Home / รักโบราณ / สะใภ้รองสกุลซ่งผู้ถูกบิดาสามีชิงชัง / ตอนที่ 1||อดีตยังตามหลอกหลอนข้ามิจาง

Share

ตอนที่ 1||อดีตยังตามหลอกหลอนข้ามิจาง

last update Last Updated: 2025-04-09 15:14:51

ตอนที่ 1||อดีตยังตามหลอกหลอนข้ามิจาง

เปรี้ยง!

เสียงฟ้าผ่าคำรามกึกก้อง ราวกับต้องการปลุกทุกสรรพสิ่งให้ตื่นจากความเงียบงัน

ร่างบอบบางของเด็กสาววัยสิบสามปีสะดุ้งตื่นจากฝันร้ายอย่างรุนแรง ลมหายใจของนางหนักหน่วงราวกับเพิ่งถูกฉุดขึ้นมาจากห้วงน้ำลึก ดวงตาเรียวรีดั่งนัยน์ตาหงส์เบิกกว้าง ก่อนจะกะพริบถี่เพราะยังคงสับสนระหว่างความจริงและภาพฝันอันเลือนราง

ฝันนั้นอีกแล้ว...

ความทรงจำจากอดีตก่อนตายไหลทะลักเข้ามาอีกครั้งเสียงดาบปะทะ เสียงกรีดร้อง การสังหาร และกลิ่นเลือดที่ยังคงคละคลุ้งในสำนึก ราวกับจะไม่มีวันจางหาย

นางพยายามสะบัดศีรษะ ไล่ภาพอันโหดร้ายเหล่านั้นออกไปจากจิตใจ แต่กลิ่นคาวเลือดจากสนามรบในความฝันยังคงติดแน่นอยู่ในจิตวิญญาณ

อีกนานเพียงใด...ข้าถึงจะลืมเลือนกันเล่า...?

ภายนอก เรือนเล็ก ๆ ยังคงเผชิญกับสายฝนโปรยปรายไม่ขาดสาย หยาดน้ำกระทบหลังคาไม้เสียงแผ่วเบา สายลมหนาวพัดลอดเข้าทางหน้าต่างที่ปิดไม่สนิท เปลวไฟจากตะเกียงน้ำมันสั่นไหว เงาของเด็กสาวทอดยาวบนผนัง ราวกับเป็นเงาแห่งความเดียวดายที่ยากจะลบเลือน

"เหมียว!"

เสียงร้องขุ่นเคืองของแมวอ้วนตัวหนึ่งดังขึ้น มันขดตัวอยู่ข้างหมอน นัยน์ตากลมโตจ้องมองนางอย่างไม่พอใจ คล้ายตำหนิที่นางไปรบกวนการหลับใหลของมัน

"ข้าขอโทษที่รบกวนเจ้า อาจ้าน... " นางพึมพำเบา ๆ พลางยื่นมือไปลูบขนสีดำสนิทแต่กลับนุ่มมือของมัน และทอดสายตามองออกไปยังความมืดมิดเบื้องนอก

นางยังจำได้ดีถึงวันแรกที่ตื่นขึ้นมาในร่างของ หลินหลีฮวา วันนั้นนางนอกจากท่านย่าที่เดินแทบไม่ไหวคอยเช็ดเนื้อเช็ดตัวให้แล้วแล้วก็มีเพียงเจ้าแมวอ้วนตัวนี้ที่มานั่งเฝ้าอยู่ข้างหมอนเป็นเพื่อน

อาจ้านไม่ได้เป็นสัตว์เลี้ยงดั้งเดิมของเรือนหลังนี้ แต่นับตั้งแต่อาหลีคนเดิมเคยช่วยมันขึ้นมาจากบ่อน้ำท้ายหมู่บ้าน และแบ่งอาหารให้อย่างไม่ลังเล มันก็ไม่เคยจากเด็กสาวไปอีกเลย ในที่สุด มันก็ตัดสินใจเลือกนางเป็น 'ทาส' อย่างถาวร...โดยไม่ขอความเห็นนางแม้แต่น้อย

นางไม่รู้ว่ามันเคยมีเจ้าของมาก่อนหรือไม่ หรือมันเคยมีอดีตแบบไหนมา แต่ตั้งแต่สี่เดือนที่ผ่านมา มันไม่เคยทิ้งนางไปไหนเลยแม้แต่วันเดียว

สี่เดือนแล้ว...สี่เดือนที่นางมาเกิดใหม่ จาก หลัวจือจื่อ ท่านหญิงสูงศักดิ์แห่งเผ่าเจียง กลายเป็นเพียง หลินหลีฮวา เด็กสาวยากจนแห่งหมู่บ้านชายป่านามถงหลัวแห่งนี้

ผู้คนที่นี่เรียกนางว่า "อาหลี" มากกว่า ชื่อที่ฟังดูธรรมดา ทว่าความหมายของคำว่า หลีนั้นมาจากคำว่า"การจากลา"ดูเหมือนจะเป็นคำที่สะท้อนชีวิตของนางได้ดีนัก

ตั้งแต่แรกเกิด อาหลีต้องสูญเสียผู้เป็นมารดาไปตั้งแต่อาหลีอายุได้หนึ่งเดือน ต่อมาบิดาก็จากตามไปอีกคนเพราะถูกงูพิษกัดตอนขึ้นเขาไปเก็บสมุนไพร เมื่ออาหลีอายุสามขวบ และคนต่อมาที่จากไปก็คือท่านปู่ เขาสิ้นลมหายใจเพราะถูกหมีบนเขาตะปบ และเมื่อสามเดือนก่อน ท่านย่าผู้เป็นที่พึ่งสุดท้ายของอาหลีก็มาตายจากไปอีกคนเพราะแผลที่เท้าของนางติดเชื้อ

ตอนนี้...ในครอบครัวของนาง เหลือเพียงพี่ชายผู้เป็นทหารที่หายเงียบไปราวห้าเดือน หลินลู่เฟย จากหมู่บ้านถงหลัวไปสมัครเป็นทหารที่เมืองหลวงเมื่อสามปีก่อน แต่เดิมพี่ชายของอาหลีส่งจดหมายมาไม่ขาด แต่ช่วงสี่เดือนมานี้กลับเงียบหายไป

ไม่มีข่าวคราว…

ไม่มีจดหมาย…

ไม่มีแม้แต่เงา…

เขาหายไปนางที่มาแทนที่อาหลีคนเก่าก็ทำได้เพียงรอคอย แต่มันไม่ง่ายเลยจากท่านหญิงที่เคยได้รับการปรนนิบัติดั่งดอกไม้ในเผ่าเจียง

บัดนี้กลับต้องหุงหาอาหารเอง ซักเสื้อผ้าเอง และดูแลหญิงชราตาบอดที่ป่วยหนักจนลมหายใจสุดท้ายของนางจางหายไปต่อหน้าต่อตาเมื่อสามเดือนก่อน

และถึงแม้จะลำบากเพียงใด นางก็ยังคงมีชีวิตอยู่

เสียงลมหายใจสม่ำเสมอของอาจ้านดังอยู่เคียงข้าง นางลูบหัวมันเบา ๆ ก่อนจะเอนตัวลงบนฟูกเก่าขาดที่มีเพียงผ้าห่มบาง ๆ คลุมกาย ความเย็นค่อย ๆ ซึมลึกสู่ร่างกาย แต่ไม่หนาวเหน็บเท่าความว่างเปล่าภายในใจ

อดีตยังคงตามหลอกหลอนนางแต่ในเมื่อได้ชีวิตใหม่แล้ว นางก็ควรจะมีเส้นทางใหม่ให้เลือกเช่นกัน นางจะไม่หวนกลับเผ่าเจียงเด็ดขาด!

"ชาตินี้...ข้าจะไม่เป็นเพียงผู้ถูกลิขิตอีกต่อไป"

ชีวิตใหม่ของนางทุกเช้าตรู่ อาหลีต้องตื่นก่อนฟ้าสางเสมอเพื่อต้มน้ำ ล้างหน้า และจัดเตรียมอาหารง่าย ๆ ให้ตัวเองและท่านย่าผู้ชราภาพ

หลังจากท่านย่าสิ้นลมเมื่อสามเดือนก่อน อาหลีก็ยังคงรักษาวิถีเดิมไว้ แม้จำนวนผู้ร่วมโต๊ะจะลดลงเหลือเพียงคนเดียวก็ตาม รสชาติของอาหารที่นางปรุงอาจไม่เลิศเลอประหนึ่งตำรับจากราชสำนักเผ่าเจียง แต่ทุกเช้า นางก็พยายามทำให้ดีขึ้นทีละน้อย

สิ่งที่ยากที่สุดสำหรับนาง ไม่ใช่การใช้ชีวิตในเรือนเล็ก ๆ นี้แต่คือการ หาเลี้ยงตนเอง

โชคยังดีที่ความทรงจำของเจ้าของร่างเดิมยังหลงเหลืออยู่บ้าง แม้จะขาด ๆ หาย ๆ เพราะในวันที่ร่างนี้จมน้ำจนสิ้นใจ คาดว่าสำลักน้ำเข้าไปมากจึงส่งผลกับสภาพจิตใจและความจำของนางผู้มาใช้ร่างต่อ

ที่ดินผืนเล็กหลังเรือน เคยเป็นเพียงแปลงผักรกร้าง ไร้ชีวิต แต่ด้วยความช่วยเหลือของ อาต๋า เด็กชายวัยสิบเอ็ดปี ลูกชายช่างไม้ในหมู่บ้าน นางจึงสามารถฟื้นฟูพื้นที่ให้กลับมาเขียวชอุ่มอีกครั้ง ทั้งยังซ่อมแซมเรือนให้อยู่ได้อย่างมั่นคง

อาหลีเริ่มปลูกพืชสมุนไพรและพืชกินได้สำหรับใช้เองและนำไปขายแลกเงิน

อาต๋า... เด็กชายกำพร้ามารดา แต่ยังมีบิดา ปู่ และย่าอยู่เคียงข้าง ต่างจากอาหลีที่เหลือเพียง แมวอ้วนตัวเดียว หลังจากท่านย่าของนางเสียไปเมื่อสามเดือนก่อน

แม้จะยังมีพี่ชายที่เป็นทหารประจำการในเมืองหลวง แต่เขาหายไปนานเกือบครึ่งปี ไม่มีจดหมาย ไม่มีข่าวคราว จนแทบไม่มีหวังจะพบกันอีก

อาต๋าเติบโตมากับบิดาและปู่ ซึ่งล้วนเป็นช่างไม้รับจ้างทำงานทั่วทั้งหยางโจว เมืองเล็ก ๆ ที่อยู่ห่างจากเหยียนจิ่ง เมืองหลวงของต้าฉู่

ด้วยความที่ร่างเดิมของนางเคยฝากตัวเป็นศิษย์ของปู่ของอาต๋า ทำให้นางสนิทสนมกับเด็กชายมากที่สุดในหมู่บ้านถงหลัว

เมื่อทราบว่านางเคยฝึกงานช่างไม้มาก่อน อาหลีจึงพยายามขุดค้นเศษเสี้ยวของความทรงจำที่ยังหลงเหลือ แม้จะไม่ครบถ้วนสมบูรณ์ แต่นางก็สามารถซ่อมเรือน หลังคา โต๊ะ เก้าอี้ และเครื่องใช้ไม้สอยอื่น ๆ ได้อย่างไม่เลว

แน่นอน... โดยมีอาต๋าเป็นลูกมือข้างกาย

นับแต่มาอยู่ในร่างนี้ อาหลีพยายามทำทุกสิ่งด้วยตนเอง แม้แต่ตักน้ำและผ่าฟืนก็ไม่เคยอิดออด

"อาหลีเจี่ย วันนี้ข้าจะช่วยท่านผ่าฟืนเพิ่มดีหรือไม่?"

เด็กชายเอ่ยถามหลังจากนำเนื้อหมูป่าที่บิดาของเขาล่าได้มาแบ่งให้ นัยน์ตาเป็นประกาย เพราะรู้ดีว่าหากช่วยอาหลีเจี่ยทำงาน มักจะได้ขนมแสนอร่อยจากนางเป็นรางวัลเสมอเขาจึงชอบอาหลีเจี่ยมาก

"เจ้าช่วยมาหั่นสมุนไพรให้ข้าจะดีกว่า อาต๋า" อาหลีตอบพร้อมหัวเราะน้อย ๆ พลางมองร่างเล็กที่ตัวสูงขึ้นทุกวัน

อีกไม่ถึงสองปี... เขาคงจะสูงและแข็งแรงกว่านางแน่และเขาคงจะเข้าเมืองไปสอบเป็นทหารไม่ก็มือปราบเช่นพี่ชายของอาหลีอีกคน ใครจะอยากอยู่ทำไร่ล่าสัตว์ไปตลอดชีวิตในหมู่บ้านเล็กกันเล่า

อาต๋าเป็นเด็กที่อดทนและมีความรับผิดชอบ นิสัยเหล่านี้ทำให้อาหลีเห็นตัวเองในกระจกของความเข้มแข็ง นางจำต้องเรียนรู้สิ่งเหล่านี้ให้ได้เช่นกันเพราะนางไม่ใช่ท่านหญิงที่มีบ่าวไพร่รับใช้อีกต่อไป หากแต่เป็นเพียงเด็กสาววัยสิบสามปีที่โดดเดี่ยวเหลือตัวคนเดียว

ท่านย่าผู้เป็นญาติสนิทคนสุดท้ายเพิ่งถูกฝังลงสุสานท้ายหมู่บ้านไปเมื่อไม่นานนี้ ตอนนี้ นอกจากอาจ้านแล้ว นางก็ไม่เหลือใครอีกเลย

แม้บางครั้งที่ลำบากมากเข้าจนนางคิดอยากจะกลับไปยังเผ่าเจียง แต่คิดไปคิดมาใครจะไปเชื่อว่านางคือ หลัวจือจื่อ ก็นางตายไปตั้งสี่เดือนกว่าแล้ว

จึงมีเพียงปรับตัวให้คุ้นชินกับวิถีชีวิตของสามัญชนเท่านั้น อาหลีจึงเริ่มมองหาวิธีสร้างรายได้ และสิ่งที่นางถนัดที่สุด ก็คือ การปรุงโอสถและเครื่องหอม

นางเคยเรียนวิชานี้จากมารดา ตั้งแต่ยังเล็กอายุเพียงสี่ขวบในเผ่าเจียง

มารดาของนางเคยเป็นนักปรุงเครื่องหอมผู้เลื่องชื่อของเผ่าเจียง ท่านสอนนางปรุงกำยาน ยา และยาบำรุงสุขภาพทั้งของบุรุษและสตรี แม้ในตอนนั้นจะเป็นเพียงกิจกรรมเล่นสนุกในตำหนัก แต่มาบัดนี้... ความรู้เหล่านั้นกลายเป็นสิ่งมีค่าเกินประเมิน

มันคือความหวังเดียวที่ทำให้นางอยู่รอด

อาหลีเริ่มจากการสำรวจพืชสมุนไพรในป่าและในสวนหลังบ้าน ค่อย ๆ ทดลองบด ผสม และกลั่นกลิ่น จนได้กำยานสูตรเฉพาะของตนเอง

วันหนึ่ง นางตัดสินใจลองนำผลงานของตนไปขายในตลาดเมืองเล็ก ๆ ร่วมกับอาต๋า

"แม่นางน้อย! กำยานของเจ้าหอมยิ่งนัก! "

"นี่ใช้ดอกกุ้ยฮวาผสมกับชะมดเช็ดหรือ? "

"ข้ามิคิดเลยว่าจะมีกำยานดีเช่นนี้ในเมืองเล็ก ๆ เช่นนี้ได้! "

กำยานของอาหลีได้รับความนิยมอย่างรวดเร็ว ไม่เพียงเพราะกลิ่นหอมละมุนที่ช่วยให้รู้สึกผ่อนคลาย แต่ยังมีคุณสมบัติในการบรรเทาอาการนอนไม่หลับและวิงเวียนศีรษะได้อีกด้วย

และในที่สุดนางก็พบแล้วว่า...

สิ่งนี้ คือหนทางหนทางที่ทำให้นางสามารถยืนหยัดในโลกใบใหม่ ภพชาติใหม่นี้ ได้อย่างแท้จริง

นางมองไปยังเก้าอี้ไม้เก่าของตน ข้างเตาไฟอุ่น ๆ ที่ซึ่ง อาจ้าน แมวอ้วนขนฟูสีดำสนิทขดตัวอย่างสบายใจ ข้างนอก อาต๋ากำลังช่วยตากสมุนไพรที่เพิ่งเก็บจากป่า

แสงแดดอ่อนของยามบ่ายส่องกระทบใบไม้แห้งสะท้อนเป็นประกายอ่อนจาง รอยยิ้มบาง ๆ ผุดขึ้นบนริมฝีปากนางอย่างเงียบงัน

นี่อาจไม่ใช่ชีวิตที่หรูหราและสะดวกสบายเหมือนที่เคยมี แต่กลับเติมเต็มหัวใจของนางได้... อย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน

ที่สำคัญชีวิตใหม่ของนาง ไม่ต้องชิงดีชิงเด่นกับผู้ใด

ไม่ต้องระแวงว่าคืนใดจะมีมือสังหารแฝงกายเข้ามาในเรือนหลังงามอีกต่อไป

"อดีตเป็นเพียงสิ่งที่ผ่านไปแล้ว..."

นางกระซิบกับตนเองเบา ๆ

"บัดนี้ข้าคือ หลินหลีฮวา ข้าคือ อาหลี"

เด็กสาวชาวบ้านธรรมดา ที่กำลังเดินอยู่บนเส้นทางของตนเอง เส้นทางของนักปรุงยาและกำยาน...

ไม่มีอีกแล้ว ท่านหญิงหลัวจือจื่อแห่งเผ่าเจียง

เพราะท่านหญิงผู้นั้น…ได้ตายจากโลกนี้ไปตั้งแต่ครึ่งปีก่อน

แม้แต่ซากศพก็คงกลายเป็นเพียงเถ้าดินใต้ต้นไม้ต้นใดต้นหนึ่งไปแล้ว

แต่แล้วสามวันต่อมา...

อาต๋ากลับมาพร้อมชายแปลกหน้าหกคน ทั้งหมดแต่งกายเรียบง่าย แต่ท่วงท่า การยืน และสายตาของพวกเขา... กลับทำให้นางขมวดคิ้ว

ประสบการณ์ในอดีตของนางในฐานะบุตรีของแม่ทัพและอดีตท่านหญิงแห่งเผ่าเจียง ทำให้นางเพียงมองแวบเดียวก็รู้

พวกเขา ไม่ใช่ชาวบ้านธรรมดาไม่ใช่แม้แต่มือปราบในเมือง...

พวกเขาคือองครักษ์และไม่ใช่ระดับธรรมดาอย่างต่ำ วรยุทธ์ต้องเกินขั้นหก!

"อาหลีเจี่ย"อาต๋าเอ่ยเสียงเบา ดวงตาเหลือบมองพวกชายแปลกหน้าอย่างประหม่า"

"พวกเขามาพบแม่เฒ่าหลินแต่ข้าบอกไปแล้วว่าแม่เฒ่าหลินจากไปเมื่อสามเดือนก่อน ตอนนี้ที่เรือนสกุลหลินมีเพียงท่านหลานสาวของแม่เฒ่า พวกเขาบอกว่าอยากพบท่าน"

นางค่อย ๆ วางตะกร้าสมุนไพรในมือลง เดินตรงไปข้างหน้าด้วยท่วงท่าสงบนิ่ง เผชิญหน้ากับชายแปลกหน้าทั้งหกด้วยดวงตาเรียบเฉย

แม้ใบหน้าเด็กสาววัยสิบสามปีจะยังอ่อนเยาว์ แต่ดวงตากลับฉายแววเฉียบคมและมีบางอย่างที่แตกต่างไปจากเด็กทั่วไป

จนกระทั่งนางเห็นบุรุษคนที่เจ็ด ก้าวลงจากรถม้าอย่างสง่างาม…

ในอ้อมแขนของเขา มี โถบรรจุเถ้ากระดูก สีขาวงาช้างที่ถูกพันด้วยผ้าผืนสีน้ำเงินสีประจำราชสำนักต้าฉู่

หัวใจของนางพลันไหววูบ

"เป็น... พี่ใหญ่ของข้า หรือ?"

เสียงที่หลุดออกจากริมฝีปากนางนั้น เบาหวิว ราวกับลมกระซิบในหุบเขา

Continue to read this book for free
Scan code to download App

Latest chapter

  • สะใภ้รองสกุลซ่งผู้ถูกบิดาสามีชิงชัง   ตอนที่ 50 || หัวใจของข้ามันตายไปพร้อมกับเจ้า!

    ตอนที่ 50 || หัวใจของข้ามันตายไปพร้อมกับเจ้า!…คุกหลวงของกรมอาญา…ภายในห้องขังมืดมิด ไร้แสงสว่าง มีเพียงแสงจากคบเพลิงด้านนอกที่ส่องลอดผ่านลูกกรงเข้ามาให้เห็นเงาราง ๆ ของร่างที่ถูกจองจำเหล่ยหลัวเฟย นั่งพิงกำแพง หายใจรวยริน นางหมดเรี่ยวแรง ขยับร่างกายไม่ได้แม้เพียงปลายนิ้วพิษของยาสลายกระดูกยังแทรกซึมไปทั่วร่าง แต่นั่นมิใช่สิ่งที่ทำให้นางเจ็บปวดที่สุดสิ่งที่เจ็บปวดที่สุดคือ…คนที่ส่งนางมาที่นี่คือเหล่ยหลัวฟาง!"หลัวฟาง… เจ้าสมควรได้รับผลกรรมที่เจ้าก่อ! "เสียงของ ซ่งไป๋เซียว ดังขึ้นอย่างเย็นเยียบจากนอกห้องขัง ก่อนที่เขาจะก้าวเข้ามาในเงามืด ยืนกอดอกมอง ‘นาง’ ด้วยแววตาเย็นชาหลัวเฟยพยายามเปล่งเสียงเรียกเขา… แต่นางทำไม่ได้!"เจ้าวางแผนร้าย ต้องการเอาชีวิตของอาหลี เช่นนั้นจงได้ลิ้มรสของความตายเสียบ้าง!"กึก! กึก! กึก!เสียงฝีเท้าหนักแน่นดังขึ้น ไม่นานเงาร่างของ เฉียงเว่ย ก็ปรากฏตัวขึ้นพร้อมกับถุงผ้าสีดำใบเล็ก ๆ ก่อนจะเปิดมันออกเผยให้เห็น…งูพิษสีดำตัวใหญ่จากแคว้นซีเยี่ยนถึงห้าตัว!ดวงตาของหลัวเฟยเบิกกว้าง นางพยายามขยับตัวแต่ไร้เรี่ยวแรง น้ำตาของนางไหลออกมาอย่างไม่อาจควบคุม…นางกำลังจะตาย!

  • สะใภ้รองสกุลซ่งผู้ถูกบิดาสามีชิงชัง   ตอนที่ 49 ||แม้แต่น้องสาวเจ้าก็กล้าขาย!

    ตอนที่ 49 ||แม้แต่น้องสาวเจ้าก็กล้าขาย!ภายในเรือนของฮูหยินซ่ง ไป๋ซั่ว นั่งไขว้ขาบนเก้าอี้ ดวงตาคมปลาบจ้องตรงไปยังเหวินเปียวที่ยืนทำความเคารพอยู่ตรงหน้า หลังจากได้รับรายงานเกี่ยวกับเบื้องหลังของเรื่องทั้งหมด สีหน้าของไป๋ซั่วเคร่งเครียดและเต็มไปด้วยความคาดไม่ถึง"เป็นนางไปได้อย่างไร?"เขาพึมพำออกมาด้วยน้ำเสียงเหลือเชื่อ ไม่ใช่ว่าเขาไม่เคยสงสัย เหล่ยหลัวฟาง มาก่อน แต่นางเป็นพี่สาวฝาแฝดของว่าที่ฮูหยินของเขา! คนเป็นพี่น้องร่วมสายเลือดกันแท้ ๆ ไฉนเลยจะมีจิตใจอำมหิตถึงเพียงนี้? ที่สำคัญ… หลัวฟางไม่ห่วงน้องสาวของตนบ้างเลยหรือ?ต่างจาก ไป๋เซียว ที่นั่งเฝ้าอาหลีอยู่ไม่ไกล สีหน้าของเขาดำทะมึนลงทันทีที่ได้ฟังรายงานจากเหวินเปียว เพลิงโทสะในดวงตาของเขาร้อนแรงจนแทบจะลุกไหม้ได้"หลัวฟาง…" ไป๋เซียวกัดฟันกรอด ก่อนจะกล่าวด้วยน้ำเสียงกดต่ำ"คราวนี้ข้าจะไม่ปล่อยนางไว้แน่!"บรรยากาศในห้องเต็มไปด้วยความตึงเครียด ท้องฟ้ายามราตรีของจวนสกุลซ่งเงียบสงัด ทว่าเบื้องหลังความเงียบงันนั้นคือพายุร้ายที่กำลังก่อตัว"หลักฐานทั้งหมดมัดตัวหลัวฟางแน่นหนา นางเป็นผู้วางแผนทั้งหมด นางต้องรับโทษ!" ไป๋เซียวกล่าวด้วยน้ำเสียงเย

  • สะใภ้รองสกุลซ่งผู้ถูกบิดาสามีชิงชัง   ตอนที่ 48 || สืบหาผู้อยู่เบื้องหลังงูพิษ

    ตอนที่ 46 || สืบหาผู้อยู่เบื้องหลังงูพิษภายในเรือนของ ฮูหยินซ่ง บรรยากาศเต็มไปด้วยความกดดันและเคร่งเครียด ไป๋เซียว นั่งเฝ้าข้างเตียงของ อาหลี ไม่ห่าง สองมือของเขากุมมือเล็กที่ซีดเซียวไว้แน่น ความเย็นของมือนางทำให้เขาแทบบ้าตายเขาไม่เคยรู้สึกสิ้นหวังและโกรธแค้นเท่านี้มาก่อน!"อาหลี… เจ้าต้องไม่เป็นอะไร…"เขากัดฟันแน่น นับตั้งแต่เกิดเรื่องจนถึงยามเฉิน เขาเปลี่ยนยาดูดพิษและป้อนยาให้นางตรงตามเวลา แต่อาการของอาหลีกลับดีขึ้นเพียงเล็กน้อยเท่านั้น ดวงตาคมปลาบแฝงไปด้วยเพลิงโทสะที่พร้อมเผาผลาญทุกคนที่ทำร้ายนางแต่บัดนี้… ไป๋เซียว ยังมิอาจทำตามใจตนเองได้เขาจะรอให้อาหลีฟื้นขึ้นมาก่อน… จากนั้นเขาจะทำให้ผู้ที่คิดร้ายกับนางไม่ได้ตายดีแน่!ทันใดนั้นเอง เสียงฝีเท้าหนักแน่นก็ดังขึ้นหน้าห้อง ก่อนที่ร่างสูงของ ไป๋ซั่ว จะก้าวเข้ามา ใบหน้าของเขาเคร่งเครียดไม่แพ้กัน"ข้ากลับมาจากวังหลวงก็ได้ยินเรื่องของอาหลีแล้ว!"น้ำเสียงของเขาเต็มไปด้วยความหนักใจและโกรธแค้น ในสายตาของ ไป๋ซั่ว น้องสะใภ้ผู้นี้อยู่ในฐานะเดียวกับน้องสาวของเขาเองพอได้เห็นอาหลีบาดเจ็บหนัก นอนนิ่งไม่รู้สึกตัวเช่นนี้ ไป๋ซั่วก็โกรธจนแทบระเบิด!เ

  • สะใภ้รองสกุลซ่งผู้ถูกบิดาสามีชิงชัง   ตอนที่ 47 || ส่งเสริมน้องสะใภ้สุดกำลัง!

    ตอนที่ 45 || ส่งเสริมน้องสะใภ้สุดกำลัง!ในขณะที่จวนซ่งอาหลีต้องเผชิญเรื่องร้าย ท่านด้านซ่งไป๋ซั่วนั้นก็ถูกไท่หมิงฮ่องเต้เรียกเข้าเฝ้าเป็นการส่วนตัว…บัดนี้ที่ห้องรับรองเล็ก ภายในตำหนักอวิ๋นหลงของวังหลวง ที่ประทับส่วนพระองค์ของไท่หมิงฮ่องเต้ มีบุรุษผู้เป็นใหญ่ในแผ่นดินต้าฉู่นั่งอยู่บนบัลลังก์ด้วยกิริยาผ่อนคลาย ที่มือซ้ายถือถ้วยชาลวดลายมังกรวิจิตรเอาไว้ ท่าทีดูผ่อนคลายก็จริงแต่สายนั้นยังคมลึกเต็มไปด้วยความน่าเกรงขามซ่งไป๋ซั่วยืนอยู่ด้านล่าง บรรยากาศรอบตัวไม่ถึงกับเคร่งขรึม เช่นเมื่ออยู่ในท้องพระโรงใหญ่ ทว่าใบหน้าของท่านราชเลขากลับยังคงนิ่งสงบสำรวมเช่นเดิม"เจ้าบอกว่า… ฮูหยินของไป๋เซียว เสี่ยงชีวิตเข้าไปรักษาคนป่วยในหอนางโลม?" ไท่หมิงฮ่องเต้เอ่ยถาม ดวงตาของพระองค์จับจ้องไป๋ซั่วแน่วแน่ไป๋ซั่วประสานมือคารวะ "พ่ะย่ะค่ะ""นางรู้หรือไม่ว่าสิ่งนี้อาจทำให้ตนเองเดือดร้อน?""นางย่อมรู้ดีพ่ะย่ะค่ะ" ไป๋ซั่วกล่าวเสียงหนักแน่น"แต่นางกลับยังเลือกที่จะทำ เพราะสำหรับอาหลีแล้ว ความเป็นความตายของผู้คนสำคัญกว่าชื่อเสียงของตนเอง"ไท่หมิงฮ่องเต้เงียบไปครู่หนึ่งหลังฟังจบ ก่อนเขาจะวางถ้วยชาลง แววตาของพระองค์

  • สะใภ้รองสกุลซ่งผู้ถูกบิดาสามีชิงชัง   ตอนที่ 46 ||งูกัดเจ้าแต่พิษกระจายมาถึงหัวใจข้าแล้ว…

    ตอนที่ 46 ||งูกัดเจ้าแต่พิษกระจายมาถึงหัวใจข้าแล้ว…ภายในห้องของ ฮูหยินซ่ง บรรยากาศตึงเครียดจนแทบไม่มีใครกล้าหายใจแรง ทุกคนต่างเฝ้ามอง อาหลี ด้วยความเป็นห่วง ร่างของเด็กสาวตัวเล็กนอนอยู่บนเตียงกว้าง เหงื่อเย็นไหลซึมทั่วใบหน้า เสื้อผ้าที่นางสวมใส่เปียกชุ่มไปหมด ริมฝีปากซีดเผือด ดวงตากลมโตพร่ามัวเพราะพิษกำลังแทรกซึมเข้าสู่กระแสเลือดถึงอย่างนั้น นางกลับไม่ร้องไห้แม้แต่ครึ่งคำอาหลีเป็นหมอ นางย่อมรู้ว่าหากตนเองขาดสติ จะทำให้สถานการณ์เลวร้ายลงไปอีก และอาการของนางอาจหนักจนเกินกว่าจะรักษาได้ ดังนั้นนางจึงอดทนทุกข์ทรมานโดยไม่ปริปาก นางรู้สึกเหมือนร่างกายถูกไฟแผดเผาจากภายใน ความร้อนและอาการชาแผ่ขยายจากข้อเท้าขึ้นมาเรื่อย ๆ หากยังไม่มีใครมาถอนพิษ นางคงหมดสติในอีกไม่นานแต่ต่อให้นางเจ็บปวดทรมานเพียงใด อาหลีก็ยังคงมีสติและคิดแทนผู้อื่น"อาหนิว อาจิ่ว… ยา… เตรียมสมุนไพร… ไว้ให้พร้อม… อย่าลืม…"เสียงของนางแหบแห้ง และแผ่วเบาราวกับลมหายใจ แต่นางยังคงสั่งการอย่างมั่นคง อาหนิวกับอาจิ่วรีบพยักหน้า ทั้งสองสาวใช้ที่ภักดีต่อฮูหยินของพวกนาง น้ำตานองหน้า แต่ก็ทำตามคำสั่งโดยไม่อิดออดนางคือฮูหยินของท่านหมอซ่

  • สะใภ้รองสกุลซ่งผู้ถูกบิดาสามีชิงชัง   ตอนที่45|| แผนปลิดชีพอาหลีของหลัวฟาง

    ตอนที่45|| แผนปลิดชีพอาหลีของหลัวฟางภายในห้องส่วนตัวของ เหล่ยหลัวฟาง บรรยากาศเต็มไปด้วยความคับแค้นและเดือดดาล ความเงียบภายในเรือนถูกทำลายด้วยเสียงสบถของนางที่เต็มไปด้วยโทสะรุนแรง"นังอาหลีนั่นรอดไปได้อีกแล้ว!"เสียงของนางดังลั่นราวกับจะสะท้อนความโกรธเคืองออกมาให้ทั่วทั้งเรือนรับรู้ นางกำหมัดแน่นจนเล็บจิกลงไปในเนื้อของตนเอง ความโกรธแค้นทำให้ดวงตาของนางแดงก่ำ ร่างทั้งร่างสั่นสะท้านไปด้วยเพลิงโทสะที่เดือดพล่านทำไม?ทำไมนังสวะนั่นถึงรอดมาได้ทุกครั้ง!?แผนการของนางถูกวางไว้อย่างแยบยล นางรู้ดีว่า ซ่งไท่จวิน และ ใต้เท้าซ่ง อยากขับไล่หลินหลีฮวาออกจากจวนสกุลซ่ง อีกทั้งพวกเขาก็อยากได้ ‘สะใภ้ที่คู่ควร’ เช่นนางเข้ามาแทนที่! แต่ทุกอย่างกลับพังพินาศเพราะ ฮูหยินซ่ง หญิงแก่ใจอ่อนที่ดันเข้ามาปกป้องนังเด็กนั่นและยิ่งนางคิดถึง ซ่งไป๋เซียว ที่พยายามทุกวิถีทางเพื่อปกป้องอาหลี หัวใจของนางก็แทบลุกเป็นไฟเขาไม่เคยมองนางเลย...ตั้งแต่ต้นจนจบ ไม่ว่าหลัวฟางจะทำเช่นไร ไป๋เซียวก็ยังคงเลือกปกป้อง นังเด็กสกุลหลิน!"ข้าจะไม่ยอมให้มันรอดไปได้อีก! ข้าไม่ยอม! ข้าจะต้องฆ่ามันให้ได้!!""คุณหนู ใจเย็นก่อนเถิดเจ้าค่ะ!"

More Chapters
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status