ตอนที่ 2
ลูกอกตัญญูนัก
เช้าวันต่อมาคนจากบ้านฮัวก็มารวมตัวกันที่บ้านหัวหน้าหมู่บ้านตั้งแต่เช้า ทำให้ฮัวหนิงอันได้มานั่งมองพวกเขาด่านางอยู่ในตอนนี้
“เจ้ากลับบ้านได้แล้ว รบกวนท่านหัวหน้ามาทั้งคืนแล้วยังไม่รู้ตัวอีกหรือ เห้อ!!! ข้าล่ะสงสารตัวเองนักที่มีหลานสาวเช่นนี้” พ่อเฒ่าฮัวหรือท่านปู่ของนางเอ่ยขึ้นทันทีเมื่อนางปรากฎตัว
“ขอโทษท่านหัวหน้าหมู่บ้านด้วยที่นางทำให้พวกท่านเดือดร้อน กลับไปข้าจะสั่งสอนนางเองขอรับ” ฮัวเฉิงบิดาของนางเอ่ยอย่างเกรงใจ
“ข้าบอกแล้ว แถมพยายามพานางกลับตั้งแต่เมื่อวานแต่นางกลับไม่ย่อม จนทำให้ท่านต้องมาเป็นห่วงจนนอนไม่หลับทั้งคืนเช่นนี้” หนี่ฮวาเอ่ยราวกับเป็นคนละคนกับเมื่อวาน
“ท่านพ่อข้าขอโทษที่ก่อเรื่องวุ่นวายเช่นนี้ กลับไปข้าสัญญาว่าจะทำงานให้หนักขึ้นกินข้าวให้น้อยลง ท่านปู่ ท่านย่า ท่านพ่อ ท่านแม่ได้โปรดให้อภัยข้าสักครั้งเถอะนะเจ้าคะ”
นางเอ่ยพร้อมกับลงไปนั่งคุกเข่าโขกศีรษะกับพื้น ทำให้ทุกคนในห้องโถงต่างตกใจไม่น้อย แต่ยกเว้นคนบ้านฮัวที่ทำราวกับเป็นเรื่องที่นางสมควรทำแล้ว
“เจ้ารู้ว่าตัวว่าผิดก็ดีแล้ว ข้าจะถือว่าเรื่องนี้ไม่เคยเกินขึ้นแล้วกัน” ผู้เป็นบิดาเอ่ยเพื่อต้องการให้เรื่องมันจบ กลับไปถึงบ้านก็ค่อยว่ากันอีกที
“แต่มันทำชุดใหม่ข้าลอยหายไปกับน้ำนะเจ้าคะท่านพ่อ ข้าไม่ยอมเด็ดขาดอย่างไรท่านพ่อก็ต้องลงโทษมันให้ข้า!!!” ฮัวอิงฮวาเอ่ยขึ้นอย่างไม่พอใจ
“อะ เออ...ฮวาเอ๋อร์เจ้าอย่าพูดเช่นนั้นสิ นั่นพี่สาวเจ้านะ”
ผู้เป็นย่ารีบดึงแขนหลานสาวคนโปรดพลางมองหน้าคนรอบห้องไปด้วยอย่างเกรงใจ
“นางหรือพี่สาวข้า หึ!! คนเช่นนางข้าไม่ยอมรับเป็นพี่สาวหรอก ท่านย่าก็บอกเองว่านางเป็นเพียงคนใช้ในบ้านเท่านั้น ท่านย่าต้องลงโทษที่มันทำชุดใหม่ข้าหายนะ ไม่เช่นนั้นข้าจะโกรธท่านย่าจริงด้วย!!” อิงฮวาเอ่ยอย่างไม่ยินยอม พร้อมกับกระทืบเท้าอย่างเอาแต่ใจ
“น้องเล็กพี่ผิดไปแล้ว เจ้าให้อภัยพี่สาวสักครั้งได้หรือไม่ พี่สาวยอมล้างเท้าให้เจ้าทุกวันก็ได้ ขอเพียงเจ้าหายโกรธก็พอ” ฮัวหนิงอันแสร้งเอ่ยขอร้องเด็กสาวตรงหน้า
แต่สิ่งที่นางเอ่ยเมื่อครู่ทำเอาภรรยาหัวหน้าหมู่บ้านถึงกับเบิกตากว้าง มีอย่างที่ไหนที่ให้คนอาวุโสกว่าล้างเท้าให้ ไม่รู้ว่าฮัวเฉิงเลี้ยงบุตรสาวคนเล็กมาอย่างไรกัน
“เรื่องนั้นเจ้าไม่อาสามันก็เป็นหน้าที่เจ้าอยู่แล้ว แต่ชุดใหม่ของข้าเจ้ามีปัญญาชดใช้ไหวหรือนังทาสชั้นต่ำ!!!” ฮัวอิงฮวาเอ่ยพร้อมชี้หน้านางอย่างไม่เกรงกลัวผู้ใด
“หนี่ฮวาพานางออกไปรอด้านนอกก่อน!!” ฮัวเฉิงรีบสั่งภรรยาเมื่อเห็นสีหน้าแต่ละคนในห้อง
“จะ เจ้าค่ะ ฮวาเอ๋อร์ตามแม่ไปข้างนอก!” เอ่ยจบก็รีบลากแขนบุตรสาวคนเล็กออกจากห้องโถงไปทันที
“เออ...นางยังเด็กนักอย่าถือสานางเลยนะ เจ้าเองก็อย่าถือสาน้องเลย นางคงยังโกรธไม่นานเดี๋ยวก็หาย” ท่านปู่เอ่ยพร้อมกับยิ้มเจื่อนให้หัวหน้าหมู่บ้านและภรรยา
“อย่างไรนางก็เป็นบุตรสาวและหลานสาวพวกท่าน จะสั่งสอนอะไรก็อย่าให้มันมากไปนัก เรื่องใช้งานก็ให้เบา ๆ ลงบ้าง ตัวนางผอมแห้งเพียงนี้จะทำงานทุกอย่างคนเดียวไหวได้อย่างไร”
หัวหน้าหมู่บ้านเอ่ยปากเตือน แต่สายตากลับหยุดอยู่ที่แม่เฒ่าฮัว ทำให้รายนั้นก้มหน้าหลบสายตาทันที
“ขอบคุณหัวหน้าหมู่บ้านที่เข้าใจ ข้าสัญญาจะไม่ให้เกิดเรื่องเช่นนี้ขึ้นอีกแน่นอนขอรับ” ผู้เป็นบิดารับปากด้วยน้ำเสียงหนักแน่น แต่นางไม่เชื่อเลยสักนิด
กลับถึงบ้านคงพากันรุมยำนางแน่ แต่นางวางแผนรับมือเอาไว้คร่าว ๆ แล้วล่ะ
จากนั้นพวกเขาก็ขอตัวพานางกลับบ้าน หัวหน้าหมู่บ้านกับภรรยาอยากให้นางอยู่ต่อก็ไม่ได้แล้ว เพราะอย่างที่มารดานางเคยพูด พ่อแม่มีสิทธิ์ในตัวลูกทุกอย่าง สั่งให้ทำอะไรต้องทำเช่นนั้น
ไม่งั้นจะกลายเป็นลูกอกตัญญู ไม่รู้คุณบิดามารดา แล้วก็จะถูกประนาม คนในหมู่บ้านรังเกียจไม่คบค้าสมาคมอีกต่อไป
ระหว่างทางที่เดินกลับทุกคนไม่พูดอะไรกันสักคำ มีเพียงน้องสาวคนเล็กอย่างฮัวอิงฮวาที่รบเร้าให้บิดาลงโทษนางให้ได้จนกลับถึงบ้าน
“เอาไม้มา! หนิงอันเจ้าไปยืนกอดอกตรงนั้นเสียวันนี้ข้าจะสั่งสอนเจ้าให้หลาบจำ จะได้ไม่ไปก่อเรื่องให้ข้าต้องอับอายเช่นนี้อีก!!” เมื่อปิดประตูบ้านได้บิดาก็ร้องหาไม้ทันที
“ตีนางให้หนัก ๆ เลยนะขอรับท่านพ่อ นางทำชุดข้าเปื้อนโคลนจนซักไม่ออกแล้ว” ฮัวเจี้ยนที่รออยู่บ้านเอ่ยพร้อมกับส่งยิ้มเยาะเย้ยให้นาง
“ท่านพ่อแต่ข้าหาได้เป็นคนผิดไม่ ท่านจะตีข้าด้วยเรื่องใดเจ้าคะ” นางถามกลับด้วยน้ำเสียงและใบหน้าไร้อารมณ์
“ยังไม่รู้ความผิดตัวเองอีกหรือ! เจ้าทำให้บ้านเราต้องอับอาย ไม่รู้ว่าป่านนี้พวกชาวบ้านจะเอาไปพูดนินทาว่าอย่างไรบ้าง เพราะเจ้าแท้ ๆ เป็นตัวภาระไม่พอยังเป็นตัวซวยอีก!!!”
แม่เฒ่าฮัวเอ่ยต่อว่าพลางชี้หน้านางไปด้วย น้ำเสียงที่เปล่งออกมานั้นทำให้รู้ว่ากำลังเดือดดาลเพียงใด
“ท่านย่า พวกเขาจะพูดอย่างไรนั้นคงไม่พ้นความจริงที่พวกท่านใช้แรงงานข้าจนต้องพลัดตกลำธารเกือบตายหรอกเจ้าค่ะ ข้าวก็ไม่ได้กินแต่ต้องทำงานหนักทุกวัน ขอทานในเมืองยังมีเนื้อหนังมากกว่าข้าเลย”
นางเอ่ยพร้อมกับกวาดตามองทุกคนในบ้านอย่างไม่เกรงกลัว มองตัวเองแล้วมองไปที่สองพี่น้อง มันช่างแตกต่างกันราวฟ้ากับเหว
ตัวนางผอมแห้งหนังหุ้มกระดูก ผิวก็หยาบกร้านจากการทำงานหนัก ส่วนสองพี่น้องแทบไม่เคยหยิบจับอะไร ร่างกายอวบอิ่มดูสุขภาพดี เท่านี้ก็เห็นถึงความแตกต่างชัดเจนแล้ว
“เจ้า!!! อกตัญญูนัก เจ้าดูว่าเด็กที่เจ้าเก็บมาชุบเลี้ยงตั้งหลายสิบปีอกตัญญูเพียงใด! เสียแรงที่บ้านเราคอยให้ข้าวให้น้ำจนเติบใหญ่ แต่นางไม่เคยมองเห็นความดีของบ้านเราเลย!!!” แม่เฒ่าฮัวโกรธจนมือไม้สั่นเทา
“ตอนนั้นข้าก็ไม่ได้ขอให้พวกท่านเก็บข้ามาเลี้ยงนี่เจ้าคะ แล้วข้าก็ทำงานแลกน้ำข้าวมาตั้งแต่จำความได้ ไม่เคยได้กินข้าวบ้านพวกท่านเฉย ๆ เสียหน่อย”
นางเถียงกลับไปทำให้แม่เฒ่าฮัวถึงกับโกรธจนแข้งขาอ่อนแรง บิดากับมารดาจึงรีบประคองไปนั่งพักที่แคร่ไม้ในลานบ้าน
“เอาไม้มาข้าจะตีนางเอง!! อกตัญญูเลี้ยงไม่เชื่องจริง ๆ”
พ่อเฒ่าฮัวเอ่ยพร้อมกับแย่งไม้ในมือฮัวเจี้ยนพลางเดินเข้ามาหานางอย่างโมโห
ผลั๊วะ!!! ตุบ!!!
ยังไม่ทันได้ง้างมือพ่อเฒ่าฮัวก็สลบกลางอากาศลงไปนอนเล่นที่พื้นเสียแล้ว เพราะเจอจระเข้ฟาดหางของนางเข้าไป
“ท่านพ่อ!!!”
“ตาเฒ่า!!!!”
“ท่านปู่!!!!!”
เสียงคนในบ้านตะโกนเรียกคนที่นอนสลบพร้อมกัน ก่อนจะรีบเข้ามาอุ้มพ่อเฒ่าฮัวเข้าไปนอนในห้องแทน แล้วทุกอย่างก็วุ่นวายไปหมด เพราะต้องตามหมอมาดูอาการท่านปู่ของนาง
“เจ้ากลับไปอยู่ในห้องเสีย เมื่อทุกอย่างเรียบร้อยข้าจะไปจัดการเจ้าทีหลัง!!!” บิดาเอ่ยพร้อมกับชี้หน้าคาดโทษนางอย่างโมโห ก่อนจะวิ่งออกไปตามหมอในหมู่บ้าน
ห้องที่บิดาหมายถึงคือห้องเก็บฟืนนั่นเอง แต่นางไม่ได้ทำตามที่บิดาสั่ง กลับเดินตรงไปที่ห้องครัวแล้วหุงข้าวทำอาหารแทน
ตั้งแต่เช้านางยังไม่ได้กินอะไรเลยท้องจึงได้ส่งเสียงประท้วงมาสักพักแล้ว แต่พอดูวัตถุดิบในครัวก็ไม่มีอะไรสักอย่าง มีเพียงข้าวไม่ถึงหนึ่งกำมือด้วยซ้ำ
แต่นางก็เอามันมาต้มก่อนจะออกไปเก็บไข่ไก่หลังบ้านมาทำเป็นข้าวต้มไข่กินคนเดียว แล้วกลับไปนอนอย่างสบายใจที่ห้องเก็บฟืน
เวลาผ่านไปนานเท่าไหร่ไม่รู้ นางตื่นขึ้นมาอีกครั้งเพราะเสียงประตูห้องเก็บฟืนถูกถีบให้เปิดออกอย่างแรง ตามดัวยแรงกระชากที่แขนลากนางออกมาจากห้องแล้วเหวี่ยงให้นางล้มไปกองที่ลานบ้าน
“โอ๊ย!!! ท่านพ่อข้าเจ็บเจ้าค่ะ ช่วยด้วยท่านพ่ออย่าตีข้าเลยข้าผิดไปแล้วที่ท่านปู่เป็นเช่นนั้นเพราะล้มลงไปเอง ไม่เกี่ยวกับข้าเลยนะเจ้าคะ ท่านพ่ออย่าตีข้าเลยเจ้าค่ะ โอ๊ย!!!”
นางพยายามส่งเสียงร้องให้ดังที่สุด เพื่อให้เพื่อนบ้านได้ยินเพราะพวกเขาคงรอดูตั้งแต่เห็นบิดาไปตามหมอในหมู่บ้านแล้ว
“นางเด็กแพศยา! นังเด็กอกตัญญู! เจ้าจงใจจะฆ่าปู่เจ้าชัด ๆ ยังมีหน้ามาพูดใส่ร้ายผู้อื่นเช่นนี้อีก วันนี้ข้าจะตีเจ้าให้ตาย!!!!”
บิดาเอ่ยอย่างขาดสติ พร้อมกับถือไม้เตรียมจะฟาดนาง แต่ประตูใหญ่หน้าบ้านก็ถูกเปิดก่อนจะมีชาวบ้านวิ่งเข้ามาห้ามไว้
“พ่อฮัวหยุดเลยนะ!! ทำเช่นนี้นังหนูหนิงอันได้ตายกันพอดี!!!” ท่านลุงผู้หนึ่งเอ่ยขึ้นขณะที่โยนไม้ทิ้งไปอีกทาง
“นางทำงานรับใช้พวกเจ้ามาตั้งหลายปี ไม่คิดจะเห็นความดีของนางบ้างหรือ แล้วนางก็ตัวเล็กเพียงนั้นจะเอาแรงที่ไหนไปทำร้ายผู้อื่นได้!!” ท่านลุงอีกคนเอ่ยขึ้น
“พวกเจ้าบ้านฮัวทำเกินไปแล้ว ข้าจะเอาเรื่องนี้ไปแจ้งทางการ!!!”
ท่านป้าผู้หนึ่งเอ่ยขึ้น ก่อนที่คนอื่น ๆ ที่มาแอบดูอยู่หน้าประตูจะส่งเสียงเห็นด้วย
“นางจะฆ่าบิดาข้าอยู่แล้ว นังเด็กนี่มันเตะก้านคอบิดาข้าจนสลบไม่เชื่อก็ไปดูได้เลย!!!” ฮัวเฉิงเอ่ยพร้อมกับพยายามดิ้นให้ตัวเองหลุดจากพันธนาการ แต่ก็ไม่เป็นผล
“ข้าไม่ได้ทำนะเจ้าคะ ท่านปู่จะเข้ามาตีข้าแต่ลื่นล้มลงไปเอง ฮึก!!พูดไปก็คงไม่มีใครเชื่อ เพราะทุกคนอยากให้ข้าเป็นคนผิด” นางเอ่ยพร้อมกับก้มหน้ากอดเข่าแสร้งร้องไห้จนตัวสั่นเทา
ชาวบ้านที่มามุงดูยิ่งสงสารนางมากกว่าเดิม ก่อนจะเริ่มตะโกนด่าบ้านฮัวที่รังแกนางเช่นนี้
“พ่อข้าพูดจริงนะ! นางเตะท่านปู่ข้าจนสลบจริง ๆ นังบ่าวชั้นต่ำ เจ้าบอกให้พวกชาวบ้านหยุดด่าท่านพ่อเดี๋ยวนี้เลยนะ!!!”
ฮัวอิงฮวาตะโกนแข่งกับเสียงพวกชาวบ้าน พร้อมกับเข้ามากระชากผมนาง ทำให้กลุ่มท่านป้าทั้งหลายรีบเข้ามาห้าม และจับตัวฮัวอิงฮวาไว้อีกคน
ส่วนท่านย่านั้นเป็นลมไปตั้งแต่ที่เห็นชาวบ้านเริ่มด่าทอบ้านตัวเองแล้ว หนี่ฮวาไม่รู้ว่าควรทำอย่างไรจึงได้เป็นลมตามไปอีกคน
ฮัวเจี้ยนนั้นหวาดกลัวจนวิ่งหนีไปขังตัวเองไว้ในห้อง ทิ้งให้คนอื่นในบ้านรับสถานการณ์ตรงนั้นไปกันเอง
“ท่านป้าท่านลุงทั้งหลายอย่าทำร้ายพวกเขาเลยนะเจ้าคะ ถือว่าข้าขอร้องอย่างไรพวกเขาก็เป็นผู้เลี้ยงดูข้ามาตั้งแต่ยังเล็ก”
นางเอ่ยขอร้องพวกเขา พร้อมกับแสร้งบีบน้ำตาแต่แอบส่งยิ้มสะใจไปให้ฮัวอิงฮวา
“หยุดเดี๋ยวนี้นะ! นี่มันเกิดเรื่องอะไรขึ้นอีก!!!” เสียงหัวหน้าหมู่บ้านดังขึ้น ก่อนที่ทุกคนจะแหวกทางให้คนเดินเข้ามา
ตอนที่ 10ไร้ราคา“ผิดแล้วท่านป้าฮัว บุญคุณที่ข้าติดค้างพวกท่านไว้ ข้าได้ชดใช้คืนให้หมดแล้ว จะให้ข้าพูดหรือไม่ว่าบ้านที่พวกท่านอยู่ทุกวันนี้เป็นเงินของผู้ใดที่พวกท่านเอามาสร้าง” นางเอ่ยเพียงเท่านั้นก่อนจะเงียบไม่พูดต่อในความทรงจำของเจ้าของร่างนี้มีเหตุการณ์หนึ่ง ที่เจ้าตัวบังเอิญไปพบโสมต้นหนึ่งเข้าขณะไปเก็บผักป่าช่วยมารดาตอนอายุแปดขวบตัวมารดาเห็นครั้งแรกก็ดีใจจนออกนอกหน้า วันถัดมาบิดากับมารดาก็เข้าเมืองและซื้อของกลับบ้านมามากมาย แต่นางไม่ได้แตะต้องของเหล่านั้นเลยสักชิ้นต่อมาก็ได้จ้างช่างมาทำบ้านใหม่อย่างดี ทุกคนมีห้องแยกเป็นของตัวเองยกเว้นนางอีกเช่นเคย เพราะนางถูกสั่งให้ไปนอนที่ห้องเก็บฟืนพอนางได้ความทรงจำของร่างนี้มาจึงได้เข้าใจทุกอย่าง ทั้งที่ก่อนหน้านี้นางปล่อยพวกเขาไปแล้วแท้ ๆ ไม่คิดว่าจะเป็นพวกเขาเองที่เดินเข้ามาให้นางเอาคืนถึงบ้านหลังใหม่“ตะ แต่หากไม่ได้ข้ามีหรือเจ้าจะได้มานั่งชูคอเป็นลูกสาวท่านอ๋องอยู่ในตอนนี้ ไม่รู้แหละ!! วันนี้เจ้าต้องจ่ายค่าเลี้ยงดูให้พวกข้าสิบตำลึงทอง ไม่เช่นนั้นข้าจะประกาศให้ทุกคนรู้ว่าเจ้าเป็นคนอกตัญญูเพียงใด!!!”ฮัวเฉิงเห็นท่าว่าอย่างไรก็พูดกันดี ๆ
ตอนที่ 9บุญคุณต้องทดแทนหลังจากที่ขบวนของหมั้นกับเหล่าขันทีจากเมืองหลวงออกจากจวนไปแล้ว บิดาก็เรียกนางเข้าไปพบที่ห้องทำงานใบหน้าของบิดายามนี้ดูอิดโรยนัก ราวกับทำงานหนักติดต่อกันมาหลายวันโดยไม่ได้นอน ทั้งที่ความจริงไม่ได้เป็นเช่นนั้นเลย“ท่านพ่ออย่าทรงคิดมากเลยเพคะ ข้าเพียงแต่งงานเท่านั้นไม่ได้ตายเสียหน่อย” นางเอ่ยด้วยน้ำเสียงสดใสเพราะไม่อยากให้บิดาคิดมาก“เห้อ!!! พ่อรู้ แต่เจ้าลูกเต่านั่นเล่ห์เหลี่ยมของมันมากมายนัก พ่อกลัวว่าเจ้าจะต้องเจ็บปวดเพราะเขา” อ๋องโจวจิ้วห้าวเอ่ยสิ่งที่ตนคิดกังวลออกมา“ท่านพ่ออย่าคิดมากสิเพคะเดี๋ยวแก่เร็วนะ ข้าไม่เป็นไรเลยจริง ๆ ไม่แต่งให้เขาก็ยังมีบุรุษอื่นที่ข้าต้องออกเรือนด้วย แล้วก็ดีเสียอีกที่เป็นคุณชายหลง เรารู้ว่าเขาต้องการสิ่งใดเราก็เพียงยื่นข้อแลกเปลี่ยนที่สมน้ำสมเนื้อกับเขาก็พอ เท่านี้ชีวิตลูกก็ไม่ต้องห่วงอะไรแล้ว”“หากวันหน้าพ่อไม่อยู่เขาก็จะคิดกำจัดเจ้า แล้วหาตัวประโยชน์คนใหม่มาแทนที่ พ่อยอมไม่ได้ที่จะให้เจ้าเป็นเช่นนั้น”“ท่านพ่อเพคะ! กว่าจะถึงเวลานั้นข้าก็ตั้งหลักได้แล้ว ท่านคิดว่าบุตรสาวผู้นี้จะนั่งทำตัวไร้ประโยชน์เป็นฮูหยินในจวนเขาเฉย ๆ งั้นหร
ตอนที่ 8ฝืนชะตาเรื่องที่ท่านอ๋องจะหาบุรุษให้บุตรสาวบุญธรรมเพียงคนเดียวนั้น ไปถึงหูหลงจิวซิ่งในเย็นวันนั้น ทำให้เขารู้สึกว่าต้องวางแผนทุกอย่างใหม่ ไม่เช่นนั้นตนคงเสียผลประโยชน์ที่คาดการณ์ไว้แน่“นายท่านขอรับ คนของเราบอกมาว่าคุณหนูโจวมักจะออกไปจุดตะเกียงด้วยตัวเองทางด้านหลังเรือนทุกวันตอนยามซวีขอรับ”บ่าวคนสนิทเอ่ยรายงาน ทำให้ผู้เป็นนายที่นั่งอยู่ครุ่นคิดอะไรบางอย่างขึ้นมาได้“ปล่อยข่าวลือว่าคุณหนูโจวกับข้ามีใจปฏิพัทธ์ต่อกัน และตอนนี้กำลังพัฒนาความสัมพันธ์กันอยู่ แม้บิดาของนางจะไม่เห็นด้วยก็ตาม”“.....”“เรื่องนี้ทำให้มันเป็นเพียงแค่เรื่องนินทากันในกลุ่มสตรีเท่านั้น ไม่ต้องให้เรื่องใหญ่มากนัก และกำชับคนของเราให้จับตาดูทุกความเคลื่อนไหวของนางให้ดี แล้วมารายงานข้าทุกวัน”“ขอรับ”บ่าวคนสนิทรับคำ ก่อนจะถอยออกจากห้องไป ดูท่าแล้วนายท่านของเขาคงไม่ไช่เพียงต้องการหาผลประโยชน์จากคุณหนูโจวอย่างเดียวแล้ว แต่คงถูกใจนางด้วยส่วนหนึ่งต่างหากรุ่งเช้าข่าวลือเรื่องนี้ก็เริ่มแพร่กระจายไปทีละนิด จนรู้กันทั่วในกลุ่มของฮูหยินและเหล่าคุณหนูในเมืองไห่เฟิง กว่าท่านอ๋องจะรู้ก็หยุดข่าวลือนี้ไม่ได้แล้ว“นี่มันเ
ตอนที่ 7ตัดสัมพันธ์ด้ายแดงด้วยธรรมเนียมที่นางรู้มาและยังมีเหล่าท่านป้าทั้งหลายคอยพร่ำสอนนั้น หากบุรุษใดมอบปิ่นหรือป้ายหยกสลักชื่อตระกูลให้สตรีนางใด นั่นหมายความว่าบุรุษผู้นั้นต้องการให้นางเป็นฮูหยินเอกของเขา“ต้องเสียมารยาทกับคุณชายหลงแล้ว ข้าคงไม่อาจรับของฝากเหล่านี้เอาไว้เจ้าค่ะ” นางเอ่ยตอบโดยไม่หลบตาเขา“น่าเสียดายยิ่งนัก เช่นนั้นข้าก็จะไม่บังคับคุณหนูให้เกิดความคับข้องหมองใจแล้วกัน แต่คงมีสักวันที่คุณหนูจะได้รับของเหล่านี้แน่นอน”ชายหนุ่มเอ่ยพร้อมกับลุกขึ้นยืนเต็มความสูง แล้วเดินออกจากศาลาไปโดยไม่เอ่ยลานางสักคำ สร้างความงุนงงให้แก่นางและพวกบ่าวเป็นอย่างมาก“เยี่ยนเหยียนนั่นใครหรือ ใช่คุณชายหลงที่คนกำลังลือกันอยู่ในตอนนี้หรือไม่ รูปงามนักข้าเห็นแล้วรู้สึกว่าหัวใจข้าคล้ายจะหยุดเต้นเลยล่ะ” จางเลี่ยงซูเอ่ยขึ้นขณะเดินเข้ามานั่งในศาลาจางเลี่ยงซูเป็นสหายที่รู้จักกันมาปีกว่าแล้ว บิดาของนางเป็นพ่อค้าที่ถือว่ามีอิทธิพลผู้หนึ่งในเมืองไห่เฟิงเลยทีเดียว ทั้งสองได้รู้จักและสนิทกันตอนงานเลี้ยงวันเกิดท่านเจ้าเมือง ตั้งแต่นั้นทั้งสองก็ไปมาหาสู่กันอยู่เรื่อย ๆ“ใช่! เป็นคนผู้นั้นแหละ มีดีแค่หน้า
ตอนที่ 6แรกพบเจอ“เจ้าว่าอย่างไรนะ!! แล้วคุณชายหลงคนพี่หรือคนน้องที่มา” บิดานางเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงตื่นตระหนก“คุณชายหลงคนพี่พะย่ะค่ะ ชื่ออะไรนะ อ่อ...หลงจิวซิ่ง ใช่ ๆ ที่มีบรรยากาศน่ากลัว ๆ หน่อย”บ่าวผู้นั้นรายงานจบก็รีบขอตัวกลับออกไป เพราะอารมณ์คนหวงลูกสาวเริ่มปะทุขึ้นมาแล้ว“เหยียนเอ๋อร์เจ้าอยู่แต่ในเรือนตัวเองห้ามออกไปไหนเด็ดขาดจนกว่าพ่อจะให้คนไปตาม เข้าใจหรือไม่!!” บิดาหันมาเอ่ยกับนางด้วยน้ำเสียงจริงจัง ราวกับกำลังเกิดศึกสงครามอย่างไรอย่างนั้น“เพคะ ๆ เอาแบบเดิมใช่หรือไม่เพคะ” นางเอ่ยด้วยน้ำเสียงไม่ใส่ใจ เพราะเวลามีแม่สื่อหรือคุณชายบ้านใดมาที่จวน บิดาก็จะสั่งนางเช่นนี้เสมอ“ไป๋ลู่พาคุณหนูเจ้ากลับเรือนไปให้ไวเลย!!” บิดาเอ่ยก่อนจะขอตัวไปรับแขก นางจึงเดินกลับเรือนไปอย่างว่าง่ายบิดานางก็แปลกคน เขาผ่านมาขอพักที่จวนไม่ได้มาสู่ขอนางอย่างทุกครั้งเสียหน่อย ทำเป็นหวงนางไปได้“คุณหนูเมื่อครู่พ่อบ้านบอกว่ามีคนเอาสัตว์เปลือกแข็งมาส่ง คุณหนูจะทำอะไรทานดีเพคะ” ไป๋ลู่เอ่ยรายงานขณะเดินตามนางกลับเรือน“จริงหรือ!!! ไปดูกันเถอะถ้าได้กุ้งเยอะรอบนี้ข้าจะทำข้าวต้มกุ้งให้ท่านพ่อลองทาน” นางเอ่ยอย่างตื่
ตอนที่ 5สถานะที่แท้จริงเมื่อนายท่านพูดจบในห้องก็ตกอยู่ในความเงียบทันที โดยเฉพาะฮัวหนิงอันที่พูดคำใดไม่ออกไปชั่วครู่ เจ้าของร่างนี้เป็นถึงลูกพระชายาอ๋องเลยงั้นหรือ!!“มะ หม่อมฉันเป็นลูกของพระชายาเลยหรือเพคะ!” นางเอ่ยถามเพื่อความมั่นใจ แต่ก็ต้องนิ่งค้างไปอีกครั้งกับคำตอบของนายท่านตรงหน้า“ไม่ใช่ เจ้าเป็นลูกของข้ากับนางต่างหาก เจ้าอ๋องชั่วช้าผู้นั้นไม่สมควรเป็นบิดาของใครด้วยซ้ำ!!” ฮัวหนิงอันยิ่งงุนงงมากกว่าเดิมท่านเอ่ยเช่นนี้หมายความว่าอย่างไรกันแน่ ไม่ใช่ว่ามารดาของนางแอบคบชู้แล้วไปแต่งกับบุรุษอีกคนหรอกนะ ยุคจีนโบราณมีเรื่องอะไรเช่นนี้ด้วยหรือ“.......”“ข้าโจวจิ้งห้าวเป็นน้องชายของอ๋องผู้นั้น และเป็นอดีตคนรักของมารดาเจ้า จากนี้ข้าจะรับเจ้าเป็นลูกบุญธรรมของข้าเอง” นายท่านหรือท่านอ๋องโจวจิ้งห้าวเอ่ยกับเด็กสาวที่นั่งทำหน้างุนงงอยู่“แปลว่านายท่านก็คือท่านอ๋องเช่นกันหรือเพคะ แล้วหมายความว่าอย่างไรที่บอกว่าข้าคือลูกของท่านกับท่านแม่ ช่วยอธิบายให้ข้าเข้าใจมากกว่านี้ได้หรือไม่เจ้าคะ”นางเอ่ยถามโดยไม่สนใจคำแทนตัวที่แสนยุ่งยากนั่น ทำให้คนตรงหน้าพอจะรู้ตัวว่าตนยังไม่ได้อธิบายเรื่องทุกอย่างให้