บ้านใหญ่ตระกูลหยาง
หลังจากที่บ้านสายรองได้ทำการแยกบ้านออกไปแล้วนอกจากนี้นางหลินยังต้องคืนสินเดิมให้กับหวังฉีหลินกลับไปและยังมีที่ดินที่เป็นสินเดิมของนางฟางด้วย เรื่องนี้ทำให้นางหลินไม่พอใจเป็นอย่างมาก คนพวกนี้มีความกล้าตั้งแต่เมื่อไหร่กันเรื่องสินเดิมของนางฟางนั้นถูกแม่สามีของนางนำไปใช้จ่ายจนหมดตั้งแต่สมัยแม่สามีของนางยังมีชีวิตอยู่
พอหวังฉีหลินแต่งเข้ามานางจึงลอกเลียนแบบแม่สามีของตนเองโดยทำการยึดเอาสินเดิมของหวังฉีหลินมาเก็บเอาไว้โดยอ้างว่าสินเดิมของทุกคนต้องนำมาเก็บรวมกันที่บ้านใหญ่ถึงแม้ว่าหวังฉีหลินจะไม่ได้เป็นลูกสะใภ้ของนางก็ตาม
แล้วตอนนี้นางจะทำยังเช่นไรล่ะนอกจากจะต้องคืนของแล้วนางยังต้องมาเจ็บตัวเองไม่รู้ว่านังฉีหลินถูกวิญญาณร้ายที่ไหนเข้าสิงมาถึงได้กล้าลงมือกับนางขนาดนี้ ไม่ใช่แค่นางยังมีลูกสะใภ้และลูกชายของนางด้วยต่อไปนี้คงรังแกคนพวกนั้นไม่ได้อีกแล้ว
แต่ด้วยนิสัยของนางหลินย่อมต้องหาโอกาสแก้แค้นอยู่แล้วแต่จะแก้แค้นสำเร็จหรือไม่ก็ต้องดูด้วยว่านางหลินมีความสามารถที่จะแก้แค้นหรือให้สำเร็จหรือไม่
“เจ็บใจจริง ๆ แล้วแบบนี้สินเดิมของข้าล่ะท่านแม่จะทำยังไง ของก็คืนให้นังฉีหลินไปหมดแล้ว แล้วข้าล่ะข้าจะทำยังไง”
“เจ้าจะแหกปากโวยวายอะไร ถ้าเจ้ามีความสามารถก็ไปแย่งกลับมาสิ”
“ท่านแม่ ทำไมท่านพูดแบบนี้เจ้าคะ” หยางฮุ่ยเหม่ยตะคอกถามมารดา
“จะแหกปากให้ได้อะไรขึ้นมา ตอนนี้ทำอะไรไม่ได้แล้ว แต่ข้าจะไม่ยอมให้จบแค่นี้แน่ แยกบ้านแล้วยังไงสัญญาตัดขาดแล้วยังไง อย่าให้ข้าได้มีโอกาสก็แล้วกันข้าจะจับลูกสาวของมันไปขายเป็นทาส หลานของมันด้วย”
“ดีเจ้าค่ะท่านแม่ ข้าจะดูน้ำหน้าของพวกมันว่าจะทำอะไรเราได้หรือไม่หากถึงเวลานั้น”
สองแม่ลูกที่ยังไม่รู้จักเข็ดหลาบนั้นลืมไปเสียสนิทว่าสัญญาแยกบ้านถูกส่งให้ทางการอีก 1ฉบับและทั้งสองครอบครัวตัดขาดกันไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกันอีก อีกทั้งหากคนจากบ้านใหญ่บุกรุกเข้าไปในพื้นที่ของบ้านสายรองหวังฉีหลินสามารถทุบตีพวกเขาได้โดยไร้ซึ่งความผิด
“พวกเจ้าสองแม่ลูกหุบปากกันสักทีได้หรือไม่ ยังไม่รีบไปหายาทาอีก หน้าตาน่าเกลียดขนาดนี้ออกไปให้พ้น ๆ หน้าข้า ไม่ได้เรื่อง นอกจากจะต้องคืนสินเดิมให้พวกมันแล้วยังโดนทุบตีขนาดนี้ ไร้ประโยชน์จริง ๆ” หยางฮุ่ยเหอระเบิดอารมณ์ใส่ลูกสาวและภรรยา
“ท่านพ่อทำไมท่านพูดแบบนี้เจ้าคะ ท่านเก่งนักทำไมท่านไม่ไปทุบตีนังฉีหลินล่ะ ท่านจะมาพาลเอากับข้าและท่านแม่ได้ยังไง”
“นั่นสิเจ้าคะท่านพี่ ทำไมท่านถึงได้พูดแบบนี้ ที่ทุกอย่างเป็นแบบนี้ไม่ใช่ว่าท่านพี่ไร้ความสามารถหรือเจ้าคะ”
“หุบปาก ข้าบอกให้หุบปาก ไสหัวไปให้หมด”
หลังจากลูกและภรรยาออกไปหมดแล้วหยางฮุ่ยเหอได้แต่นึกเจ็บใจที่ไม่สามารถยึดเอาทรัพย์สมบัติของบ้านสายรองมาได้ ตามหลักความเป็นจริงแล้วคนที่เป็นพี่ชายเช่นเขาจะต้องไม่รังแกน้องชายของตัวเองอยู่แล้ว
แต่ทว่าในความเป็นจริง เขาไม่ใช่พี่ชายแท้ ๆ ของหยางเทียนฉี เรื่องนี้ไม่มีใครรู้นอกจากบิดามารดาที่ล่วงลับไปแล้ว เพราะมารดารู้สึกผิดต่อแม่ของเทียนฉีที่เป็นคนรักของบิดาเขา หากแต่ต้องโดนบังคับมาแต่งงานกับนางแต่ต่อมาพ่อแม้แท้ ๆ ของเทียนฉีได้ตกตายลงเพราะป่วยเป็นไข้ป่า
อีกทั้งท่านแม่ได้คลอดน้องชายของเขาออกมาในเวลาใกล้เคียงกันแต่น้องชายแท้ ๆ ของเขากลับป่วยตายท่านพ่อที่แอบเลี้ยงเทียนฉีอยู่จึงได้พากลับมาแทนน้องชายของเขาที่ตายไป เรื่องนี้เขาบังเอิญรู้เข้าก่อนที่ท่านพ่อจะเสียชีวิต
เรื่องนี้เขายอมรับไม่ได้จริง ๆ ถึงท่านแม่จะรักเขาแต่เขารู้สึกว่าท่านแม่รักน้องชายมากกว่าเขายิ่งพอมารู้ว่าไม่ใช่น้องชายแท้ ๆ แต่ท่านแม่ยังให้ความรักกับเทียนฉีมากมายเขาก็ยิ่งเกลียดชังและแค้นใจแต่สิ่งที่ฮุ่ยเหอไม่รู้ก็คือความจริงในใจของมารดา ถึงจะบอกว่ารู้สึกผิดต่อมารดาแท้ ๆ ของเทียนฉี แต่พอเวลาผ่านไปนางกลับเกลียดเทียนฉีเข้าไส้เพราะสามีของนางในใจไม่เคยมีนางเลย แต่กลับมีแม่แท้ ๆ ของเทียนฉีอยู่เต็มหัวใจ จากนั้นมานางจึงได้เริ่มร้ายกาจและเริ่มไม่เห็นว่าเทียนฉีเป็นลูกอีกต่อไป ถึงแม้ว่านางจะรักเทียนฉีมากแต่อีกใจนางก็รู้สึกเกลียดเขามาเช่นเดียวกัน
เขาอดทนวันแล้ววันเล่าในที่สุดบิดามารดาก็จากไปเขาจึงได้เริ่มเอาคืนและแก้แค้นให้น้องชายที่ตายไปของตัวเอง เขาคิดอยู่เสมอว่าหากไม่มีเทียนฉีน้องชายแท้ ๆ ของเขาคงไม่ตาย
มีแต่สวรรค์เท่านั้นที่รู้ว่าเหตุใดหยางฮุ่ยเหอถึงได้มีความคิดที่บิดเบี้ยวได้ขนาดนี้ ในส่วนลูกชายทั้งสองนั้นตอนนี้ก็ได้สั่งกำชับให้ภรรยาของตัวเองอย่าได้ไปข้องเกี่ยวกับบ้านท่านอาอีกหาไม่แล้วพวกเขาจะหย่ากับพวกนาง
“พวกเจ้าจำเอาไว้ว่าอย่าได้ไปข้องแวะและหาเรื่องบ้านอารองอีก หากยังอยากหาเรื่องโดนทุบตีอยู่อีกล่ะก็ข้าก็จะไม่เอาเจ้าไว้เช่นเดียวกัน ข้าจะหย่ากับเจ้าส่วนลูกข้าจะเลี้ยงเอง”
หยางฮุ่ยเจียงคาดโทษภรรยาของตัวเองเขาจะไม่ยอมเป็นเหมือนท่านพ่อเด็ดขาดที่ไม่ว่าท่านแม่จะทำร้ายกาจแค่ไหนตัวเองก็เห็นดีเห็นงามไปด้วยเขาไม่อยากจะทำผิดไปมากกว่านี้แล้ว
“ส่วนเจ้าก็เหมือนกันหากเจ้ายังกล้าไปหาเรื่องให้ตัวเองโดนทุบตีอีก ข้าเองก็จะไม่เอาเจ้าไว้เช่นเดียวกัน ทำหน้าที่ของเจ้าให้ดี ดูแลลูกให้ดีอย่าให้นางมีนิสัยร้ายกาจเช่นน้องเล็กที่ท่านแม่สอนนางผิด ๆ หากว่าเจ้าไม่เต็มใจที่จะทำตัวเองให้ดีและหากเจ้าไม่พอใจข้ายินดีหย่ากับเจ้าตอนนี้” หยางฮุ่ยหมิน
“พวกข้าเข้าใจแล้ว ใครจะอยากรนหาที่กันเล่า รู้แบบนี้น่าจะผลักมันตกหน้าผาแทนร่องเขาแล้ว ถ้าข้ารู้ว่ามันจะฟื้นขึ้นมาแล้วร้ายกาจแบบนี้” สะใภ้ใหญ่เผลอพูดออกมา
“หลันเหลียนฮวา นี่เจ้าจงใจผลักนางตกร่องเขาจริง ๆ ใช่หรือไม่ แล้วโสมที่สะใภ้รองเอาไปขายวันนี้พวกเจ้าก็แย่งของนางมาใช่หรือไม่” หยางฮุ่ยเจียงที่ตอนนี้โมโหจนหน้าดำหน้าแดง
“ใช่แล้วท่านจะทำไมข้า เรื่องนี้ท่านแม่เห็นดีเห็นงามด้วยหากจะโทษก็โทษแม่ของท่านเถอะ” เหลียนฮวาเชิดหน้ามองสามีด้วยความไม่พอใจนางผิดอะไรแค่ทำตามคำสั่งของแม่สามี
“เจ้าทำคนเกือบตายแต่ยังไม่สำนึกผิด เช่นนั้นเราอย่าอยู่ด้วยกันอีกเลย ข้าจะไปขอให้หัวหน้าหมู่บ้านเขียนหนังสือหย่าให้เจ้า”
“ไม่นะท่านพี่ ข้าไม่หย่า ข้าทำตามคำสั่งของท่านแม่สามี ท่านจะมาโทษข้าคนเดียวไม่ได้นะเจ้าคะ ท่านพี่ให้โอกาสข้าสักครั้งได้หรือไม่ ข้าจะกลับตัวเจ้าค่ะ”
“ย่อมได้ ข้าให้โอกาสเจ้าแค่ครั้งนี้ครั้งเดียว หากว่าเจ้ายังทำตัวแบบเดิมอีก ต่อให้ท่านแม่ขอร้องข้าก็จะไม่ยินยอม ข้าจะบอกให้เจ้ารู้เอาไว้ น้องรองเจ้าเองก็ดูแลเมียของเจ้าให้ดี อย่าให้นางทำอะไรไม่ดีอีก ที่ผ่านมาพวกเราทำผิดต่อครอบครัวอารองมามากแล้ว”
“ขอรับพี่ใหญ่ เดิมทีข้าเองไม่ได้มีความแค้นอะไรกับอารองแต่ข้าเองก็ไม่สามารถทัดทานท่านพ่อท่านแม่ได้ จึงได้แต่หลับหูหลับตาทำเป็นไม่เห็น ข้าเองไม่เข้าใจว่าท่านพ่อมีความแค้นอะไรกับท่านอานักหนา ท่านแม่ก็อีกคน ข้าไม่เข้าใจทำไมถึงได้จงเกลียดจงชังอารองนักยิ่งกับอาสะใภ้ยิ่งแล้วไปใหญ่”
“ก็จะอะไรเสียอีกล่ะเจ้าคะท่านพี่ ท่านแม่ของข้าเคยเล่าให้ฟังว่าเมื่อก่อนท่านแม่ของท่านหลงรักท่านอารองแต่ท่านอารองมีใจรักอยู่กับอาสะใภ้ท่านแม่ของท่านเลยเข้าหาท่านพ่อของท่านแทนอย่างไรเล่า” สะใภ้รองหานเหยียนเอ๋อร์พูดออกมา
“นี่มันเรื่องบ้าอะไรกัน ข้าไม่เอาด้วยหรอกนะ ใครจะมีบุญคุณความแค้นกับใครข้ายังไม่อยากโดนหวังฉีหลินทุบตี” หยางฮุ่ยหมินเหมือนจะกลัวหวังฉีหลินทุบตีมากจริง ๆ
ว่ากันว่าไม่เห็นประตูนรกไม่สำนึกยังดีที่ลูกชายทั้งสองกลับตัวทัน หากแต่ว่าลูกสาวอย่างหยางฮุ่ยเหม่ยนั้นยิ่งสะสมความแค้นเข้าไปในใจเรื่อย ๆ และรอวันที่จะได้แก้แค้น
ทางด้านบ้านสายรองไม่ได้สนใจว่าใครจะคิดยังไง ไม่ได้สนใจว่าบ้านใหญ่จะวุ่นวายกันหรือไม่ ทั้งครอบครัวยังคงเตรียมตัวพักผ่อนและจะพาหยางเฟยเทียนเข้าไปหาหมอในเมืองพรุ่งนี้
หวังฉีหลินเองนางก็ต้องการจะนำเห็ดหลินจือไปขายด้วย ถามว่าทำไมนางมียาที่สามารถรักษาสามีของตัวเองให้หายได้โดยไม่พึ่งพาหมอแต่จะทำแบบนั้นได้ยังไง เรื่องไปหาหมอเพราะเพียงแค่ต้องการปกปิดสิ่งที่นางมีอยู่เท่านั้นพูดง่าย ๆ คือพาไปหาหมอเพื่อบังหน้าเท่านั้น
ตอนนี้ครอบครัวยังไม่แข็งแกร่งพอที่จะปกป้องตัวเองได้ ความลับที่นางมีนางจำเป็นจะต้องเก็บงำเอาไว้ ไม่ใช่ว่านางไม่มีเงิน เงินในมิติของนางมีหลายพันตำลึงทองเสียด้วยซ้ำแต่หากอยู่ดี ๆ บ้านของนางเกิดร่ำรวยขึ้นมานั่นนับว่าความยุ่งยากย่อมจะตามมาด้วยเช่นกัน
ตอนนี้ทำได้เพียงแค่อดทนเอาไว้ก่อน รอให้ย้ายไปอยู่ที่ติดเชิงเขาเสียก่อนอย่างน้อย ๆ ก็อยู่อีกหมู่บ้านไม่ได้ขึ้นกับหมู่บ้านเหอมู่แห่งนี้
ที่ดินสินเดิมของมารดาสามีอยู่ติดเชิงเขาชายป่าของหมู่บ้านป่าหมอกซึ่งอยู่ใกล้กับป่าหมอกทมิฬ นับว่าเป็นที่ดินที่เหมาะแก่การสร้างบ้านและสร้างครอบครัวจริง ๆ
พอตอนย้ายบ้านไปนางต้องรีบขอตัวช่วยจากชายชราที่เคยบอกว่าจะส่งตัวช่วยมาให้ ชาวบ้านเล่าขานกันว่าป่าหมอกทมิฬนั้นอันตรายมาก มีชาวบ้านน้อยมากที่จะกล้าเข้าไปหาของป่าในป่าหมอกทมิฬเพราะสัตว์ป่าดุร้ายมาก
ในมิติแห่งนี้มีเพียงพวกชาวยุทธ์เท่านั้นที่จะหาญกล้าเข้าป่าหมอกทมิฬ ชาวบ้านธรรมดาไหนเลยจะกล้าสัตว์ป่าอันตรายและดุร้ายด้วยเหตุนี้ที่ดินสินเดิมจึงเหลืออยู่
“ท่านพ่อเจ้าคะ พรุ่งนี้ข้าจะพาท่านพี่ไปรักษาในเมืองและข้าจะเอาเห็ดหลินจือที่ข้ากับน้องเล็กเก็บได้วันนี้ไปขายด้วย ส่วนท่านพ่อพาท่านแม่ไปจัดการเรื่องทะเบียนบ้านให้เรียบร้อยและไปแจ้งหัวหน้าหมู่บ้านป่าหมอกว่าเราจะย้ายไปอยู่ที่นั่น จากนั้นเราจะเริ่มสร้างบ้านทันทีเจ้าค่ะ”
“เราจะมีเงินพอหรือลูกสะใภ้”
“พอเจ้าค่ะ หากไม่พอข้าจะเข้าป่าไปหาสมุนไพรมาขาย อีกหน่อยอาการป่วยของท่านพี่หายแล้วเราก็ไม่ต้องใช้จ่ายอะไรมากแล้วเจ้าค่ะ”
“เช่นนั้นพ่อกับน้องรองของเข้าจะเข้าป่าล่าสัตว์อีกแรง”
“เจ้าค่ะ เช่นนั้นไปพักผ่อนกันเถอะเจ้าค่ะ พรุ่งนี้พวกเราจะเข้าเมืองทั้งหมด”
“ข้าก็จะไปด้วยนะขอรับท่านแม่” แฝดพี่
“ข้าด้วย ข้าจะไปด้วย” แฝดน้อง
“แม่ย่อมพาพวกเจ้าไปอยู่แล้ว แต่พวกลูกต้องเป็นเด็กดีห้ามดื้อกับท่านย่าเด็ดขาดเข้าใจหรือไม่”
“ขอรับ พวกข้าเข้าใจแล้ว”
“พี่ขอบใจเจ้านะหลินเอ๋อร์ ที่ทำทุกอย่างเพื่อพวกเรา” เฟยเทียนกล่าวขอบคุณภรรยาพร้อมส่งสายตารักใคร่มาให้
“ท่านพี่พูดอะไรพวกเราเป็นครอบครัวเดียวกัน ท่านพ่อท่านแม่ของท่านก็เป็นเหมือนท่านพ่อท่านแม่ของข้า ข้าเองก็ไม่เหลือครอบครัวที่ไหนอีกแล้วนอกจากพวกท่านระหว่างเรายังต้องกล่าวขอบคุณกันอยู่อีกหรือเจ้าคะ”
“พี่รู้แต่พี่ยังอยากขอบคุณเจ้าอยู่ดี”
ฉีหลินถึงแม้จะรู้ว่านี่ร่างนี้เป็นร่างของนาง สามีก็สามีของนางแต่นางยังไม่เคยร่วมหอด้วยแต่อีตาบ้าหน้ามึนนี่ขนาดบาดเจ็บอยู่ยังส่งสายตามาให้นางช่างหน้าหนานัก
ในตอนที่ประมุขมารได้ตายไปพร้อมกับดวงจิตที่แตกสลาย แต่ทว่ากลับไม่ได้แตกสลายไปทั้งหมด ยังมีดวงจิตอีกเสี้ยวได้หลุดลอยไปเกิดใหม่ในอีกภพชาติหนึ่ง เกิดใหม่เป็นมนุษย์ธรรมดาไม่สามารถระลึกชาติได้ ไม่มีความสามารถพิเศษอะไร เพียงใช้ชีวิตเรียบง่ายเพียงเท่านั้น นี่คือสิ่งที่ประมุขมารร่ำร้องขอความเมตตาจากสวรรค์ก่อนที่เข้าจะแหลกสลายไปหวังฉีหลินและเฟยเทียนกลับถึงหมู่บ้านป่าหมอก ทุกอย่างนางไม่คิดว่าจะง่ายดายถึงเพียงนี้ ในที่สุดประมุขมารก็คิดได้เสียที และหวังว่าพรที่นางและสามีร้องขอกับท่านมหาเทพนั้นจะทำให้ประมุขมารไปเกิดใหม่ในภพภูมิที่ดี มีความสุขและมีภรรยาที่รักเขามากแล้วก็ขอให้ทั้งสองคนเป็นคู่ด้ายแดงทุกภพทุกชาติไป นี่เป็นสิ่งเดียวที่นางและสามีทำได้หลังจากที่หมดปัญหา หมดสงคราม ทุกคนก็ใช้ชีวิตกันอย่างสงบสุข แคว้นหลงอยู่ในยุคที่เจริญรุ่งเรือง ประชาชนอยู่ดีกินดี และข่าวการกลับมาขององค์ชายแปดผู้หายสาบสูญ ตอนนี้ถูกแต่งตั้งเป็นชินอ๋อง ที่ดินศักดินาหมู่บ้านป่าหมอกและหมู่บ้านใกล้เคียงอีกสามหมู่บ้าน หวังฉีหลินทิ้งงานให้ลูกชายทั้งหลายแล้วหนีไปท่องเที่ยวกับสามี ทั้งสองคนออกไปท่องโลกกว้าง และมักจะนำผลไม้หรือพืช
หลังจากที่ประมุขมารได้รับสารท้ารบจากเฟยเทียน ทำให้เขาได้รู้ว่าต่อให้เวลาจะผ่านไปนานสักแค่ไหนบุรุษผู้กระหายสงครามและพร้อมจะทำลายศัตรูตรงหน้าให้ย่อยยับได้ทุกเมื่ออย่างแม่ทัพสวรรค์ไม่เคยเปลี่ยนไปเลยถึงแม้ในชาติภพนี้เขาจะลงมาจุติในดินแดนของมนุษย์แต่ความสามารถของเขายังติดตัวมานั่นไม่ใช่เรื่องโกหก ถึงแม้มหาเทพจะไม่ค่อยชอบหน้าลูกเขยสักเท่าไหร่ แต่มหาเทพผู้รักลูกสาวยิ่งกว่าสิ่งใดย่อมไม่มีทางให้นางลำบากส่วนมารอย่างตัวเขาเล่าทำอันใดได้บ้าง เป็นเขาเองที่ไปตกหลุมรักนางข้างเดียว เป็นเขาเองที่ยึดมั่นถือมั่น เป็นเขาเองที่ไม่ยอมปล่อยวาง เขารู้ตัวเองดีด้วยพลังของตัวเขาเองยังไม่ฟื้นคืนกลับมาทั้งหมด ต่อให้สู้จนตัวตายก็ไม่สามารถเอาชนะทั้งสองได้ถึงแม้จะเอาชนะแม่ทัพสวรรค์ได้แล้วธิดามหาเทพจะชายตาแลเขาหรือก็ไม่ นางไม่เพียงไม่ชายตาแลหากแต่นางคงแก้แค้นเขาที่ทำให้สามีของนางต้องมีอันเป็นไป นอกจากจะไม่ได้ความรักแล้วสิ่งที่ได้กลับมาคือความเกลียดชังต่างหากที่นางจะหยิบยื่นให้เขาแล้วเหตุใดเขาถึงได้หน้ามืดตามัวเช่นนี้อยู่ถึงแสนปี ประชาชนเผ่ามารล้วนล้มตายไปตั้งเท่าไหร่ น้องชายคนเดียวของเขาที่เฝ้าเตือนสติเขาอยู่ตลอด
เวลาผ่านไปแล้วนับเดือน ตอนนี้กองกำลังที่ฉีหลินฝึกฝนขึ้นมาก็ออกจากด่านกักตนกันทุกคนแล้ว เวลานี้ฉีหลินกับสามีพร้อมด้วยเหล่าสัตว์เทพพร้อมไปเยือนเผ่ามารแล้วเฟยเทียนเองก็เห็นสมควรว่าไม่ควรปล่อยเวลาให้ยืดเยื้อไปมากกว่านี้ หลังจากจบปัญหานี้ได้เท่ากับภารกิจของภรรยาได้เสร็จสิ้นลงเช่นกัน ต่อจากนี้ไปพวกเขาสามีภรรยาจะได้ใช้ชีวิตอย่างสงบสุขเสียทีหลังจากกำหนดวันเคลื่อนพลได้แล้วฉีหลินก็ให้ทุกคนได้พักผ่อนให้เต็มที่ และเตรียมข้าวของที่จำเป็นใส่ลงในแหวนมิติให้เรียบร้อย ทั้งอาหารการกิน ยารักษาต่าง ๆ ทุกคนต่างเตรียมไปให้พร้อมสรรพ ด้วยศึกครั้งนี้อีกฝ่ายคือเผ่ามารไม่รู้ว่าจะมีฝีมือร้ายกาจขนาดไหน แต่พวกเขาเชื่อมั่นในตัวนายท่านและนายหญิงว่าจะนำพาพวกเขากลับบ้านมาอย่างปลอดภัยเฟยจิน เฮ่ออี และฮั่นเหวินไม่ได้รับอนุญาตให้เข้าร่วมการรบในครั้งนี้ ลูก ๆ ของเฟยเทียนทุกคนก็เช่นเดียวกัน ส่วนสัตว์เทพที่คอยดูแลความปลอดภัยที่หมู่บ้านป่าหมอกมีเพียงต้าเซี่ยกับเสี่ยวเสวียนอู่เพียงสองตัวเท่านั้นส่วนเสี่ยวหลาง เสี่ยวหู่ เสี่ยวเฮย เสี่ยวรุ่ยจื่อ และพี่ใหญ่อย่างจินหลงล้วนเข้าร่วมการรบในครั้งนี้ คนที่กระตือรือร้นมากที่สุดคื
ไป๋อี้ถังผู้โสดสนิท ครองตัวเป็นผู้บริสุทธิ์ประหนึ่งนักพรตผู้ทรงศีล อีกทั้งรังเกียจสตรีมากเล่ห์ หลังจากออกจากด่านกักตนมา เขาก็ต้องตั้งหน้าตั้งตาสั่งสอนลูกศิษย์ในสำนัก ไม่มีภรรยาและบุตรให้ดูแล เวลาทั้งหมดที่มีนอกจากฝึกฝนพลังปราณแล้ว เวลาส่วนที่เหลือเขาจึงเคี่ยวเข็ญลูกศิษย์ในสำนักศึกษาด้วยความเข้มงวดในเวลาต่อมา อาจารย์ใหญ่ไป๋อี้ถังจึงมีฉายาว่า อาจารย์ใหญ่จอมโหด หากใครไม่ทำการบ้านมาส่งก็จะโดนลงโทษให้ไปวิ่งรอบสถานศึกษา อีกทั้งยังจะต้องทำการบ้านในครั้งหน้ามากกว่าคนอื่นสองเท่าเท่านั้นยังไม่พอ ยังต้องเขียนจดหมายสำนึกผิดอีก 100 จบ และไปเก็บมูลทำความสะอาดคอกของสือเอ้อร์กับสืออีแทนคนงานในไร่ แถมยังต้องถูกเจ้าสือเอ้อร์กับสืออีกลั่นแกล้งจนหน้าทิ่มกองอึอีก ตั้งแต่นั้นมาก็ไม่มีใครกล้าไม่ทำการบ้านอีกเลยวันนี้เป็นวันที่ไป๋อี้ถังว่างมาก มากที่สุด วันนี้เป็นวันหยุดของสถานศึกษา ไป๋อี้ถังจึงคิดว่าจะไปเดินเล่นที่ตลาดในเมือง และหาซื้อพู่กันกับแท่นฝนหมึกเพิ่มเพราะเท่าที่เขามีอยู่ตอนนี้ใช้ไปจนเกือบจะหมดแล้วจากนั้นเขาตั้งใจว่าจะชวนสหายทั้งสามของเขาไปด้วยกัน แต่กลับไม่มีใครไปเพราะแต่ละคนต้องการอยู่กับภรรยาแ
หลังจากที่เฟยเทียนกับฉีหลินเดินทางกลับมาถึงหมู่บ้านป่าหมอกพร้อมลูกชายและเหล่าสหาย หนึ่งเดือนให้หลังเฟยจินก็กลับมาพร้อมกับฮั่นเหวินและเฮ่ออี หลังจากเข้าเฝ้าฮ่องเต้และรายงานเกี่ยวกับสถานการณ์ชายแดน รวมถึงส่งรายชื่อหนอนให้กับเบื้องบนแล้ว ตัวเขาเองก็หมดหน้าที่ ตอนนี้สงครามสงบลงแล้ว ทั้งสามจึงได้ยื่นหนังสือขอลาพักกลับบ้านเกิดเพื่อเยี่ยมบิดามารดาไป๋อี้ถังและสหายทั้งสามจะเข้าด่านกักตนเพื่อฝึกฝนในอีก 3 วันข้างหน้า โดยผู้ที่จะรับหน้าที่สั่งสอนศิษย์ในสถานศึกษาก็คือราชครูไป๋หย่งเต๋อที่เดินทางตามหลังเฟยจินได้เพียง 7 วันนอกจากไป๋หย่งเต๋อแล้วยังมีไป๋เจิ้นกั๋วเจ้ากรมอาญา เดินทางมาพร้อมกับไท่ปิงองครักษ์ประจำตัว นับเป็นการรวมตัวกันระหว่างองครักษ์เลยก็ว่าได้ เซียวหลางตัดสินใจแต่งงานและติดตามไป๋อี้ถัง ม่อถูเองก็เช่นเดียวกัน มีเพียงไท่ปิงเท่านั้นที่มีหน้าที่ดูแลไป๋เจิ้นกั๋วที่เมืองหลวงไท่ปิงเองก็อยากจะมีชีวิตเฉกเช่นสหายทั้งสองบ้าง เขาเองก็คงต้องเร่งฝึกองครักษ์ขึ้นมาใหม่เพื่อจะได้ทำหน้าที่แทนเขา ส่วนตัวเขาเองจะตามมาตั้งรกรากที่หมู่บ้านป่าหมอกแห่งนี้ตามสหายทั้งสองคนวันนี้ฉีหลินเรียกประชุมหน่วยลับที่เป
เฟยเทียนพาภรรยามุ่งหน้ากลับหมู่บ้านป่าหมอกทันที หลังจากจัดการทั้งสองแคว้นเรียบร้อยแล้ว และด่านสุดท้ายของภารกิจในครั้งนี้ก็คือจัดการกับเผ่ามารให้เด็ดขาด หากไม่กำจัดประมุขเผ่ามารเสียตอนนี้ ไม่แน่ว่าวันข้างหน้าก็จะเกิดปัญหาเช่นนี้อีก มีเพียงกำจัดประมุขมารให้ได้เท่านั้นทุกคนจะได้ไม่เดือดร้อน ตอนนี้มีข่าวส่งว่าอ๋องมารน้องชายเพียงคนเดียวของประมุขมารได้หนีออกจากเผ่ามารไปตั้งรกรากที่อื่นแต่เดิมอ๋องมารก็ไม่เห็นด้วยกับประมุขมารเรื่องยึดดินแดนมนุษย์ แต่ไหนเลยประมุขมารผู้เป็นพี่ชายจะยอมฟัง ในเมื่อมันเป็นความแค้นใจที่มีต่อธิดามหาเทพและสามี ต่อให้อีกนับล้านปีประมุขมารก็วางความแค้นในใจลงไม่ได้“ไม่รู้ว่าเจ้าสามแสบจะทำเรื่องปวดหัวให้ท่านพ่อกับท่านปู่มากมายเพียงใด โดยเฉพาะลูกสาวของท่านพี่ ป่านนี้ไม่ใช่พี่อี้ถังปวดหัวจนผมขาวหมดหัวแล้วหรือเจ้าคะ”“ฮ่า ฮ่า ไม่ขนาดนั้นกระมัง ลูกสาวของเราออกจะน่ารัก อีกอย่างพี่อี้ถังก็ไม่ใช่ว่าจะรับมือไม่ได้เลยนี่นะ”“ท่านพี่ก็เข้าข้างนางตลอดล่ะเจ้าค่ะ อีกหน่อยนางก็เสียคนพอดี”“ไม่ใช่ว่านางกลัวท่านแม่อย่างเจ้าอยู่หรอกหรือ เอาน่าลูกยังเด็กอยู่ยังไม่รู้ความ มีพวกต้าเซี่ยอย