เข้าสู่ระบบตอนที่ 2
ลูกอกตัญญูนัก
เช้าวันต่อมาคนจากบ้านฮัวก็มารวมตัวกันที่บ้านหัวหน้าหมู่บ้านตั้งแต่เช้า ทำให้ฮัวหนิงอันได้มานั่งมองพวกเขาด่านางอยู่ในตอนนี้
“เจ้ากลับบ้านได้แล้ว รบกวนท่านหัวหน้ามาทั้งคืนแล้วยังไม่รู้ตัวอีกหรือ เห้อ!!! ข้าล่ะสงสารตัวเองนักที่มีหลานสาวเช่นนี้” พ่อเฒ่าฮัวหรือท่านปู่ของนางเอ่ยขึ้นทันทีเมื่อนางปรากฎตัว
“ขอโทษท่านหัวหน้าหมู่บ้านด้วยที่นางทำให้พวกท่านเดือดร้อน กลับไปข้าจะสั่งสอนนางเองขอรับ” ฮัวเฉิงบิดาของนางเอ่ยอย่างเกรงใจ
“ข้าบอกแล้ว แถมพยายามพานางกลับตั้งแต่เมื่อวานแต่นางกลับไม่ย่อม จนทำให้ท่านต้องมาเป็นห่วงจนนอนไม่หลับทั้งคืนเช่นนี้” หนี่ฮวาเอ่ยราวกับเป็นคนละคนกับเมื่อวาน
“ท่านพ่อข้าขอโทษที่ก่อเรื่องวุ่นวายเช่นนี้ กลับไปข้าสัญญาว่าจะทำงานให้หนักขึ้นกินข้าวให้น้อยลง ท่านปู่ ท่านย่า ท่านพ่อ ท่านแม่ได้โปรดให้อภัยข้าสักครั้งเถอะนะเจ้าคะ”
นางเอ่ยพร้อมกับลงไปนั่งคุกเข่าโขกศีรษะกับพื้น ทำให้ทุกคนในห้องโถงต่างตกใจไม่น้อย แต่ยกเว้นคนบ้านฮัวที่ทำราวกับเป็นเรื่องที่นางสมควรทำแล้ว
“เจ้ารู้ว่าตัวว่าผิดก็ดีแล้ว ข้าจะถือว่าเรื่องนี้ไม่เคยเกินขึ้นแล้วกัน” ผู้เป็นบิดาเอ่ยเพื่อต้องการให้เรื่องมันจบ กลับไปถึงบ้านก็ค่อยว่ากันอีกที
“แต่มันทำชุดใหม่ข้าลอยหายไปกับน้ำนะเจ้าคะท่านพ่อ ข้าไม่ยอมเด็ดขาดอย่างไรท่านพ่อก็ต้องลงโทษมันให้ข้า!!!” ฮัวอิงฮวาเอ่ยขึ้นอย่างไม่พอใจ
“อะ เออ...ฮวาเอ๋อร์เจ้าอย่าพูดเช่นนั้นสิ นั่นพี่สาวเจ้านะ”
ผู้เป็นย่ารีบดึงแขนหลานสาวคนโปรดพลางมองหน้าคนรอบห้องไปด้วยอย่างเกรงใจ
“นางหรือพี่สาวข้า หึ!! คนเช่นนางข้าไม่ยอมรับเป็นพี่สาวหรอก ท่านย่าก็บอกเองว่านางเป็นเพียงคนใช้ในบ้านเท่านั้น ท่านย่าต้องลงโทษที่มันทำชุดใหม่ข้าหายนะ ไม่เช่นนั้นข้าจะโกรธท่านย่าจริงด้วย!!” อิงฮวาเอ่ยอย่างไม่ยินยอม พร้อมกับกระทืบเท้าอย่างเอาแต่ใจ
“น้องเล็กพี่ผิดไปแล้ว เจ้าให้อภัยพี่สาวสักครั้งได้หรือไม่ พี่สาวยอมล้างเท้าให้เจ้าทุกวันก็ได้ ขอเพียงเจ้าหายโกรธก็พอ” ฮัวหนิงอันแสร้งเอ่ยขอร้องเด็กสาวตรงหน้า
แต่สิ่งที่นางเอ่ยเมื่อครู่ทำเอาภรรยาหัวหน้าหมู่บ้านถึงกับเบิกตากว้าง มีอย่างที่ไหนที่ให้คนอาวุโสกว่าล้างเท้าให้ ไม่รู้ว่าฮัวเฉิงเลี้ยงบุตรสาวคนเล็กมาอย่างไรกัน
“เรื่องนั้นเจ้าไม่อาสามันก็เป็นหน้าที่เจ้าอยู่แล้ว แต่ชุดใหม่ของข้าเจ้ามีปัญญาชดใช้ไหวหรือนังทาสชั้นต่ำ!!!” ฮัวอิงฮวาเอ่ยพร้อมชี้หน้านางอย่างไม่เกรงกลัวผู้ใด
“หนี่ฮวาพานางออกไปรอด้านนอกก่อน!!” ฮัวเฉิงรีบสั่งภรรยาเมื่อเห็นสีหน้าแต่ละคนในห้อง
“จะ เจ้าค่ะ ฮวาเอ๋อร์ตามแม่ไปข้างนอก!” เอ่ยจบก็รีบลากแขนบุตรสาวคนเล็กออกจากห้องโถงไปทันที
“เออ...นางยังเด็กนักอย่าถือสานางเลยนะ เจ้าเองก็อย่าถือสาน้องเลย นางคงยังโกรธไม่นานเดี๋ยวก็หาย” ท่านปู่เอ่ยพร้อมกับยิ้มเจื่อนให้หัวหน้าหมู่บ้านและภรรยา
“อย่างไรนางก็เป็นบุตรสาวและหลานสาวพวกท่าน จะสั่งสอนอะไรก็อย่าให้มันมากไปนัก เรื่องใช้งานก็ให้เบา ๆ ลงบ้าง ตัวนางผอมแห้งเพียงนี้จะทำงานทุกอย่างคนเดียวไหวได้อย่างไร”
หัวหน้าหมู่บ้านเอ่ยปากเตือน แต่สายตากลับหยุดอยู่ที่แม่เฒ่าฮัว ทำให้รายนั้นก้มหน้าหลบสายตาทันที
“ขอบคุณหัวหน้าหมู่บ้านที่เข้าใจ ข้าสัญญาจะไม่ให้เกิดเรื่องเช่นนี้ขึ้นอีกแน่นอนขอรับ” ผู้เป็นบิดารับปากด้วยน้ำเสียงหนักแน่น แต่นางไม่เชื่อเลยสักนิด
กลับถึงบ้านคงพากันรุมยำนางแน่ แต่นางวางแผนรับมือเอาไว้คร่าว ๆ แล้วล่ะ
จากนั้นพวกเขาก็ขอตัวพานางกลับบ้าน หัวหน้าหมู่บ้านกับภรรยาอยากให้นางอยู่ต่อก็ไม่ได้แล้ว เพราะอย่างที่มารดานางเคยพูด พ่อแม่มีสิทธิ์ในตัวลูกทุกอย่าง สั่งให้ทำอะไรต้องทำเช่นนั้น
ไม่งั้นจะกลายเป็นลูกอกตัญญู ไม่รู้คุณบิดามารดา แล้วก็จะถูกประนาม คนในหมู่บ้านรังเกียจไม่คบค้าสมาคมอีกต่อไป
ระหว่างทางที่เดินกลับทุกคนไม่พูดอะไรกันสักคำ มีเพียงน้องสาวคนเล็กอย่างฮัวอิงฮวาที่รบเร้าให้บิดาลงโทษนางให้ได้จนกลับถึงบ้าน
“เอาไม้มา! หนิงอันเจ้าไปยืนกอดอกตรงนั้นเสียวันนี้ข้าจะสั่งสอนเจ้าให้หลาบจำ จะได้ไม่ไปก่อเรื่องให้ข้าต้องอับอายเช่นนี้อีก!!” เมื่อปิดประตูบ้านได้บิดาก็ร้องหาไม้ทันที
“ตีนางให้หนัก ๆ เลยนะขอรับท่านพ่อ นางทำชุดข้าเปื้อนโคลนจนซักไม่ออกแล้ว” ฮัวเจี้ยนที่รออยู่บ้านเอ่ยพร้อมกับส่งยิ้มเยาะเย้ยให้นาง
“ท่านพ่อแต่ข้าหาได้เป็นคนผิดไม่ ท่านจะตีข้าด้วยเรื่องใดเจ้าคะ” นางถามกลับด้วยน้ำเสียงและใบหน้าไร้อารมณ์
“ยังไม่รู้ความผิดตัวเองอีกหรือ! เจ้าทำให้บ้านเราต้องอับอาย ไม่รู้ว่าป่านนี้พวกชาวบ้านจะเอาไปพูดนินทาว่าอย่างไรบ้าง เพราะเจ้าแท้ ๆ เป็นตัวภาระไม่พอยังเป็นตัวซวยอีก!!!”
แม่เฒ่าฮัวเอ่ยต่อว่าพลางชี้หน้านางไปด้วย น้ำเสียงที่เปล่งออกมานั้นทำให้รู้ว่ากำลังเดือดดาลเพียงใด
“ท่านย่า พวกเขาจะพูดอย่างไรนั้นคงไม่พ้นความจริงที่พวกท่านใช้แรงงานข้าจนต้องพลัดตกลำธารเกือบตายหรอกเจ้าค่ะ ข้าวก็ไม่ได้กินแต่ต้องทำงานหนักทุกวัน ขอทานในเมืองยังมีเนื้อหนังมากกว่าข้าเลย”
นางเอ่ยพร้อมกับกวาดตามองทุกคนในบ้านอย่างไม่เกรงกลัว มองตัวเองแล้วมองไปที่สองพี่น้อง มันช่างแตกต่างกันราวฟ้ากับเหว
ตัวนางผอมแห้งหนังหุ้มกระดูก ผิวก็หยาบกร้านจากการทำงานหนัก ส่วนสองพี่น้องแทบไม่เคยหยิบจับอะไร ร่างกายอวบอิ่มดูสุขภาพดี เท่านี้ก็เห็นถึงความแตกต่างชัดเจนแล้ว
“เจ้า!!! อกตัญญูนัก เจ้าดูว่าเด็กที่เจ้าเก็บมาชุบเลี้ยงตั้งหลายสิบปีอกตัญญูเพียงใด! เสียแรงที่บ้านเราคอยให้ข้าวให้น้ำจนเติบใหญ่ แต่นางไม่เคยมองเห็นความดีของบ้านเราเลย!!!” แม่เฒ่าฮัวโกรธจนมือไม้สั่นเทา
“ตอนนั้นข้าก็ไม่ได้ขอให้พวกท่านเก็บข้ามาเลี้ยงนี่เจ้าคะ แล้วข้าก็ทำงานแลกน้ำข้าวมาตั้งแต่จำความได้ ไม่เคยได้กินข้าวบ้านพวกท่านเฉย ๆ เสียหน่อย”
นางเถียงกลับไปทำให้แม่เฒ่าฮัวถึงกับโกรธจนแข้งขาอ่อนแรง บิดากับมารดาจึงรีบประคองไปนั่งพักที่แคร่ไม้ในลานบ้าน
“เอาไม้มาข้าจะตีนางเอง!! อกตัญญูเลี้ยงไม่เชื่องจริง ๆ”
พ่อเฒ่าฮัวเอ่ยพร้อมกับแย่งไม้ในมือฮัวเจี้ยนพลางเดินเข้ามาหานางอย่างโมโห
ผลั๊วะ!!! ตุบ!!!
ยังไม่ทันได้ง้างมือพ่อเฒ่าฮัวก็สลบกลางอากาศลงไปนอนเล่นที่พื้นเสียแล้ว เพราะเจอจระเข้ฟาดหางของนางเข้าไป
“ท่านพ่อ!!!”
“ตาเฒ่า!!!!”
“ท่านปู่!!!!!”
เสียงคนในบ้านตะโกนเรียกคนที่นอนสลบพร้อมกัน ก่อนจะรีบเข้ามาอุ้มพ่อเฒ่าฮัวเข้าไปนอนในห้องแทน แล้วทุกอย่างก็วุ่นวายไปหมด เพราะต้องตามหมอมาดูอาการท่านปู่ของนาง
“เจ้ากลับไปอยู่ในห้องเสีย เมื่อทุกอย่างเรียบร้อยข้าจะไปจัดการเจ้าทีหลัง!!!” บิดาเอ่ยพร้อมกับชี้หน้าคาดโทษนางอย่างโมโห ก่อนจะวิ่งออกไปตามหมอในหมู่บ้าน
ห้องที่บิดาหมายถึงคือห้องเก็บฟืนนั่นเอง แต่นางไม่ได้ทำตามที่บิดาสั่ง กลับเดินตรงไปที่ห้องครัวแล้วหุงข้าวทำอาหารแทน
ตั้งแต่เช้านางยังไม่ได้กินอะไรเลยท้องจึงได้ส่งเสียงประท้วงมาสักพักแล้ว แต่พอดูวัตถุดิบในครัวก็ไม่มีอะไรสักอย่าง มีเพียงข้าวไม่ถึงหนึ่งกำมือด้วยซ้ำ
แต่นางก็เอามันมาต้มก่อนจะออกไปเก็บไข่ไก่หลังบ้านมาทำเป็นข้าวต้มไข่กินคนเดียว แล้วกลับไปนอนอย่างสบายใจที่ห้องเก็บฟืน
เวลาผ่านไปนานเท่าไหร่ไม่รู้ นางตื่นขึ้นมาอีกครั้งเพราะเสียงประตูห้องเก็บฟืนถูกถีบให้เปิดออกอย่างแรง ตามดัวยแรงกระชากที่แขนลากนางออกมาจากห้องแล้วเหวี่ยงให้นางล้มไปกองที่ลานบ้าน
“โอ๊ย!!! ท่านพ่อข้าเจ็บเจ้าค่ะ ช่วยด้วยท่านพ่ออย่าตีข้าเลยข้าผิดไปแล้วที่ท่านปู่เป็นเช่นนั้นเพราะล้มลงไปเอง ไม่เกี่ยวกับข้าเลยนะเจ้าคะ ท่านพ่ออย่าตีข้าเลยเจ้าค่ะ โอ๊ย!!!”
นางพยายามส่งเสียงร้องให้ดังที่สุด เพื่อให้เพื่อนบ้านได้ยินเพราะพวกเขาคงรอดูตั้งแต่เห็นบิดาไปตามหมอในหมู่บ้านแล้ว
“นางเด็กแพศยา! นังเด็กอกตัญญู! เจ้าจงใจจะฆ่าปู่เจ้าชัด ๆ ยังมีหน้ามาพูดใส่ร้ายผู้อื่นเช่นนี้อีก วันนี้ข้าจะตีเจ้าให้ตาย!!!!”
บิดาเอ่ยอย่างขาดสติ พร้อมกับถือไม้เตรียมจะฟาดนาง แต่ประตูใหญ่หน้าบ้านก็ถูกเปิดก่อนจะมีชาวบ้านวิ่งเข้ามาห้ามไว้
“พ่อฮัวหยุดเลยนะ!! ทำเช่นนี้นังหนูหนิงอันได้ตายกันพอดี!!!” ท่านลุงผู้หนึ่งเอ่ยขึ้นขณะที่โยนไม้ทิ้งไปอีกทาง
“นางทำงานรับใช้พวกเจ้ามาตั้งหลายปี ไม่คิดจะเห็นความดีของนางบ้างหรือ แล้วนางก็ตัวเล็กเพียงนั้นจะเอาแรงที่ไหนไปทำร้ายผู้อื่นได้!!” ท่านลุงอีกคนเอ่ยขึ้น
“พวกเจ้าบ้านฮัวทำเกินไปแล้ว ข้าจะเอาเรื่องนี้ไปแจ้งทางการ!!!”
ท่านป้าผู้หนึ่งเอ่ยขึ้น ก่อนที่คนอื่น ๆ ที่มาแอบดูอยู่หน้าประตูจะส่งเสียงเห็นด้วย
“นางจะฆ่าบิดาข้าอยู่แล้ว นังเด็กนี่มันเตะก้านคอบิดาข้าจนสลบไม่เชื่อก็ไปดูได้เลย!!!” ฮัวเฉิงเอ่ยพร้อมกับพยายามดิ้นให้ตัวเองหลุดจากพันธนาการ แต่ก็ไม่เป็นผล
“ข้าไม่ได้ทำนะเจ้าคะ ท่านปู่จะเข้ามาตีข้าแต่ลื่นล้มลงไปเอง ฮึก!!พูดไปก็คงไม่มีใครเชื่อ เพราะทุกคนอยากให้ข้าเป็นคนผิด” นางเอ่ยพร้อมกับก้มหน้ากอดเข่าแสร้งร้องไห้จนตัวสั่นเทา
ชาวบ้านที่มามุงดูยิ่งสงสารนางมากกว่าเดิม ก่อนจะเริ่มตะโกนด่าบ้านฮัวที่รังแกนางเช่นนี้
“พ่อข้าพูดจริงนะ! นางเตะท่านปู่ข้าจนสลบจริง ๆ นังบ่าวชั้นต่ำ เจ้าบอกให้พวกชาวบ้านหยุดด่าท่านพ่อเดี๋ยวนี้เลยนะ!!!”
ฮัวอิงฮวาตะโกนแข่งกับเสียงพวกชาวบ้าน พร้อมกับเข้ามากระชากผมนาง ทำให้กลุ่มท่านป้าทั้งหลายรีบเข้ามาห้าม และจับตัวฮัวอิงฮวาไว้อีกคน
ส่วนท่านย่านั้นเป็นลมไปตั้งแต่ที่เห็นชาวบ้านเริ่มด่าทอบ้านตัวเองแล้ว หนี่ฮวาไม่รู้ว่าควรทำอย่างไรจึงได้เป็นลมตามไปอีกคน
ฮัวเจี้ยนนั้นหวาดกลัวจนวิ่งหนีไปขังตัวเองไว้ในห้อง ทิ้งให้คนอื่นในบ้านรับสถานการณ์ตรงนั้นไปกันเอง
“ท่านป้าท่านลุงทั้งหลายอย่าทำร้ายพวกเขาเลยนะเจ้าคะ ถือว่าข้าขอร้องอย่างไรพวกเขาก็เป็นผู้เลี้ยงดูข้ามาตั้งแต่ยังเล็ก”
นางเอ่ยขอร้องพวกเขา พร้อมกับแสร้งบีบน้ำตาแต่แอบส่งยิ้มสะใจไปให้ฮัวอิงฮวา
“หยุดเดี๋ยวนี้นะ! นี่มันเกิดเรื่องอะไรขึ้นอีก!!!” เสียงหัวหน้าหมู่บ้านดังขึ้น ก่อนที่ทุกคนจะแหวกทางให้คนเดินเข้ามา
ตอนพิเศษต้องใจจ้าวฝูหมิงออกจากจวนท่านประมุขได้ก็ไม่รู้จะไปที่ใด เมืองหลวงแสนวุ่นวายเดินไปทางไหนก็มีแต่ผู้คนมากมายไปหมด หาความสงบไม่เจอเลยสักนิด“เจ้าหยุดนะ!! ข้าคือบุตรชายคนรองแม่ทัพใหญ่เจ้าบังอาจนักที่กล้าขโมยเงินของข้าเช่นนี้!!!”ที่มุมถนนมีคนสองคนกำลังรุมเตะชายผู้หนึ่งอยู่ด้วยความโกรธ ปากก็ตะโกนด่าเขาไม่หยุดทำให้จ้าวฝูหมิงหยุดมองอย่างสนใจ“นายท่านอย่าเข้าไปยุ่งเลยดีกว่าขอรับ” บ่าวคนสนิทเอ่ยเตือนผู้เป็นนาย แต่เขากลับเอาแต่ยืนนิ่งไม่ไหวติงเขามองชายผู้นั้นหยิบถุงเงินตัวเอง ก่อนจะทำหน้าตาเยาะเย้ยขอทานที่ถูกรุมทำร้ายเมื่อครู่ แล้วเดินกลับไปทางที่วิ่งมากับบ่าวตัวเอง“นะ นายท่านจะไปไหนขอรับ!!!” บ่าวคนสนิทของจ้าวฝูหมิงรีบวิ่งตามผู้เป็นนายไป เพราะเขาเดินตามสองคนนายบ่าวผู้นั้นไปแล้วจ้าวฝูหมิงเดินตามชายหนุ่มผู้นั้นไปจนถึงตรอกฟ้าคราม ที่รู้เพราะมีป้ายเขียนตัวใหญ่เด่นสะดุดตาตรงทางเข้า&ldquo
ตอนพิเศษจะ... (ตั้งใจรัก) จนกว่าจะได้แต่งเมื่อขบวนถูกหยุดกลางทาง หยางรุ่นชิงจึงต้องลงมาคุยกับชายหนุ่มให้รู้เรื่อง หากยังถูกตามต่อไปเขาคงได้ใจอ่อนยอมเป็นฮูหยินให้คนตรงหน้าแน่“น้องรุ่นชิงจะไปเมืองไคชิงเหตุใดจึงไม่ส่งข่าวบอกพี่ชายคนงามบ้าง เจ้าเล่นหนีมาเช่นนี้แล้วแม่สื่อกับของหมั้นที่กำลังจัดเตรียมจะทำเช่นไร” จ้าวฝูหมิงเอ่ยเกินจริงทั้งที่ทุกอย่างยังไม่ได้ถูกจัดเตรียมสักนิด“เออ...ข้าไม่ได้หนีนะ เพียงแต่ท่านแม่บอกว่าข้าเหน็ดเหนื่อยจากการค้าขาย จึงไห้ไปพักผ่อนที่เมืองไคชิงก่อน เผื่อจะได้หาช่องทางขยายกิจการของตระกูลหยางด้วย”เด็กหนุ่มเอ่ยแก้ตัว ทั้งที่รู้ว่าคนตรงหน้ามองออกแน่ และที่ตามเขามาทันเช่นนี้คงให้คนจับตาดูเขาเอาไว้ตั้งแต่แรกแล้ว ทำไมเขาไม่คิดให้รอบคอบกว่านี้นะแต่อีกใจก็แอบดีใจจนอิ่มฟูไปทั้งอก ที่รู้ว่าเขาใส่ใจตัวเองเช่นนี้ หากท่านแม่ยอมรับเขาได้ก็คงจะดีไม่น้อย“เช่นนั้นขอพี่ชายคน
ตอนที่ 46ดอกรักผลิบานชั่วกาล 2 (จบ.)“ยินดีที่ได้พบคุณชายหยางเจ้าค่ะ ว่าแต่เพิ่งกลับมาเมืองหลวงหรือเจ้าคะ” นางหันไปถามผู้อาวุโสจ้าว“เป็นเช่นนั้นขอรับและเพิ่งรู้ข่าวว่าท่านกำลังตั้งครรภ์ เรื่องที่จะรบกวนคงต้องเปลี่ยนใจแล้ว” จ้าวฝูหมิงเอ่ยทั้งที่ยังยิ้มอยู่“เรื่องอะไรท่านลองพูดมาก่อนเถอะเจ้าคะ เผื่อว่าข้าจะให้ผู้อื่นช่วยได้ ท่านไม่ต้องคิดเกรงใจอย่างไรเราก็คนกันเองทั้งนั้น” นางเอ่ยพร้อมสังเกตสีหน้าคนทั้งสองไปด้วยท่านจ้าวดูจะกำลังวางแผนบางอย่างอยู่ แต่อีกคนนั้นไม่ได้รู้เนื้อรู้ตัวเลยสักนิด“ข้าอยากได้ผู้ใหญ่ไปสู่ขอหยางรุ่นชิงกับตระกูลหยางขอรับ”เมื่อจบประโยคคนข้างกายท่านจ้าวก็ทำถ้วยชาหลุดมือทันที พร้อมกับใบหน้าที่แดงก่ำขึ้นมาอย่างชัดเจน“เรื่องมงคลเช่นนี้ข้าจะพลาดได้อย่างไร ข้าจะให้คนออกหน้าให้อย่างไรที่นี่ตระกูลซ่งก็ได้ชื่อว่าเป็นคหบดีที่ร่ำรวยติดสามอันด
ตอนที่ 45ดอกรักผลิบานชั่วกาล“คิดสิ่งใดอยู่ สามีขอสั่งให้เจ้าหยุดคิดถึงเจ้าลูกเต่านั่นเดี๋ยวนี้!!” อยู่ ๆ เขาก็เปลี่ยนเป็นหึงหวงนางแทน“สามีท่านดื่มน้ำส้มจนหมดไปสิบไหแล้วกระมั้ง ก็ไม่ใช่ท่านหรือที่พูดให้ข้าคิดตาม”“ไม่รู้แหละ เจ้าคิดถึงข้าได้เพียงคนเดียวเท่านั้น ไม่ได้การข้าต้องรีบสร้างเจ้าก้อนให้มาอยู่ในท้องเจ้าแล้ว ไม่เช่นนั้นสักวันเจ้าต้องคิดหาบุรุษอื่นแล้วหนีข้าไปแน่” เขาเอ่ยพร้อมกับอุ้มนางตรงไปที่ห้องนอนอย่างแน่วแน่“ท่านจะทำอีกทำไมเจ้าคะ ตอนนี้เขาก็อยู่ในท้องข้าแล้วเนี่ย” คำพูดของนางทำให้เขาชะงักฝีเท้า“เจ้าว่าอย่างไรนะ!!” เขาถามนางอีกครั้งเพื่อความแน่ใจว่าเมื่อครู่ตนไม่ได้ฟังผิดไป“ข้ากำลังตั้งท้องลูกของท่านได้ประมาณสองเดือนแล้วเจ้าค่ะ” นางเอ่ยช้า ๆ ให้เขาฟังอย่างชัดเจนซ่งอี้เฉินคล้ายจะหูดับไปครู่หนึ่ง ชีวิตนี้เพิ่งเข้าใจว่าเหตุ
ตอนที่ 44คิดไม่ผิดหลิวซื่อเฟิงถูกลากออกไปรับโทษตามที่ท่านประมุขเป็นผู้สั่ง เริ่มจากตัดเส้นลมปราณเพื่อไม่ให้คนหลบหนีก่อนจะเอาอุปกรณ์สำหรับถอดเล็บออกมา หลิวซื่อเฟิงที่เห็นเช่นนั้นถึงกับน้ำตาไหลด้วยความกลัว แต่ไม่อาจหนีไปไหนได้เพราะถูกมัดตรึงไว้กับเก้าอี้กรี๊ด!!!!!!เสียงกรีดร้องซ้ำแล้วซ้ำเล่าดังออกมาจากเรือนด้านหลังจวน แต่เพราะเรือนนี้ห่างไกลจากเรือนหลักนักจึงไม่มีผู้ใดได้ยินเสียงนางกว่าจะถอดออกครบยี่สิบเล็บนางก็สลบไปถึงสองครั้ง ผู้ที่ลงโทษไม่ได้หยุดเพียงเท่านั้น พวกเขายกดังน้ำเกลือขนาดใหญ่เข้ามา ก่อนจะเอ่ยกับผู้ที่นั่งอยู่ด้วยน้ำเสียงเย็นชาปนสมเพช“แม่นางหลิวซื่อเฟิง เพราะท่านคิดทำร้ายนายหญิงท่านประมุขจึงสั่งมาว่าให้ทำอย่างไรก็ได้ให้ท่านทรมานที่สุด เพราะฉะนั้นแล้วอย่าโกรธเคืองพวกข้าเลยนะ”เอ่ยจบก็ราดน้ำเกลือเข้มข้นใส่แผลสดที่เลือดยังไหลไม่หยุด ความเจ็บปวดปนกับความแสบทำให้นางกรีด
ตอนที่ 43ปองร้าย“ขอบคุณนายหญิงที่ชี้แนะทางให้แก่ข้า จากนี้ฝากท่านดูแลท่านประมุขด้วยขอรับ” จ้าวฝูหมิงเอ่ยพลางคารวะนางอย่างที่คนในราชวงศ์ทำกัน“ขอให้ท่านตามหาเด็กดื้อผู้นั้นเจอนะเจ้าคะ” นางอวยพรพร้อมกับทำมือชูสองนิ้วให้กำลังใจจ้าวฝูหมิงฝากจดหมายไว้ให้ซ่งอี้เฉินหนึ่งฉบับ ก่อนจะเดินจากไปพร้อมคนของเขา“ท่านจ้าวจะไปตามหาเด็กหายหรือเจ้าคะ” ลู่หลินเอ่ยถามอย่างสงสัยและไม่เข้าใจ“ดูท่าแล้วไม่ใช่แค่เด็กที่หาย แต่หัวใจเขาก็ถูกเด็กผู้นั้นขโมยไปด้วย ข้าเพิ่งพูดคุยกับเขาไปเพียงสองเดือนเองนะ สงสัยเด็กคนนั้นคงเป็นคนในเมืองหลวงนี้เป็นแน่”นางรำพึงรำพันคนเดียว ก่อนที่จะถูกสาวใช้พากลับเข้าเรือน เพราะหิมะเริ่มตกหนักมากขึ้น“คนจากโรงครัวบอกว่าได้ชามาใหม่ จึงอยากให้นายหญิงลองชิมว่าถูกใจหรือไม่เจ้าค่ะ” ลู่หลิ่งเอ่ยพร้อมกับยกชาเข้ามาให้นาง“กลิ่นหอมจังเลย ว้







