Share

บทที่ 2

เหยียนหลัวหวางก้าวเดินออกมาด้านนอกด้วยดวงตาแดงระเรื่อ สองมือโอบประคองก้อนเเสงกลมๆ อย่างทะนุถนอม หากรู้ล่วงหน้าว่าเจ้าเทพจอมอันธพาลนั่นจะมาเยือน เขาคงพาอิ๋งอิ๋งน้อยไปซ่อนให้ไกลแล้ว จะได้ไม่ต้องเสียนางให้แก่อีกฝ่ายเช่นนี้

ยิ่งคิดผู้ปกครองแดนนรกภูมิยิ่งยากจะทำใจ และในขณะที่กำลังจมอยู่กับความโศกานั่นเอง บุคคลในชุดดำและขาวคู่หนึ่งก็เดินเข้ามาใกล้ พร้อมเสียงทักทายแสดงความเคารพจากผู้มาใหม่

“คารวะเหยียนหลัวหวาง”

“เฮ่ยเสี่ยวอู่ เฮ่ยเสี่ยวฉาง” เหยียนหลัวหวางขานชื่อสองยมทูตตรงหน้า “พวกเจ้ามาก็ดีแล้ว จงนำนางไปเกิดใหม่ที่เดียวกับตี้จวินโดยเร็วเถิด ชักช้าไปเวลาบนโลกมนุษย์จะทำให้คลาดเคลื่อนกัน”

เห็นสีหน้าสองยมทูตมีความงุนงง เหยียนหลัวหวางพลันนึกขึ้นได้ว่าทั้งคู่เพิ่งมาถึงยังไม่รู้เรื่องราว จึงบอกเล่าให้ฟังอย่างคร่าวๆ ก่อนจะตัดใจส่งลูกเเสงก้อนกลมในมือให้เฮ่ยเสี่ยวฉางรับไป จากนั้นพญายมราชจึงหมุนกายเดินกลับห้องทำงานตนเองทั้งน้ำตา เขาทำใจไปส่งนางด้วยตนเองไม่ได้จริงๆ

‘โธ่...อิ๋งอิ๋งน้อยของข้า’

เฮ่ยเสี่ยวอู่มองก้อนกลมที่สว่างเรื่อบนมือเฮ่ยเสี่ยวฉาง ก่อนจะมองหน้าสบตากันอย่างไร้คำพูดอยู่ครู่หนึ่ง บางทีเทพเจ้าบนสวรรค์ก็พิเรนทร์เสียยิ่งกว่ามนุษย์ ดูเอาเถอะ ขนาดเจ้ากระบองเพชรต้นไม้จากโลกมนุษย์ธรรมดาๆ ยังสามารถกลายมาเป็นคู่วาสนาของเทพบรรพกาลได้เลย เวรกรรม...

เวรกรรมของเจ้ากระบองเพชรต้นนี้น่ะนะ...

“พวกเรารีบไปกันเถอะ เวลาบนโลกมนุษย์นั้นเดินเร็วกว่าทางยมโลกมากนัก” เฮ่ยเสี่ยวอู่บอกสหายร่วมงาน รีบส่งไปเกิดให้ไวที่สุดจะดีกว่า เพราะยามนี้เจ้าลูกแสงกลมๆ ในมือพวกเขา ถือเป็นสิ่งเรียกหาภัยมาสู่ตัวได้อย่างดีเยี่ยม หากเกิดเหตุหรือมีอะไรผิดพลาดขึ้นมาแล้วละก็ ตี้จวินผู้นั้นคงไม่ละเว้นพวกเขาทั้งสองเป็นแน่

สองยมทูตนำเจ้าก้อนแสงน้อยๆ ว่าที่คู่วาสนาของเทพบรรพกาลผู้ยิ่งใหญ่มายังด้านนอก บริเวณที่ต่อเเถวดื่มน้ำเเกงยายเมิ่ง พลางสอดส่ายสายตาหาสะพานที่ต้องการ

เท่าที่เหยียนหลัวหวางบอกกับพวกเขา ตามบทเเล้วตี้จวินจะลงไปเกิดเป็นคุณชายน้อยตระกูลคหบดีใหญ่ ด้วยความร่ำรวยเป็นเหตุทำให้ถูกปล้นฆ่ายกตระกูล ทว่าโชคดีที่ปรมาจารย์ผู้เยี่ยมยุทธ์ผ่านไปพบ และได้ช่วยเหลือพร้อมรับคุณชายเป็นศิษย์ของตนเอง เมื่อเติบใหญ่เขาฝึกวิชาสำเร็จจึงออกเดินทางตามหาศัตรูที่ฆ่าล้างสกุลตนเพื่อแก้แค้น

ส่วนวิญญาณกระบองเพชรน้อยจะถูกส่งไปเกิดเป็นบุตรสาวของตัวการใหญ่ ทั้งสองคนพบหน้าและตกหลุมรักกันตั้งแต่แรกพบโดยที่ไม่ทราบว่าอีกฝ่ายเป็นใคร เมื่อความรักล้ำลึกจนยากจะตัดใจ ความจริงกลับปรากฏขึ้นบีบคั้น บิดาของอีกฝ่ายคือศัตรูที่ต้องชำระแค้นให้ได้ ทว่าผู้ที่ขวางหน้าศัตรูอยู่นั้นคือสตรีที่เขารักสุดชีวิต

ทางด้านหญิงสาวเองก็จนใจไม่น้อย เพราะไม่อาจปล่อยให้คนรักสังหารผู้ให้กำเนิด นางจึงจำต้องขวางทางดาบชายหนุ่มทั้งน้ำตา แต่เมื่ออาวุธถูกฟาดฟันออกไปแล้วย่อมไม่อาจรั้งกลับคืน และเมื่อนางสิ้นชีพลงเขาก็จมอยู่กับความรักที่ไม่สมหวังไปตลอดชีวิต

‘อืม...บทละครคราวนี้ซื่อมิ่งเขียนได้ดียิ่งนัก อย่างน้อยก็ดีกว่าคราวเหยียนหลัวหวางที่ถูกวางบทให้เป็นขันทีแอบหลงรักผู้เป็นนาย โดยไท่จื่อที่เขาหลงรักก็คือองค์เง็กเซียนที่ลงมาเผชิญด่านเคราะห์พร้อมกันนั่นเอง’

แน่นอนว่าสิ่งที่เฮ่ยเสี่ยวอู่กับเฮ่ยเสี่ยวฉางไม่รู้ก็คือ เทพชะตาซื่อมิ่งผู้น่าสงสารนั้นต้องถูกกระชากคอบังคับให้เขียนอยู่สามราตรีเต็มๆ เพื่อที่จะให้ได้บทละครเรียบง่ายและตรงใจท่านเทพจอมวายร้าย...

เฮ่ยเสี่ยวฉางยืนนิ่งต่อเเถวสะพานอนิจจังเพื่อรอที่จะนำเจ้าก้อนแสงในมือไปส่ง ส่วนเฮ่ยเสี่ยวอู่นั้นยืนอยู่ข้างหน้าเพื่อนร่วมงานคอยสังเกตรอบด้านอย่างไม่ไว้ใจ เพราะอะไรกันนะ ทำไมวันนี้เขาถึงมีความรู้สึกว่าหางตามันกระตุกแปลกๆ ชอบกล

เวลาผ่านไปสักพักใหญ่แถวก็เคลื่อนมาจนถึงเฮ่ยเสี่ยวอู่ ยมทูตชุดดำยื่นมือมารับลูกแสงจากมือคนข้างหลัง เฮ่ยเสี่ยวฉางเองก็กำลังจะส่งวิญญาณดวงสำคัญให้เพื่อนร่วมงาน ทว่าฉับพลันนั้นกลับมีแรงกระเเทกจากด้านหลังมาชนถูกเขาอย่างแรง

“เหวอ...”

เสียงร้องอุทานตกใจดังขึ้น พร้อมกับร่างในรูปลักษณ์ชราของเฮ่ยเสี่ยวฉางเซถลาไปด้านหน้า เจ้าก้อนเเสงที่ถืออยู่ในมือก็กระเด็นไกลไปในอากาศ พุ่งไปยังทิศทางตรงกันข้ามกับสะพานที่พวกเขาต้องส่งเจ้าวิญญาณไร้ลักษณ์นี่ข้ามไป ทั้งคู่เงยใบหน้าขึ้นมองตามสิ่งที่กระเด็นลอยไปกลางอากาศดวงตาไม่กะพริบ ถ้าหากทำคู่วาสนาตี้จวินผู้ชั่วร้ายนั่นสูญหาย พวกเขาต้องถูกเทพจอมอันธพาลนั่นทุบตีจนตายเป็นแน่!

เฮ่ยเสี่ยวฉางเเละเฮ่ยเสี่ยวอู่ต่างคิดตรงกันในใจโดยไม่ต้องนัดหมาย ดังนั้นร่างหนึ่งขาวหนึ่งดำจึงกระโดดตัวลอยเข้าหาเจ้าลูกแสงกลางอากาศทันที โดยเฉพาะเฮ่ยเสี่ยวอู่นั้นแทบไม่ได้มองดูเพื่อนร่วมงานแม้แต่น้อย เขาลอยตัวยื่นมือเพื่อคว้าเจ้าก้อนแสงที่อยู่ตรงหน้า พลางแสดงท่าทางโล่งอกโล่งใจเมื่อเห็นว่าของสำคัญยังอยู่ดี ทว่า...

โป๊ก!

ตุ้บ!

เฮ่ยเสี่ยวฉางที่กระโดดตามมาติดๆ พลันพุ่งร่างเอาหัวโหม่งใส่เพื่อนร่วมงานอย่างหยุดไม่อยู่ ก่อนจะพากันร่วงหงายหลังก้นกระเเทกพื้น เจ็บจนหน้าตาเหยเก

“เฮ่ยเสี่ยวฉาง ไอ้เจ้ายมทูตเซ่อซ่า นี่เจ้าไม่มีตาหรืออย่างไรกัน!”

เฮ่ยเสี่ยวอู่ร้องตวาดด่าอีกคนอย่างเหลืออด หลังจากถูกสหายกระโดดเอาหัวพุ่งปะทะกลางอากาศ จนร่วงหล่นก้นกระแทกพื้น นอนแอ้งแม้งหมดสภาพ ท่ามกลางสายตาของเหล่าวิญญาณในบริเวณนั้น

ในขณะเดียวกันเฮ่ยเสี่ยวฉางเองก็ร้องโอดโอย เจ้าตัวพยายามลุกจากพื้นด้วยท่าทีทุลักทุเล ก่อนจะปัดเศษดินออกจากก้นน้อยๆ ของตนเอง พลางบ่นพึมพำด้วยน้ำเสียงไม่เบานัก

“ก็ข้าเป็นห่วงวิญญาณกระบองเพชรน้อยนี่นา เจ้านั่นแหละ รู้ว่าข้าจะพุ่งมาเหตุใดจึงไม่หลบกันเล่า”

เฮ่ยเสี่ยวอู่ฟังแล้วถลึงดวงตาโปนแทบหลุดออกจากเบ้า เจ้าเพื่อนร่วมงานที่เเสนโง่เง่าเกินบรรยายนี่ เขาถูกอีกฝ่ายชนจากด้านหลังจะไปมองเห็นได้อย่างไร ที่สำคัญอีกฝ่ายยังคิดจะให้ผู้ถูกชนเป็นคนหลบอีกอย่างนั้นหรือ ไอ้เจ้ายมทูตไร้หัวคิดเอ๊ย ต้องถูกจับให้เป็นคู่หูกับยมทูตไร้สมองเช่นนี้ช่างเป็นอะไรที่โชคร้ายจนเปรียบไม่ได้เลยทีเดียว
Continue to read this book for free
Scan code to download App

Latest chapter

  • สามชาติ สองภพ จบปรารถนา   บทที่ 143

    “อาจารย์บอกให้ข้ามาเรียนรู้จากท่าน” ชายหนุ่มบอกพลางส่งรอยยิ้มกรุ้มกริ่ม รู้ดีว่าหากเอ่ยอ้างชื่ออาจารย์อีกฝ่ายไม่มีทางบอกไม่เด็ดขาดและก็เป็นเช่นนั้นจริงๆ เพราะเทพชะตาผู้รักตัวกลัวตายยังไม่อยากมีปัญหากับจอมอันธพาล จึงได้แต่กัดฟันมองข้ามอาการวอแวของอีกฝ่ายหลินจิงเสียงมองอาการหัวฟัดหัวเหวี่ยงของเทพตรง

  • สามชาติ สองภพ จบปรารถนา   บทที่ 142

    หลังจากจ้าวชวี่สิ้นชีพลง จวินเทียนเฮ่อที่รู้ตัวคนลงมือก็สะสางหนี้แค้นแทนนาง แน่นอนว่าเขาย่อมไม่คิดสังหารอีกฝ่ายด้วยมือตัวเองสตรีนางนั้นคิดจะฝากความแค้นให้เขาลงมือสังหารตนเองเพื่อเป็นที่จดจำอย่างนั้นหรือ ไม่มีทางเสียหรอก ฝันกลางวันต่อไปเถิด สิ่งใดที่เป็นความปรารถนาของอีกฝ่ายเขาจะบดขยี้มันให้สิ้นเช่

  • สามชาติ สองภพ จบปรารถนา   บทที่ 141

    ในบรรดาผู้ที่เกี่ยวข้องกับเรื่องด่านเคราะห์ของตี้จวิน มีเพียงเทพซื่อมิ่งเท่านั้นที่ดูจะมีสภาพดีกว่าเพื่อน ทำให้เขาอดปาดเหงื่อนึกขอบคุณตัวเองที่ให้การช่วยเหลือนางต้นไม้ไว้ไม่ได้และวันนี้ก็เป็นอีกหนึ่งวันที่เทพชะตาต้องมานั่งอกสั่นขวัญหาย เมื่อคู่รักจอมวายร้ายมาเยือนตำหนักเขา“ตี้จวิน ท่านดูสิ เฮ่ยเสี

  • สามชาติ สองภพ จบปรารถนา   บทที่ 140

    อิ๋งอิ๋งขึ้นมาแดนสวรรค์เพื่อบำเพ็ญเป็นเซียนด้วยร่างกระบองเพชร แน่นอนว่าไม่ใช่เรื่องง่ายเลยแม้แต่น้อยห้าร้อยปีแรกที่นางเฝ้าเพียรบำเพ็ญ ผลที่ได้คือออกดอกสีชมพูมาหนึ่งดอก ผ่านไปอีกห้าร้อยปีความสามารถเพิ่มพูน คราวนี้ออกดอกได้พร้อมกันทีเดียวถึงสองมันน่าชื่นชมไหม…นางที่อยู่ในต้นไม้ได้แต่เอาศีรษะโขกลำต้

  • สามชาติ สองภพ จบปรารถนา   บทที่ 139

    “คราวนี้หากเจ้ายังคิดวิ่งหนีอีก ข้าจะจับมัดด้วยเชือกของซีหวังหมู่ แล้วหักขาสองข้างของเจ้าทิ้งเสีย กล้าก็ลองดู”รอยยิ้มหวานบนใบหน้าเล็กพลันแข็งค้าง บรรดาผู้เฝ้าชมรอบๆ ก็ไม่แตกต่างกัน เดิมทียังคิดว่าจะได้ฟังถ้อยคำรำพันรักหวานซึ้งเหมือนนิทานรักของโลกมนุษย์ แต่ที่ไหนได้กลับเป็นการจะตีขาให้หักแล้วจับมัดแ

  • สามชาติ สองภพ จบปรารถนา   บทที่ 138

    ภายหลังปรากฏการณ์ผ่านด่านเคราะห์อันสะเทือนเลื่อนลั่น เทพซื่อมิ่งก็ปรากฏกายเบื้องหน้าจวินเทียนเฮ่อองค์เทพบรรพกาลที่เพิ่งพ้นจากฤทธิ์น้ำแกงยายเมิ่งหมาดๆ มีใบหน้าแข็งกระด้างอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน“คารวะตี้จวิน ขอยินดีที่ท่านผ่านด่านเคราะห์ครั้งนี้”ไม่พูดก็แล้วไป เพราะเมื่อกล่าวออกมา เทพซื่อมิ่งพลันสัง

More Chapters
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status