ประเทศไทย
หลังจากที่คุยงานเสร็จขบวนรถเบนซ์ของตินภพและเอสพร้อมด้วยลูกน้องอีก 5 คนก็เข้ามาจอดที่คฤหาสน์หลังงามของผู้เป็นนายก่อนจะแยกย้ายกันไปพักผ่อน
“พวกนายไปพักได้แล้ว” น้ำเสียงราบเรียบของเอสเอ่ยบอกลูกน้องก่อนจะตามผู้เป็นนายเข้าไปในคฤหาสน์ ก่อนจะเดินตรงไปยังห้องนอนของผู้เป็นนายทันที และเมื่อเข้ามาในห้องชายหนุ่มกลับไม่เห็นบุคคลที่ควรจะอยู่ในห้องจึงส่งเสียงเรียกอีกฝ่าย
“นายครับ…” ยังไม่ทันที่เอสจะได้เรียกหาผู้เป็นนาย เสียงของชายหนุ่มก็ถูกกลืนไปในลำคอเนื่องจากถูกมือหนาดึงให้หันกลับไปด้านหลังก่อนจะบดจูบลงมาโดยที่ไม่ทันตั้งตัว
“อื้ออ อือ อ่า แฮ่กๆๆ” ตินภพผลักร่างโปร่งของเอสลงไปบนที่นอนแล้วตามขึ้นไปคร่อมอยู่บนร่างเพรียวบาง ริมฝีปากหนาตามลงมาบดจูบต่ออย่างกระหาย มือแกร่งปลดกระดุมเสื้อของเอสอย่างไม่รีบร้อนค่อย ๆ ไล่ลงไปที่ละเม็ดทั้งยังจงใจลากปลายนิ้วไปตามรอยแยกของเสื้อ เอสที่ถูกกระตุ้นให้มีอารมณ์ร่วมใช้มือเรียวกอดรอบคอแกร่งก่อนจะตอบรับจูบนั้นอย่างกระหายเช่นกัน การตอบสนองของร่างโปร่งทำให้ตินภพครางออกมาด้วยความพอใจยิ่ง
“อืม จะให้ฉันทำหรือนายจะเป็นคนทำ” ร่างสูงของผู้เป็นนายเอ่ยถามเสียงพร่า ใบหน้าคมชบลงกับคอขาวแล้วขบเม้มเบา ๆ อย่างหยอกล้อ
“ผมจัดการเองครับ” เอสบอกก่อนจะลงมือถอดเสื้อผ้าของร่างสูงออก ตามด้วยเสื้อผ้าของตัวเองที่ถูกตินภพปลดกระดุมไปจนหมดแล้ว ริมฝีปากเรียวอวบจากการจูบขบเม้มลงบนลำคอแกร่งของร่างสูงที่หนึ่ง ก่อนจะเลื่อนไปที่ติ่งหูแล้วใช้ฟันงับเบา ๆ จนร่างสูงสะดุ้งเล็กน้อยแต่แทนที่จะโกรธ เอสกับได้ยินเสียงหัวเราะชอบใจจากร่างแกร่งแทน เอสผงกหน้าขึ้นมองใบหน้าคมคายก่อนจะเลื่อนตัวลงไป ริมฝีปากบางยังทำหน้าที่จูบไล้เบา ๆ จากอกแกร่งลงไปที่หน้าท้องเป็นลอนสวยเนื่องจากการออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ แล้วกัดลงไปทีหนึ่งจนร่างสูงสะดุ้งเอสยังคงได้ยินเสียงหัวเราะออกมาอย่างพอใจจากร่างแกร่ง
“หึหึ นายนี่มีอะไรให้ฉันแปลกใจได้ตลอดจริงๆ น่ะเอส” ร่างสูงพูดออกมา มือหนาสอดเข้าไปในเส้นผมนุ่มลื่นราวกับขนแมวก่อนจะขยุ้มเบา ๆ เป็นการกระตุ้นชายหนุ่มไปในตัว
“ผมก็จำมาจากคุณตินนั่นแหละครับ” เอสตอบผู้เป็นนาย มันไม่แปลกหรอกที่ตินภพจะแปลกใจเพราะปกติร่างสูงจะเป็นฝ่ายคุ้มเกมมากกว่า
“ผมขอเตรียมตัวสักครู่นะครับ” เอสบอกด้วยน้ำเสียงแหบพร่า ก่อนจะลงมาจากตัวผู้เป็นนายแล้วหยิบเจลในลิ้นชักหัวเตียงออกมาเทลงบนฝ่ามือเรียว ทิ้งตัวลงนอนข้างร่างสูงที่มองการกระทำของเขาอยู่ ขาเรียวยกขึ้นตั้งฉากก่อนที่นิ้วขาวเรียวจะนำเจลป้ายไปตรงช่องทางด้านหลังแล้วตามด้วยการสอดนิ้วเข้าไปเพื่อทำการเบิกทาง จากหนึ่งนิ้วเป็นสองนิ้วและสามนิ้วตามเข้าไป
“อือ อือ อ่า อะ อ่า”
ร่างบางบดเร่าด้วยความเสียวซ่าน ตินภพมองภาพตรงหน้าอย่างหลงใหลดวงตาคมเป็นประกายอย่างกระหายในร่างเพรียวบางตรงหน้า ถึงแม้เอสจะมีกล้ามเนื้อที่เรียงตัวสวยไม่แพ้ร่างสูงแต่กับดูเพรียวบางกว่ามาก
“ซี๊ดดด อ่า อ่า” ร่างสูงร้องออกมาด้วยความสุขสมเมื่อมือขาวของเอสจับเข้ากับแก่นกายของตนเองก่อนจะรูดรั้งขึ้นลงจนมันร้อนพาวและขยายพร้อมสู้รบเต็มที ดูเหมือนตอนนี้ทุกอย่างจะพร้อมแล้ว เอสขึ้นคร่อมร่างหนาของผู้เป็นนายอีกครั้ง มือเรียวสวยจับแก่นกายที่ขยายใหญ่จ่อไปที่ช่องทางด้านหลังของตนเอง จากนั้นก็ยกตัวขึ้นแล้วกดลงไปบนแก่นกายของตินภพภายในรวดเดียว
“อ๊าาาา/ซี๊ดดดด” สองเสียงที่ถูกความเสียวซ่านครอบงำความรู้สึกร้องประสานออกมาพร้อมกัน เอสเจ็บและทรมานแต่ก็ต้องรีบขยับเพราะถ้าทิ้งไว้นานร่างสูงจะเจ็บยิ่งกว่า
“อึก อื้อ อ่า” เอสครางออกมาด้วยความเจ็บและเสียว ตินภพเองก็ถึงกับต้องสูดปากด้วยความสุขสม
พึ่บ พึ่บ พึ่บ
“อ่าาาา/อื้อออ”
“ซี๊ดด อีกนิดเอส อ่า”
ร่างโปร่งเร่งจังหวะขึ้นเรื่อยๆ จนตนเองปลดปล่อยออกมาและตามมาด้วยความรู้สึกอุ่นร้อนภายในบริเวณท้องน้อยด้านใน นั้นทำให้รู้ว่าร่างสูงก็ปลดปล่อยออกมาแล้วเช่นกัน เอสทิ้งตัวลงบนอกกว้างของร่างสูงอย่างหมดแรง
“หึหึ เหนื่อยแล้วรึไงหืม จะให้ฉันเป็นคนทำต่อไหม” ร่างสูงถามขึ้นเมื่อเห็นว่าเอสยังนอนหอบอยู่บนอกตนเอง
“พอแล้วละครับ นายยังไม่ได้พักเลยตั้งแต่ลงเครื่องมา พักสักหน่อยเถอะครับเดี๋ยวผมลงไปเตรียมอาหารให้” เอสบอกก่อนจะดันตัวลุกขึ้น
“อ่ะ” เอสร้องออกมาด้วยความตกใจเล็กน้อยเพราะอยู่ๆ ก็ถูกพลิกให้ลงไปอยู่ใต้ร่างหนา
“นายครับ เดี๋ยว อ่า ตอนเย็นมีนัดกับคุณเหมยหลินอีกนะครับ อะ อ่า” สุดท้ายเมื่อห้ามไม่ได้เลยต้องปล่อยให้ผู้เป็นนายเอาแต่ใจจนกว่าจะพอใจ
“ตื่นแล้วเหรอครับนาย” ผู้ที่เป็นทั้งเลขาและบอดี้การ์ดถามขึ้นเมื่อเห็นผู้เป็นนายเดินลงมาจากข้างบนหลังจากได้พัก
“อืม” ร่างหนาตอบเพียงสั้น ๆ เท่านั้น
“รับอาหารเลยไหมครับ” เอสถามขึ้น
“เอาสิ” ผู้เป็นนายตอบก่อนจะเดินนำไปที่ห้องอาหาร
หลังจากปล่อยให้ผู้เป็นนายเอาแต่ใจไปเกือบสี่รอบทั้งคู่ก็หลับไปด้วยความเหนื่อย เอสตื่นขึ้นมาก่อน เมื่อดูเวลาแล้วก็เกือบสี่โมงเย็นจึงลงไปเตรียมอาหารเพราะกลัวว่าผู้เป็นนายตื่นมาอาจจะหิวได้ เพราะยังไม่ได้ทานอะไรตั้งแต่เที่ยง หลังจากเมื่อเช้าคุยงานเสร็จกว่าจะกลับถึงคฤหาสน์ก็สิบโมงกว่าแล้ว หลังจากนั้นก็ที่รู้ๆ กัน กว่าผู้เป็นนายจะยอมหยุดก็เกือบเที่ยงไปแล้วเลยยังไม่ได้กินอะไรเลย
“ตื่นตั้งแต่เมื่อไร” ตินภพเอ่ยถามขึ้นขณะที่รอเอสนำอาหารมาให้ ก็ที่เขาทำมันก็หนักอยู่นะ แต่ผู้เป็นเลขากลับลุกขึ้นมาทำอาหารให้ได้นั้นก็แปลกใจอยู่นิดหน่อย เพราะตัวเขาเองก็ยอมรับเลยละว่าเป็นประเภทที่ชอบมีเซ็กส์ที่ค่อนข้างรุนแรงอยู่เหมือนกัน และอีกอย่างเมื่อช่วงสายเขาก็ใส่ไปเต็มแรงไม่คิดว่าร่างโปร่งบางจะลุกขึ้นไหวได้เร็วขนาดนี่สงสัยต้องจัดให้หนักกว่าเดิมซะแล้ว ร่างสูงคิดพร้อมกับมองร่างโปร่งบางด้วยสายตาเร่าร้อนราว
“ประมาณสี่โมงครับ” เอสเอ่ยตอบผู้เป็นนายเสียงเรียบนิ่งไม่แสดงอารมณ์อะไรให้เห็นถึงแม้จะถูกมองด้วยสายตาเล้าโลมร้อนแรงก็ตาม
“อืม” ร่างสูงตอบรับก่อนจะยอมละสายตาไปสนใจอาหารที่ถูกวางลงตรงหน้า
.
บรรยากาศยามค่ำคืนทั้งแสง สี และเสียง ชวนให้ผู้คนหลงใหลไปกับมัน
ร้านอาหารชื่อดังใจกลางเมืองกรุงเทพ การตกแต่งที่สวยงามดึงดูดผู้คนเข้ามาใช้บริการ ร่างสูงนั่งนิ่งสงบอยู่ที่โต๊ะในมุมที่ดีที่สุดของร้าน
“มารอนานหรือยังค่ะ” เสียงหวานของหญิงสาวที่พึ่งมาถึงเอ่ยทักขึ้น เธอเป็นคนที่จัดว่าสวยมากทีเดียว ชุดเดรสสีดำแบรนด์หรูขับผิวที่ขาวเนียนให้ดูน่ามองขึ้นไปอีก ใบหน้าสวยหวานถูกแต่งแต้มด้วยเครื่องสำอางราคาแพงทำให้ยิ่งดูหวานชวนให้น่ามองเข้าไปอีก
“ไม่ครับ ผมก็พึ่งมาถึง” ตินภพตอบกลับเสียงทุ้มนุ่ม มุมปากยกยิ้มขึ้นเล็กน้อย รู้สึกพอใจกับหญิงสาวตรงหน้าไม่น้อย
“ค่ะ” เธอตอบรับด้วยน้ำเสียงที่หวานนุ่ม เหมยหลินเธอเป็นคู่ควงคนล่าสุดและยังเป็นว่าที่คู่หมั้นของตินภพมาเฟียหนุ่มที่ทั้งหล่อและรวย ตัวเธอเองก็เป็นถึงลูกสาวผู้มีอิทธิพลคนหนึ่งในฮ่องกงที่เป็นเพื่อนกับพ่อของชายหนุ่ม แต่ใครจะรู้ว่าสัญญาการหมั้นหมายครั้งนี้แท้จริงแล้วมาจากพ่อของเธอ มาขอร้องให้พ่อของตินภพหมั้นหมายหญิงสาวกับเขาเมื่อห้าปีก่อน
ในตอนแรกพ่อของตินภพไม่เห็นด้วยแต่อีกฝ่ายก็ไม่ยอมลดความพยายาม สุดท้ายเลยตัดปัญหาโดยการรับปากแต่มีข้อแม้ว่าถ้าตินภพไม่ได้รักหรือชอบก็สามารถยกเลิกสัญญานี้ได้ตามใจ พ่อของหญิงสาวตอบตกลงทันทีโดยในตอนนั้นตินภพเองก็อยู่ด้วย
“สั่งอาหารเลยไหมครับ” ตินภพถามขึ้นในขณะที่สายตาคมมองสำรวจหญิงสาวอย่างละเอียด
“ค่ะ หลินก็เริ่มหิวแล้ว” เธอตอบพร้อมกลับส่งยิ้มหวานชวนมองให้ชายหนุ่ม
หลังจากทานอาหารเสร็จแล้วหญิงสาวจึงเอ่ยชวนชายหนุ่มออกไปเดินเล่นเพื่อให้มีเวลาได้อยู่ด้วยกันมากขึ้น
“ตินค่ะ ไปเดินเล่นพูดคุยเป็นเพื่อนหลินหน่อยนะคะ” หญิงสาวเอ่ยชวนเมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายทำท่าเหมือนจะกลับเลยหลังจากทานอาหารกันเสร็จ
“นายครับ ผมว่าไว้วันหลังดีกว่าครับ” เอสเอ่ยขึ้นหลังจากที่ออกไปคุยโทรศัพท์ข้างนอกมา เพราะก่อนหน้านี้อรันพึ่งโทร มาบอกว่าทางฮ่องกงมีการเคลื่อนไหวของกลุ่มศัตรู
“นะคะ นะ”
หญิงสาวหันไปมองเอสนิดหนึ่งด้วยสายตาไม่พอใจนัก ก่อนจะหันไปอ้อนตินภพเสียงอ่อนเสียงหวาน
“ไม่เป็นไรหรอก แค่แป๊บเดียวเอง” ตินภพหันไปบอกกับเอส นั้นทำให้เหมยหลินยิ้มกว้างอย่างพอใจทันทีเมื่อเห็นว่าชายหนุ่มยอมตามใจตนเองแถมยังไม่วายส่งสายตาท้าทายอย่างเหนือกว่าให้เอสอีกด้วย
“แต่ว่านายครับ สถานการณ์ตอนนี้เราไม่ควรประมาท ผมว่าเอาไว้ไปวันหลังดีกว่าครับ” เอสเอ่ยขึ้นเสียงเครียดด้วยเป็นห่วงความปลอดภัยของผู้เป็นนาย
“นายดูแลตินไม่ได้หรือไง เป็นบอดี้การ์ดของเขานี้” เหมยหลินเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงไม่พอใจที่เอสเอาแต่ขัดเธออยู่ได้
“อืม นั้นสิ” ตินภพเอ่ยขึ้นเสียงราบเรียบ เขารู้ว่าเอสดูแลเขาได้ เพียงแต่ถ้ามีอะไรเกิดขึ้นจริงเขาก็แค่ได้ยืดเส้นยืดสายบ้างก็เท่านั้นเอง
“ก็ได้ครับ” เอสตอบอย่างเสียไม่ได้ถึงจะเป็นกังวลมากก็ตาม
“งั้นเราไปกันเถอะค่ะ” เหมยหลินเอ่ยขึ้นพร้อมรอยยิ้มกว้างก่อนจะเดินไปเกาะแขนของชายหนุ่ม
‘พวกมันออกไปกันแล้วครับ’อีกมุมหนึ่งของร้านอาหาร ในมุมอับสายตาของร้านมีการเคลื่อนไหวของใครบางคน
‘เก็บมันซะ ทำได้ใช่ไหม’คนปลายสายสั่งด้วยน้ำเสียงเย็นชา
‘ได้ครับ’
‘อย่างให้พลาดละ ไม่งั้นพวกเรา ‘ตาย’ กันหมดแน่’ใช่แล้ว ถ้าพลาดก็คือตาย คนที่กล้ากระตุกหนวดเสือก็จะต้องเตรียมใจโดนเสือขย้ำด้วยเช่นกัน
‘ครับ’
หลังจากฝังตัวอ่อนด้วยวิทยาการทางการแพทย์เรียบร้อยแล้วนี่ก็ผ่านมาสองเดือนได้ เอสขอกลับมาทำงานเหมือนเดิมแม้ตินภพจะค้านยังไงก็ไม่ฟัง เพราะไม่อยากอยู่เฉย ๆ กับบ้าน“ไม่ต้องจ้องผมขนาดนั้นก็ได้ครับ” เอสว่า เพราะไม่ว่าจะทำอะไรตินภพก็จะมองตามไม่ให้คาดสายตาเลย“เฮ้อ…ก็พี่เป็นห่วง” ตินภพบอกแล้วลุกไปหาเอสที่นั่งทำงานอยู่ที่โต๊ะอีกตัวในห้อง“ผมแข็งแรงออก ไม่เป็นอะไรหรอกครับ อย่ากังวลเลยนะ” เอสจับมือหนาที่มายืนข้าง ๆ แล้วสอดผสานนิ้วเข้ากับมือตินภพ“แต่เราไม่ได้ตัวคนเดียวแล้วนะ” ตินภพท้าวมืออีกข้างกับโต๊ะแล้วโน้มหน้าลงไปหาเอส“ผมรู้ครับ แต่ผมสัญญาจะไม่ทำอะไรที่มันเสี่ยงต่อการเสียเขาไปโอเคไหมครับ” เอสเงยหน้าขึ้นสบกับตาคมดุพร้อมบอกเสียงหนักแน่น“เฮ้อ โอเค งั้นไปทานข้าวกันจะเที่ยงแล้ว”“ก็ได้ครับ” ตินภพจูงมือเอสให้เดินตามไปช้า ๆ เอสยิ้มอ่อนให้กับการดูแลเอาใจใส่ของชายหนุ่มที่ดูเหมือนจะยิ่งเพิ่มตามอายุครรภ์ของเขา“เดินเร็วกว่านี้ก็ได้ครับ ผมไม่เป็นไร”“ไม่ได้” ตินภพเอ่ยเสียงดุเล็กน้อยตอนนี้ทั้งคู่มาอยู่ที่ร้านอาหารให้ห้างไม่ไกลจากบริษัท จนกระทั่งอาหารที่สั่งมาเสิร์ฟ“อึก” เอสรู้สึกพะอืดพะอมขึ้นมาทันทีเ
ช่วงสายของวันรุ่งขึ้นทุกคนก็มารวมตัวกันอยู่ที่บ้านของนนท์และออกเดินทางทันทีโดยรถตู้ของบ้านนนท์นอกจากนี้ยังมีรถของการ์ดอีกสองคันหลังจากนั่งรถมาเกือบสิบเอ็ดชั่วโมงในที่สุดก็มาถึงบ้านพักของนนท์ที่กระบี่“เดี๋ยวเอาของเข้าไปไว้ในบ้านก่อนแล้วเราออกไปหาอะไรทานกันครับ นี่ก็จะสองทุ่มแล้วทุกคนน่าจะหิวกันแล้ว” นนท์บอก บอดี้การ์ดสัมภาระทุกอย่างที่นำมาเข้าไปไว้ในบ้านก่อนที่ทั้งหมดจะออกไปหาอะไรทานไม่ไกลจากที่พักเท่าไรนัก“จะกินอะไรสั่งเลยนะครับ” นนท์บอกหลังจากได้โต๊ะแล้ว ทั้งหมดสองโต๊ะเป็นของการ์ดที่มาด้วยโต๊ะหนึ่ง หลังจากนั่งรอสักพักอาหารก็มาเสิร์ฟทุกคนก็เริ่มลงมือกินกันทันที เอสค่อยดูแลตินภพทุกอย่างเหมือนที่ทำประจำ ตินภพเองก็ดูแลเอสกลับบ้าง แกะกุ้งให้บ้าง ตักอาหารให้บ้างจนทุกคนในโต๊ะมองกันเป็นตาเดียว แต่เจ้าตัวก็ไม่ได้สนใจจนทุกคนทานอาหารเสร็จก็กลับมาที่บ้านพักแล้วแยกย้ายกันไปพักผ่อนเนื่องจากเหนื่อยกับการเดินทาง โดยตินภพนอนกับเอส อรันกับแม็ค ส่วนแอลกับนนท์นอนกันคนละห้องและบ้านพักอีกหลังเป็นของบอกดี้การ์ด“สำหรับอาหารเช้าจะมีแม่บ้านมาทำให้ทุกคนพักได้เต็มที่ไม่ต้องห่วง” นนท์บอก“อืม งั้นแยกย้ายกันไ
เอสตื่นมาอีกครั้งก็บ่ายโมงแล้วหันมองคนที่กอดตัวเองอยู่ก็ยกยิ้มออกมาทันที มันเป็นเหมือนฝันจริง ๆ นิ้วเรียวลูบแก้มสากของชายหนุ่มเบา ๆ ก่อนจะไล้ตามสันจมูกโด่งลงมาที่ริมฝีปากหนาก็สะดุ้งเล็กน้อยเมื่อถูกขบเข้าที่นิ้ว ตินภพกระซับกอดให้แน่นขึ้นแต่ยังไม่ยอมลืมตา ร่างโปร่งอมยิ้มอย่างมีความสุขปล่อยให้อีกคนกอดอยู่อย่างนั้นจนผ่านไปเกือบครึ่งชั่วโมงเอสคิดว่าตินภพคงหลับไปอีกครั้งจึงค่อย ๆ แกะมืออีกคนออกแต่แกะยังไงก็ไม่ออกจึงเงยหน้ามองอีกคน“นายครับผมหิว” เอสบอกเพราะยังไม่ได้กินอะไรเลยมาเกือบทั้งวันแล้ว“กินฉันไปก่อนสิ แล้วก็เรียกใหม่ด้วย” น้ำเสียงออดอ้อนหยอกเย้าแฝงความไม่พอใจอยู่ในทีก่อนที่แขนแกร่งจะกอดรัดอีกคนจนแน่น“เอ่อ เรียกตอนอยู่สองคนได้ไหมครับ ถ้าอยู่ต่อหน้าลูกน้องมันจะเสียการปกครองเอา” เอสเอ่ยต่อรองเสียงแผ่ว“ก็ได้ แต่ถ้าอยู่ต่อหน้าลูกน้องให้เรียกคุณตินโอเคไหม” ชายหนุ่มยอมรับคำขอของอีกคนแต่โดยดีเมื่อคิดตามที่ร่างโปร่งพูด“ครับ…พี่ติน” ตินภพยกยิ้มอย่างพอใจที่อีกคนเรียกชื่อแบบนั้น“งั้นปล่อยก่อนนะครับผมหิวแล้ว” เอสบอก ชายหนุ่มยอมคายแขนออกหลวม ๆ ก่อนจะหอมแก้มอีกคนไปฟอดใหญ่หลังจากอาบน้ำเสร็จเอส
เวลาผ่านไปจนล่วงเข้าเช้าวันใหม่แม็คเดินออกมาด้วยใบหน้าอิดโรย ตินภพรีบเข้าไปหาเพื่อนทันที“โชคดีลูกปืนไม่โดนหัวใจ แต่ถูกเส้นเลือดใหญ่ทำให้คุณเอสเกิดภาวะช็อกจากการเสียเลือดมากแล้วก็หัวใจหยุดเต้นไปครั้งหนึ่ง แต่ต้องบอกว่าคุณเอสใจสู้จริง ๆ” แม็คบอกเสียงเนือง ๆ ด้วยความล้า ชายหนุ่มยกยิ้มบางสีหน้าดีขึ้นทันที“แสดงว่าปลอดภัยแล้ว” แอลถามขึ้นอย่างใจชื้น“ยัง” แม็คบอก“อ้าว” แอลกับนนท์ร้องออกมาพร้อมกัน รอยยิ้มเมื่อครู่หายไปทันที ตินภพถึงกับมองหน้าเพื่อนนิ่งค้างไป“ถ้าภายในสองวันนี้อาการไม่ทรุดลงนั้นถึงจะถือพ้นขีดอันตราย”แม็คบอกพร้อมกับมองหน้าตินภพไปด้วย“ไม่ต้องห่วงคุณเอสเขาไม่ไปจากมึงหรอก เขารักมึงมากขนาดนั้น” แม็คบอกให้กำลังใจเพื่อน“มึงเองก็อย่ารอจนถึงวันที่มันสายนะแม็ค มึงรู้ดีว่าชีวิตคนเรามันไม่แน่นอนโดยเฉพาะคนที่ทำงานอย่างพวกกู” ตินภพบอกพร้อมกับมองไปยังห้องข้าง ๆ ที่มีอรันนอนอยู่ แม็คเม้นปากเข้าหากันแน่นทันทีเมื่อรู้ว่าตินภพต้องการจะบอกอะไร“อืม” แม็คตอบรับเสียงเบา“ไปพักกันก่อนเถอะ พรุ่งนี้ค่อยว่ากัน” นนท์บอก ทุกคนพยักหน้ารับก่อนจะเดินออกไปเพื่อไปพักผ่อน ตินภพมองเข้าไปในห้องที่เอสนอนอยู
“ไงเพื่อนรัก ขอบใจที่ยังจำกันได้” ทอมสันพูดขึ้นพร้อมรอยยิ้มเหี้ยม“แกยังไม่ตาย”“ใช่ ฉันจะไปคนเดียวได้ยังไงถ้านายยังอยู่นี้ จนกว่าจะได้เปิดโปงคนทรยศยังไงฉันก็ยังไปไม่ได้” ทอมสันบอกเสียงเหี้ยมก่อนจะหันไปมองคาสแซ็ค“อังเดรนคือคนที่ฆ่านายท่านและพอผมรู้เรื่องเขาก็ฆ่าผมปิดปากแล้วบอกกับทุกคนว่าคนที่ไปกับนายท่านคือผม ส่วนเขาเป็นคนไปทำธุระตามที่นายท่านสั่งทั้งที่จริงแล้วไม่ใช่ ดีที่ว่านรกยังไม่พร้อมเปิดรับผมนะครับทุกคนเลยได้รู้ความจริงกัน” ทอมสันบอก“แล้วเพราะอะไรทำไมเขาต้องฆ่าพ่อผมด้วย” คาสแซ็คถามขึ้นเพราะมันไม่มีเหตุผลอะไรเลยที่อังเดรนต้องฆ่าพ่อเขาทั้งที่ภักดีกับพ่อกับเขามาโดยตลอด“ก็เพราะ…”ปัง!ยังไม่ทันที่ทอมสันจะได้พูดจบก็ล้มลงไปพร้อมกับเสียงปืนที่มาจากอังเดรนก่อนที่จะเล็งไปที่คาสแซ็ค ลูกน้องของคาสแซ็คแบ่งออกเป็นสองฝั่งทันทีและเล็งปืนเข้าหากันคาสแซ็คมองเหตุการณ์อย่างไม่เข้าใจที่ลูกน้องตนแบ่งออกเป็นสองฝั่งและคงหนีไม่พ้นเป็นฝีมือของคนที่กำลังเล็งปืนใส่เขาอยู่ตอนนี้“หึ คงเป็นฝีมือคุณจริง ๆ สินะ” คาสแซ็คถามเสียงนิ่งจ้องมองอีกคนราวกับจะกินเลือดกินเนื้อ“ใช่ ก็เพราะว่าฉันกับแม่ของแกรักกันยั
เมื่อมาถึงคฤหาสน์ ชายหนุ่มเดินนำไปที่ห้องทำงานทันทีโดยมีเอสและสองพี่น้องฝาแฝดมาตินกับลาตินตามเข้าไปด้วย“ทางนั้นแจ้งมาว่าไงมาติน” ร่างสูงถามขึ้นเมื่อทุกคนเข้ามาภายในห้องแล้ว“พรุ่งนี้หนึ่งทุ่มที่โกดังท่าเรือครับ” มาตินบอก“ผมว่ามันแปลก ๆ นะครับ ต้องการพบเราแต่กลับนัดเจอในสถานที่แบบนั้นคงกะเก็บเราทันที” เอสบอกเสียงเครียด“นั้นสิครับ” มาตินเห็นด้วยกับเอส“แผนง่าย ๆ ที่ให้ทางเรารู้ว่าทางนั้นคิดจะทำอะไร มันก็เหมือนสาส์นท้าดวลดีดีนี้เอง” ตินภพบอก เพราะรู้ว่ามีอะไรรออยู่ ถ้าไม่กล้าเผชิญหน้าก็คือแพ้ แต่ถ้ากล้าก็ต้องเตรียมเจอกับสิ่งที่ทางนั้นวางเอาไว้“ทางนั้นคงไม่เล่นกับเราซึ้ง ๆ หน้า” เอสว่า ในหัวตอนนี้มีแผนรับมือกับอีกฝ่ายเต็มไปหมด ไหนจะภาพในความฝันนั้นอีก“ก็จริง” ชายหนุ่มเห็นด้วย ทางนั้นคงไม่สู้กันซึ้ง ๆ หน้าแน่ คงมีแผนอะไรเตรียมเอาไว้แล้ว งั้นเขาก็ขอใช้กองหนุนหน่อยแล้วกัน“มาตินเตรียมคนกับอาวุธให้พร้อม ลาตินผสานงานขอกำลังคนจากแอลที่อยู่ในฮ่องกงและก็ติดต่อไปทางทีมแพทย์ของคุณแม็คด้วย เอสเรียกอรันกลับมา ในเมื่อทางนั้นเล่นไม่ซื่อ เราก็เล่นบ้างเป็นไงจะได้แฟร์ ๆ กัน” ตินภพสั่งการลูกน้อง“ครั
“มีอะไรหรือเปล่าครับคุณเอส ดูตินมันเป็นห่วงคุณมากนะ มีอะไรผมว่ารีบคุยกันดีกว่า” นนท์บอก เอสพยุงตัวลงจากเตียงแต่พอจะก้าวเดินก็เซจนนนท์ที่อยู่ใกล้ ๆ รีบคว้าเอาไว้เพราะกลัวอีกคนจะล้ม“คุณเอส!” เสียงนนท์กับแอลร้องขึ้นมาพร้อมกันอย่างตกใจ“อือ ผมไม่เป็นไรครับ” เอสบอกพร้อมกับสูดหายใจเข้าลึก ๆ เพื่อเรียกสติก่อนจะพยายามเดินออกไปจากห้อง“ผมช่วยประคองดีกว่าครับ” นนท์บอกแล้วเดินเข้าไปช่วยประคองตัวเอสไม่ให้ล้มโดยมีแอลช่วยอีกแรงเมื่อลงมาถึงข้างล่างก็ไม่เห็นตินภพ เอสจึงขอให้พาไปที่ห้องทำงานของผู้เป็นนาย พอมาถึงเอสก็เปิดประตูเข้าไปโดยไม่ได้ขออนุญาตก่อนก็เห็นตินภพยืนอยู่กลางห้อง“ลงมาทำไม ทำไมไม่พัก” ตินภพถามขึ้นเมื่อเห็นว่าเอสเดินเข้ามา ใบหน้าซีดเชียวดวงตาแดงก่ำจากพิษไข้ทำให้ชายหนุ่มถอนหายใจออกมาก่อนจะเดินเข้าไปประคองตัวอีกคนเอาไว้แล้วพาไปนั่งที่โซฟาในห้อง นนท์กับแอลที่ยืนอยู่หน้าห้องก็หลบฉากไปทันทีปล่อยให้ทั้งสองได้พูดคุยกันพร้อมกับปิดประตูห้องให้อย่างเบามือ“นายครับเรื่องนั้น…เฮ้อ โอเคครับ” เอสเอ่ยอย่างยอมแพ้เพราะรู้ดีว่าตินภพต้องการรู้อะไร อาการแบบนี้ใช่ว่าเอสพึ่งเคยเป็นครั้งแรก ทำไมตินภพจะไม่รู้
หลังจากวันนั้นนี้ก็ผ่านมาเกือบเดือนแล้วทุกอย่างในการใช้ชีวิตกลับมาเป็นปกติเรื่องวุ่นวายยังพอมีอยู่บ้างแต่ก็เป็นธรรมดาของคนที่ทำธุรกิจ แต่เรื่องที่แปลกตาสำหรับหลายวันที่ผ่านคือที่เจ้านายของหลายชีวิตในคฤหาสน์หยางค่อยออดอ้อนผู้เป็นเลขา จนลูกน้องหลายคนมึนกับอาการของผู้เป็นนายที่นับวันจะยิ่งเสพติดการอยู่กับหัวหน้าของพวกเขาอย่างเช่นวันนี้ที่โรงฝึก“เอสเข้าบ้านกัน ไม่เบื่อบ้างหรือไงฝึกทุกวันเนี่ย”“ไม่ครับ เพราะมันจำเป็น เจ้านายก็น่าจะรู้นะครับว่าที่ผมทำอยู่ทุกวันนี่เพื่อความปลอดภัยทั้งนั้น”เอสบอก การฝึกฝนตัวเองให้แข็งแกร่งนั้น ยิ่งแข็งแกร่งเท่าไรเขายิ่งปกป้องผู้เป็นนายได้มากขึ้นเท่านั้นและนั้นมันก็เป็นผลดีกับตินภพเอง“ฉันกับนายฝีมือก็พอกันแล้วนายจะกลัวอะไร” ตินภพถามขึ้น ฝีมือตินภพเป็นที่รู้กันดีในหมู่ลูกน้องและเพื่อนสนิทว่าแข็งแกร่งขนาดไหน แต่คนภายนอกน้อยคนนักจะรู้ จึงทำให้ศัตรูส่วนใหญ่ประเมินฝีมือตินภพต่ำเพราะคิดว่าชายหนุ่มถนัดแค่เรื่องการบริหารมากกว่า“ผมไม่อยากประมาทครับ โอกาสพลาดเรามีทุกเมื่อและนั้นมันหมายถึงชีวิต” เอสบอก เขาไม่รู้ว่ามันจะเกิดอะไรขึ้นแต่ความฝันนั้นมันเริ่มชัดเจนยิ่งขึ
“ผมเอง” คุณหลางยอมพูดออกมาเพราะทนแรงกดดันของตินภพไม่ไหว ผู้ชายคนนี้น่ากลัว นั้นคือสิ่งที่เขารับรู้ได้ ทั้งน่ากลัวและน่าเกรงขาม“ไปทำแผลซะ” ตินภพบอกเสียงนิ่ง“นายครับ” เอสเรียกผู้เป็นนายออกมาเสียงแผ่ว“อรัน”“ไปครับรุ่นพี่ เดี๋ยวระเบิดลง” อรันรีบดึงตัวเอสออกไปทันที ตินภพจึงหันไปมองคนที่อยู่ในห้องรับแขกทีละคนก่อนจะหยุดที่นนท์“อธิบายมา” ตินภพบอกเพื่อนเสียงเย็น นนท์เล่าทุกอย่างให้เพื่อนฟังทั้งหมดตั้งแต่ตนเองโดนหลอกมาจนถึงเหตุการณ์เมื่อครู่นี้ตินภพก็นั่งมองแขกของเลขาคนสนิทนิ่งจนทุกคนเริ่มอึดอัดและเป็นคุณหญิงผิงที่ไม่รู้ว่าเอาความใจกล้ามาจากไหนพูดขึ้นมา“คุณติน นี้เหม่ยอิงลูกสาวคนเล็กของเรา” เธอเอ่ยแนะนำหญิงสาวให้ชายหนุ่มรู้จัก“คุณผิง” คุณหลางรีบปรามภรรยาทันทีเมื่อเธอกำลังคิดจะทำอะไร“อะไรละคะ เหม่ยอิงสวัสดีคุณตินภพเขาสิลูก” เธอยังไม่หยุดในสิ่งที่คิดจะทำ“สวัสดีค่ะคุณติน” หญิงสาวส่งยิ้มให้ตินภพพร้อมกับพูดทักทายอย่างมีจริต เธอถูกใจตินภพตั้งแต่ที่เห็นอีกคนเดินเข้ามาแล้ว“….”ตินภพหรี่ตามองเงียบ ๆ หญิงสาวหน้าเสียทันทีที่ไม่ได้รับความสนใจ“เรื่องบริษัทของคุณผมจะช่วย แต่แค่ครั้งนี้ครั้งเดียวแ