เสียงน้ำไหลกระทบจานชามดังเป็นจังหวะเบา ๆ เธอพยายามระมัดระวังมากที่สุดเพื่อไม่ให้น้ำกระเซ็นมาใส่เสื้อเชิ้ตราคาแพงของเขา ในขณะที่คนตัวโตที่กำลังนั่งเอนตัวพิงพนักเหมือนไม่มีอะไรอยู่ในสายตานอกจากภาพยนตร์บนหน้าจอแอลอีดีที่กำลังฉายอยู่ แต่ในความเป็นจริง นัยน์ตาสีนิลกำลังเลื่อนไปทางห้องครัวบ่อยครั้งมากกว่าที่จะมองหน้าจอเสียอีก ดวงตาคมคู่นั้นแอบชำเลืองไปทางเธอเป็นระยะ ๆ ทุกครั้งที่เธอเอื้อมมือไปหยิบจานที่เพิ่งล้าง หรือสะบัดน้ำออกจากมือ เขาก็อดไม่ได้ที่จะเผลอมองอากัปกิริยาของคนร่างบางโดยไม่ให้เธอรู้ตัว ก่อนที่จานใบสุดท้ายจะถูกล้างจนเสร็จสิ้น มือบางคู่นั้นเช็ดมือจนแห้งก่อนจะหันตัวกลับมาทางเขา ธราดลนั่งหลังตรงก่อนจะเบนสายตาไปทางหน้าจอแอลอีดีขนาดใหญ่ พร้อมกับเร่งเสียงภาพยนตร์ที่กำลังฉายอยู่เบื้องหน้าให้ดังขึ้น วิมลลักษณ์ไม่แน่ใจมากนักว่าชุดปฐมพยาบาลยังเก็บไว้อยู่ที่เดิมหรือเปล่า ก่อนที่ดวงตากลมโตจะเหลือบไปเห็นว่ามันวางอยู่สูงกว่าที่ควร มือบางเอื้อมไปหยิบกล่องยาที่อยู่ด้านบนจนปลายเท้าเขย่ง "อ๊ะ...อีกนิดเดียว" ใบหน้าเล็กขมวดคิ้วเล็กน้อยก่อนจะใช้แขนเรียวยืดขึ้นจนสุดความสามารถ อีกเพียง
วิมลลักษณ์ไม่ได้ปรายตามองเขา หญิงสาวยังคงก้มหน้าหลุบตาลงต่ำอย่างทุกครั้งที่มักจะทำเป็นประจำยามที่ต้องเผชิญหน้ากับเจ้านายที่แสนใจร้าย เพียงแค่วันนี้เธอออกจะบ้าดีเดือดกับเขาไปสักหน่อย อดรู้สึกผิดไม่ได้กับสิ่งที่ตัวเองทำกับเขาก่อนหน้านี้ เธอตั้งใจจะหันหลังกลับไปเงียบ ๆ ทว่า"จะไปไหน?"คนตัวโตที่สวมใส่เพียงกางเกงผ้าฝ้ายขายาวเปลือยเปล่าท่อนบนทำเป็นถามเสียงเข้มออกไป มองคนตัวเล็กที่กำลังเดินก้มหน้าก้มตาไปทางครัวอย่างไม่มีทีท่าว่าจะเงยหน้ามองเขาสักนิด "จะไปเก็บถาดค่ะ"ยืนหันหลังตอบ...เธอรู้ว่าตัวเองไม่ควรทำกิริยาแบบนี้กับเขา แต่จะให้ทำยังไงได้ ตอนนี้เธอทั้งหิว ทั้งอาย ทั้งรู้สึกแย่กับตัวเองจนไม่อาจทนมองเขาต่อไปได้ไหว"นั่งกินข้าวกับฉันก่อน""ไม่เป็นไรค่ะ"จ๊อก!!!!บางทีเธอก็นึกเกลียดเสียงท้องตัวเองที่ปล่อยคิวผิดให้เจ้าตัวได้อายซ้ำแล้วซ้ำเล่า หิวน่ะมันก็หิวอยู่หรอก...แต่ศักดิ์ศรีมันค้ำคอมากกว่าน่ะสิ หรือบางทีศักดิ์ศรีอาจประทังชีวิตต่อไปไม่ได้...กองทัพยังต้องเดินด้วยท้องสินะ"จะเย่อหยิ่งให้ได้อะไรขึ้นมา ไม่ได้เต็มใจจะชวนหรอกนะ แค่ไม่อยากเป็นขี้ปากคนอื่นว่าใช้งานลูกน้องเยี่ยงทาส กักขังหน
ร่างหนาในความสูงเกือบหนึ่งร้อยเก้าสิบแซนติเมตรเปลือยกายแกร่งล่อนจ้อนเดินอาด ๆ เข้าไปในห้องน้ำ สิ่งแรกที่ทำคือเปิดฝักบัวให้แรงที่สุด ก่อนที่ร่างสูงจะยืนอยู่ใต้ฝักบัวเต็มความสูงเพื่อดับความร้อนรุ่มภายในกายของตนเอง ร้อนไปทั้งกาย...แต่แข็งอยู่แค่บางส่วน บางส่วนที่ว่าก็ดูเหมือนว่าจะไม่ยอมสงบโดยง่าย มันตั้งโด่ครั้งแล้วครั้งเล่าจนต้องมายืนเมื่อยมือเพื่อรูดเข้ารูดออกมันอยู่อย่างนี้"อะ...อ่า...หลายรอบแล้วนะ!...อ๊า"เสียงบ่นพึมพำในขณะที่ภายในหัวกำลังคิดถึงเรือนร่างนุ่มนิ่มขาวผ่องที่เพิ่งสัมผัสด้วยสองมือหนา ก่อนหน้านี้หลายปีเขาเองก็ต้องยื่นเมื่อยมือเพราะดันเผลอไปเห็นของดีบางอย่างเข้า ภาพนั้นยังติดตา...ตรึงใจ แต่ก็รู้ดีว่าไม่สามารถเปิดเผยทุกอย่างออกไปได้ในตอนนั้น...ยิ่งเรื่องราวกลับตาลปัตรเป็นไปในทางลบเช่นนี้ ยิ่งรู้สึกหงุดหงิดงุ่นง่านกับตัวเองอยากจะโกรธให้มากกว่านี้อยากจะเกลียดให้มากกว่านี้อยากจะร้ายให้มากกว่านี้เป็นร้อยเท่าพันเท่ากับสิ่งที่แม่เธอทำแต่พอเห็นแววตาคู่นั้นที่มองมา เขากลับนึกโกรธนึกเกลียดตัวเองทุกครั้งที่ทำร้ายเธอ...ธราดลรู้ดีว่าไม่สามารถถอยหลังกลับไปยืนในความรู้สึกเดิม ๆ
"กรี๊ด!!!!!!"เสียงกรีดร้องดังขึ้นด้วยความตกใจไม่พอ ทันทีที่เห็นนัยน์ตาคมกริบจ้องกลับมายังเธออย่างคาดโทษ นัยน์ตาอำมหิตที่มองมาจากนอกโลกยังรุ้ว่าเป็นเขา...คนที่เกลียดเธอและแม่จนเข้ากระดูกดำ!"เธอจะร้องแหกปากให้ได้อะไรขึ้นมา! หรือว่าจงใจให้คนอื่นเข้ามาเห็นว่าเธอกับฉันอยู่ด้วยกัน เพื่อจะจับฉันอย่างนั้นเหรอ? แผนโง่ ๆ" เอ่ยออกไปอย่างกระทบกระทั่ง ก่อนจะปล่อยร่างบางให้เป็นอิสระในทันทีราวกับตัวเองจับไปโดนของร้อน...ทั้งที่เจ้าตัวเขาก็ไม่ได้ขอร้องให้ช่วย"ฉันไม่เคยคิดทำอะไรสิ้นคิดแบบนั้น!...และฉันก็ไม่รู้ว่ามาอยู่ที่บ้านของคุณได้ยังไง?""แล้วแต่จะคิด" ร่างหนากับผ้าขนหนูผืนเดียว ตอบออกไปอย่างไม่ยี่หระ...และไม่แม้แต่จะอธิบายสิ่งใดต่อจากนั้น ปล่อยให้คนตัวเล็กที่นั่งอยู่นพื้นเข้าใจไปอีกอย่างร่างบางนั่งก้มหน้าอยู่อย่างนั้น...น้ำตาร่วงหยดลงพื้นช้า ๆ หญิงสาวกัดฟันแน่น ไม่ยอมให้เสียงสะอื้นเล็ดรอดออกมาให้เขาได้ยิน เขาทำร้ายร่างกายเธอด้วยการใช้งานยังไม่พอ นี่ยังทำร้ายจิตใจด้วยการเหยียบย่ำศักดิ์ศรีจนไม่เหลือชิ้นดี ใจคอเขาจะไม่ให้เธอเหลือความภาคภูมิใจไว้กับตัวเองเลยสินะ...แววตาเคียดแค้นฉายแววออกทางดว
"เสื้อผ้าผู้หญิงของนายเหรอน่ะ" ผู้เป็นแม่เอ่ยถามลูกสาววัยสิบสี่ที่นั่งซักเสื้อผ้าในกะละมังใบเล็กอย่างทะมัดทะแมง "ผู้หญิงที่ไหนล่ะแม่? ของพี่มนเขา" "ของมน?" เอ่ยถามออกไปเหมือนไม่อยากเชื่อในสิ่งที่ได้ยินจากปากลูกสาว "ก็นายอุ้มพี่มนมาจากคอกม้า เห็นว่าใช้งานจนเป็นลม...กลัวเป็นขี้ปากคนอื่น" "แล้วเอามาไว้ที่บ้าน? แม่ว่าชักจะแปลก ๆ" "ใช่ไหมแม่? แต่นายคงไม่อยากดูแลเองนั่นล่ะ เลยต้องเอาพี่มนมาด้วย" เด็กสาวเงียบไปอีกอึดใจ...ก่อนจะหันมาสบตาแม่คล้ายจะมีความคิดไปในทิศทางเดียวกัน "ที่แปลกกว่านั้นคืออะไรรู้ไหมแม่?" "แล้วแกจะพูดให้แม่อยากรู้ทำไมเนี่ย...จะเล่าก็เล่ามา แต่อย่าเสียงดังไป หน้าต่างมีหู ประตูมีช่อง" ผู้เป็นแม่ตั้งใจรอฟังประโยคสำคัญจากปากลูกสาว "นายพาพี่มนไปนอนที่ห้อง...ห้องที่ว่าก็คือห้องนอนของนายเอง" "อกอีแป้นจะแตก!" "อุทานได้เชยมากแม่...แค่ขึ้นไปนอนบนเตียง นายไม่ได้ทำอะไรพี่มน...นี่ก็ออกไปรีสอร์ต เดี๋ยวสักพักพี่มนตื่นก็คงกลับไปเองนั่นล่ะ" "รู้แล้วก็เหยียบไว้เลย ไม่ต้องเล่าไปเล่ามา...เข้าใจที่แม่พูดไหม?" น้ำเสียงที่เอ่ยออกไปสั่งกำชับอย่างหนักแน่น ด้วยความที่ทำงานที่นี่มาน
กลิ่นฟางเปียกกับกลิ่นม้าอบอวลทั่วคอก ร่างบางของคนตัวเล็กที่ก้มหน้าก้มตาถูพื้นดินที่เปื้อนโคลนและมูลม้าด้วยมือเปล่า ๆ เสื้อตัวบางยังเปียกชื้นแนบตัว ผมยาวถูกรวบขึ้นลวก ๆ น้ำหยดลงจากปลายเส้นผมขณะเธอขยับมืออย่างไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อยธราดลยืนพิงรั้วไม้ ห่างออกมาไม่กี่ก้าว ดวงตาคมจ้องมองเธอไม่วางตา สีหน้าอ่านอารมณ์ได้ยากนัก แต่ในแววตากลับนิ่งลึกจนแทบสัมผัสได้ถึงอะไรบางอย่างที่ปะทุอยู่เงียบ ๆลูกน้องสองสามคนที่ยืนอยู่ไม่ไกล ทำท่าจะเดินเข้ามาช่วย แต่เจ้านายหนุ่มเพียงยกมือขึ้นช้า ๆ ไม่ต้องพูดอะไร เสียงฝีเท้าก็หยุดกึก“พวกนายออกไปก่อน” เขาออกคำสั่งเสียงเรียบ ไม่ต้องเสียงดัง แต่อำนาจแฝงอยู่ในทุกถ้อยคำที่พูดลูกน้องหันมองหน้ากันเล็กน้อย ก่อนจะรีบก้าวถอยหลังออกจากคอกม้า ทิ้งไว้เพียงความเงียบงัน กับเสียงแปรงขัดไม้ที่คนตัวเล็กยังคงก้มหน้าก้มตาทำต่อไปอย่างมุ่งมั่นเธอรู้ว่าเขายืนอยู่ตรงนั้น เพียงแต่ไม่อยากเงยหน้าขึ้นมองไม่ใช่ไม่กล้า...แค่ไม่อยากเห็นคนทำหน้ายักษ์ถมึงทึงก็เท่านั้น“จะล้างให้สะอาดก็ต้องใช้แรงเพิ่มขึ้นอีก” เสียงเข้มเอ่ยขึ้นในที่สุด เธอเงยหน้าขึ้นทันที แววตาต่อต้านผสมความเหนื่อยยิ่ง