เข้าสู่ระบบ“กรี๊ดดดดดด ฉันได้ที่ฝึกงานแล้วเว้ยยยย”
เคทผุดลุกขึ้นยืนด้วยความดีใจอย่างลืมตัว ก่อนจะรีบนั่งลงเมื่อรู้สึกถึงสายตาของใครหลาย ๆ คน
สีหน้าของซันเปลี่ยนไปทันทีหลังหยิบมือถือของเธอมาอ่านข้อความด้านใน เขาขมวดคิ้วแน่นเมื่อเห็นชื่อบริษัทที่แจ้งตอบรับมาเต็ม ๆ ตา
“ไหน ๆ ๆ ๆ ขอฉันดูบ้าง”
“เอออ เอามาดูบ้างสิแก”
บริ้งค์คว้าโทรศัพท์มือถือออกจากมือซันมานั่งเลื่อนอ่านข้อความบ้าง โดยมีขวัญข้าวเอาคางเกยหัวไหล่มองหน้าจอไปด้วยกัน
“สุดยอดเลยอ่ะแก บริษัทยักษ์ใหญ่ TK Group เลยนะเนี้ย”
บริ้งค์และขวัญข้าวทำตาโตเมื่อเห็นชื่อบริษัทชัดๆ แล้วพร้อมใจกันชูนิ้วโป้งกดไลค์ให้เธอ
“ดูด้วยค่ะว่าใคร คิกคิก”
เคททำสีหน้ามั่นอกมั่นใจ เพื่อนสาวได้แต่แบะปากกลอกตามองบนแทนคำตอบ ก่อนที่ทั้งสามสาวจะหัวเราะประสานเสียงกันดังลั่นไปทั่วบริเวณ
“เธอจะไปจริง ๆ เหรอ”
ซันหันมาถามหญิงสาวด้วยสีหน้าไม่สบายใจ อยากจะเกลี่ยกล่อมให้เธอมาฝึกงานที่บริษัทของบ้านเขาอีกครั้ง แต่ก็คงเปล่าประโยชน์เพราะเขาพยายามพูดมาแล้วไม่ต่ำกว่าสามรอบ
“ทำไมทำหน้าแบบนั้นล่ะ ถ้าคิดถึงก็มาหาฉันที่บริษัทสิ”
เคทเลิกคิ้ว ไม่ตอบแต่ถามกลับไปแทน มองสีหน้าของซันแล้วนึกสงสัยว่าทำไมจะต้องเคร่งเครียดขนาดนั้นด้วย
“มันไม่ใช่อย่างงั้น”
“แล้วมันอย่างไหนล่ะ”
ยังไม่ทันที่ซันจะได้ตอบคำถามชัดเจน อีกสองสาวที่นั่งฝั่งตรงข้ามก็พร้อมใจกันถามด้วยประโยคเดียวกัน
“มันเป็นบริษัทคู่แข่งของบ้านฉันน่ะ”
ซันตอบปัดไปสั้นๆ เพราะยังไม่อยากขยายความต่อหน้าขวัญข้าวกับบริ้งค์ให้มากมาย
“งั้นก็ดีสิ เดี๋ยวฉันจะเป็นคนเข้าไปสืบราชการลับให้นายเอง คิกคิก”
เคทตอบอย่างอารมณ์ดี แล้วก้มลงอ่านข้อความนัดมอบตัวในอีเมลและสถานที่อีกครั้งอย่างละเอียดด้วยความดีใจ
ดีจังเลยได้ฝึกกับบริษัทใหญ่ด้วย หวังว่าคงจะไม่ให้ฉันทำแค่ชงกาแฟหรือคอยถ่ายเอกสารให้คนอื่น ๆ แค่นั้นหรอกนะ
“งั้นฉันกลับก่อนดีกว่า จะไปหาซื้อเสื้อผ้าไว้ใส่วันที่เข้าไปรายงานตัว แกจะกลับพร้อมฉันเลยไหมขวัญ”
“ไม่อ่ะ วันนี้มีนัดกับน้องดล อีกเดี๋ยวคงจะเลิกคลาส”
เคทแบะปากหมั่นไส้ในคำตอบและสีหน้าระริกระรี้ของเพื่อน มือเล็กเก็บข้าวของก่อนจะโบกมือลาคนอื่น ๆ ที่ต้องอยู่เรียนวิชาเลือกในช่วงบ่ายกันต่อ
@ห้างสรรพสินค้า
เดินเล่นเพียงไม่ถึง 2 ชั่วโมง มือเล็กก็เต็มไปด้วยถุงน้อยใหญ่ตามขนาดสินค้าเกือบสิบถุง
จากตอนแรกที่ตั้งใจจะซื้อแค่เสื้อผ้าจากร้านประจำ กลับกลายเป็นว่าได้เครื่องสำอาง น้ำหอม และสกินแคร์อีกมากมายเต็มไปหมด จนตอนนี้เบาะหลังแทบวางไม่พอเลยทีเดียว
เพราะคำว่า Sale คำเดียวเลย!
ครืดครืดดดดด ครืดครืดดดดด
มือเล็กรีบสลัดถุงช้อปปิ้งมากมายออกจากข้อมือ ล้วงเข้าไปหยิบโทรศัพท์ตัวเองในกระเป๋าสะพาย YSL ใบหรู
“เอ๊ะ! ไม่ใช่เครื่องนี้เหรอ ว๊าย ๆ ๆ ๆ”
มือเล็กรีบควานหาอีกเครื่องมือเป็นระวิง ก่อนจะกดรับสายด้วยความตื่นเต้น
“คุณ ๆ ๆ ฉันเก็บมือถือคุณได้ค่ะ ฉันไม่ใช่คนขโมยนะ!!”
รอบนี้เธอรีบชิงพูดก่อนอย่างรวดเร็ว เพราะกลัวจะเจอเหตุการณ์แบบเดิมที่อีกฝ่ายไม่ยอมรอฟังเธอเลยสักคำ
( อืม ฉันรู้แล้ว )
“สะดวกให้ฉันเอาไปคืนที่ไหนดีคะ”
( บอกเบอร์เธอมา )
“คะ? เบอร์ฉันเหรอ”
( จะส่งโลเคชั่นไปให้ )
“อ่อ ๆ ได้ค่ะ 089955XXXX”
ติ้ด
หะ!?
เคทกะพริบตาปริบ ๆ มองหน้าจอโทรศัพท์ที่ถูกกดตัดสายไปแล้วด้วยความงุนงง
คนอะไรวะ โคตรมีมารยาทเลย
ไม่กี่นาทีหลังจากนั้น โปรแกรมแชทก็เด้งแจ้งเตือนถึงการเพิ่มเพื่อนใหม่เข้ามา นิ้วเรียวกดเปิดรูปโปรไฟล์ของอีกฝ่ายแล้วขยายให้เป็นภาพใหญ่ขึ้น หลังรับแอดไลน์เพื่อนใหม่ที่เพิ่งแอดมาจากเบอร์โทรศัพท์
“หน้าตาก็หล่อ บ้านก็น่าจะรวย ทำไมนิสัยช่างแปรผกผันกับหน้าตาเสียจริง ๆ”
เคทแลบลิ้นใส่คนในรูปด้วยความหมั่นไส้ ดวงตากลมโตฉายแววแปลกใจเมื่อเห็นโลเคชันของสถานที่นัดรับโทรศัพท์ที่เพิ่งถูกแชร์มาให้
“นี่มัน....ดีจังจะได้ไม่ต้องไปหลายที่”
เธอฉีกยิ้มกว้าง ก่อนจะเลือกวันเวลาที่ตัวเองสะดวกจากตัวเลือกที่อีกฝ่ายเสนอมา ทีนี้เธอจะได้อ่านหนังสือสอบอย่างมีสมาธิเสียที หลังจากพะวักพะวงเรื่องข้าวของที่เธอเก็บมาได้อยู่หลายวัน
คชาเดินทอดน่องไปตามชายหาด ดื่มด่ำกับบรรยากาศยามเย็นที่แสนเย็นสบาย คลี่ยิ้มบาง ๆ ด้วยความผ่อนคลาย ดีจริง ๆ ที่มาเที่ยวตามคำเชิญของมิริน ไว้เย็นนี้ค่อยแวะไปทักทายครอบครัวนั้นหน่อยแล้วกันขณะกำลังชื่นชมกับความงามทางธรรมชาติอยู่นั้น พลันหางตาก็เหลือบไปเห็นใบหน้าของใครบางคนที่วนเวียน ติดอยู่ในหัวของเขามาตั้งแต่งานแต่ง คชาแอบเดินตามหลังหมอสาวไปเรื่อย ๆ เว้นระยะห่างพอสมควรเพื่อไม่ให้เธอรู้ตัวสองมือล้วงเข้าไปในกระเป๋ากางเกง ทอดมองแผ่นหลังบอบบางของหญิงสาวที่กำลังเดินเหม่อลอยอยู่บนชายหาดด้วยความสงสัย ใบหน้าหวานดูเศร้าหมองเสียจนคชาเกิดความอยากรู้ถึงสาเหตุว่าเกิดอะไรขึ้นกับเธอกันแน่คชาชะงักฝีเท้า รีบกระโดดเข้าไปหลบหลังต้นมะพร้าวที่อยู่ใกล้ ๆ เมื่อจู่ ๆ หญิงสาวหยุดฝีเท้ากะทันหันพลางเหลียวหลังกลับมามอง คล้ายรู้ตัวว่ากำลังถูกเดินตาม“ก็ไม่มีอะไรนี่นา”นิลขมวดคิ้วทำหน้างุนงง รู้สึกราวกับว่าตัวเองกำลังถูกจับจ้องจากสายตาคู่หนึ่ง แต่ทว่าพอเหลียวหลังกลับไปตรวจดู ก็พบว่าผู้คนในละแวกนั้นต่างก็เพ่งความสนใจไปที่กิจกรรมของตัวเอง ไม่มีอะไรผิดปกติอย่างที่เธอนึกสงสัย“สงสัยเราจะดูหนังมากไปจริง ๆ”นิลด
“กล้าดียังไงถึงใส่เสื้อคนอื่นที่ไม่ใช่ผัว”ร่างบางชะงักหยุดทุกความเคลื่อนไหวทันที หลังได้ยินเสียงทุ้มต่ำคำรามอย่างเกรี้ยวกราดข้างๆ หู“พะ...พี่วิน”เคทถอนหายใจโล่งอกเมื่อหันมาพบว่าเจ้าของการกระทำที่แสนหยาบคายเมื่อครู่คือสามีของเธอเอง ดีใจอยู่ชั่วครู่ใบหน้าหวานก็แปรเปลี่ยนเป็นหงิกงอ ก่อนจะฟาดกำปั้นลงบนอกกว้างอย่างแรง“หายไปไหนมาคะ ติดต่อไม่ได้ตั้งแต่เมื่อคืนแล้ว รู้ไหมว่าเป็นห่วงเนี้ย”“ก็รีบบินกลับมาหาเมียไง”มือหนาถอดเสื้อยืดของตัวออกมาสวมให้หญิงสาวแทนตัวเก่าที่ถูกโยนทิ้งอยู่มุมลิฟท์อย่างไม่ใยดีกวินรั้งร่างบางเข้ามาโอบกอด ซุกไซ้จมูกโด่งเข้ากับซอกคอขาวผุดสูดกลิ่นกายสาวด้วยความคิดถึง มือเอื้อมไปบีบเคล้นเนื้อนุ่มใต้เสื้อยืดที่คลุมหมิ่นเหม่ปิดแค่ครึ่งสะโพก คำรามในลำคอเบา ๆ อย่างรู้สึกดี“คิดถึงผัวบ้างไหมครับ หื้มมม”"ไม่ต้องมาพูดเลย!"เคทเบี่ยงหน้าหลบกวินที่ยื่นหน้าเข้ามาฉกจูบ ทำให้จมูกโด่งฝังเข้าที่แก้มนุ่มแทน ก่อนจะเดินกระทืบเท้าออกจากลิฟท์ตรงไปยังห้องพักอย่างแง่งอนติ้ด!ขาเรียวก้าวออกไปยืนนอกระเบียงโดยไม่สนใจสามีที่กำลังเดินตามมาติด ๆ เมินใส่สามีที่ทำให้เธอเป็นบ้าเป็นหลังเมื่อคืนอยู
อาทิตย์ถัดมา @โรงแรม Nava สาขาประจำจังหวัดกระบี่“เคท!”หญิงสาวหันตามเสียงเรียก ก่อนจะหวีดร้องด้วยความดีใจทันทีที่เห็นใบหน้าของคนที่เข้ามาทักทายร่างบางถลาเข้าสวมกอดพี่สาวคนสนิทแล้วหอมแก้มซ้ายขวาไปหลายฟอดแทนความคิดถึงมิรินหัวเราะร่ากับความน่ารักสดใสไม่เคยเปลี่ยนของเธอ แล้วกอดตอบอีกฝ่ายด้วยความเต็มใจหลังกอดรัดฟัดเหวี่ยงพี่สาวจนหนำใจแล้ว เคทจึงคลายกอดแล้วหันไปยกมือขึ้นประนมไหว้ชายผู้เป็นสามีของพี่สาวอย่างอ่อนช้อย"สวัสดีค่ะพี่ชินท์"เตชินท์ยิ้มรับบาง ๆ มองสาวน้อยด้วยความเอ็นดู คิ้วหนามุ่นเข้าหากับเล็กน้อย เกิดลางสังหรณ์ขึ้นมาในใจแปลกๆ ว่าครั้งนี้ไม่น่าจะเป็นความบังเอิญอย่างที่คาดคิดไว้สายตาคมกริบกวาดมองไปรอบ ๆ บริเวณที่มองหาตัวการอีกคนที่คาดว่าน่าจะดักซุ่มอยู่ไม่ใกล้ไม่ไกล“หุยยยยย เคทคิดถึงพี่มิรินจังเลย ขอกอดอีกที ๆ ๆ”“ฮ่า ๆ มาเที่ยวไกลเชียวนะ แล้วนี่มากับใครเนี้ย คชาล่ะ? เจ้าตัวเล็กล่ะมาด้วยกันไหม?”มิรินยืดตัวขึ้นพลางชะโงกมองหาเพื่อนชายคนสนิทไปด้วย ถ้ามาด้วยกันก็คงดีเพราะเธอก็ไม่ได้เจอคนทั้งคู่มานานจนแทบลืมหน้าไปแล้วเคทคลายอ้อมกอดออก ส่ายหัวไปมาแล้วเบ้หน้าทำปากคว่ำด้วยความหมั
“ปา ป๊า”คีรินทร์ร้องเรียกเสียงอ้อเอ้ พร้อมกับอ้าแขนออดอ้อน ขอให้คุณพ่ออุ้มเธอเดินเล่นอย่างที่ชอบทำอยู่ทุกวัน“เรียกปะป๊าเหรอครับ หื้มมม เจ้าตัวยุ่ง”กวินช้อนตัวลูกสาวตัวน้อยขึ้นมาอุ้มแนบอก ชูร่างเล็กขึ้นสูงก่อนจะใช้ใบหน้าซุกหน้าพุงป่อง หยอกเย้าจนลูกสาวส่งเสียงหัวเราะเอิ๊กอ๊ากชอบใจดังลั่น“ชอบใช่ไหมครับ จั๊กจี้ใช่ไหมมมม”“ปา ป๊า เอิ๊ก ๆ ปา ป๊า”กวินทำอีกซ้ำ ๆ พลางหัวเราะประสานไปกับเสียงของลูกสาว คิ้วหนาขมวดเข้าหากันเมื่อรับรู้ได้ถึงแรงกระตุกที่ขากางเกง เขาขบต้นขาลูกสาวเบา ๆ ส่งท้ายก่อนจะก้มลงมองร่างกลมขาวจั๊วะที่เกาะข้อเท้า เงยหน้ามองเขาตาใสแป๋วเพราะอยากเล่นแบบนี้บ้าง“อยากเล่นเหมือนกันเหรอครับคิมหันต์”กวินหัวเราะเบา ๆ กำลังจะส่งลูกสาวตัวน้อยคืนให้เมียรัก เพื่อผลัดเปลี่ยนมาหยอกล้อกับลูกชายบ้าง แต่ไม่ทันอีกคนที่ไวกว่าเควินช้อนตัวหลานชายขึ้นมาอุ้มแนบอก สายตาสงสัยจ้องมองใบหน้าจิ้มลิ้ม ที่เกิดจากการผสมผสานความสวยหล่อของพี่ชายและภรรยาอย่างพินิจพิจารณาเขาใช้ปลายนิ้วจิ้มเข้าไปที่แก้มนุ่มหยุ่นสองสามที ดวงตาฉายแววประหลาดใจขณะมองแก้มป่องที่เด้งดึ๋งสู้มือถ้าเขามีลูกบ้าง จะมีหน้าตาเป็นแบบ
@คฤหาสน์ประจำตระกูลกวินจำต้องพาลูกเมียมายังคฤหาสน์ตามคำสั่ง เนื่องจากเป็นวันหยุดสุดสัปดาห์และทนการรบเร้าของคนเป็นปู่ต่อไปไม่ไหวแล้วคิมหันต์และคีรินทร์มีอายุได้ 1 ขวบกว่าๆ กำลังอยู่ในช่วงหัดพูดเป็นคำ ๆ เงยหน้ามองผู้เป็นปู่ตาใสแป๋ว สลับกับปรบมือเปาะแปะทำตามผู้ใหญ่"อ๊ะ! จ๊ะเอ๋! ว่าไงครับหลานปู่ หิวหรือยังงงงง หื้มมม หิวหรือยังงง""แอะ แอะ หม่ำ"กฤษดานั่งหยอกเย้าหลานทั้งสองด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม เสียงอ้อเอ้ของหลานตัวน้อยผลัดกันขานรับทุกประโยคที่คุยด้วย น่ารักน่าชังเสียจนคุณปู่ผู้เห่อหลานแต่ไม่ยอมรับ ทั้งรักทั้งหลงจนแทบจะประเคนทุกอย่างให้หมดแล้ว"มาลี! เอาขนมมาให้หลานฉันสิ!""เจ้าค่ะ"ไม่ถึงนาที ขนมนมเนยที่เหมาะสมกับเด็กในวัยนี้ก็ถูกนำมาเสิร์ฟจนเต็มโต๊ะ กวินมองอาการเห่อหลานจนเข้าขั้นวิกฤตของพ่อตัวเองแล้วส่ายหัวไปมาทั้งแก้วแหวนเงินทอง ทั้งของเล่นเสริมพัฒนาการเด็กที่กองพะเนินจนล้นลัง กว่าลูก ๆ ของเขาจะเล่นครบทุกชิ้นคงกินเวลาไปทั้งปี แถมยังมีที่ดินย่านใจกลางเมืองที่ให้เพื่อรับขวัญหลานคู่แรกของตระกูล มูลค่ากว่าห้าสิบล้านอีกผืนอีกหน่อยถ้าลูก ๆ พูดได้แล้วขอนู้นนี่นั่น เพนท์เฮ้าส์ของเ
“อะ...อะไรของนายเนี้ย!?”คชาสบเข้ากับสายตาคำถามของหญิงสาว เบือนหน้าหนีไปอีกทางพลางเอ่ยด้วยน้ำเสียงราบเรียบ“รับไปสิ ฉันให้”“อุ้ย! ได้สองช่อติดขนาดนี้ สงสัยเจ้าบ่าวจะอยู่ใกล้ ๆ ตัวนะคะหมอนิล คิกคิก”มิรินกระเซ้าเหย้าแหย่ ขยั้นขยอให้หมอสาวยอมรับช่อดอกลิลลี่ไว้ พลางพยักเพยิดไปทางเพื่อนชาย บอกเป็นนัย ๆ ว่าเจ้าบ่าวคนต่อไปก็อาจจะยืนอยู่แถว ๆ นี้ก็เป็นได้“นั่นสิ! หมอผีที่โสดนาน ๆ อย่างเธอ คงไม่อยากแต่งงานกับภูติผีที่เลี้ยงไว้หรอกใช่ไหม หรือว่าอากาศข้างบนมันดีซะจนไม่อยากลงจากคาน?”“ไอ้…..!!!”นิลกัดฟันกรอด ๆ อยากจะด่าต่ออีกสักชุด แต่พอกวาดสายตามองไปรอบ ๆ ตัวจึงกลืนคำด่าลงท้องไปก่อน เพราะการกระทำของชายหนุ่มทำให้เธอกำลังตกเป็นเป้าสายตาของคนในงานกว่าครึ่ง"อย่างน้อย ๆ ผีที่ฉันเลี้ยงไว้ก็ไม่ปากเสียแบบนาย!"นิลตีหน้ายักษ์ใส่คชาแล้วสะบัดหน้าเดินหนีอย่างแง่งอน ทั้งหงุดหงิดและไม่เข้าใจว่าทำไมเขาถึงต้องปล่อยหมาออกมากัดเธอทุกครั้งที่พบกันมิรินเดินเข้ามาหาเพื่อนชายคนสนิท ตบบ่าเขาหนัก ๆ สองสามที นึกอยากจะปรามความปากเสียของเพื่อนอยู่เหมือนกัน แต่ติดตรงที่คชาคงจะแก้นิสัยนี้ไม่หายแล้วล่ะมั้ง จึงเปลี่ยนเป







