หลังกลับมาจากเที่ยวเมื่อคืน นักเขียนสาวตื่นขึ้นมาพร้อมกับอาการมึนหัวนิดๆ เพราะดื่มเยอะไปนิด ประกอบกับที่วันนี้ไม่มีงานอะไรด่วน ทำให้วันนี้นักเขียนสาวอยู่บนเตียงทั้งวันไม่ลุกไปไหน นอกจากเข้าห้องน้ำ
ด้านอีกฟากของห้องที่อยู่ตรงข้าม มีชายหนุ่มหล่อหน้าตาดีที่พึ่งย้ายเข้ามาอยู่ได้วันแรกกำลังเตรียมตัวที่จะออกไปทำงาน ซึ่งชายหนุ่มคนนี้คือ เป็ก พีระวัฒน์ ลูกชายเจ้าของบริษัทเกี่ยวกับการผลิตอุปกรณ์ไฟฟ้าที่มีฐานะร่ำรวย แต่ชอบใช้ชีวิตธรรมดาเป็นลูกจ้างบริษัทขนาดกลาง ไม่ยอมไปทำงานให้กับบริษัทที่บ้านแต่ออกมาทำงานเป็นวิศวกรไฟฟ้าให้กับบริษัทหนึ่งตามที่เรียนมา โดยให้เหตุผลกับที่บ้านว่าต้องการหาประสบการณ์ก่อนที่จะไปทำงานให้ที่บ้าน
“พี่เป็กออกมายังพี่ หัวหน้าถาม” เสียงรุ่นน้องดังมาตามสาย
“เออ กำลังไป มีอะไรด่วนงั้นเหรอ” ถามกลับด้วยความสงสัย
“ไม่รู้แต่หัวหน้าถามหาพี่”
“เออๆ บอกหัวหน้าว่ากำลังไป” หลังจากวางสายรุ่นน้องในที่ทำงาน หนุ่มหล่อประจำบริษัทจึงรีบออกไปทันที เมื่อมาถึงบริษัทก็รีบไปหาหัวหน้างานทันที ซึ้งไม่ใช่ใครที่ไหนแต่เป็นรุ่นพี่ที่เรียนมาด้วยกันและเป็นเจ้าของบริษัทที่ตนเองทำงานอยู่
ก๊อก ๆ ๆ ๆ
“เข้ามา” เมื่อด้านในอนุญาตชายหนุ่มจึงเปิดเข้าไปพร้อมกับนั่งที่หน้าโต๊ะทำงานอย่างเคยชิน
“มีเรื่องด่วนอะไรพี่ ถึงรีบให้ตามผมมา”
“ไม่มีอะไรมาก แค่อยากให้ไปตรวจระบบไฟฟ้าที่บริษัท…หน่อยทางนั้นแจ้งมาว่าไฟตกบ่อย” บอกอย่างเป็นการเป็นงานกับรุ่นน้องที่สนิท
“โอเคครับบอส กระผมจะรีบไปดูให้เลยครับ” บอกเจ้านายหนุ่มอย่างหน้าทะเล้น
“เออ ตรวจดูให้ดีล่ะ เผื่อจะได้ลูกค้าเพิ่ม” เจ้านายหนุ่มส่ายหน้าให้กับความทะเล้นของรุ่นน้อง
“ครับผม” เมื่อรับปากเจ้านายเรียบร้อยก็เดินออกจากห้องเพื่อเตรียมตัวไปดูสถานที่ที่ได้รับมอบหมายทันที
หลังจากไปตรวจสอบบริษัทที่มีปัญหาก็พบว่าบริษัทไฟฟ้าเจ้าเก่าที่จ้างมาทำงานนั้นทำงานไว้ชุ่ยมาก เดินสายไฟมั่วไปหมด ทำให้ชายหนุ่มต้องแก้พักใหญ่ แต่ก็ลุล่วงไปได้ด้วยดีทำให้ได้บริษัทนี้มาเป็นลูกค้าบริษัทตนเองเพิ่มไปตามระเบียบ เพราะบริษัทตนเองนั้นทำงานดี รอบคอบ เรียบร้อย เมื่อเสร็จเรียบร้อยจึงขอตัวกลับ
“โห้ พี่เป็กเก่งมาก ผมดูตั้งนานยังหาจุดไฟตกไม่เจอเลย” รุ่นน้องที่ทำงานชื่นชมชายหนุ่มด้วยความปราบปลื้มในผลงาน
“ไม่ขนาดนั้นหรอก เดี๋ยวนายทำไปเรื่อย ๆ ก็เก่งเอง ของแบบนี้ต้องใช้ประสบการณ์เยอะๆ” ชายหนุ่มบอกรุ่นน้องพร้อมสั่งสอนไปในตัว เมื่อได้ยินดังนั้นทำให้รุ่นน้องพยักหน้าเข้าใจทันที
“ไม่มีไรแล้ว กลับก่อนนะ ฝากบอกหัวหน้าด้วยว่างานเรียบร้อยแล้ว”
“ครับผม” เมื่อบอกรุ่นน้องเสร็จก็เดินไปที่รถตัวเองที่ขับมาอีกคัน เพื่อจะได้ไม่ต้องย้อนเข้าบริษัทอีก
หลังจากนอนมาทั้งวันจนถึงเย็นนักเขียนสาวก็ได้ย้ายร่างตัวเองมาอาบน้ำเพื่อไปหาไรกินข้างนอก แล้วกลับมาเตรียมตัวเปิดนิยายเรื่องใหม่ที่จะส่งสำนักพิมพ์ เมื่อออกไปหาซื้อของกินเรียบร้อยก็รีบกลับเข้าคอนโดทันที
“รอด้วยค่ะ” หญิงสาวตะโกนออกไปพร้อมกับวิ่งไปที่ลิฟท์ก่อนที่ลิฟท์ตัวนั้นจะปิดลง
“ขอบคุณค่ะ ชั้น 14 ค่ะ” หญิงสาวบอกพร้อมเงยหน้าขึ้นหลังจากที่หายใจเป็นปกติแล้วเนื่องจากรีบวิ่งมาให้ทันลิฟท์ แต่เมื่อเงยหน้าขึ้นก็ต้องตกใจ เพราะชายหนุ่มที่อยู่ในลิฟท์ด้วยตอนนี้เป็นคนเดียวกันกับผู้ชายคนเมื่อคืนนี้ หลังจากตั้งสติได้ก็ถอยออกมาหนึ่งก้าวเพื่อเว้นระยะห่างจากชายหนุ่ม
“บังเอิญจังเลยนะครับที่ได้เจอกันอีกครั้ง” เมื่อชายหนุ่มเห็นหน้าหญิงสาวก็ตกใจเหมือนกันไม่คิดว่าจะได้เจอกันเร็วขนาดนี้ พลางคิดในใจว่าไม่ต้องเสียเวลาสืบให้ยุ่งยากแล้ว เพราะเหยื่อที่ตนหมายปองนั้นอยู่ใกล้แค่นี้เองแถมอยู่ชั้นเดียวกันสะด้วย
“และก็บังเอิญสุดๆ เลยนะครับที่เราอยู่ชั้นเดียวกัน” ชายหนุ่มบอกหญิงสาวที่เอาแต่เงียบไม่ยอมคุยไม่ยอมมองหน้าด้วย แต่ชายหนุ่มก็ไม่ถือสาเพราะคิดว่ายังไงสะเขาก็มีวิธีที่จะทำให้หญิงสาวยอมพูดยอมคุยกับเขาได้แน่นอน
“ใครอยากอยู่ชั้นเดียวกับนายกัน” นักเขียนสาวคิดในใจแต่ก็ไม่ได้ตอบออกไป
เมื่อลิฟท์เปิดออกหญิงสาวก็รีบเดินออกมาจากลิฟท์ทันทีเพื่อรีบเข้าห้องตัวเองและไปให้พ้นจากผู้ชายคนนี้ แล้วคิดในใจว่าทำไมโลกนี้มันกลมจนหน้าเกลียดขนาดนี้ เมื่อเดินมาตามทางเดินไปห้องพักก็รู้สึกว่าชายหนุ่มนั้นเดินตามมา ทำให้หญิงสาวหันกลับไปหาพร้อมถามขึ้น
“นี่นายจะเดินตามฉันมาทำไม” หญิงสาวหันไปถามชายหนุ่มอย่างเอาเรื่อง แต่ชายหนุ่มตอบกลับอย่างอารมณ์ดีว่า
“ใครเดินตามคุณไม่ทราบครับ ห้องผมไปทางนี้” บอกหญิงสาวพร้อมพยักหน้าไปทางเดียวกับที่หญิงสาวกำลังเดินไป เมื่อได้ยินแบบนั้นทำให้หญิงสาวหันกลับไปเดินต่อ เมื่อมาถึงหน้าห้องพร้อมหยิบคีย์การ์ดออกจากกระเป๋าชายหนุ่มก็หยุดเดินเหมือนกัน ทำให้หญิงสาวหันไปมองถึงได้รู้ว่าชายหนุ่มอยู่ห้องตรงข้ามนี่เอง เพราะเขาก็หยิบคีย์การ์ดออกมาเหมือนกัน ขณะนั้นชายหนุ่มก็เงยหน้าขึ้นพอดีทำให้ทั้งสองคนได้สบตากันโดยบังเอิญ แต่เป็นฝ่ายหญิงสาวที่หันกลับมาก่อนทำให้ไม่เห็นสายตาเจ้าเล่ห์ของชายหนุ่มที่มองมาทางตน เมื่อหันกลับมาแล้วก็คิดว่า นี่มันบ้าไปแล้วไอ้บ้านี่อยู่ห้องตรงข้ามเราเหรอ ต่างจากชายหนุ่มที่รู้สึกว่าจะโชคดีอะไรอย่างนี้ที่ห้องของสาวที่หมายปองอยู่ตรงข้ามห้องเขานี่เอง แล้วคิดในใจว่าคุณไม่มีทางรอดเงื้อมือผมไปได้หรอก
เมื่อทั้งคู่ต่างแยกย้ายเข้าห้องตัวเองแล้ว ด้านนักเขียนสาวก็เริ่มคิดพรอตนิยายเรื่องใหม่ของตัวเอง แต่ด้านของชายหนุ่มนั้นก็กำลังคิดหาวิธีเข้าใกล้สาวที่ตนหมายปองและอยากได้มาเป็นแฟน เมื่อคิดได้ก็รีบโทรหาเพื่อนสนิทอย่างปราชญ์ทันที
“ว่าไงมึง โทรหากูมีเรื่องอะไร” เมื่อปราชญ์กดรับสายก็ถามเพื่อนรักทันที
“มึงรู้จักเพื่อนของว่าที่เมียมึงไหม ผู้หญิงคนเมื่อคืนน่ะ” เมื่อได้ยินเสียงเพื่อนรับสายก็ถามในสิ่งที่ตนเองอยากรู้ทันที
“รู้จักแต่ไม่มาก”
“ไม่ปฏิเสธสะด้วย” เมื่อเพื่อนรักพูดจบก็อดที่จะล้อเพื่อนรักไม่ได้
“ตกลงมึงจะถามไหม ถ้าไม่กูจะว่างสาย” บอกอย่างโมโหเมื่อโดนล้อ
“อยากๆ แค่นี้ทำเป็นอารมณ์ร้อน”
“เหมือนจะเป็นเพื่อนสนิทกับพราวฟ้าตั้งแต่สมัยมหาลัยน่ะ ชื่อแก้ม เป็นนักเขียน ชื่อจริงไม่รู้ว่ะ อย่าบอกนะว่ามึงสนใจจริงๆ แต่เขาแก่กว่ามึง 4 ปีเลยนะ” ปราชญ์บอกเพื่อนรักกับข้อมูลที่พอจะรู้มา
“แก่กว่าแล้วไง สเป๊กกู น่ารัก กูชอบ” ชายหนุ่มบอกเพื่อนรักอย่างไม่สนใจเรื่องอายุเพราะคิดว่าอายุก็เป็นเพียงตัวเลข คนจะคบกันมันไม่ได้อยู่ที่อายุ แต่มันอยู่ที่ความรู้สึกของคนสองคนต่างหาก
“เออๆ ตามใจมึง แต่ขอบอกไว้ก่อนนะว่าคนนี้ถ้าจะยาก เพราะกูได้ข่าวมาว่าเขาเคยอกหักจากรักครั้งแรกกับผู้ชายที่คบกันมาตั้งแต่สมัยเรียนมัธยม แล้วหลังจากนั้นก็ไม่เคยคบใครอีกเลยเพราะกลัวจะเป็นแบบรักครั้งแรก” ปราชญ์บอกข้อมูลเพิ่มเติมที่ตนเองรู้มาให้กับเพื่อนรัก
“เรื่องอดีตกูไม่สนใจหรอก กูสนใจปัจจุบันมากกว่า ไม่ต้องห่วงกูจะต้องทำให้เขารักกูให้ได้” บอกเพื่อนรักอย่างมั่นใจ
“เออๆ กูเอาใจช่วยมึงละกัน ขอให้สำเร็จ มีอะไรให้กูช่วยก็บอกได้”
“ขอบใจนะ แค่นี้แหละ” หลังจากฟังเรื่องราวคร่าวๆ จากเพื่อนรักแล้ว ชายหนุ่มก็เริ่มหาวิธีพิชิตใจสาวที่ตนเองหมายปอง โดยคิดว่าเริ่มแรกเขาต้องเอาตัวเองเข้าไปใกล้ๆ ให้อยู่ในสายตาของหญิงสาวบ่อยๆ และมากที่สุด โดยเริ่มจาก
ก๊อก ๆ ๆ ๆ
“ใครมาเคาะห้อง” เมื่อคิดได้ก็เดินไปเปิดประตู และสิ่งที่เจอคือชายหนุ่มห้องตรงข้าม
“มีอะไร” ถามออกไปด้วยน้ำเสียงนิ่งๆ ตามสไตล์คนไม่รู้จักกัน
“ไม่มีอะไรมากหรอกครับ ผมแค่จะมาแนะนำตัวอีกครั้งแค่นั้นเองเพราะ เห็นอยู่ห้องตรงข้ามกันเผื่อมีอะไรจะได้ช่วยเหลือกันได้น่ะครับ ผมชื่อ เป็ก พีระวัฒน์ เป็นวิศวะกรไฟฟ้า อายุ 28 ปี อยู่ห้องตรงข้าม ยินดีที่ได้รู้จักนะครับ” บอกหญิงสาวพร้อมแนะนำตัวเองเสร็จสรรพ
“แต่ฉันคิดว่าไม่จำเป็นเพราะฉันไม่ได้อยากรู้จักนาย และฉันก็ไม่มีอะไรให้นายช่วย” บอกพร้อมกับจะปิดประตูใส่ แต่ถูกชายหนุ่มดันเอาไว้เสียก่อน
“แหมม ของแบบนี้มันก็ไม่แน่นะครับ รู้จักกันไว้ก็ไม่เสียหาย ยังไงก็อยู่คอนโดเดียวกันแถมยังอยู่ห้องตรงข้ามกันอีก เราก็เหมือนเพื่อนบ้านกันนะครับ ว่าแต่คุณชื่ออะไรครับ” ถามออกไปอย่างต้องการคำตอบ แต่สิ่งที่ได้กลับมาคือความเงียบและเสียงปิดประตู เป็นอันว่าจบบทสนทนา แต่ชายหนุ่มกลับยังยืนอยู่หน้าห้อง และหมาดหมายอยู่ในใจว่ายังไงก็ต้องทำความรู้จักกับหญิงสาวให้ได้
ฝากให้กำลังใจนักเขียนด้วยนะค่ะ
หลังจากกินอาหารกันเสร็จเรียบร้อยแล้ว ชายหนุ่มก็เรียกพนักงานมาเช็คบิล เมื่อพนักงานบอกราคาเสร็จชายหนุ่มก็หยิบบัตรเครดิตให้พนักงานทันที เมื่อหญิงสาวเห็นดังนั้นก็ยื่นเงินค่าอาหารของตัวเองให้ชายหนุ่ม แต่ชายหนุ่มกลับไม่ยื่นมือมารับเงินที่หญิงสาวยื่นให้ พร้อมบอกกับหญิงสาวว่า"มื้อนี้ผมเลี้ยงเอง" "นายจะมาเลี้ยงฉันทำไม ฉันกับนายไม่ได้เป็นอะไรกันสักหน่อย และอีกอย่างฉันก็ไม่อยากติดหนี้บุญคุณใคร โดยเฉพาะนาย" "เลี้ยงข้าวแค่นี้ ผมไม่คิดเป็นบุณคุณหรอก แต่ถ้าคิดเป็นอย่างอื่นก็ไม่แน่" บอกหญิงสาวแบบยิ้มๆ"อย่างอื่นนี่อะไร พูดให้ดีๆ นะ อย่ามาทะลึ่งกับฉัน" พูดพร้อมกับถลึงตาใส่ชายหนุ่มตรงหน้า"ทะลึ่งอะไรคุณ คิดไปถึงไหน อย่างอื่นที่ผมพูดถึงน่ะ หมายถึงผมอยากขอโอกาสได้ทำความรู้จักกับคุณให้มากขึ้นแค่นั้นเอง" บอกหญิงสาวด้วยใบหน้าจริงจัง"ทำไมนายต้องอยากรู้จักฉันด้วย ฉันไม่เห็นจะอยากรู้จักนายเลยสักนิด" นั่งกอดอกตอบชายหนุ่มตรงหน้า"คุณพูดแบบนี้ ผมน้อยใจนะ" มองค้อนหญิงสาวที่พูดออกมาแบบนั้น เดี๋ยวก่อนเถอะ ถ้าเปลี่ยนสถานะมาเป็นแฟนเขาเมื่อไหร่ละก็ ถ้าพูดแบบไม่รักษาน้ำใจกันแบบนี้อีก จะลงโทษให้เข็ดเลยคอยดู"นี่นายให
ณ ร้านอาหาร...หลังจากที่พราวฟ้าทำข้อตกลงกับปราชญ์เรียบร้อย ทั้งสองก็นัดแม่ของตนเองมาฟังข้อตกลงของทั้งคู่ที่ร้านอาหารวันนี้ สิ่งหนึ่งที่ทั้งสองมีเหมือนกันคือ พ่อของทั้งคู่นั้นได้เสียไปแล้วทั้งคู่ ทำให้เหลือแต่แม่เท่านั้นที่เป็นคนคอยดูแลทั้งคู่มาตั้งแต่เด็ก“สวัสดีค่ะ คุณหญิงป้า” พราวฟ้าเอ่ยทักทายแม่ของชายหนุ่มก่อน เพราะทั้งสองครอบครัวค่อนข้างสนิทกันมาก เนื่องด้วยแม่ของเขาและแม่ชายหนุ่มนั้นเป็นเพื่อนกันตั้งแต่สมัยสาวๆ“สวัสดีจ๊ะหนูพราวของป้า” เมื่อเจอหน้าพราวฟ้าแม่ของชายหนุ่มก็ตรงเข้าไปกอดหญิงสาวทันทีด้วยความเอ็นดูและอยากได้มาเป็นลูกสะใภ้“สวัสดีครับ คุณป้า” ชายหนุ่มเองก็รีบยกมือไหว้แม่หญิงสาวเช่นเดียวกัน“ไหว้พระเถอะลูก” ฝากแม่ของพราวฟ้าก็รับไหว้ชายหนุ่มด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม และหมายมั่นว่าจะต้องได้ชายหนุ่มตรงหน้ามาเป็นลูกเขยให้ได้หลังจากทักทายกันเสร็จ ทั้งหมดก็ลงมือสั่งอาหาร และระหว่างรออาหารอยู่นั้น ก็เป็นพราวฟ้าที่เริ่มบทสนทนาก่อน“คุณแม่ คุณหญิงป้าค่ะ ที่พราวกับปราชญ์นัดมาทานข้าวกันวันนี้ พราวกับปราชญ์มีเรื่องจะบอกค่ะ” หญิงสาวเว้นจังหวะแล้วมองหน้าชายหนุ่มให้พูดต่อ ชายหนุ่มพยักหน้ารับพ
เมื่อกลับเข้ามาในห้อง ชายหนุ่มก็ครุ่นคิดหาวิธีที่จะทำให้เข้าถึงตัวหญิงสาวแบบค่อยเป็นค่อยไปไม่รีบร้อนเพราะดูจากสถานการณ์แล้ว หญิงสาวคงไม่เปิดใจง่ายๆ แน่ แต่ชายหนุ่มคิดว่า ไม่เป็นไรยังไงความพยายามอยู่ที่ไหนความสำเร็จก็อยู่ที่นั้น ชายหนุ่มคิดอย่างมุ่งมั่นเนื่องจากวันนี้เป็นวันหยุด ชายหนุ่มจึงคิดว่าจะออกไปเดินดูหาต้นไม้ต้นเล็กๆ ที่เขากำลังฮิตสัก 2-3 ต้น เพื่อเอามาฝากสาวตรงข้ามห้องไว้เป็นของดูต่างหน้า เมื่อเปิดประตูห้องออกมาก็เป็นเวลาเดียวกับที่ห้องตรงข้ามก็เปิดประตูออกมาเช่นกัน ทำให้ทั้งสองสบตากันโดยบังเอิญอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนที่ชายหนุ่มจะเป็นฝ่ายทักขึ้นก่อน"จะออกไปไหนแต่เช้าเลยครับ" "ไปซื้อของ" ตอบชายหนุ่มเสร็จก็เดินออกมาทันที ซึ่งชายหนุ่มก็รีบเดินตามหลังมาอย่างเงียบๆเมื่อลงมาถึงชั้นล่างหญิงสาวก็เดินออกไปขึ้นรถเมย์หน้าปากซอย เพราะคิดว่าถ้าเอารถไปจะหาที่จอดยาก เลยคิดว่าไปรถเมย์ดีกว่าสะดวกดี ซึ่งเมื่อชายหนุ่มเห็นแบบนั้นก็เดินตามหญิงสาวมา เมื่อเห็นหญิงสาวขึ้นรถเมย์สายที่จะไปแหล่งซื้อขายต้นไม้ที่ตนเองคิดไว้ก็รีบขึ้นตาม และยังรีบไปนั่งข้างๆ หญิงสาวทันที แล้วคิดในใจว่าพรหมลิขิตชัดๆ แล้วนั่งอ
กว่าจะคิดพล็อตนิยายเรื่องใหม่ได้ก็ปาไปเที่ยงคืนกว่า ทำให้นักเขียนสาวตื่นเกือบเที่ยงวัน เมื่อลากตัวเองออกจากเตียงนอนได้แล้วพร้อมกับทำธุระส่วนตัวในห้องน้ำเสร็จเรียบร้อย ก็ได้เวลาหาของกินในครัวให้อิ่มท้อง เพื่อเตรียมตัวเริ่มเขียนนิยายหลังจากวางพล็อตเรื่องเสร็จ เมื่อทุกอย่างพร้อมเสร็จแล้วนักเขียนสาววัยเลขสามก็เริ่มเขียนนิยายทันที โดยแต่งตามจินตนาการและประสบการณ์ทั้งหมดที่มีและตามแนวโครงเรื่องที่วางไว้ ด้านชายหนุ่มตรงข้ามห้องหลังจากเลิกงานก็แวะหาซื้อของกินเพื่อกลับไปกินที่ห้อง โดยไม่ลืมที่จะซื้อไปฝากหญิงสาวที่อยู่ห้องตรงข้ามด้วย เพราะชายหนุ่มคิดว่าจะเดินหน้าจีบหญิงสาวห้องตรงข้ามให้ติดและทำทุกอย่างให้หญิงสาวยอมตกลงคบกับตัวเองให้ได้ และชายหนุ่มยังได้คติมาใหม่คือ ตื้อเข้าไว้หน้าด้านเข้าไว้หน้ามึนเข้าไว้ น้ำหยดลงหินทุกวันหินยังกร่อนแล้วนับประสาอะไรกับใจคน จะไม่หวั่นไหวบ้างให้มันรู้ไปก๊อก ๆ ๆ ๆเสียงเคาะประตูหน้าห้องดังขึ้นทำให้นักเขียนสาวต้องเงยหน้าขึ้นจากหน้าจอโน๊ตบุ๊ค พลางคิดว่าใครมาเคาะประตูรบกวนเวลาเขียนนิยายของเธอเนี่ย เมื่อเสียงเคาะประตูดังอีกครั้งทำให้เธอต้องลุกขึ้นไปดู แต่เมื่อเปิดป
21.30 น ณ ผับดังย่านกลางเมือง มีสาวสวยคนนึงกำลังนั่งดื่มเหล้าอยู่คนเดียวด้วยใบหน้าเคร่งเครียด ด้วยว่าที่บ้านจะบังคับให้เธอแต่งงานกับคนที่เธอไม่ได้รักและสาวสวยคนนี้ก็ไม่ใช่ใครที่ไหน พราวฟ้า บก สาวสวยนั้นเอง ที่กำลังเคร่งเครียดหลังจากที่คุณนายแม่โทรมาบอกว่าเธอต้องแต่งงานกับลูกชายของเพื่อนแม่ ซึ่งไม่ใช่ใครที่ไหนแต่เป็น ไอ้ปลาไหล จอมเจ้าชู้อย่างนายปราชญ์ ไอ้เด็กตัวอ้วนที่เธอเคยบอกว่าไม่มีทางแต่งงานด้วยอย่างเด็ดขาดนั่นเอง“เฮ้ยย...” เสียงถอนหายใจดังขึ้นท่ามกลางเสียงดนตรีที่ครึกโครม พลางคิดในใจว่าทำไมครอบครัวของเธอถึงต้องมาบังคับให้เธอแต่งงานกับไอ้บ้านั่นด้วย ทั้ง ๆ ที่ไอ้หมอนั่นแสนจะเจ้าชู้ควงสาวไม่เลือก แต่ทำไมแม่ของเธอถึงยังบังคับให้เธอแต่งงานกะไอ้หมอนั้นอีก“อ้าว นึกว่าสาวสวยที่ไหนมานั่งกินเหล้าคนเดียว ที่แท้ก็คุณหนูพราวฟ้านั่นเอง” เสียงที่ดังมาจากทางด้านหลังทำให้พราวฟ้าหันหน้าไปมอง แล้วก็พบกับไอ้คนที่เธอไม่อยากเจอหน้ามากที่สุด“ถ้าจะมากวนประสาทละก็ มาทางไหนก็ใสหัวกลับไปทางนั้นสะ” หญิงสาวตอบกลับไปด้วยอารมณ์ฉุนเฉียว“เธอคงลืมไปว่านี่มันผับฉัน แล้วเธอจะไล่ฉันไปไหนล่ะ”” ชายหนุ่มตอบกลับไปอย
หลังกลับมาจากเที่ยวเมื่อคืน นักเขียนสาวตื่นขึ้นมาพร้อมกับอาการมึนหัวนิดๆ เพราะดื่มเยอะไปนิด ประกอบกับที่วันนี้ไม่มีงานอะไรด่วน ทำให้วันนี้นักเขียนสาวอยู่บนเตียงทั้งวันไม่ลุกไปไหน นอกจากเข้าห้องน้ำด้านอีกฟากของห้องที่อยู่ตรงข้าม มีชายหนุ่มหล่อหน้าตาดีที่พึ่งย้ายเข้ามาอยู่ได้วันแรกกำลังเตรียมตัวที่จะออกไปทำงาน ซึ่งชายหนุ่มคนนี้คือ เป็ก พีระวัฒน์ ลูกชายเจ้าของบริษัทเกี่ยวกับการผลิตอุปกรณ์ไฟฟ้าที่มีฐานะร่ำรวย แต่ชอบใช้ชีวิตธรรมดาเป็นลูกจ้างบริษัทขนาดกลาง ไม่ยอมไปทำงานให้กับบริษัทที่บ้านแต่ออกมาทำงานเป็นวิศวกรไฟฟ้าให้กับบริษัทหนึ่งตามที่เรียนมา โดยให้เหตุผลกับที่บ้านว่าต้องการหาประสบการณ์ก่อนที่จะไปทำงานให้ที่บ้าน“พี่เป็กออกมายังพี่ หัวหน้าถาม” เสียงรุ่นน้องดังมาตามสาย“เออ กำลังไป มีอะไรด่วนงั้นเหรอ” ถามกลับด้วยความสงสัย“ไม่รู้แต่หัวหน้าถามหาพี่”“เออๆ บอกหัวหน้าว่ากำลังไป” หลังจากวางสายรุ่นน้องในที่ทำงาน หนุ่มหล่อประจำบริษัทจึงรีบออกไปทันที เมื่อมาถึงบริษัทก็รีบไปหาหัวหน้างานทันที ซึ้งไม่ใช่ใครที่ไหนแต่เป็นรุ่นพี่ที่เรียนมาด้วยกันและเป็นเจ้าของบริษัทที่ตนเองทำงานอยู่ก๊อก ๆ ๆ ๆ“เข้าม