Se connecterภายในห้องทำงานของท่านรองประธานหนุ่ม ดูเหมือนว่าเวลานี้ชายหนุ่มกำลังตึงเครียด เมื่อเขาไม่ต้องการให้ที่ตรงนั้นกลายเป็นคอนโด ที่สำคัญคำบอกเล่าของเผด็จ ยิ่งทำให้ตุลารู้สึกโมโหชยา เขาใช้วิธีสกปรกหลอกล่อทุกคนให้ออกไปกับพื้นที่ แถมยังพูดให้ตัวเองดูดี ขณะที่ทุกคนมองบิดาของเขาเป็นเพียงแค่ คนบาปในคราบนักบุญ
"ฮัลโหล ฉันมีเรื่องขอความช่วยเหลือจากนาย" ตุลาตัดสินใจโทรหาซันนี่ เพื่อนสนิทของเขา ซึ่งคนทั้งคู่ได้เรียนต่อปริญญาโทด้วยกันที่อังกฤษ
"มีอะไรให้ผมรับใช้ครับท่านรองประธาน" เสียงทุ้มของชายหนุ่ม พูดออกมาตามสายอย่างอารมณ์ดี โดยที่ไม่รู้ว่าตุลากำลังนั่งเครียด เมื่อเขาต้องการให้โครงการนี้ยุติลง
"ฉันอยากให้นายช่วย ไปปลุกระดมทุกคนที่อาศัยอยู่หน้าโรงงานเฟอร์นิเจอร์ ให้พวกเขาต่อต้านโครงการสร้างคอนโด"
"เฮ้ย! นายจะทำกับคู่แข่งทางธุรกิจ ด้วยวิธีแบบนี้ไม่ได้นะตุลา ฉันว่ามันไม่แฟร์" ซันนี่รีบพูดแย้งเพื่อนรักขึ้นมาทันที เพราะเขาคิดว่าวิธีการแบบนี้ มีเพียงแค่นักธุรกิจมือสมัครเล่นเท่านั้นที่ทำกัน
"คู่แข่งที่ไหน พื้นดินแห่งนั้นมันเป็นที่ของพ่อฉันเอง และที่สำคัญโครงการนี้มันก็เป็นบริษัทของฉัน"
"ฮ่ะ! แล้วเราจะทำแบบนี้ไปเพื่ออะไร หรือว่านายเรียนหนักจนสมองกลับแล้ว" ซันนี่พูดเป็นเชิงติดตลก ทั้งที่เรื่องราวทั้งหมดกำลังซีเรียส "ฉันต้องการเอาคืนนายชยา วันนี้ตอนเย็นฉันต้องไปทานข้าวกับเขา เดี๋ยวจะส่งโลเคชันไปให้ นายว่างใช่ไหม ออกมาพบฉันหน่อยสิเดี๋ยวจะเล่าแผนการให้ฟัง ไม่อยากคุยผ่านมือถือมันไม่สะดวก" ชายหนุ่มพูดแกมบังคับออกมา เพราะเวลานี้ตุลากำลังคิดว่า มีเพียงซันนี่คนเดียวที่ช่วยเขาได้
"ถ้าฉันตอบกลับไปว่าไม่ว่าง ทั้งที่นายปูทางมาซะขนาดนั้น ต่อให้เมียกำลังจะคลอดลูก ฉันก็คงต้องไปตามที่นายได้นัดเอาไว้หรือเปล่าวะ" ซันนี่พูดออกมา เป็นเชิงประชดประชันเพื่อนนิดหน่อย เมื่อเขาถูกตุลามัดมือชกแบบนั้น
"แล้วเจอกัน"
"อืม...โอเค บ๊าย บาย" เมื่อชายหนุ่มวางสายจากเพื่อนรัก ใบหน้าอันหล่อเหลาของเขาเริ่มที่จะมีแววกังวลขึ้นมาอีกครั้ง ถ้าหากเรื่องนี้ถึงหูมารดา เขาเองก็ไม่รู้ว่าจะเป็นอย่างไร ผู้เป็นบิดาจะสามารถอธิบายให้มารดาเขาเข้าใจได้หรือไม่ ถ้าหากฮันน่ารู้ว่าสามีกำลังจะทำให้คนไร้บ้าน ขณะที่ตัวเองนั้นกำลังจะได้กำไร บนความทุกข์ของผู้อื่น
~ตอนเย็นหลังเลิกงาน~
ชายหนุ่มที่มีรูปร่างสูงใหญ่ ใบหน้าของเขาดูหล่อเหลาคมคาย เป็นที่ต้องตาตรึงใจของหญิงสาวทุกคน ตุลาก้าวเข้ามาภายในร้านอาหารหรู ซึ่งเป็นที่นัดหมาย ระหว่างเขากับชยา แต่พอมาถึงชายหนุ่มถึงกับแปลกใจ เพราะมีหญิงสาวนั่งอยู่ข้างๆ ชายวัยกลางคน เธอแต่งตัวเปรี้ยว สวยในลุคเซ็กซี่ ซึ่งถ้าหล่อนตั้งใจแต่งมาเพื่อยั่วตุลามันคงไม่ได้ผล เพราะนั่นไม่ใช่สเปกของชายหนุ่ม เมื่อเขาชอบผู้หญิงแต่งตัวเรียบร้อย ที่สำคัญใบหน้าไม่จำเป็นต้องแต่งแต้ม ถ้าเป็นไปได้เขาชอบมองหน้าสดของผู้หญิงมากกว่า
"สวัสดีครับคุณชยา" ตุลาพูดทักทายพร้อมกับยกมือขึ้นไหว้ตามมารยาท ในขณะที่ชายวัยกลางคน ก็รีบยกมือขึ้นรับไหว้ พร้อมกับฉีกยิ้มกว้างให้กับชายหนุ่ม
" เชิญนั่งสิตุลา ไม่เจอกันแค่ไม่กี่ปี ดูหลานหล่อเข้มเป็นผู้ใหญ่ขึ้นมาก อ้อ..นี่บุษบา ลูกสาวอาเอง บุษนี่คุณตุลารองประธานบริษัทที่พ่อเล่าให้ฟัง" ดูเหมือนว่าชยาจะตั้งใจพาลูกสาวมาเจอกับตุลา เพราะดูจากการแต่งตัวของบุษบา ที่จัดหนักจัดเต็มขนาดนั้น
"ยินดีที่ได้รู้จักค่ะคุณตุลา" หล่อนพูดพร้อมกับยื่นมือออกมา เพื่อจะเช็กแฮนด์กับตุลา ทั้งที่บิดามารดาเป็นคนไทยแท้ แววตาของบุษบาช่างดูเย้ายวน เมื่อหล่อนตั้งใจที่จะทอดสะพานอยากให้ตุลาเดินข้ามมาหาเต็มที ชายหนุ่มยื่นมือออกไปแตะเบาๆ ขณะที่หญิงสาวนั้นพยายามลูบไล้เพื่อให้เขาเข้าใจในเจตนาของเธอ
"ยินดีที่ได้รู้จักนะครับคุณบุษบา เอาเป็นว่าเรามาคุยเรื่องงานกันต่อเลยดีไหมครับคุณชยา" ตุลาเอ่ยขึ้นอย่างมีมารยาท ซึ่งประโยคเหล่านั้นก็แฝงความเฉยชาเอาไว้ พอที่จะทำให้ชยาได้ทราบ เพราะดูจากอาการของชายหนุ่ม เขาไม่มีท่าทีจะสนใจบุษบาเลยแม้แต่น้อย
"เรื่องงานก็ไม่มีอะไรมากหรอก อาแค่อยากให้หลานช่วยเสนอไอเดียใหม่ๆ แบบที่สถาปนิกส่งให้นั้น เราควรจะปรับปรุงตรงไหนหรือเปล่า" ชยาพูดออกมาเหมือนกับว่าตุลา รู้เห็นเป็นใจกับโครงการที่เขากำลังจะสร้าง เมื่อโปรเจกต์นี้มันไม่เคยอยู่ในหัวของชายหนุ่มเลยสักนิด และเขาก็คิดว่ามันไม่มีทางเกิดขึ้นได้
"ผมขอกลับไปศึกษารายละเอียดทั้งหมดก่อนนะครับ ส่วนเรื่องการออกแบบนั้นน่าจะเชื่อใจสถาปนิก เพราะการแก้ไขแบบ แต่ละครั้งมันใช้เวลามากพอสมควร ที่สำคัญควรคำนึงถึงความมั่นคงปลอดภัยของผู้อยู่อาศัยเป็นหลักด้วย" คำพูดของตุลาทำให้ชายวัยกลางคนหน้าเจื่อนลงไปนิดหนึ่ง เมื่อชายหนุ่มมีความคิดไม่ต่างไปจากบิดาของเขา ซึ่งมีนักธุรกิจไม่กี่คน ที่จะให้ความสำคัญของผู้บริโภคเป็นหลัก แม้ว่าผลประโยชน์ที่ได้รับ จะเพียงแค่น้อยนิดก็ตามที
"โอเค พอดีอามีธุระต้องไปต่อ ตุลาทานข้าวกับบุษต่อเลยนะ พ่อฝากลูกดูแลเทคแคร์คุณตุลาด้วยนะบุษ"
"ได้ค่ะพ่อ" พูดจบนายชยาก็เดินออกไป เพราะเขาตั้งใจอยากจะให้ลูกสาวสานความสัมพันธ์กับตุลา บุษบาได้สั่งไวน์มาสองแก้ว
"ถ้าคุณไม่รังเกียจ บุษขอดื่มให้กับมิตรภาพของเรานะคะ ชนแก้วค่ะ" ชายหนุ่มยอมทำตามในสิ่งที่หญิงสาวร้องขอ เขาค่อยๆ จิบไวน์ลงคอ
ในขณะที่หญิงสาวตรงหน้ามองเขาด้วยแววตาเย้ายวน หล่อนเอามือปัดผมไปด้านหลัง เผยให้เห็นร่องอกลึกขาวอวบ ซึ่งเวลานี้มันล้นขอบบราออกมาจนเห็นเนินอกนูนอวบอิ่มอย่างชัดเจน
"คุณตุลาเก่งจังเลยนะคะ ได้ดำรงตำแหน่งเป็นถึงรองประธานบริษัทอสังหาริมทรัพย์รายใหญ่ของประเทศ อีกไม่นานคงจะขึ้นแท่นรับ ตำแหน่งของท่านประธาน มีอะไรให้ช่วยก็เรียกบุษได้นะคะ บุษเต็มใจช่วยคุณตลอดยี่สิบสี่ชั่วโมง"
หญิงสาวพูดพร้อมกับฉายแววตาเย้ายวนออกมา พร้อมกับพยายามนั่งแอ่นหน้าอกเด้งขึ้น เพื่อให้เห็นส่วนเว้าส่วนโค้งของเนินอกอย่างชัดเจน ก่อนจะใช้มือลูบลงไป ที่หลังมือของชายหนุ่ม หล่อนใช้นิ้วเขี่ยเบาๆ เหมือนกับจะบอกเรื่องราว ให้ตุลาได้ทราบในสิ่งที่บุษบาต้องการ เมื่อหญิงสาวมีเจตจำนง อยากรวบหัวรวบหางเขาเต็มที ทั้งที่เพิ่งเจอกันไม่กี่นาทีด้วยซ้ำไป
ตุลาจะรู้หรือเปล่าว่าคำพูดของเขา กำลังทำให้ใบหน้าขององุ่นร้อนผ่าว จังหวะการเต้นของหัวใจของเธอนั้นแรงขึ้นกว่าเดิมด้วยซ้ำ เมื่อความใกล้ชิดที่เกิดขึ้น กำลังส่งผลให้หัวใจของเธอละลาย โดยเฉพาะประโยคสุดท้าย เธอก็พอจะเดาได้ว่าเขาหมายถึงใคร "ฉันไม่สนใจหรอกนะเรื่องสถานะของคุณ คุณจะโสดจะมีเมียมีลูกกี่คนมันก็ไม่เกี่ยวกับฉันสักหน่อย ปล่อยฉันได้แล้วค่ะคุณตุลา" "คุณตกลงเป็นแฟนผมก่อนสิ ไม่อย่างนั้นเราก็ผมจะนอนกอดคุณไว้อย่างนี้ทั้งคืนเลย" "เฮ้ย! แบบนี้ก็ได้เหรอ นี่มันคือการมัดมือชกชัด ๆ คุณจะใช้วิธีเผด็จการแบบนี้กับฉันไม่ได้หรอกนะ เพราะตรงนี้มันคือหัวใจไม่ใช่ธุรกิจของคุณ" องุ่นพูดออกมาด้วยน้ำเสียงที่ยืนกราน พร้อมกับชี้ลงไปที่อกข้างซ้าย ก่อนจะเงยหน้าขึ้นมาสบตากับชายหนุ่ม ทันใดนั้นเองเมื่อดวงตาของคนทั้งคู่ประสานกัน ความนัยที่มีก็ถูกเปิดเผยขึ้นมาทันที ต่างคนต่างก็เฝ้ารอคอยที่จะพบกัน "แค่การตกลงปลงใจเป็นแฟนกับผม ทำให้คุณต้องฝืนใจขนาดนั้นเลยเหร
พอหญิงสาวก้าวเท้าเข้ามาในห้อง ทำให้องุ่นรู้สึกตื่นตาตื่นใจ กับไลฟ์สไตล์การตกแต่งห้องของชายหนุ่มที่ดูวินเทจ แต่ก็ผสมผสานความเป็นสมัยใหม่เข้าไปด้วย ทำให้ดูอบอุ่นผ่อนคลายมีกลิ่นอายของความคลาสสิค จึงทำให้ห้องของเขาน่าอยู่มากขึ้น "มีใครอยู่ไหมคะ ฉันเอาข้าวมาส่งค่ะ วางไว้ตรงนี้นะ ฉันกลับแล้วนะคะ" องุ่นพูดพร้อมกับวางปิ่นโตลงที่โต๊ะอาหาร ก่อนจะกวาดสายตามองไปรอบ ๆ ห้องอีกครั้ง แต่ก็ไม่พบใคร "ไม่อยู่ยังจะนัดให้เอาข้าวมาส่งอีก แกล้งฉันหรือเปล่าเนี่ย" องุ่นพูดพึมพำออกมาพร้อมกับทำหน้างอน ทั้งที่ความเป็นจริงแล้ว เธอไม่มีสิทธิ์ที่จะคิดน้อยใจด้วยซ้ำไป เขาจะอยู่ห้องหรือไม่อยู่มันก็ไม่เกี่ยวกับเธอสักหน่อย หน้าที่ของเธอคือการมาส่งข้าวให้เขาแล้วก็กลับทำไมต้องคิดหนักอยากเจอเขาด้วย หมับ!! "ว้าย!" องุ่นร้องอุทานออกมาด้วยความตกใจ เมื่อข้อมือเรียวของเธอถูกชายหนุ่มดึงเข้าหา ในขณะที่ใบหน้าของ
องุ่นอ่านข้อความด้วยหัวใจที่เต้นแรง เมื่อประโยคสุดท้ายที่เขาระบุเอาไว้นั้น กำลังทำให้เธอหน้าแดง หญิงสาวไม่รู้ว่าตุลากำลังล้อเล่นกับความรู้สึกเธออยู่หรือเปล่า แต่ที่แน่ ๆ ข้อความเหล่านั้นกำลังทำให้หัวใจของเธอพองโต แม้จะยังไม่แน่ใจในความหมายของมัน แต่เธอคงไม่มีสิทธิ์หลีกเลี่ยงกับดอกเบี้ยที่ตุลาควรได้รับ"พี่องุ่น พี่ไม่สบายหรือเปล่าจ๊ะ ป้าปรางให้มาเรียกมีออเดอร์เพียบเลยจ้ะ" เสียงของผักบุ้งดังขึ้นทำให้องุ่นรีบเก็บธนบัตรและกระดาษโน้ตไว้ในกระเป๋ากางเกงทันที "พี่แค่มาเข้าห้องน้ำเฉย ๆ จะออกไปเดี๋ยวนี้แหละจ้า" วันนี้ทั้งวันจิตใจขององุ่นไม่อยู่กับเนื้อกับตัว บางครั้งก็ทำออเดอร์ผิด ลูกค้าสั่งผัดกะเพราแต่ได้ผัดผักแทนก็มี ยิ่งไปกว่านั้นคือลูกค้าสั่งแกงจืดแต่ได้ต้มยำมาแทน "องุ่นตั้งแต่กลับมาจากส่งข้าวที่โรงงาน หนูเป็นอะไรทำไมใจลอยจัง" มารดาเดินเข้ามาหาลูกสาว หลังจากเวลาผ่านไป ซึ่งตอนนี้ร้านปิดร
"ฉันไม่มีเวลามานั่งเล่นขายของกับคุณหรอกนะ มื้อนี้ถือว่าฉันเลี้ยงคุณก็แล้วกัน" "เดี๋ยว!" เมื่อองุ่นไม่ฟังคำสั่งของตุลา จึงทำให้เขารู้สึกหงุดหงิดที่ไม่สามารถบังคับเธอได้ ชายหนุ่มจึงเผลอตะคอกมาเสียงดัง จนทำให้เธอไม่กล้าที่จะเปิดประตูก้าวออกไปจากห้อง "อะไรอีก... เวลาของฉันเป็นเงินเป็นทองนะคุณ ไม่อยากได้เงินคืนหรือไง จะรีบไปหาเงินมาใช้หนี้ มีอะไรก็รีบพูดมา" ในที่สุดองุ่นก็ยอมหันกลับมาพูดกับเขา แต่ทว่าความเป็นจริงแล้ว ภายใต้ข้ออ้างที่เธอใช้คำว่าลูกหนี้ เนื่องจากเธออยากออกไปให้พ้นจากห้องนี้ เพราะว่าหญิงสาวยังรู้สึกตื่นเต้นไม่หาย ไม่รู้ว่าทำไมเวลาอยู่ใกล้เขาแล้วหัวใจของเธอยิ่งเต้นแรง ซึ่งมันไม่เคยเกิดขึ้นกับผู้ชายคนไหนมาก่อนเลยในชีวิต "ก็แล้วทำไม คุณหายใจเข้าหายใจออกต้องมีแต่เงินด้วยล่ะ ผมยังไม่ได้ถามหนี้คุณเลยนะ" "คุณไม่ถามแต่ฉันร้อนตัว ในเมื่อฉันเป็นหนี้คุณจริงๆ มันก็ไม่จำเป็นที่จะต้องเก๊กไว้นี่ จริงไหม" "แล้วถ้าดอกเบี้ย ผมขอคิดเป็นอย่างอื่นคุณจะว่ายังไง" ชายหนุ่มพูดพร้อมกับฉาย
ตุลาจอดรถอยู่ตรงนั้นเป็นชั่วโมงก็ไม่รู้สึกเบื่อ ก่อนจะเหลือบมองดูนาฬิกาที่ข้อมือ ตอนนี้ใกล้เวลาแปดโมงเช้าแล้ว เขาจึงตัดสินใจขับรถเข้าไปภายในโรงงาน เพื่อเตรียมตัวทำตามแผนที่วางเอาไว้ พอชายหนุ่มเดินเข้ามาในห้องทำงาน เขานั่งใช้ความคิดอยู่สักพัก จึงตัดสินใจ ยกโทรศัพท์โทรออกหาเลขาสาวในทันที เพื่อทำตามแผนการที่วางเอาไว้ทั้งคืน "ได้ค่ะคุณตุลา รอสักครู่นะคะ เดี๋ยวน้ำตาลจะจัดการให้ค่ะ" "อย่าลืมนะครับ คนที่จะมาส่งอาหารต้องเป็นผู้หญิงที่ชื่อองุ่นเท่านั้น" น้ำเสียงเข้มของตุลาทำให้เลขาสาวรู้สึกแปลกใจ ทำไมเขาจะต้องเจาะจงคนมาส่งอาหารด้วย แต่เธอก็ไม่กล้าถามเจ้านายหนุ่มออกไป ชายหนุ่มนั่งไม่ติด เมื่อเขากำลังนึกถึงใบหน้าขององุ่นตลอดเวลา ซึ่งตุลาไม่รู้ว่าเงื่อนไขของเขาจะสามารถทำให้หญิงสาวยอมทำตามได้หรือเปล่า แต่เขาก็ไม่มีทางเลือก เพราะนี่มันคือทางเดียวที่จะทำให้เธอเดินเข้ามาหาเขาได้ โดยที่เธอนั้นไม่สามารถโต้แย้งใด ๆ
"สวัสดีครับแม่ ธันวาขอตัวไปอาบน้ำก่อนนะครับร้อน ถ้าพี่ตุลาชอบดื่มน้ำส้มก็ดื่มแก้วนั้นไปด้วยสิ" ธันวาพูดจบก็เดินออกไปทันที ปล่อยให้มารดากับพี่ชายมองหน้ากันและส่ายศีรษะไปมาให้กับความเอ็นดูเหตุตัวธันวา "พ่อยังไม่กลับเหรอครับแม่" ตุลาพูดพร้อมกับหยิบน้ำส้มอีกแก้วขึ้นมาดื่ม "ยังเลยเห็นบอกว่าจะกลับดึก" ผู้เป็นมารดาพูดออกมาด้วยใบหน้าที่เป็นกังวล เมื่อนึกถึงคำพูดของอีธานที่เขากำลังจะพยายามจับคู่ให้กับลูกชาย "แม่ครับเรื่องโครงการสร้างคอนโดหน้าโรงงานเฟอร์นิเจอร์ แม่ช่วยพูดให้พ่อยุติโครงการนี้ได้ไหมครับ" น้ำเสียงของตุลาดูมีความกังวลมาก เมื่อชายหนุ่มนึกถึงผลกระทบของทุกคนในชุมชน โดยเฉพาะองุ่นที่เขาเพิ่งจะเจอเธอ ถ้าหากต้องจากกันอีกครั้ง เขาก็ไม่รู้ว่าอีกนานไหมถึงจะสามารถ ตามหาเธอเจออีกครั้ง "เรื่อง







