เมื่อย่างเข้าสู่ฤดูหนาวบรรยากาศก็เริ่มเย็นสบาย ท้องฟ้าปลอดโปร่ง ดูสงบ แต่สำหรับนักเขียนสาวที่มีโลกส่วนตัวสูงอย่างแก้ม ภูริตา นั้นกลับเป็นวันที่แสนจะวุ่นวายและเหน็ดเหนื่อย เพราะต้องขนของเข้าที่อยู่ใหม่ สาเหตุเนื่องจากที่อยู่เก่าเสียงดัง วุ่นวาย ทำให้ไม่มีสมาธิในการเขียนนิยาย
“เฮ้ยย เหนื่อย กว่าจะเสร็จ รู้ยังงี้ให้คนมาช่วยก็ดี” เสียงบ่นของนักเขียนสาวที่พึ่งจัดห้องใหม่เสร็จแล้ว หลังจากพักเหนื่อยก็หยิบโทรศัพท์รายงายแม่บังเกิดเกล้าด้วยน้ำเสียงเหนื่อยออ่อน
“ฮัลลโหลแม่ แก้มย้ายของและจัดห้องเสร็จแล้วนะ” บอกมารดาด้วยเสียงเหนื่อยๆ
“เป็นไงล่ะเหนื่อยละสิ แม่บอกแล้วว่าจะไปช่วยก็ไม่ยอม" เสียงบ่นมาตามสาย
“ไม่เหนื่อยมากหรอกแม่ อีกอย่างไม่อยากรบกวนแม่ด้วย”
“ยะ แล้วที่ใหม่เป็นไงมั้ง โอเคไหม”
“โอเคเลยแม่ เงียบสงบ ปลอดภัย บรรยากาศดี ราคาก็โอเค เหมาะกับการทำงานของแก้ม"
“อืม ๆ แล้วจะกลับบ้านวันไหน แม่จะได้เตรียมของโปรดไว้ให้” พูดด้วยน้ำเสียงห่วงใย
“น่าจะช่วงปีใหม่อ่ะแม่”
“โอเคๆ งั้นแกก็พักผ่อนเถอะ เดี๋ยวปีใหม่เจอกัน”
“ค่ะ สวัสดีค่ะแม่” หลังจากวางสายมารดาบังเกิดเกล้า สาวนักเขียนก็เริ่มเข้าครัวหาอะไรกินด้วยเมนูง่ายๆ ที่กินประจำ อย่างข้าวไข่เจียว หลังจากกินข้าวจนอิ่มท้องแล้ว ก็นึกได้ว่ายังไม่ได้ซื้อของเข้าห้องเลย นักเขียนสาวจึงออกไปซื้อของที่ห้างสรรพสินค้าใกล้คอนโด
หลังจากซื้อของจนครบ ก็แวะเข้าสำนักพิมพ์เพื่อไปหา บก ของสำนักพิมพ์ที่เธอเป็นนักเขียนอยู่นั่นเอง ซึ้งก็ไม่ใช่ใครที่ไหน แต่เป็นเพื่อนสนิทนามว่าพราวฟ้า ลูกสาวเจ้าของสำนักพิมพ์ที่เรียนมาด้วยกันนั้นเอง
“สวัสดีค่ะ บก พราวฟ้าคนสวย” แก้มเปิดประตูห้องทำงานเพื่อนรักแล้วทักทายเสียงสดใส
“ไงยะ ย้ายห้องเป็นไงมั้ง” พราวฟ้าตอบด้วยน้ำเสียงหมั่นไส้
“เอาจริงๆ นะ เหนื่อยมากกกก”
“สมน้ำหน้าฉันจะให้ลูกน้องพ่อฉันไปช่วยก็ไม่ยอม”
“แกกับแม่ฉันนี่พูดเหมือนกันเป๊ะเลยนะ”
“ก็มันจริงนี่ แล้วมาหาฉันนี่มีอะไร ยังไม่ถึงเวลาส่งต้นฉบับนี่” ถามออกไปด้วยความสงสัย
“คืนนี้แกว่างไหม ไปนั่งดื่มเหล้าพร้อมกับนั่งมองผู้ชายกัน เผื่อได้” นักเขียนสาวพูดพร้อมกับขยิบตาใส่เพื่อนรักด้วยใบหน้าทะเล้น
พราวฟ้ากรอกตาไปมาเมื่อเพื่อนรักพูดจบ ว่างไม่ได้เป็นชวนไปดื่มเหล้าไปดูผู้ชาย นี่มันไม่คิดจะหาแฟนไว้ควงแขนไปไหนมาไหนบ้างเลยหรือไงจะได้ไม่ต้องมารบกวนเพื่อนอย่างเธอ อายุก็ไม่ใช่น้อยๆ แล้ว แต่อย่างว่าละนะเห็นชวนไปดูผู้ชายอย่างนี้เถอะ มันก็พูดไปงั้นแหละ คนที่เข็ดที่กลัวความรักอย่างมันเนี่ยนะจะไปดูผู้ชาย พลางคิดในใจว่าผู้ชายแบบไหนกันนะที่จะมาสอยยัยนักเขียนนี่ลงจากคาน
"ตลอดเลยนะแก" พูดด้วยน้ำเสียงน่ารำคาญไปงั้น ยังไงก็ต้องไปกับยัยนี่อยู่ดี เพราะภูริตาคือเพื่อนสนิทคนเดียวของเธอ
“เหอะน่า อย่าบ่น คืนนี้เจอกันที่เดิม 3 ทุ่มนะ ไปเตรียมตัวก่อนละนะ” พราวฟ้าส่ายหัวด้วยความระอากับเพื่อนรัก
เวลา 21.00 น หน้าร้านอาหารกึ่งผับ เมื่อสองสาวเพื่อนสนิทเดินทางมาถึง พร้อมกับจอดรถกันเรียบร้อยแล้ว ต่างก็พากันเดินเข้าข้างในด้วยความเคยชิน โดยนักเขียนสาวใส่เดรสสายเดี่ยวสีเปลือกมังคุด ส่วน บก สาวใส่เดรสสีครีม เมื่อเดินเข้ามาในร้านทำให้เป็นจุดสนใจ เพราะสองสาวมีลักษณะแตกต่างกันคนนึงน่าค้นหาอีกคนก็ดูเฟรนลี่ เมื่อมาถึงโต๊ะสองสาวก็เริ่มสั่งอาหารพร้อมคุยกันด้วยเรื่องสัพเพเหระ
อีกฟากบนชั้นสองของร้านอาหาร ห้องกระจกวีไอพีที่สามารถมองไปได้ทั่วร้านแต่ข้างล่างไม่สามารถมองเห็นข้างบนในห้องได้ ซึ้งเป็นห้องของปราชญ์เจ้าของร้านอาหารกึ่งผับนี้ โดยมีไว้สังสรรค์กับเพื่อนที่สนิทมากๆ หรือคนสำคัญมากๆ และตอนนี้ก็มีเพื่อนที่สนิทมากอย่างพีระวัฒน์อยู่ด้วย
“มึงมองอะไรว่ะไอ้เป็ก เห็นมองอยู่นานแหละ” เมื่อเห็นเพื่อนรักเอาแต่มองไปด้านล่างของร้านจึงเอ่ยถามขึ้น
“ป่าว” ปากปฏิเสธเพื่อนแต่สายตายังไม่ละไปจากที่มองอยู่ ปราชญ์จึงมองตามไป ทำให้เห็นว่าเพื่อนรักมองอะไรอยู่
“นึกว่ามองอะไรที่แท้ก็มองสาว แต่เอ๊ะ นั้นมันยัยพราวฟ้านี่” เมื่อปราชญ์พูดออกมาอย่างนั้น ทำให้พีระวัฒน์หันกลับมามองเพื่อนรัก พร้อมเอ่ยถาม
“มึงรู้จักเขาด้วยเหรอ” ถามเพื่อนรักด้วยความสงสัย
“รู้จักดีเลยแหละ ก็ยัยนี่แหละที่แม่ฉันจะให้แต่งงานด้วย” ปราชญ์บอกเพื่อนรักพร้อมกระดกเหล้าเข้าปากไปด้วย
“คนไหน” พีระวัฒน์ถามเพื่อนรักอย่างลุ้นๆ ว่าใช่คนเดียวกับที่เขาเล็งไว้ไหม
“คนที่ใส่ชุดสีครีมไง” เมื่อได้ยินเพื่อนรักบอกแบบนั้นทำให้พีระวัฒน์ถอนหายใจอย่างโล่งอกที่เป็นคนละคนกะที่เขาเล็งไว้
“แล้วมึงสนใจคนไหน” ปราชญ์เองก็ถามเพื่อนรักอย่างสนใจใคร่รู้
“ไม่ใช่ว่าที่เมียมึงก็แล้วกัน” บอกเพื่อนรักอย่างอารมณ์ดี เลยได้สายตามองค้อนจากเพื่อนรักมาหนึ่งที
“ยัยแก้มนี่แกกินเหล้าให้มันเบาๆ หน่อย กินเหมือนไม่เคยกิน” บก สาวเตือนเพื่อนรักที่กินเหล้าตั้งแต่ก้นถึงโต๊ะ
“นิดหน่อยเอง ไม่เมาหรอกน่า” บอกเพื่อนรักอย่างอารมณ์ดี
“ถ้าแกเมาฉันจะทิ้งแกไว้ที่นี่ คอยดู" บอกเพื่อนรักอย่างคาดโทษ
“ยัยเพื่อนใจร้ายย เดี๋ยวฉันไปเข้าห้องน้ำแปปนะ” ตัดพ้อเพื่อนรักเสร็จก็บอกว่าจะไปเข้าห้องน้ำ
“ให้ฉันไปเป็นเพื่อไหม”
"ไม่ต้อง สบายมากแค่นี้จิ๊บๆ"
เมื่อพีระวัฒน์เห็นสาวที่หมายปองเดินออกจากโต๊ะและมุ่งตรงไปทางห้องน้ำจึงหันไปบอกเพื่อนรักว่าจะไปเข้าห้องน้ำ พร้อมกับเดินออกมาเลย ทำให้เพื่อนรักอย่างปราชญ์ถึงกับ งง ว่ามันจะไปเข้าห้องน้ำที่ไหนทั้งๆ ที่ห้องนี้ก็มีห้องน้ำ แต่เมื่อหันไปมองด้านล่างแล้วเห็นว่าเหลือหญิงสาวคู่กัดของเขานั่งอยู่คนเดียว ทำให้ปราชญ์พยักหน้าเข้าใจเพื่อนรักว่าทำไมมันถึงไปเข้าห้องน้ำข้างล่าง
ด้านหญิงสาวเมื่อทำธุระส่วนตัวเสร็จก็เดินออกจากห้องน้ำ ซึ่งระหว่างทางโค้งที่จะพ้นห้องน้ำนั้น ก็ได้เดินชนกับชายหนุ่มร่างสูงใหญ่ที่เดินสวนมาเข้าอย่างจัง ทำให้หญิงสาวเซจะล้มดีที่ชายหนุ่มรับไว้ทัน ทำให้นักเขียนสาวตกอยู่ในอ้อมแขนของชายหนุ่มแทน เมื่อเงยหน้าขึ้นก็พบกับชายหนุ่มรูปหล่อ จมูกโด่ง ตาคม ผิวเข้ม แต่เมื่อตั้งสติได้ก็รีบผลักชายหนุ่มออกทันที
“ขอโทษค่ะ” นักเขียนสาวเอ่ยขอโทษพร้อมจะเดินออกมา แต่ก็มีเสียงเรียกไว้ก่อนที่จะได้เดินออกมา
“เดี๋ยวครับ เดินชนผมแล้วแค่ขอโทษอย่างเดียวเองหรอครับ” เมื่อได้ยินแบบนั้นทำให้นักเขียนสาวหลังหลับมามองหน้าชายหนุ่มทันที
“ฉันก็ขอโทษคุณไปแล้วนี่ไง”
“แต่ผมอยากได้มากกว่าคำขอโทษนี่ครับ” ชายหนุ่มบอกอย่างยียวน
“มากกว่าคำขอโทษ แล้วอยากได้อะไรมิทราบ” ถามชายหนุ่มตรงหน้าอย่างมีอารมณ์
“ผมอยากทราบว่าคุณชื่ออะไรครับ ผมพีระวัฒน์หรือจะเรียกว่าเป็กก็ได้ครับจะได้ดูสนิทกัน” ชายหนุ่มแนะนำตัว
“ขอโทษนะค่ะ แต่ฉันคิดว่าไม่จำเป็นค่ะ เพราะเราคงไม่ได้เจอกันอีก ขอตัวนะค่ะ” เธอละเกลียดที่สุดผู้ชายประเภทเจ้าชู้หลีสาวไปทั่วแบบนี้ เมื่อบอกชายหนุ่มเสร็จก็หันหลังเดินออกมาจากตรงนั้นทันที ทำให้หญิงสาวไม่เห็นสายตาคมเข้มที่เขาใช้มองเธอตอนที่เดินออกมา ถ้าหญิงสาวได้เห็นคงต้องรีบหนีให้เร็วและให้ไกลที่สุด เพราะสายตาที่ชายหนุ่มใช้มองนั้นมันเป็นสายตาของราชสีห์ที่ใช้มองเหยื่อที่ตนเองหมายปองและพร้อมจะขย้ำ พีระวัฒน์หัวเราะในลำคอเบาๆ พร้อมบอกกับตัวเองว่าเราจะต้องได้เจอกันอีกแน่นอน
ฝากผลงานักเขียนด้วยนะค่ะ
หลังจากกินอาหารกันเสร็จเรียบร้อยแล้ว ชายหนุ่มก็เรียกพนักงานมาเช็คบิล เมื่อพนักงานบอกราคาเสร็จชายหนุ่มก็หยิบบัตรเครดิตให้พนักงานทันที เมื่อหญิงสาวเห็นดังนั้นก็ยื่นเงินค่าอาหารของตัวเองให้ชายหนุ่ม แต่ชายหนุ่มกลับไม่ยื่นมือมารับเงินที่หญิงสาวยื่นให้ พร้อมบอกกับหญิงสาวว่า"มื้อนี้ผมเลี้ยงเอง" "นายจะมาเลี้ยงฉันทำไม ฉันกับนายไม่ได้เป็นอะไรกันสักหน่อย และอีกอย่างฉันก็ไม่อยากติดหนี้บุญคุณใคร โดยเฉพาะนาย" "เลี้ยงข้าวแค่นี้ ผมไม่คิดเป็นบุณคุณหรอก แต่ถ้าคิดเป็นอย่างอื่นก็ไม่แน่" บอกหญิงสาวแบบยิ้มๆ"อย่างอื่นนี่อะไร พูดให้ดีๆ นะ อย่ามาทะลึ่งกับฉัน" พูดพร้อมกับถลึงตาใส่ชายหนุ่มตรงหน้า"ทะลึ่งอะไรคุณ คิดไปถึงไหน อย่างอื่นที่ผมพูดถึงน่ะ หมายถึงผมอยากขอโอกาสได้ทำความรู้จักกับคุณให้มากขึ้นแค่นั้นเอง" บอกหญิงสาวด้วยใบหน้าจริงจัง"ทำไมนายต้องอยากรู้จักฉันด้วย ฉันไม่เห็นจะอยากรู้จักนายเลยสักนิด" นั่งกอดอกตอบชายหนุ่มตรงหน้า"คุณพูดแบบนี้ ผมน้อยใจนะ" มองค้อนหญิงสาวที่พูดออกมาแบบนั้น เดี๋ยวก่อนเถอะ ถ้าเปลี่ยนสถานะมาเป็นแฟนเขาเมื่อไหร่ละก็ ถ้าพูดแบบไม่รักษาน้ำใจกันแบบนี้อีก จะลงโทษให้เข็ดเลยคอยดู"นี่นายให
ณ ร้านอาหาร...หลังจากที่พราวฟ้าทำข้อตกลงกับปราชญ์เรียบร้อย ทั้งสองก็นัดแม่ของตนเองมาฟังข้อตกลงของทั้งคู่ที่ร้านอาหารวันนี้ สิ่งหนึ่งที่ทั้งสองมีเหมือนกันคือ พ่อของทั้งคู่นั้นได้เสียไปแล้วทั้งคู่ ทำให้เหลือแต่แม่เท่านั้นที่เป็นคนคอยดูแลทั้งคู่มาตั้งแต่เด็ก“สวัสดีค่ะ คุณหญิงป้า” พราวฟ้าเอ่ยทักทายแม่ของชายหนุ่มก่อน เพราะทั้งสองครอบครัวค่อนข้างสนิทกันมาก เนื่องด้วยแม่ของเขาและแม่ชายหนุ่มนั้นเป็นเพื่อนกันตั้งแต่สมัยสาวๆ“สวัสดีจ๊ะหนูพราวของป้า” เมื่อเจอหน้าพราวฟ้าแม่ของชายหนุ่มก็ตรงเข้าไปกอดหญิงสาวทันทีด้วยความเอ็นดูและอยากได้มาเป็นลูกสะใภ้“สวัสดีครับ คุณป้า” ชายหนุ่มเองก็รีบยกมือไหว้แม่หญิงสาวเช่นเดียวกัน“ไหว้พระเถอะลูก” ฝากแม่ของพราวฟ้าก็รับไหว้ชายหนุ่มด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม และหมายมั่นว่าจะต้องได้ชายหนุ่มตรงหน้ามาเป็นลูกเขยให้ได้หลังจากทักทายกันเสร็จ ทั้งหมดก็ลงมือสั่งอาหาร และระหว่างรออาหารอยู่นั้น ก็เป็นพราวฟ้าที่เริ่มบทสนทนาก่อน“คุณแม่ คุณหญิงป้าค่ะ ที่พราวกับปราชญ์นัดมาทานข้าวกันวันนี้ พราวกับปราชญ์มีเรื่องจะบอกค่ะ” หญิงสาวเว้นจังหวะแล้วมองหน้าชายหนุ่มให้พูดต่อ ชายหนุ่มพยักหน้ารับพ
เมื่อกลับเข้ามาในห้อง ชายหนุ่มก็ครุ่นคิดหาวิธีที่จะทำให้เข้าถึงตัวหญิงสาวแบบค่อยเป็นค่อยไปไม่รีบร้อนเพราะดูจากสถานการณ์แล้ว หญิงสาวคงไม่เปิดใจง่ายๆ แน่ แต่ชายหนุ่มคิดว่า ไม่เป็นไรยังไงความพยายามอยู่ที่ไหนความสำเร็จก็อยู่ที่นั้น ชายหนุ่มคิดอย่างมุ่งมั่นเนื่องจากวันนี้เป็นวันหยุด ชายหนุ่มจึงคิดว่าจะออกไปเดินดูหาต้นไม้ต้นเล็กๆ ที่เขากำลังฮิตสัก 2-3 ต้น เพื่อเอามาฝากสาวตรงข้ามห้องไว้เป็นของดูต่างหน้า เมื่อเปิดประตูห้องออกมาก็เป็นเวลาเดียวกับที่ห้องตรงข้ามก็เปิดประตูออกมาเช่นกัน ทำให้ทั้งสองสบตากันโดยบังเอิญอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนที่ชายหนุ่มจะเป็นฝ่ายทักขึ้นก่อน"จะออกไปไหนแต่เช้าเลยครับ" "ไปซื้อของ" ตอบชายหนุ่มเสร็จก็เดินออกมาทันที ซึ่งชายหนุ่มก็รีบเดินตามหลังมาอย่างเงียบๆเมื่อลงมาถึงชั้นล่างหญิงสาวก็เดินออกไปขึ้นรถเมย์หน้าปากซอย เพราะคิดว่าถ้าเอารถไปจะหาที่จอดยาก เลยคิดว่าไปรถเมย์ดีกว่าสะดวกดี ซึ่งเมื่อชายหนุ่มเห็นแบบนั้นก็เดินตามหญิงสาวมา เมื่อเห็นหญิงสาวขึ้นรถเมย์สายที่จะไปแหล่งซื้อขายต้นไม้ที่ตนเองคิดไว้ก็รีบขึ้นตาม และยังรีบไปนั่งข้างๆ หญิงสาวทันที แล้วคิดในใจว่าพรหมลิขิตชัดๆ แล้วนั่งอ
กว่าจะคิดพล็อตนิยายเรื่องใหม่ได้ก็ปาไปเที่ยงคืนกว่า ทำให้นักเขียนสาวตื่นเกือบเที่ยงวัน เมื่อลากตัวเองออกจากเตียงนอนได้แล้วพร้อมกับทำธุระส่วนตัวในห้องน้ำเสร็จเรียบร้อย ก็ได้เวลาหาของกินในครัวให้อิ่มท้อง เพื่อเตรียมตัวเริ่มเขียนนิยายหลังจากวางพล็อตเรื่องเสร็จ เมื่อทุกอย่างพร้อมเสร็จแล้วนักเขียนสาววัยเลขสามก็เริ่มเขียนนิยายทันที โดยแต่งตามจินตนาการและประสบการณ์ทั้งหมดที่มีและตามแนวโครงเรื่องที่วางไว้ ด้านชายหนุ่มตรงข้ามห้องหลังจากเลิกงานก็แวะหาซื้อของกินเพื่อกลับไปกินที่ห้อง โดยไม่ลืมที่จะซื้อไปฝากหญิงสาวที่อยู่ห้องตรงข้ามด้วย เพราะชายหนุ่มคิดว่าจะเดินหน้าจีบหญิงสาวห้องตรงข้ามให้ติดและทำทุกอย่างให้หญิงสาวยอมตกลงคบกับตัวเองให้ได้ และชายหนุ่มยังได้คติมาใหม่คือ ตื้อเข้าไว้หน้าด้านเข้าไว้หน้ามึนเข้าไว้ น้ำหยดลงหินทุกวันหินยังกร่อนแล้วนับประสาอะไรกับใจคน จะไม่หวั่นไหวบ้างให้มันรู้ไปก๊อก ๆ ๆ ๆเสียงเคาะประตูหน้าห้องดังขึ้นทำให้นักเขียนสาวต้องเงยหน้าขึ้นจากหน้าจอโน๊ตบุ๊ค พลางคิดว่าใครมาเคาะประตูรบกวนเวลาเขียนนิยายของเธอเนี่ย เมื่อเสียงเคาะประตูดังอีกครั้งทำให้เธอต้องลุกขึ้นไปดู แต่เมื่อเปิดป
21.30 น ณ ผับดังย่านกลางเมือง มีสาวสวยคนนึงกำลังนั่งดื่มเหล้าอยู่คนเดียวด้วยใบหน้าเคร่งเครียด ด้วยว่าที่บ้านจะบังคับให้เธอแต่งงานกับคนที่เธอไม่ได้รักและสาวสวยคนนี้ก็ไม่ใช่ใครที่ไหน พราวฟ้า บก สาวสวยนั้นเอง ที่กำลังเคร่งเครียดหลังจากที่คุณนายแม่โทรมาบอกว่าเธอต้องแต่งงานกับลูกชายของเพื่อนแม่ ซึ่งไม่ใช่ใครที่ไหนแต่เป็น ไอ้ปลาไหล จอมเจ้าชู้อย่างนายปราชญ์ ไอ้เด็กตัวอ้วนที่เธอเคยบอกว่าไม่มีทางแต่งงานด้วยอย่างเด็ดขาดนั่นเอง“เฮ้ยย...” เสียงถอนหายใจดังขึ้นท่ามกลางเสียงดนตรีที่ครึกโครม พลางคิดในใจว่าทำไมครอบครัวของเธอถึงต้องมาบังคับให้เธอแต่งงานกับไอ้บ้านั่นด้วย ทั้ง ๆ ที่ไอ้หมอนั่นแสนจะเจ้าชู้ควงสาวไม่เลือก แต่ทำไมแม่ของเธอถึงยังบังคับให้เธอแต่งงานกะไอ้หมอนั้นอีก“อ้าว นึกว่าสาวสวยที่ไหนมานั่งกินเหล้าคนเดียว ที่แท้ก็คุณหนูพราวฟ้านั่นเอง” เสียงที่ดังมาจากทางด้านหลังทำให้พราวฟ้าหันหน้าไปมอง แล้วก็พบกับไอ้คนที่เธอไม่อยากเจอหน้ามากที่สุด“ถ้าจะมากวนประสาทละก็ มาทางไหนก็ใสหัวกลับไปทางนั้นสะ” หญิงสาวตอบกลับไปด้วยอารมณ์ฉุนเฉียว“เธอคงลืมไปว่านี่มันผับฉัน แล้วเธอจะไล่ฉันไปไหนล่ะ”” ชายหนุ่มตอบกลับไปอย
หลังกลับมาจากเที่ยวเมื่อคืน นักเขียนสาวตื่นขึ้นมาพร้อมกับอาการมึนหัวนิดๆ เพราะดื่มเยอะไปนิด ประกอบกับที่วันนี้ไม่มีงานอะไรด่วน ทำให้วันนี้นักเขียนสาวอยู่บนเตียงทั้งวันไม่ลุกไปไหน นอกจากเข้าห้องน้ำด้านอีกฟากของห้องที่อยู่ตรงข้าม มีชายหนุ่มหล่อหน้าตาดีที่พึ่งย้ายเข้ามาอยู่ได้วันแรกกำลังเตรียมตัวที่จะออกไปทำงาน ซึ่งชายหนุ่มคนนี้คือ เป็ก พีระวัฒน์ ลูกชายเจ้าของบริษัทเกี่ยวกับการผลิตอุปกรณ์ไฟฟ้าที่มีฐานะร่ำรวย แต่ชอบใช้ชีวิตธรรมดาเป็นลูกจ้างบริษัทขนาดกลาง ไม่ยอมไปทำงานให้กับบริษัทที่บ้านแต่ออกมาทำงานเป็นวิศวกรไฟฟ้าให้กับบริษัทหนึ่งตามที่เรียนมา โดยให้เหตุผลกับที่บ้านว่าต้องการหาประสบการณ์ก่อนที่จะไปทำงานให้ที่บ้าน“พี่เป็กออกมายังพี่ หัวหน้าถาม” เสียงรุ่นน้องดังมาตามสาย“เออ กำลังไป มีอะไรด่วนงั้นเหรอ” ถามกลับด้วยความสงสัย“ไม่รู้แต่หัวหน้าถามหาพี่”“เออๆ บอกหัวหน้าว่ากำลังไป” หลังจากวางสายรุ่นน้องในที่ทำงาน หนุ่มหล่อประจำบริษัทจึงรีบออกไปทันที เมื่อมาถึงบริษัทก็รีบไปหาหัวหน้างานทันที ซึ้งไม่ใช่ใครที่ไหนแต่เป็นรุ่นพี่ที่เรียนมาด้วยกันและเป็นเจ้าของบริษัทที่ตนเองทำงานอยู่ก๊อก ๆ ๆ ๆ“เข้าม