มิวรู้สึกว่าตัวเองพลาดไปแล้ว เมื่อบอกเขาไปแบบนั้นมันก็ไม่เท่ากับว่าเธอได้จับตัวเองใส่พานให้เขาด้วยตัวเองหรอกเหรอ สายตาของภาวินทร์ในตอนนี้เองก็ใช่ว่าจะน่าไว้ใจ เขาโยนบางอย่างให้เธอ
“นี่อะไรคะ”
“กุญแจห้องนี้”
“แล้ว?”
“จากนี้มาที่นี่อาทิตย์ละสามวัน จะวันไหนก็แล้วแต่เธอ”
“มาที่นี่เหรอคะ”
“ใช่ ทางที่ดีมาตอนกลางวัน ค่ำ ๆ หน่อยก็ได้”
“นี่คือ…”
“ทำความสะอาด ทำอาหาร พี่ไม่ค่อยกลับมาแต่ช่วงนี้คงต้องมาบ่อย ๆ เพราะต้องทำโปรเจคจบ”
“เอ่อ…แค่นี้”
“ทำไมล่ะ ไหนบอกทำได้ทุกอย่าง”
“ค่ะ! ถ้าเป็นแบบนี้ก็ได้ค่ะ มิวยินดีค่ะจะทำให้ดีที่สุดค่ะ เอาเป็นวันจันทร์ พุธ กับศุกร์ช่วงบ่ายนะคะจะไม่ขาดสักวันเลยค่ะ”
“ได้งานคนใช้ต้องดีใจขนาดนั้นเลยเหรอ”
“ค่ะ ดีใจค่ะถ้าอย่างนั้นมิวกลับได้เลยใช่ไหม”
“เดี๋ยว…”
“คะ?"
“ทำไมต้องแต่งตัวแบบนี้หรือว่ามันเป็นกฎของร้าน”
มิวก้มลงมองตัวเองที่แต่งตัวค่อนข้างโป๊และโชว์รูปร่างที่ซ่อนรูปของเธอที่ค่อนข้างเซ็กซี่เกินคาดไปมาก เขาไม่เคยนึกเลยว่าภายใต้ชุดนักศึกษาและกระโปรงหลวม ๆ แล้วยังรองเท้าผ้าใบสีชมพูที่น่ารำคาญนั่นจะซ่อนรูปร่างที่สวยและเซ็กซี่มากกว่าดาวมหาลัยยังชิดซ้ายเอาไว้
“คือว่า… เป็นชุดที่พี่หญิงผู้จัดการร้านเตรียมไว้ให้ แต่งตามเทศกาลค่ะ”
“แล้วทำไมวันนี้ไม่เปลี่ยนชุดก่อนกลับบ้านจะไปไหนต่อ”
“คือว่า... วันนี้….”
“ทำไม”
เธอจะบอกเขาได้ยังไงว่าเธอมีรอบเดือนและชุดที่เธอสวมมาก่อนเข้าทำงานเปื้อนทำให้เธอไม่สามารถกลับไปใส่มันได้
“คือว่ามิวไม่สะดวกจะเปลี่ยนก็เลย...”
“ทำไมหน้าซีดล่ะ”
เขารู้สึกแปลกใจที่เห็นหน้าเธอซีดลงและเริ่มกุมที่ท้อง นี่เป็นสาเหตุที่เธอไม่ดื่มน้ำเย็นและไม่กลัวที่จะต้องเข้ามาที่นี่กับเขานี่เอง คนที่เจนจัดเรื่องผู้หญิงอย่างภาวินทร์รู้ได้ทันที
“เอาน้ำอุ่นไหมพี่จะไปเอามาให้”
“ไม่ค่ะ ไม่เป็นไรมิวขอกลับบ้านเลยนะคะ”
“เดี๋ยวพี่ไปส่งเอง ไหน ๆ ก็มาถึงนี่แล้วส่งขึ้นรถไปทั้งแบบนี้คงไม่ดีแน่”
“แต่ว่า... ที่นี่เหมือนจะไม่ได้ไกลจากหอพัก”
“อย่าเรื่องเยอะ ก่อนที่จะรับแม่บ้านก็ต้องรู้สิว่าเมดของตัวเองพักอยู่ที่ไหน”
“เมด?”
“เมดที่แปลว่าแม่บ้าน ผิดตรงไหน”
“ก็ได้ เมดก็เมด”
“ลุกไหวไหม”
“ค่ะ”
เขาเดินเข้าไปพยุงเธอเล็กน้อย มือที่เย็นเฉียบดูก็รู้ว่าเธออดทนมานานแล้วทั้ง ๆ ที่ปวดท้องประจำเดือนแต่ก็ต้องมาทำงานดึก แบบนี้ทั้ง ๆ ที่ควรจะนอนพักผ่อน เขาค่อย ๆ พาเธอกลับไปที่รถและขับไปส่งที่หน้าหอพักของเธอ
“ขอบคุณนะคะ”
“ห้องอะไร”
“คะ?"
“ห้องของมิวน่ะ”
“คือว่า ต้องบอกด้วยเหรอคะ”
“เกิดป่วย หรือตายขึ้นมาจะได้รู้ว่าจะหาตัวได้ที่ไหนรีบบอกมา”
“สี่สี่สามเอ”
“เดินไหวไหมพี่จะเดินไปส่ง”
“ไม่ต้องค่ะ ไม่เป็นไรมิวเดินไหวขอบคุณนะคะแล้ว... วันจันทร์จะรีบไปทำความสะอาดให้”
“อืม ขอบใจ”
“เอ่อ คือว่าเรื่องนี้…”
“ไม่ต้องห่วงหรอกเห็นพี่เป็นแบบนี้พี่ก็รักษาคำพูด เรื่องนี้จะมีแค่เราสองคนเท่านั้นที่รู้”
“ขอบคุณมากนะคะ”
เธอเดินลงจากรถของเขาและรีบขึ้นไปที่ห้องทันที ส่วนภาวินทร์ที่พึ่งขับรถออกมาถึงกับยิ้มให้กับเรื่องในวันนี้ แม้ว่าจะไม่เป็นไปตามที่หวัง
“อย่างน้อยก็ได้แม่บ้านมาหนึ่งคนแหละนะ”
เขารู้สึกขำเมื่อเห็นสีหน้าที่กลัวเขาจนสั่นเหมือนลูกแกะตัวเล็ก ๆ จนทำให้เขาคิดจะแกล้งเธอก็ทำไม่ลง และไม่กล้าจะทำอะไรโชคดีที่เขายังไม่คิดเพราะวันนี้ไม่ใช่วันที่ถูกจังหวะเอาเสียเลย
“ไอ้เสือเอ๊ย ออกจากบ้านก้าวขาไม่ถูกข้างสินะวันนี้ หึ”
วันถัดมา Q - Bar
ภาวินทร์เดินเข้ามาที่บาร์และต้องตกใจเมื่อเห็นว่าเธอกลับมาทำงานในวันนี้ ที่จริงถ้าหากเธอป่วยก็น่าจะลาหยุดไปไม่ใช่เหรอ เขารีบเดินไปนั่งที่บาร์และสั่งเครื่องดื่มกับเธออีกครั้ง เมื่อมิวเริ่มชงและนำมาวางให้ตรงหน้าเขาจึงรีบถาม
“ทำไมไม่หยุดสักวันล่ะ ไม่ปวดท้องแล้วเหรอ”
“ยังปวดนิดหน่อยค่ะ”
ท่าทางของเธอหลังจากที่เขารู้ความลับดูอ่อนลงอย่างเห็นได้ชัด ดูเหมือนว่าเธอจะกลัวเขาจนไม่กล้าจะพูดจาแรง ๆ ใส่เหมือนตอนที่ด่าพวกเขาหน้าคณะวิศวะจนพวกเขารู้สึกอายและไม่กล้าที่จะแซวหรือล้อเลียนเธออีกเลย
“กินยามาหรือยัง”
“กินไปตอนบ่ายค่ะ ไม่ต้องห่วงนะคะพรุ่งนี้มิวจะไปตามนัดแน่ไม่เบี้ยวหรอกค่ะ”
“ไม่ได้ห่วงเรื่องนั้น ถ้ายังไม่ไหวก็ยังไม่ต้องมา ค่อยมาวันพุธทีเดียวก็ได้”
“ขอบคุณค่ะ”
“อืม แล้วกินข้าวแล้วเหรอถึงได้มายืนตัวบิดอยู่หน้าบาร์แบบนี้”
“คือว่า…”
“ว่าแล้วเชียวมิน่าล่ะ”
ภาวินทร์เองก็รู้สึกแปลกใจตัวเองเหมือนกันที่เอาแต่มายืนถามเธออยู่แบบนี้ แม้ว่าจะมีสาว ๆ มามักทายแต่หลังจากเกิดเรื่องในวันนั้นสาว ๆ ก็ไม่ค่อยกล้าเข้ามาหาเขาเพราะกลัวจะถูกด่าและไล่เหมือนที่นินนี่โดนเมื่อหลายวันก่อน
“เลิกเวลาเดิมหรือเปล่า”
“ค่ะ”
“จะไหวเหรอเนี่ยเรียกคนมาช่วยดีกว่า”
“เรเน่….”
“ได้เลย”
เธอหันไปชงเครื่องดื่มอีกครั้งและพยายามควบคุมอาการเอาไว้ทั้ง ๆที่ปวดท้องมากเพราะวันนี้พึ่งจะเป็นวันที่สามที่มีประจำเดือนดังนั้นเธอจึงรู้สึกปวดท้องมาก
“นี่..มิว…เรเน่ ไหวหรือเปล่า”
เธอชงเครื่องดื่มและเทแก้วสุดท้ายเสร็จก็เรียกพนักงานมารับไปก่อนจะค่อย ๆ นั่งลงที่เก้าอี้หัวโล้นด้านในบาร์และดึงแก้วมาเช็ดเพื่อไม่ให้ดูว่าง
“ทำไมต้องฝืนตัวเองขนาดนี้ พี่ให้ทิปไม่มากพอเหรอ”
"ไม่ใช่แบบนั้นค่ะ แต่มันอยู่ที่… ความรับผิดชอบต่างหาก"
“โดยที่ไม่ห่วงสุขภาพเนี่ยนะ นี่เธอเรียนพยาบาลจริง ๆ ใช่ไหม”
“พี่จะมาชวนทะเลาะทำไม”
“ก็ได้ ๆ อีกยี่สิบนาทีจะเลิกงานแล้วนี่ รอที่เดิมนะอย่าช้าล่ะ”
“อะไรคะ”
“หรือจะให้ไปรับที่ห้องเปลี่ยนชุดพนักงาน”
“ไม่ค่ะ!”
“งั้นก็ตามนั้น”
ภาวินทร์ดึงเงินออกมาจ่ายค่าเครื่องดื่มก่อนจะเดินออกไปรอเธอข้างนอก แน่นอนว่าเขาไม่ไปรอเธอที่รถหรอกเพราะเธออาจจะหนีกลับ ซึ่งเขาก็คาดเอาไว้ไม่ผิดเพราะเธอกำลังมองหาแท็กซี่อยู่จริง ๆ วินทร์จึงเดินมาดึงแขนเธอเอาไว้
“นึกแล้วเชียวลูกแกะน้อยหัดโกหกแล้วเหรอ”
“พี่วินทร์ วันนี้ฉัน...”
“มานี่ จะพากลับบ้าน”
“แต่ว่า…”
“ไม่ต้องพูดมากเก็บแรงไว้กินข้าวเถอะ”
เขาพาเธอมาที่รถและขับออกจากบาร์ทันที มิวพอขึ้นรถได้ก็นั่งห่อตัวเพราะความปวด เขารู้ดีว่าเธอต้องใช้อะไรเพราะก่อนหน้านี้เขาก็เคยทำ ถุงร้อนถูกยื่นให้เธอ
“อะไรคะ”
“เอาอังไว้สิ นี่น้ำอุ่น ค่อย ๆ จิบ”
แม้ว่าจะอยากถามแต่มิวก็เลือกที่จะไม่พูดและรับถุงน้ำร้อนมาจากเขา ความอบอุ่นแผ่เข้ามาโดยที่ไม่ได้มาจากถุงน้ำร้อนนี่ น้ำอุ่นที่เธอได้จิบก็ทำให้เธอเริ่มรู้สึกดีขึ้น
“ทำไมพี่ถึงรู้ว่า…”
“ก่อนหน้านี้เคยทำน่ะสิก็เลยรู้”
เธอหันหน้าหนีอีกครั้งและมองออกไปข้างนอก นั่นสินะเขาเป็นเพลย์บอยตัวพ่อจะไม่รู้วิธีดูแลผู้หญิงแบบนี้ได้ยังไง เธอน่าจะรู้ดีเพราะชื่อเสียงของภาวินทร์เรื่องผู้หญิงที่ควงไม่เกินเดือนและเปลี่ยนคู่นอนบ่อย ๆ ดังกระฉ่อนไปทั่วมหาลัยตั้งแต่วันแรกที่เธอเข้ามาเรียน
“นี่เราจะไปไหนกันคะ ทางนี้มันไม่ใช่ทางกลับบ้านนี่คะ”
“พูดมากจริง ๆ นี่คงไม่คิดว่าพี่จะเอามาขายหรอกนะ”
“แล้วพาไปไหนคะ”
“ปวดท้องขนาดนี้ก็ต้องหาข้าวร้อน ๆ กินแล้วกินยาสิถามได้ อดข้าวตั้งหลายชั่วโมงต้องหาอะไรกินก่อนแล้วค่อยกินยา”
“ไม่ต้องก็ได้ค่ะ มิวกลับไปกินที่หอได้”
“ไม่ต้องพูดมาก หากเธอเป็นอะไรไปพี่ก็…. ไม่มีแม่บ้านคอยทำความสะอาดน่ะสิ นั่งเฉย ๆ ใกล้จะถึงแล้ว”
นิธิศเดินมากอดเธอจากด้านหลัง และเริ่มซุกหน้ามาที่ซอกคอเพื่อปลุกเร้าอารมณ์ของเธอ“ไม่ต้องมาอ้อนเลย วันนี้...อื้อ อืออ”นิธิศรู้ว่าเธอกำลังจะเริ่มอีกแล้ว หาเรื่องทะเลาะ แต่เขารู้ทันและไม่ยอมให้เธอมีโอกาสหรอก เขาดื่มมานิดหน่อย เพราะต้องการปลุกอารมณ์เธอนี่แหละ“ที่รักคะ คุณ...ดูรีบร้อนจัง”“คุณไม่รู้หรอกว่า ผมรีบแล้วก็หิวแบบนี้ทุกคืนนั่นแหละ แต่ผมเข้าใจคุณ ที่ต้องเลี้ยงลูกทั้งวัน ผมก็เลยไม่อยากกวนคุณ แต่คืนนี้ลูกชายของเราเป็นใจแบบนี้ ผมขอทวงคืนเวลาของผมบ้าง ได้ไหม”“ก็ได้ค่ะ”จูบที่เล้าโลม หวานซึ้งจนแยมแทบจะทนไม่ไหว เสียงรูดชุดเดรสของเขาทำเอาหลังเธอเย็นวาบเพราอากาศในห้อง ไม่นานชุดสวยก็ถูกดึงออกจากตัว ลิ้นทีเกี่ยววนพัลวันในปาก เริ่มทำให้หายใจติดขัด เมื่อเธอเริ่มผละออกมาและช่วยเขาถอดเสื้อผ้า“ไหนว่าจะไปแช่อ่าง”“เอาไว้ทีหลังเถอะ ผมทนไม่ไหวแล้ว”“อื้อ...”เขาอุ้มร่างของภรรยาสาว ไปที่เตียงทันที เมื่อกี้เขาคิดจะพาเธอไปอาบน้ำก่อนจริง ๆ นั่นแหละ แต่พอจับเธอถอดชุดแล้ว เขาก็เปลี่ยนใจ อยากทำอย่างอื่นแทน“อื้อ....ที่รักคะ เสียว อ๊า....”ลิ้นที่พรมจูบไปทั่วหน้าอก นิ้วมือที่บีบเคล้นสองเต้า และบดขยี้ส่
บ้านของภาวินทร์“เด็ก ๆ ครับ ไปล้างมือกันได้แล้ว จะได้มากินขนมกันเร็วเข้า”“ไปกันเถอะกองทัพ คุณพ่อเอาขนมมาให้แล้ว”“ครับ พี่คินทร์”กองทัพ เด็กน้อยซึ่งเป็นลูกของแยมและนิธิศ เพื่อนสนิทอีกคู่หนึ่ง ที่แต่งงานกันหลังจากภาวินทร์และลักษิกา คลอดภาคินทร์ได้เพียงหกเดือน“มาเร็ว ๆ ค่ะ ไปล้างมือให้สะอาด กองทัพแม่บอกว่ายังไงครับ”“รู้แล้วครับคุณแม่ ผมจะตามพี่คินทร์ไปเดี๋ยวนี้”“ดีมากเด็กดี”“อย่าไปดุลูกมากเลย ลูกกลัวจนไม่กล้ามองหน้าแกแล้วนั่น”“ฉันเหรอดุ แกไม่เห็นพ่อของกองทัพน่ะสิ พี่ธิศดุกว่าฉันเสียอีก ถ้าอะไรเกี่ยวกับลูกนะ ไม่ได้เลย นี่ฉันยังคิดอยู่เลยว่า เขาเรียนจบวิศวะมาจริงเหรอ ดูแล้วละเอียดมากกว่าพยาบาลวิชาชีพอย่างฉันเสียอีก”“จริงสิ ว่าแต่แกจะไม่กลับไปทำงาน ที่โรงพยาบาลแล้วจริง ๆ เหรอ”“แกดูหน้าผัวฉันก่อน ตอนนี้แค่พูดขึ้นมาว่า ขอไปเยี่ยมเพื่อน ๆ ที่โรงพยาบาล หน้าก็หงิกไปสองวัน อารมณ์อย่างกับสาววัยทอง”“พี่ธิศเขาขี้หึงขนาดนั้นเลยเหรอ ดูไม่ออกเลยว่า จะขี้หึงขนาดนั้น”“ใครจะไปเหมือนพี่วินทร์ของแกกันล่ะ รายนั้นทั้งขี้อ้อนทั้งกลัวเมีย น่าอิจฉาจะตายไป แกไม่รู้เหรอว่า คนอื่นเขาบอกกันว่า พี่วินทร์
ทั้งหมอฟิวส์และฝัน รุ่นน้องต่างคณะยืนนิ่งไปทันที เมื่อถูกวีรภัทร ที่ขึ้นชื่อเรื่องความดุ และปากหมาของคณะวิศวะ ด่าสาดเสียเทเสียจนทำหน้าไม่ถูก“จริงเหรอแคร์... เขากับแคร์”“ยังไม่ชัดอีกเหรอ ถ้ามึงกล้ามายุ่งกับแฟนกูอีกละก็ อย่าหาว่ากูไม่เกรงใจ ไปบอกหมาตัวเมีย ที่หึงจนตกมันของมึงด้วย”“พี่ว่าใครเป็นหมาตกมัน! ทำไมหยาบคายแบบนี้”“ทำไม คนที่หยาบก่อนไม่ใช่เธอเหรอ โยนก้อนหินให้คนอื่นมา จะให้โยนทองให้หรือไง”“พี่ฟิวส์คะ อย่าไปยุ่งกับพวกเขาเลย เรากลับบ้านกันดีกว่า”“เดี๋ยวก่อน”“คุณต้องการอะไรอีก”วีรภัทรที่ยืนกอดแคร์ ซึ่งกำลังช็อกกับเหตุการณ์ตรงหน้า เธอไม่เคยเจอเรื่องแบบนี้มาก่อน ก็เลยพูดอะไรไม่ออกเลยสักคำ มีแต่วีรภัทรที่ยืนด่าแทนให้“มายืนด่าแฟนคนอื่นขนาดนี้ ขอโทษสักคำน่ะทำเป็นไหม ขอโทษแคร์เดี๋ยวนี้เลย ไม่งั้นอย่าหาว่ารุ่นพี่ไม่เตือน”“ผมน่าจะรุ่นเดียวกับคุณ หรือไม่ก็เป็นรุ่นพี่”“จะรุ่นไหนผมไม่สน แต่คนทำผิดก็ต้องขอโทษไม่ใช่เหรอหมอ หรือว่าคณะของหมอ ไม่สอนเรื่องมารยาท”“พี่ฟิวส์! อย่าไปเถียงกับพวกคณะหยาบคายนี่เลย เรากลับบ้านกันเถอะค่ะ”“ถ้าเธอกล้าเดินออกไป โดยไม่ขอโทษแคร์ หลังจากพรุ่งนี้ไป ก็เต
ประเทศอังกฤษ“ที่รักครับ ผมเก็บของที่มาส่ง เข้ามาให้แล้วนะ”“ขอบคุณค่ะพี่ภัทร”แคร์เดินมาดูของหลายอย่าง ที่ถูกส่งมาจากประเทศไทย เธอแต่งงานกับวีรภัทร และย้ายมาอยู่ที่อังกฤษ หลังจากเรียนจบ ตอนนี้ทั้งคู่กำลังดูแลธุรกิจของที่บ้านวีรภัทรอยู่“นั่นกล่องอะไรเหรอ ดูจากชื่อนี้ เมียไอ้วินทร์ส่งมาให้ล่ะสิ”“รูปเก่า ๆ สมัยเรียนน่ะค่ะ ตายจริงไม่คิดว่ามิวจะมีเยอะขนาดนี้”“น้องมิวส่งรูปสมัยเรียนมาทำไมกัน”“แคร์บอกให้มิวส่งมาเองแหละค่ะ อยากจะเก็บเอาไว้ให้ “เฟรย์ย่า”ดูตอนที่ลูกโตขึ้นมา จะได้รู้ว่าสมัยเรียน พ่อกับแม่เป็นยังไง”“แต่ลูกยังไม่คลอดเลยนะที่รักจ๋า หรือแคร์กลัวว่า ลูกจะเกิดมาไม่สวยเหมือนแม่ แต่พี่ไม่กลัวเลยนะ เพราะพี่มั่นใจมากว่า เมียพี่สวยที่สุด”“เหรอคะ แต่ตอนนั้นพี่ภัทร ก็ไม่ได้คิดจะจีบแคร์ก่อนเลยนี่คะ เพราะแคร์ไม่ใช่ผู้หญิงที่ตรงสเป็กพี่”“โธ่ที่รัก เรื่องมันก็นานมาแล้วนะ ยังจำได้อีกเหรอ” “นี่ถ้าลูกคลอดออกมา แล้วพี่บอกว่า มาชอบแคร์ตอนที่นั่งเล่นไพ่ในงานศพ ลูกจะขำหรือเปล่านะ”“ใครบอกว่าพี่ชอบแคร์ ตอนที่เล่นไพ่กันล่ะ”แคร์หันมามองหน้าวีรภัทร เธอจำได้ว่า ครั้งนั้นที่ทั้งสองคนเริ่มสนิท และเร
สี่ปีผ่านไป“ดูสิคะรูปลูกของแคร์กับพี่ภัทร นี่พวกเขาไม่คิดจะกลับเมืองไทยมาให้เรารับขวัญหลานเลยสินะ”“ช่วยไม่ได้นี่นาเห็นว่าไอ้ภัทรเปิดบริษัทที่โน่น พ่อมันเองก็ไปอยู่ด้วยอีกนานเลยมั้งกว่าจะกลับเมืองไทย”“แยมกับพี่ธิศจะมาหาวันอาทิตย์นี้นะคะจะพา "กองทัพ" มาด้วย”“ได้สิ อย่างน้อยก็มีเพื่อนเล่นละนะ “ภาคินทร์” จะได้มีเพื่อนเล่น"“แล้วนี่ลูกไปไหนแล้วคะ”“โน่น ไปเดินเล่นกับพี่เรย์ พอมาเจอกันก็พากันซนเห็นว่าไปเล่นทราย”“อะไรนะ! เล่นทรายอีกแล้วเดี๋ยวก็เขาหูอีก…โอย…”“เมียจ๋าอย่าโวยวายสิ อย่าลืมสิครับว่าท้องเกือบเจ็ดเดือนแล้ว อย่าพึ่งวีนนะเดี๋ยวพี่ไปจัดการเอง”“พี่วินทร์เป็นแบบนี้อีกแล้ว บอกแล้วว่าอย่าให้เล่นทรายบ่อย ๆ มันล้างออกยากถ้าลูกต้องไป…โอย”“ที่รักจ๋าอย่าโวยวายนะผัวผิดไปแล้วมา ๆ ตีมือผัวนี่ไม่เอาน่ามีพี่นัยช่วยดูอยู่เด็ก ๆ ไม่เป็นไรหรอกอีกอย่างมีป้ารินทร์เฝ้าอยู่ เจ้าคินทร์ตัวแสบนั่นไม่กล้าดื้อหรอก”“พยุงหน่อยเร็ว ๆ เข้า”“จ้า ๆ มาแล้ว ๆ ไม่ตะเบ็งเสียงแล้วนะครับคนดีค่อย ๆ เดินนะ มาพี่พยุงเข้าบ้าน”“ปึก!”“โอ๊ย! เจ็บนะทำไมความโหดไม่ลดลงเลยล่ะ สิบปีก็จะโหดแบบเดิมไม่ได้นะ หรือว่าพอจะได้ลูก
Q-Bar / 1 ปีถัดมา“ดรายมาร์ตินี่ครับ”ภาวินทร์นั่งที่หน้าบาร์เพื่อสั่งเครื่องดื่มที่เขาชอบดื่ม และต้องเป็นบาร์เทนเดอร์สาวสวย “เรเน่” คนเดียวเท่านั้นที่เป็นชงให้ดื่ม เรเน่ในชุดบาร์เทนเดอร์สาวที่รัดกุมมากกว่าเดิมแต่ก็หรูหราและดูมีระดับมากขึ้นเริ่มชงเครื่องดื่มและเท ระหว่างที่เทก็ยิ้มให้เขาเมื่อเธอยกขึ้นมาก็ส่งให้เด็กเสิร์ฟทันที“ของโต๊ะห้าค่ะ”“ครับบอส”ภาวินทร์มองเครื่องดื่มที่เด็กยกออกไปแล้วหันมาค้อนภรรยาสาวอีกครั้ง ซึ่งตอนนี้เธอรับหน้าที่ดูแลบาร์แทนพัชรินทร์ที่ลาคลอดอยู่ ส่วนภาวินทร์รับหน้าที่ดูแลผับทั้งหมดแทนคุณพ่อที่กำลังเห่อหลานชาย“ที่รัก แล้วของผม…”“ตึง!”ลักษิกายกนมผลไม้คั้นสดมาให้เขาตรงหน้า ภาวินทร์ขมวดคิ้วมองเธอทันที“นี่อะไรน่ะ ทำไมผมต้องดื่มนมผลไม้นี่อีกแล้ว”“เพื่อสุขภาพที่ดีค่ะ”“แต่ว่าที่รัก… ผมขอแค่แก้วเดียวเองคุณก็รู้ว่าผมไม่ได้ดื่มมากเหมือนเมื่อก่อน”“แต่คุณต้องขับรถให้มิวนะคะที่รัก เพราะฉะนั้นคืนนี้ดื่มไม่ได้ค่ะ”“อะไรกัน ไม่ยุติธรรมเลยรู้แบบนี้ไม่ให้มาทำหรอก”“คุณภาวินทร์คะขอร้องอย่ามางอแงแบบนี้ หรืออยากจะให้มิวกลับไปทำงานที่โรงพยาบาลอีก”“ไม่เอา! ไม่เอาครับเมียจ๋า