันเสร็จคุณแน่” เจ้าหล่อนแกะมือชายหนุ่มที่รัดหน้าท้องแบนราบของเธอออก แล้วหันมาเผชิญหน้า ด้วยสายตาอ่อนโยน “ฉันอยากคบกับคุณไปนาน ๆ ไม่อยากคบเล่น ๆ เข้าใจมั้ย?”“เข้าใจน่า” เขาลูบศีรษะเธออย่างทะนุถนอม “พรุ่งนี้คุณกลับไปทำงานนะ”“ห๊า...ว่าไงนะ”“กลับไปทำงานไง เราจะได้เจอกันที่กองถ่ายทุกวันเหมือนเดิม กลับไปคราวนี้ห้ามทำนมหกยั่วผู้ชายอีกนะ”หญิงสาวหัวเราะสดใส สวมกอดชายหนุ่มผู้เป็นที่รัก ด้วยความรู้สึกอิ่มเอม