แผ่นเยื่อใสบาง ๆ ที่มีขนนกอัดแน่นอยู่ข้างใน พร้อมแปรงทำความสะอาด และแหนบเอาไว้ดึงเส้นเล็ก ๆ ในนั้นออกมาทำความสะอาดจนเอี่ยมอ่อง เรียกว่ากว่าจะเสร็จต้องนั่งหลังขดหลังแข็งกันอยู่นาน ทำครั้งแรกไม่ได้คล่องแคล่วอะไรนัก แต่โชคดีมีเพียงไม่กี่แผ่นเท่านั้น
ขลุ่ยกว่าจะกลับถึงที่พักก็ค่ำมืดแล้ว แต่ทันทีที่เห็นประตูห้องถูกเปิดแง้มอยู่ ความรู้สึกวูบโหวงก็แล่นขึ้นมาในอก ร่างผอมบางก้าวเท้าเข้าไปอย่างร้อนรน ก่อนจะชะงักเมื่อพบว่าข้าวของทั้งหมดที่เคยวางอยู่บัดนี้หายไปจนหมดสิ้น
ยังไม่ทันได้ตั้งสติ ทว่าเสียงฝีเท้าก็ดังขึ้นจากด้านหลัง พร้อมกับร่างของทัพลูกน้องของนายหัวหน้าโหดนั่นก้าวเข้ามาแทรกอยู่ตรงทางออกประตู
“ของทั้งหมดของมึง นายหัวให้ขนเอาไปไว้ที่บ้านใหญ่แล้ว” ขลุ่ยภาวนาลึก ๆ ขอให้ไม่ใช่บ้านหลังเดียวกับที่คิด
“แล้วทำไมนายหัวของคุณถึงต้องย้ายใครตามอำเภอใจแบบนี้ด้วย”
“มึงอยากรู้อะไรไปถามนายหัวเองดีกว่า ส่วนกูมีหน้าที่ทำตามคำสั่งเท่านั้น” ทัพแจกแจงแค่นั้น ก่อนเดินนำออกไป ขลุ่ยกำมือแน่นพลางถอนหายใจเข้าออกราวกับกำลังระงับโทสะ
บ้านพักไม้กลางหุบเขาหลังเดิมอยู่ตรงหน้า ก่อนเตรียมก้าวฝีเท้าเข้าไปและพบกับเสือที่กำลังยืนอารักขาใกล้ ๆ ทางผ่านพอดี
“...อ้าว พี่เสือ”
“เออ ดีใจนะที่เห็นมึงหายดีแล้ว” เสือทักทายหลังจากได้รับคำสั่งให้มารับใช้นายหัวที่นี่แล้ว
“ขอบคุณครับพี่เสือ”
“เออ จากนี้ก็รีบชดใช้หนี้แล้วกัน กูคงช่วยมึงได้เท่านี้แหละ” ขลุ่ยรู้ว่าเสือกำลังหมายถึงอะไร ก่อนพยักหน้าเรียบ ๆ ตอบกลับ
“ไอ้เสือมึงอย่าชวนมันคุยมากนัก เดี๋ยวก็โดนอีกหรอก” เสียงทัพเอ่ยเตือนคู่หูมือซ้ายด้วยน้ำเสียงเซ็ง ๆ เสือไหวไหล่ ก่อนตวัดสายตามามองขลุ่ยที่ยังยืนงงอยู่หน้าทางเข้าประตู
ขลุ่ยมองทั้งสองอย่างสงสัยเล็กน้อย คำพูดดูกำกวมคล้ายแฝงนัยบางอย่าง แต่เพราะไม่อาจรีรอ จึงจำใจต้องเดินผ่านเข้าไปข้างในอย่างไม่อาจหลีกเลี่ยง
ก๊อก ๆ ๆ
คนตัวใหญ่กำลังกวัดแกว่งแก้วแชมเปญไว้ในมือไม่พูดไม่จา แถมยังนั่งหันหลังให้อีก เมื่อขลุ่ยเข้ามาถึงจึงทำได้เพียงยืนนิ่ง ๆ เท่านั้น ส่วนอิฐรู้อยู่แล้วว่าเป็นใคร จึงไม่ต้องเสียเวลาอนุญาตให้มากความ เพราะเขาเป็นคนออกคำสั่งนั้นเอง
อิฐหมุนเก้าอี้กลับมาเผชิญหน้า ขลุ่ยมองคนตรงหน้าด้วยความประหลาดใจไม่น้อย แวบหนึ่งเขาแทบไม่เชื่อสายตาตัวเอง ภาพใบหน้าที่เคยมีหนวดเคราและดิบเถื่อน บัดนี้กลับหล่อเหลาสะอาดสะอ้านราวกับคนละคน
“หน้าฉันมันมีอะไรติดอยู่หรือไง?” ทันทีที่เสียงห้วนของชายตรงหน้า ฉับพลันขลุ่ยกลับได้สติขึ้นมา
“ปะ..เปล่า” อิฐแสยะยิ้ม เพราะรู้ว่าภายใต้ใบหน้าราบเรียบนั้นกำลังคิดอะไรอยู่
“นายคงไม่ชินกับความหล่อของฉันสินะ…”
“อย่าหลงตัวเองไปหน่อยเลย มาคุยเรื่องที่มึงย้ายข้าวของกูโดยพลการดีกว่า”
“...มีปัญหา?” อิฐเลิกปลายคิ้วถาม ก่อนวางแก้วแชมเปญกระแทกจนเกิดเป็นเสียงดังสนั่น จากนั้นเอนตัวมาข้างหน้าเล็กน้อย ดวงตาสีดำขลับเอาแต่จ้องร่างตรงหน้าราวกับต้องการมองให้ทะลุปรุโปร่ง
“กูไม่ได้อยากอยู่ที่นี่”
“นายมีทางเลือกต่อรองแบบนี้ด้วยเหรอ ฉันมีสิทธิ์ในฐานะเจ้าหนี้ ส่วนนายก็แค่ลูกหนี้ต้องทำตามง่าย ๆ เท่านั้นเอง”
ขลุ่ยพยักหน้าอย่างจำใจ หากจะคัดค้านคงมีแต่เสียกับเสีย ไม่สู้อยู่เฉย ๆ ให้รอดพ้นเงื้อมมือมัจจุราชดีกว่า ก่อนนึกขึ้นมาได้ว่ายังมีคำถามที่ยังค้างคาเอาไว้ เนื่องจากวันแรกยังไม่มีโอกาสตรงนั้น เพราะมัวแต่หวาดกลัวต่อบุคคลตรงหน้าจนหัวหด
“ถ้าอย่างนั้น...กูขอถามอะไรหน่อยสิ”
“...เชิญ” น้ำเสียงนิ่ง ๆ พร้อมกับมือใหญ่ที่ผายเบา ๆ ไปด้านหน้าเป็นเชิงอนุญาต
“กูอยากรู้ว่าหนี้จะลดยังไง แล้วเหลือเท่าไหร่ต่อวัน” ไหน ๆ ก็ไม่สามารถหนีพ้นเรื่องอย่างว่าได้อยู่แล้ว งั้นก็ทำต่อไปให้จบ ๆ อย่างน้อยก็ต้องรู้เงื่อนไขให้แน่ชัด จะได้ไม่เสียเปรียบ
“สองหมื่นต่อวัน ไม่รวมงานอื่น ๆ ที่นายต้องทำ” ขลุ่ยตาโตพร้อมคำนวณทุกอย่างผ่านสมอง หากตีรวม ๆ กันเขาต้องอยู่ที่นี่ประมาณปีกว่าหนี้สินถึงจะหมด
“มึงพูดจริงใช่มั้ย”
“ก็แล้วแต่นายจะคิดแล้วกัน อ๋อ…แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นต้องขึ้นอยู่กับความพอใจของฉันด้วยล่ะ” ขลุ่ยกำหมัดข้าง ๆ ลำตัวแน่น เนื่องจากต้องจำนนอยู่ในสภาวะกลืนไม่เข้าคายไม่ออกตรงนี้อย่างไม่มีข้อโต้แย้ง
.
.
.
ทัพนำทางขลุ่ยมายังห้องฝั่งตรงข้าม ซึ่งอยู่ไม่ใกล้ไม่ไกลกับห้องผู้ชายอันตรายนั่น ข้าวของเครื่องใช้วางอยู่ปลายหัวเตียง นับว่าพื้นที่กว้างขวางน่าอยู่กว่าห้องเก่ามากทีเดียว แถมยังมีแอร์หรูให้เปิดอีกต่างหาก แต่ถึงอย่างนั้น… ถ้าหากเลือกได้ ขลุ่ยก็ยังอยากอยู่ให้ห่างจากคนคนนี้ให้มากที่สุดอยู่ดี
เสียงถอนหายใจดังเป็นระลอก ใบหน้าเรียวรีหันมองซ้ายขวาตรวจสอบรอบ ๆ ข้างให้แน่ใจ และไม่ลืมหมุนกลอนประตูเพื่อเช็กอีกครั้งเพื่อความสบายใจ
ก๊อก ๆ ๆ
ขลุ่ยที่ตั้งใจจะไปอาบน้ำเพื่อเตรียมเข้านอน ทันใดนั้นหูก็พลันได้ยินเสียงเคาะประตูดังมาจากห้องข้าง ๆ ใจหนึ่งอยากเมินเฉย แต่ความอยากรู้อยากเห็นกลับทำให้เขาโน้มตัวเข้าไปใกล้ แนบหูกับบานประตูเพื่อจับเสียงพูดคุยของคนข้างนอก
เงียบ….
ไม่มีคำพูดใดเล็ดลอดออกมา มีเพียงเสียงฝีเท้าหนัก ๆ ที่เดินไปมา ก่อนที่ทุกอย่างจะเงียบสนิทอีกครั้งเท่านั้น ขลุ่ยขมวดคิ้วไม่แน่ใจว่าควรโล่งใจหรือระแวงดี ร่างผอมบางถอยออกจากประตู ถอนหายใจยาว แล้วหันไปมองหน้าต่างนอกระเบียง มองสายฝนโปรยปรายลงมาเบา ๆ
แต่ก่อนที่ขลุ่ยจะได้จัดแจงธุระส่วนตัว เสียงเคาะประตูดังขึ้นอีกครั้ง คราวนี้ไม่ใช่ห้องข้าง ๆ แต่กลับเป็นหน้าประตูห้องของตัวเอง
ขลุ่ยค่อย ๆ แง้มออกไปดู ก่อนพบว่าเป็นทัพกำลังยืนด้วยสีหน้าเคร่งเครียด
“...ครับ”
“กูแค่จะบอกมึงว่าอยู่ในห้องล็อกประตูให้ดี ๆ และอย่าสร้างปัญหาให้นายหัวภายหลัง เข้าใจมั้ย”
“...ครับ” แม้ขลุ่ยจะงงงวย แต่ก็ตอบรับกลับไปส่ง ๆ เพราะจากสีหน้าก็พอเดาได้ว่ากำลังมีปัญหาอะไรสักอย่างอยู่แน่ ๆ จึงไม่คิดสนใจอะไรต่ออีก
บนหอคอยสังเกตการณ์ และมีคนงานเดินถือปืนกันไปมาเพื่อตรวจตราความเรียบร้อยอยู่ทุกวัน ซึ่งบริเวณนี้ถูกควบคุมอย่างเข้มงวด ต้องมีการ์ดประจำการตลอดยี่สิบสี่ชั่วโมงคอยสลับหมุนเวียนกันตลอดทั้งวันทั้งคืน เพื่อคอยดูแลความปลอดภัยของที่นี่
ปัง! ปัง! ปัง!
ทันทีที่มาถึงเสียงสาดกระสุนจากน้ำมือของอิฐรัวยิงใส่กลุ่มโจรปริศนาที่กำลังเตรียมขึ้นเรือหนีหายอย่างถี่ยิบ พร้อมกับของกลางเป็นรังนกมูลค่าหลายสิบล้านบาท
“แม่งเอ๊ย! พวกมึงแยกย้ายกันไปทางนั้น ส่วนไอ้ทัพ ไอ้เสือตามกูมา!” ท่ามกลางสายฝนที่ซัดกระหน่ำลงมาไม่ขาดสาย ร่างกำยำรีบกระโดดขึ้นเจ็ดสกีขับตามไป พร้อมกับลูกน้องอย่างเสือและทัพตามประกบหลัง
ขณะที่ภายนอกกำลังดุเดือด ภายในห้องพักของขลุ่ยกลับเต็มไปด้วยความเงียบสงบ ชายหนุ่มสะดุ้งตื่นขึ้นมาพร้อมเสียงปืนกระหน่ำรัว เขารีบยันตัวลุกขึ้น พร้อมกับเปิดไฟบนหัวเตียงจนสว่างจ้า ดวงตางัวเงียมองไปรอบห้อง ก่อนสะบัดปลายผ้าม่านออกผ่านหน้าต่างที่มีฝนเกาะอยู่ประปรายเพื่อดูว่าเกิดอะไรขึ้นกันแน่
“ฝนตกเหรอเนี่ย” เสียงของขลุ่ยพึมพำออกมาเบา ๆ ระหว่างกำลังสังเกตการณ์ข้างนอก ร่างผอมบางกะจะเปิดประตูเพื่อออกไปดูให้ชัด ๆ แต่ก็ต้องหยุดมือที่จับลูกบิดลง เมื่อคำเตือนของทัพแล่นดังก้องขึ้นมาในหัว
“...อย่าออกไปดีกว่า” ขลุ่ยเอ่ยพึมพำกับตัวเอง พลางปลอบใจว่าตัดสินใจถูกแล้ว ก่อนจะเตรียมปิดไฟบนหัวเตียงเข้านอนตามเดิม แต่ก้าวได้เพียงคืบเดียวเท่านั้น
เสียงก๊อกแก๊กดังออกมาจากข้างนอกราวกับอยู่ไม่ใกล้ไม่ไกล ทำให้ขลุ่ยชะงักฝีเท้าที่จะก้าวไปยังเตียงนอนพลันหยุดกึกลง พยายามสะกดใจตัวเองไม่ให้สนใจ แต่จู่ ๆ เสียงเคาะประตูกลับดังขึ้นมาเสียอย่างนั้น
คราวนี้ขลุ่ยกลับคิดว่าเป็นคนของนายหัวโหดไม่คุณทัพก็พี่เสือแน่ ๆ เพราะในนี้ก็มีอยู่กันแค่ไม่กี่คนเท่านั้น ก่อนตัดสินใจเปิดประตูโดยลืมคิดเหลียวหน้าแลหลังให้รอบคอบเสียก่อน
แกร๊ก!
“...ครับ” ขลุ่ยเงยหน้าขึ้นมองบุคคลที่ยืนอยู่ตรงหน้า นัยน์ตาไร้เดียงสาสั่นระริก ก่อนขมวดคิ้วเข้าหากันอย่างฉับพลัน เมื่อเห็นว่าผู้มาเยือนเป็นชายร่างท้วม หน้าตารุ่นราวคราวพ่อ และยังมีชายฉกรรจ์อีกสองสามคนยืนขนาบอยู่ข้างหลัง
อิฐที่ตื่นขึ้นมาในเช้าวันนี้ดูจะอารมณ์ดีเป็นพิเศษ เขาอาศัยจังหวะจังหวะที่ขลุ่ยยังไม่ตื่นดี นอนตะแคงมองใบหน้าคนข้างกายอย่างเงียบ ๆ ด้วยความรู้สึกอบอุ่นและสุขล้นในอก รอยยิ้มบางผุดขึ้นตรงมุมปาก ก่อนกายกำยำจะก้มลงหอมพวงแก้มอิ่มเบา ๆ อย่างอ่อนโยนแกร๊ก! พรึ่บ!ภายหลังอาบน้ำแต่งตัวจนเสร็จเรียบร้อยแล้ว อิฐคว้าลูกบิดเปิดประตูออกจากห้องหวังจะออกไปสะสางงานที่คั่งค้างอยู่ทันที แต่ทันใดนั้นร่างของลูกน้องที่เปรียบเสมือนทั้งมือซ้ายและขวากลับล้มระเนระนาดลงมากองอยู่ตรงหน้า แถมเสื้อผ้ายังคงอยู่ในชุดเดิมราวกับว่าเมื่อคืนพวกมันสองตัวนั่งกันอยู่ตรงนี้“... แหะ ๆ ครึกครื้นดีนะครับนายหัว ” เสือสะลึมสะลือพูดขึ้นมา ทั้งที่ตายังไม่ทันลืมดี“คะ…คือผมกับไอ้เสือจะมาแจ้งว่า ลูกค้ารายใหญ่จากสิงคโปร์ที่เราเลื่อนดีลสินค้าเอาไว้เมื่อวาน จะเข้ามาช่วงสายวันนี้ครับ”“อืม…กูเห็นอีเมลแจ้งจากลูกค้าแล้ว ส่วนพวกมึงรีบจัดการธุระของตัวเองให้เรียบร้อย สายไปแค่วินาทีเดียว กูหักเงิน!”ขณะเดียวกันขลุ่ยที่รู้สึกหนัก ๆ ตัว จากขนอะไรบางอย่างที่กำลังทิ่มแทงอยู่บนใบหน้า แต่เมื่อลืมตาขึ้นมากลับพบว่าเป็นเจ้าเตาฟืนนั่นเองที่มานอนแหมะอยู่บ
แม้ต้องกลับมาเพราะแผนที่วางไว้ล่มไม่เป็นท่า แถมลูกชายยังปวดหนึบและเจ็บตึงไปหมด อิฐก็ได้แต่กัดฟันทน ข่มความกระสันที่ถูกปลุกขึ้นมาอย่างช่วยไม่ได้ คิดในใจว่า...หากได้ขลุ่ยกลับมาเมื่อไหร่ เขาจะจัดให้หนักสมกับที่ต้องอดทนรอเกือบเดือน แต่ตอนนี้ต้องเบรกทุกความคิดไว้ก่อน เพราะทั้งเสือและทัพต่างก็เตือนกันหนักหนา ว่าหากไม่อยากสูญเสียอีกฝ่ายไปก็ต้องหักห้ามใจให้มากกว่านี้อิฐนึกถึงคำพูดที่ขลุ่ยเคยบอกไว้เมื่อตอนนั้น ก่อนตัดสินใจค่อย ๆ ละนิสัยความรุนแรงของตัวเองลง แต่ถามว่าหายขาดเลยไหม…ก็คงไม่ เพราะทุกอย่างต้องใช้เวลา แม้กระทั่งตอนที่เขาไม่สามารถพาอีกฝ่ายกลับมาได้ ทั้งที่ความจริงจะลากกลับไปเลยก็ทำได้ไม่ยาก เพียงแต่ผลได้เสียจากนั้นคงไม่คุ้มค่าที่จะเสี่ยง จึงจำใจต้องอดทนรออยู่อย่างนั้น จนกว่าอีกฝ่ายจะพร้อม“อึ้ม...อ่าส์...ซี้ด...ขลุ่ย…” เสียงครางต่ำสะท้อนก้องออกมาจากห้องน้ำ เงาร่างสูงกำยำที่กำลังพิงผนังรูดรั้งส่วนกลางกาย มือหยาบใหญ่เร่งเร้าขณะนึกถึงใบหน้าได้รูปของอีกคน เมื่อครั้งร่วมรักกัน ไม่นานน้ำสีขาวขุ่นก็ทะลักออกจากส่วนปลายพุ่งเปรอะเต็มพื้นกระเบื้องหรู พร้อมเสียงหอบถี่จากแรงอารมณ์ที่ผ่อนเบาลงแล้ว
“กว่าจะมาได้นะมึง แล้วนั่นที่คอโดนอะไรกัดมาน่ะ” มือบางรีบคว้าปิดลำคอตัวเองเอาไว้ ใบหน้าเลิ่กลั่ก ก่อนรีบตอบแก้เก้อ“สงสัยคงเป็นแมลงแถวนี้มั้งพ่อ แถวบ้านเราจะมีบ้างก็ไม่แปลกหรอก...เนอะ” ขลุ่ยว่าพลางเสิร์ฟข้าวสวยร้อน ๆ พร้อมกุนเชียงผัดไข่วางลงบนโต๊ะ“เออ ๆ จะนอนหรือทำอะไรก็ปัด ๆ หน่อยแล้วกัน”“ได้พ่อ” ขลุ่ยก้มหน้าถอนหายใจอย่างโล่งอก แววตาเหลือบมองรอบ ๆ เห็นเสือกับทัพกำลังกลั้นหัวเราะกันอยู่ แถมไม่ไกลจากนั้น คนที่เป็นเจ้าของรอยประทับบนคอก็กำลังยืนปั้นหน้าแบบไม่รู้สึกรู้สาขลุ่ยชวนเสือและทัพมาทานข้าวด้วยกัน ผิดกับอีกคนแม้ไม่ได้เอ่ยสักนิด กลับมานั่งแหมะอยู่ข้าง ๆ โดยไม่ได้รับอนุญาตพร้อมตักข้าวให้ตัวเองเสร็จสรรพ“นายหัวกินได้เหรอครับ?” คำพูดเชิงประชดถูกแทรกกลางวงสนทนาขึ้นมา“นั่นสิ จะกินกันได้เหรอ” สองพ่อลูกผู้มีศักดิ์เป็นเจ้าของบ้านเอ่ยถาม เนื่องจากเห็นพ้องต้องกัน“ก็แค่กับข้าว อยู่ไหนก็กินได้หมดนั่นแหละครับ” อิฐพูดพลางตักข้าวเข้าปากไม่หยุด จนจานตรงหน้าพร่องไปเกือบหมดในพริบตา“งั้นผมถามอะไรจริง ๆ เลยนะนายหัว” มือที่กำลังกวาดข้าวก้อนสุดท้ายหยุดลง ก่อนเงยหน้าตั้งใจฟังอย่างดี“ไอ้ขลุ่ยมันใช้ห
เป็นเวลาตีสองกว่าแล้วเจ้าของห้องยังเอาแต่นั่งขบคิดว่าจะทำยังไงให้อีกฝ่ายยอมคืนดี คิดวกไปวนมาอยู่อย่างนั้น จนแทบไม่ได้นอนจริงจังเสียที กระทั่งจังหวะเหลือบไปมองเจ้าเตาฟืนที่กำลังขดตัวนอนอย่างสบายใจข้างล่าง จู่ ๆ อิฐก็ผุดไอเดียบางอย่างขึ้นมาได้ เขาลุกไปอุ้มมันออกมา จากนั้นจึงพลิกตัวลำตัวที่เริ่มหนักของมันไปมา พร้อมจัดท่าทางให้ดูเหมือนกำลังตรอมใจม๊าว!...ฟ่อ...เสียงขู่ฟ่อ ๆ ดังลั่น เพื่อแสดงถึงความไม่พอใจสุดขีด เล็บแหลม ๆ ของมันกางออกมาเตรียมจะข่วนอีกครั้ง“อยากได้แม่แกกลับมาหรือเปล่า ฉะนั้นทำตัวให้มีประโยชน์หน่อยสิ” อิฐเริ่มจัดท่าทางจนได้มุมที่ต้องการแล้ว เขาก็รู้สึกว่ามันยังไม่พอ ก่อนหยิบถ้วยชามที่เพิ่งเติมไว้จนเต็ม จากนั้นอุ้มเจ้าเตาฟืนมานอนเกยอยู่ตรงนั้น ราวกับว่ามันเศร้าซึมสุด ๆ จนไม่สามารถกินอะไรได้ เก็บไว้เป็นไม้ตายเผื่อเอาไว้เรียกร้องความสนใจจากอีกฝ่ายระหว่างทางนั่งสปีดโบ๊ททั้งเสือและทัพต่างคอยรายงานถึงคำสั่งที่นายหัวได้สั่งเอาไว้ว่าเป็นไปด้วยความเรียบร้อยดี และไม่มีอะไรต้องกังวล“แล้วของที่กูสั่งไว้ล่ะ ได้มาครบหรือยัง”“ครบแล้วครับนาย” เสือเป็นคนรายงานรายละเอียดทั้งหมด เพราะตอน
อิฐกลับมาถึงเกาะก็ต้องเคลียร์งานจนหัวหมุน หลังเปิดคอมพิวเตอร์เพื่อเช็กงานอีเมลต่าง ๆ ก็ทยอยหลั่งไหลเข้ามารัว ๆ ส่วนปัญหาที่น่าปวดหัวที่สุดคงหนีไม่พ้นเรื่องจากลูกค้าเก่าที่เวียดนามแจ้งมาว่าพบสินค้าที่ส่งไปมีตำหนิหลายจุด แต่พอเช็กดูดี ๆ ก็พบว่าทุกอย่างเกิดจากการท่าขนส่ง ถึงจะไม่ใช่ความผิดของบริษัทต้นทางเราเต็ม ๆ ก็ต้องรับผิดชอบอยู่ดี ในห้องทำงานที่เอกสารกองพะเนินล้นโต๊ะ อิทธิกรเอนกายพิงพนักเก้าอี้ ผ่อนลมหายใจเฮือกยาวทิ้งอย่างคนได้หยุดพัก พอหันกลับไปดูปฏิทินถึงได้รู้ว่าเวลาผ่านไปเกือบสองอาทิตย์แล้ว ร่างกำยำนั่งเงียบ ๆ อยู่คนเดียว ใจพะวงคิดถึงใครบางคน ดวงตาเคล้าโศกเศร้า ใบหน้าเรียวยาวได้รูป ริมฝีปากที่ต่อล้อต่อเถียงอย่างไม่เกรงกลัว ทั้งที่ตั้งใจว่าจะขึ้นไปหาบ่อย ๆ แต่ก็มัวแต่ยุ่งจนไม่ได้ออกไปไหนเลยแต่ไม่เป็นไร ตอนนี้เขาว่างแล้ว จะไปทุกวันเลย ต่อให้อีกคนไม่อยากเจอก็ไม่สน...ตรงหน้าอิทธิกรที่ไม่รู้จะทำอะไรต่อ หยิบรีโมตขึ้นมากดเปิดโทรทัศน์แบบลวก ๆ หวังแค่หาสิ่งใดมาช่วยเบี่ยงเบนความคิดถึงชั่วคราว ภาพบนหน้าจอปรากฏเป็นรายการข่าวด่วน ผู้ประกาศสาวสวยน้ำเสียงฉะฉานรายงานถึงการเสียชีวิตของเสี่ยมนต
“คนไข้ปลอดภัยแล้วครับ โชคดีที่ไม่โดนอวัยวะสำคัญ และจะย้ายผู้ป่วยไปยังห้องพิเศษทั่วไปนะครับ” เสียงคุณหมอดังขึ้นทันทีที่ประตูห้องฉุกเฉินเปิดออก ทุกสายตาหันขวับไปมองต้นทางอย่างจดจ่อไม่กี่นาทีต่อมา พยาบาลเข็นเตียงออกมา อิทธิกรที่ยังคงหลับไม่ได้สติ ตามตัวมีสายระโยงระยางเต็มไปหมด ขลุ่ยตั้งท่าเดินขนาบเตียง แต่ทว่ากลับต้องชะงัก เมื่อได้ยินเสียงจากเหมที่ยืนอยู่ข้างหลัง“ดีนะที่มึงปลอดภัย เฮ้อ!” ขลุ่ยและเป้หันขวับมามองทันที“พี่เหมรู้จักเขาด้วยเหรอครับ?” เป้ถามขึ้นด้วยสีหน้าประหลาดใจ“อะ…เอ่อ แหะ ๆ ครับ” เหมหัวเราะแห้ง ๆ ลูบท้ายทอยแก้เขินกลบเกลื่อน ขลุ่ยเลิกคิ้วน้อย ๆ ความสงสัยก่อตัวตั้งแต่ได้ยินคำพูดสนิทสนมของทั้งคู่แล้ว“มึงกับพี่เขากลับไปก่อนก็ได้ เดี๋ยวกูเฝ้าต่อเอง” ขลุ่ยหันไปบอกเป้“แน่ใจนะ” เป้ถามให้แน่ใจอีกที“อือ ไปเถอะ”“แต่ถ้ามีอะไร โทรหากูได้ตลอดนะ”“...อื้อ”“พี่ฝากมันด้วยล่ะ” เหมเอ่ยพลางมองออกไปยังหน้าห้องผู้ป่วยที่เพิ่งเดินออกมาด้วยสายตาเป็นห่วง"พี่เสือและคุณทัพก็เหมือนกัน"“งั้นพวกกูฝากนายหัวด้วยนะไอ้ขลุ่ย พรุ่งนี้เช้าจะรีบมาหา” เสียงจากเสือแทรกตามมาด้วย ส่วนทัพทำเพียงพยักหน้าข