LOGINตอนที่ 3
ถูกขาย
“ท่านหัวหน้า นางหลี่ฮวากับฮัวเฉิงมันจะทำร้ายนังหนูหนิงอันอีกแล้ว หากพวกข้าไม่เข้ามาห้ามป่านนี้นังหนูหนิงอันคงได้ตายคาตีนฮัวเฉิงแล้ว” ชาวบ้านผู้หนึ่งอธิบายให้หัวหน้าหมู่บ้านฟัง
“ก็มันทำร้ายบิดาข้าตอนนี้ยังไม่ตื่นเลย ข้าที่เป็นพ่อของมันจะสั่งสอนมันไม่ได้หรือ!!” ฮัวเฉิงเอ่ยตอบด้วยน้ำเสียงเดือดดาล
“เมื่อเช้าเจ้ารับปากข้าไว้ว่าอย่างไร นี่ผ่านไปไม่กี่ชั่วยามเจ้าก็ทำร้ายนังหนูหนิงอันเสียแล้ว เจ้ายังมีความเป็นพ่อคนอยู่หรือไม่!!!!” หัวหน้าหมู่บ้านเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงโมโห
ฮัวเฉิงที่เห็นว่าผู้ใดมาก็เงียบเสียงลงทันที เพราะตนเพิ่งทำผิดซ้ำทั้งที่เพิ่งรับปากผู้อาวุโสตรงหน้ามาเมื่อเช้า
“ทุกท่านอย่าโกรธท่านพ่อข้าเลยเจ้าค่ะ ข้าผิดเองที่เป็นสาเหตุให้พวกเขาโกรธเคือง ข้าอกตัญญูนักที่ทำให้ท่านพ่อท่านแม่ต้องถูกผู้อื่นด่าทอเช่นนี้ ฮึก!! ข้า ข้า ยอมตายก็ได้ขอเพียงท่านพ่อหายโกรธข้าก็พอ ฮื่อ!!” นางเอ่ยพร้อมกับโขกศีรษะไปทางที่บิดาถูกชาวบ้านจับตัวไว้
ภาพตรงหน้าเป็นที่น่าเวทนาของชาวบ้านยิ่งนัก เด็กสาวเนื้อตัวผอมแห้งหนังหุ้มกระดูก กำลังขอร้องให้พวกเขาเลิกด่าบิดาตัวเอง ทั้งที่บิดาผู้นั้นทุบตีใช้แรงงานนางราวกับทาสทุกวัน
“เอาเถอะ ๆ อย่าให้ถึงขั้นนั้นเลย เห็นแก่นังหนูหนิงอันข้าจะไม่สั่งลงโทษบ้านฮัวตามกฎหมู่บ้านแล้วกัน แต่หากยังมีเรื่องเช่นนี้เกิดขึ้นอีกข้าจะไล่ครอบครัวเจ้าออกจากหมู่บ้านข้าไปเสีย ขอฝากทุกคนช่วยเป็นหูเป็นตาด้วยนะ ถ้าใครเห็นมาแจ้งข้าได้ทุกเวลา!!!”
หัวหน้าหมู่บ้านนั้นสงสารฮัวหนิงอันจับใจ ตนเองก็ไร้บุตรอยู่กันเพียงสองผัวเมีย หากจะรับนางมาดูแลบิดานางคงไม่ยอมแน่ แต่หากเกิดเรื่องเช่นวันนี้ขึ้นอีก เขาจะใช้อำนาจของตัวเองเอาตัวหนิงอันออกมาจากครอบครัวนี้ให้ได้
เมื่อหัวหน้าหมู่บ้านเอ่ยเช่นนั้นทุกคนจึงทยอยแยกย้ายกันไป จนเหลือเพียงหัวหน้าหมู่บ้านและคนบ้านฮัวเท่านั้น
“ครั้งนี้ข้าไม่ได้ขู่หากเจ้าอยากลองก็เชิญทำได้เลย ลุงกลับก่อนนะหนิงอัน” หัวหน้าหมู่บ้านหันไปพูดกับฮัวเฉิงเสียงเย็นชา ก่อนจะเอ่ยกับฮัวหนิงอันแล้วกลับออกไป
เมื่อทุกคนจากไปแล้วฮัวเจี้ยนก็ค่อย ๆ ย่องออกมาจากห้องของตัวเองด้วยท่าทีหวาดระแวง ก่อนจะเตะก้อนหินแถวนั้นใส่นาง
ตุบ!! โอ๊ย!!
แต่โชคกลับไม่เข้าข้างเมื่อมันไปกระทบกับถังไม้ข้างหลังนาง แล้วกระเด็นไปโดนหัวบิดานางแทน
“ฮัวเจี้ยนเจ้าจะฆ่าข้าอีกคนหรือ!!!!” ฮัวเฉิงต่อว่าบุตรชายพร้อมกับทะลึ่งตามอง
“ทะ ท่านพ่อข้าไม่ได้ตั้งใจขอรับ ข้าจะเตะใส่นังทาสนั่นต่างหาก ท่านเป็นอะไรมากหรือไม่” ฮัวเจี้ยนรีบเข้ามาดูบิดาอย่างตกใจ
“คิกคิกคิก แบบนี้เขาเรียกเวรกรรมตามสนองหรือเปล่านะ ต่อไปนี้จะทำอะไรน้องชายต้องระวังให้มากแล้ว” นางเอ่ยขึ้นพร้อมกับหัวเราะอย่างสะใจ
“หุบปากเจ้าเสีย!! ก่อเรื่องใหญ่โตเช่นนี้ยังไม่สำนึกอีก กลับไปอยู่ในห้องเก็บฟืนเลยเย็นนี้ไม่ต้องกินข้าว!!!!”
บิดาตะคอกใส่นางแต่นางหาได้สนใจไม่ จึงเชิดหน้าขึ้นแล้วเดินผ่านพวกเขาไปอย่างที่ไม่เคยทำมาก่อน สร้างความแปลกใจให้พวกเขายิ่งนัก โดยเฉพาะฮัวอิงฮวาที่รู้สึกอย่างจิกหัวมันมาตบสั่งสอนสักหลาย ๆ ครั้ง
“ท่านพ่อเราจะทำอย่างไรกับนางดีขอรับ ดูท่าแล้วถ้าเราทำร้ายมันอีกเราคงได้ถูกไล่ออกจากหมู่บ้านแน่” ฮัวเจี้ยนเอ่ยถาม เพราะได้ยินสิ่งที่หัวหน้าหมู่บ้านขู่บ้านเขาทุกคำ
“ไปคุยกันในห้อง รอให้ปู่ย่าและแม่เจ้าฟื้นก่อน พ่อคิดว่าคงเก็บนางเอาไว้ไม่ได้แล้ว ไม่เช่นนั้นเราคงได้เดือดร้อนไปมากกว่านี้แน่”
ฮัวเฉิงเอ่ยพร้อมกับลุกกลับเข้าห้องบิดาไป ตามด้วยสองพี่น้องที่ตามไปติด ๆ
ฮัวหนิงอันไม่ได้จากไปไหน นางได้ยินสิ่งที่บิดาเอ่ยชัดเจนทุกประโยค แบบนี้เรื่องที่นางวางแผนจะใช้ชีวิตอยู่ที่นี่คงเป็นไปไม่ได้แล้ว
ไม่แน่สมัยนี้คงเอานางไปขายให้พ่อค้าทาส หรือไม่ก็พวกเศรษฐีในเมือง หากเป็นแบบนั้นนางต้องหาทางหนีก่อน ส่วนจะไปที่ไหนนั้นก็คงต้องเข้าไปในตัวเมืองแล้วค่อยหาทางต่อไป
เมื่อคิดได้อย่างนั้นนางก็กลับไปที่ห้องเก็บฟืนหลับเอาแรง รุ่งเช้านางจะทำทีออกไปเก็บผักป่า แล้วออกเดินเท้าทันทีเข้าไปในเมืองทันที
ด้านครอบครัวฮัวยามนี้กำลังปรึกษากันว่าจะทำอย่างไรกับฮัวหนิงอันต่อ
“หากขายนางออกไปแล้วใครจะทำงานบ้านให้เราล่ะ”
หนี่ฮวาเอ่ยถามอย่างหนักใจ เพราะที่ผ่านมานางกลับมาจากเก็บของป่าก็มีอาหารวางรอบนโต๊ะแล้ว
ลานบ้านก็ไม่เคยกวาด เสื้อผ้าก็ไม่เคยได้หยิบจับ จานชามก็ไม่เคยได้ล้าง หากต้องให้นางไปเก็บของป่าแล้วยังต้องมาทำงานพวกนี้อีก นางคงเหนื่อยตายแน่
“เจ้าห่วงเรื่องนี้แต่ไม่ห่วงว่าเราจะถูกไล่ออกจากหมู่บ้านหรือ!!! แค่นี้ข้าก็ถูกหัวหน้าหมู่บ้านข่มขู่มาตั้งสองรอบแล้ว!” ฮัวเฉิงเอ่ยอย่างมีอารมณ์ ที่ภรรยาตัวเองโง่เขลาเช่นนี้
“จริงอย่างเจ้าว่า ขายนางออกไปน่ะดีแล้ว นางจะได้ไม่มาสร้างความเดือดร้อนให้บ้านเราอีก แต่รูปร่างเช่นนางขายให้พ่อค้าทาสก็คงถูกกดราคา ขายให้หอนางโลมยิ่งแล้วใหญ่” พ่อเฒ่าฮัวเอ่ยอย่างหนักใจ
“ข้าได้ยินมาว่ามีจวนเศรษฐีในเมืองรับเด็กผู้หญิงไม่อั้น ขอเพียงยังบริสุทธิ์ก็พอหน้าตาเป็นเช่นไรก็ไม่เกี่ยง แถมข้ายังได้ยินมาว่าให้ราคาดีมากด้วย ข้าคิดว่าจะเอานางไปขายที่นั่นขอรับ” ฮัวเฉิงเอ่ย
“ดี!!!! เอานางไปขายพรุ่งนี้เลย เอาชุดเก่าของอิงฮวาให้นางสักชุดเผื่อจะได้ราคาเพิ่งมานิดหน่อย” แม่เฒ่าฮัวเอ่ยส่งเสริมทันที
“ไม่เอา!! ชุดข้ามีแต่ชุดใหม่ ๆ ทั้งนั้น ให้นางใส่ข้าก็เสียดายแย่สิ” ฮัวอิงฮวาแย้งขึ้นมาทันที
“เจ้าจะเสียดายทำไมกัน รอให้ท่านพ่อขายนางได้เดี๋ยวท่านพ่อก็ซื้อชุดใหม่มาให้เจ้าเองแหละ” ฮัวเจี้ยนเอ่ย
ฮัวหนิงอันนอนหลับไปตั้งแต่ตอนไหนไม่รู้ แต่ต้องตื่นมาเพราะฝันร้าย ในความฝันนางเห็นสตรีแต่งกายงดงามกำลังหอบลูกน้อยวิ่งหนีโจรป่า
แต่สุดท้ายก็ไม่รอด ต้องตายเพราะเอาตัวรับดาบแทนทารกในอ้อมกอด แววตาและสีหน้าของสตรีผู้นั้นยังติดตานางไม่หาย
แต่ก่อนจะสะดุ้งตื่นนางเห็นปิ่นไม้อันหนึ่งสลักชื่อเจ้าของร่างนี้ไว้ชัดเจน ทำให้ภาพในความทรงจำตัวเองผุดขึ้นมา
ตนจึงได้ลุกไปรื้อกล่องไม้เก่า ๆ ที่เจ้าของร่างคนเก่าเอาไว้เก็บของใช้ส่วนตัว ซึ่งมันก็ไม่มีของมีค่าอะไรหรอก แต่ในนั้นมีปิ่นไม้แกะสลักเป็นรูปนกยวนยางตัวด้ามสลักคำว่า หนิง พอพลิกดูอีกด้านมีตัวอักษรคำว่า อัน อยู่
ซึ่งท่านย่าเป็นคนให้นางไว้ตอนวันปักปิ่นที่ผ่านมา บอกว่าเป็นของที่ติดตัวนางมาตั้งแต่เก็บนางมาเลี้ยง และก็เป็นอันเดียวกับที่นางเห็นในฝันเมื่อครู่
แต่ยังไม่ทันได้คิดอะไรต่อก็ได้ยินเสียงเดินมาหยุดหน้าห้องเก็บฟืน ก่อนจะมีเสียงของอิงฮวาพูดเยาะเย้ยนาง
“หึ!! พรุ่งนี้เจ้าได้ถูกท่านพ่อเอาไปขายให้เศรษฐีบ้ากามนั่นแน่ นังทาสต่ำช้า! เจ้าจะได้ไปให้พ้นหูพ้นตาข้าเสียที!!!” เอ่ยจบก็ได้ยินเสียงเดินห่างออกไป
คิดจะขายนางจริงด้วย เช่นนั้นก่อนไปนางขอฝากอะไรเอาไว้ให้จดจำสักหน่อยแล้วกัน
เมื่อคิดได้อย่างนั้นนางก็แอบย่องไปเอากุญแจห้องเก็บเสบียงที่ห้องท่านย่า ก่อนจะแอบเข้าไปทำบางอย่าง ซึ่งทั้งหมดทำไปเพราะความสะใจทั้งนั้น
รุ่งเช้าบิดาให้นางเช็ดตัวแล้วเอาชุดของฮัวอิงฮวามาให้เปลี่ยน ก่อนจะพาออกจากบ้านตั้งแต่ฟ้ามืด ที่นางยังไม่หนีไปเพราะนึกขึ้นได้ว่าตนเองไม่รู้ทางเข้าเมือง และเจ้าของร่างนี้ก็ไม่เคยเข้าเมืองสักครั้ง
ครั้นจะคล่ำทางไปก็กลัวจะหลงทาง จึงคิดว่าให้บิดาไปเป็นผู้พาเข้าเมืองก่อนแล้วค่อยหาทางหนีอีกที
ซึ่งกว่าจะเดินไปถึงตัวเมืองก็เล่นเอานางแข้งขาอ่อนแรงเลยทีเดียว เพราะความหนาวเย็นบวกกับหิมะที่ตกหนากว่าครึ่งขา
หากไม่คิดเอานางไปขาย บิดาคงไม่ยอมเดินฝ่าหิมะไปไกลถึงในตัวเมืองเพียงนี้ เพราะไม่ใช่ว่าเดินไม่กี่นาทีก็ถึง แต่ต้องเดินนานกว่าหนึ่งชั่วยาม หรือสองชั่วโมงเลยทีเดียว
ถึงในเมืองบิดาก็ถามทางเพื่อไปที่จวนนั้นทันที แต่พอไปถึงกลับต้องผิดหวังเมื่อเรียกอยู่นานก็ไร้ซึ่งคนออกมาเปิดประตูให้ จนมีคนเดินผ่านมาบิดานางจึงเรียกเขาไว้
“พี่ชายข้ามาหานายท่านจวนนี้ แต่รออยู่นานก็ไม่มีคนออกมาเปิดประตูให้เลย ไม่ทราบว่าพวกเขาไปไหนกันหรือไม่”
ฮัวเฉิงเอ่ยถามคนที่เดินผ่านมา แต่ชายผู้นั้นกลับมองไปที่ฮัวหนิงอันที่ยืนอยู่ด้านข้างแทน
“เจ้าจะเอาบุตรสาวมาขายหรือ เช่นนั้นคงมาเสียเปล่าแล้ว เมื่อหลายวันก่อนจวนนี้ถูกทางการจับกุมข้อหาทารุณผู้อื่นจนตาย ตอนนี้ในจวนไม่มีคนอยู่แล้ว” เอ่ยจบก็เดินหนีไปทันที ใบหน้านั้นแสดงออกว่ารังเกียจฮัวเฉิงอย่างมาก
ตอนพิเศษต้องใจจ้าวฝูหมิงออกจากจวนท่านประมุขได้ก็ไม่รู้จะไปที่ใด เมืองหลวงแสนวุ่นวายเดินไปทางไหนก็มีแต่ผู้คนมากมายไปหมด หาความสงบไม่เจอเลยสักนิด“เจ้าหยุดนะ!! ข้าคือบุตรชายคนรองแม่ทัพใหญ่เจ้าบังอาจนักที่กล้าขโมยเงินของข้าเช่นนี้!!!”ที่มุมถนนมีคนสองคนกำลังรุมเตะชายผู้หนึ่งอยู่ด้วยความโกรธ ปากก็ตะโกนด่าเขาไม่หยุดทำให้จ้าวฝูหมิงหยุดมองอย่างสนใจ“นายท่านอย่าเข้าไปยุ่งเลยดีกว่าขอรับ” บ่าวคนสนิทเอ่ยเตือนผู้เป็นนาย แต่เขากลับเอาแต่ยืนนิ่งไม่ไหวติงเขามองชายผู้นั้นหยิบถุงเงินตัวเอง ก่อนจะทำหน้าตาเยาะเย้ยขอทานที่ถูกรุมทำร้ายเมื่อครู่ แล้วเดินกลับไปทางที่วิ่งมากับบ่าวตัวเอง“นะ นายท่านจะไปไหนขอรับ!!!” บ่าวคนสนิทของจ้าวฝูหมิงรีบวิ่งตามผู้เป็นนายไป เพราะเขาเดินตามสองคนนายบ่าวผู้นั้นไปแล้วจ้าวฝูหมิงเดินตามชายหนุ่มผู้นั้นไปจนถึงตรอกฟ้าคราม ที่รู้เพราะมีป้ายเขียนตัวใหญ่เด่นสะดุดตาตรงทางเข้า&ldquo
ตอนพิเศษจะ... (ตั้งใจรัก) จนกว่าจะได้แต่งเมื่อขบวนถูกหยุดกลางทาง หยางรุ่นชิงจึงต้องลงมาคุยกับชายหนุ่มให้รู้เรื่อง หากยังถูกตามต่อไปเขาคงได้ใจอ่อนยอมเป็นฮูหยินให้คนตรงหน้าแน่“น้องรุ่นชิงจะไปเมืองไคชิงเหตุใดจึงไม่ส่งข่าวบอกพี่ชายคนงามบ้าง เจ้าเล่นหนีมาเช่นนี้แล้วแม่สื่อกับของหมั้นที่กำลังจัดเตรียมจะทำเช่นไร” จ้าวฝูหมิงเอ่ยเกินจริงทั้งที่ทุกอย่างยังไม่ได้ถูกจัดเตรียมสักนิด“เออ...ข้าไม่ได้หนีนะ เพียงแต่ท่านแม่บอกว่าข้าเหน็ดเหนื่อยจากการค้าขาย จึงไห้ไปพักผ่อนที่เมืองไคชิงก่อน เผื่อจะได้หาช่องทางขยายกิจการของตระกูลหยางด้วย”เด็กหนุ่มเอ่ยแก้ตัว ทั้งที่รู้ว่าคนตรงหน้ามองออกแน่ และที่ตามเขามาทันเช่นนี้คงให้คนจับตาดูเขาเอาไว้ตั้งแต่แรกแล้ว ทำไมเขาไม่คิดให้รอบคอบกว่านี้นะแต่อีกใจก็แอบดีใจจนอิ่มฟูไปทั้งอก ที่รู้ว่าเขาใส่ใจตัวเองเช่นนี้ หากท่านแม่ยอมรับเขาได้ก็คงจะดีไม่น้อย“เช่นนั้นขอพี่ชายคน
ตอนที่ 46ดอกรักผลิบานชั่วกาล 2 (จบ.)“ยินดีที่ได้พบคุณชายหยางเจ้าค่ะ ว่าแต่เพิ่งกลับมาเมืองหลวงหรือเจ้าคะ” นางหันไปถามผู้อาวุโสจ้าว“เป็นเช่นนั้นขอรับและเพิ่งรู้ข่าวว่าท่านกำลังตั้งครรภ์ เรื่องที่จะรบกวนคงต้องเปลี่ยนใจแล้ว” จ้าวฝูหมิงเอ่ยทั้งที่ยังยิ้มอยู่“เรื่องอะไรท่านลองพูดมาก่อนเถอะเจ้าคะ เผื่อว่าข้าจะให้ผู้อื่นช่วยได้ ท่านไม่ต้องคิดเกรงใจอย่างไรเราก็คนกันเองทั้งนั้น” นางเอ่ยพร้อมสังเกตสีหน้าคนทั้งสองไปด้วยท่านจ้าวดูจะกำลังวางแผนบางอย่างอยู่ แต่อีกคนนั้นไม่ได้รู้เนื้อรู้ตัวเลยสักนิด“ข้าอยากได้ผู้ใหญ่ไปสู่ขอหยางรุ่นชิงกับตระกูลหยางขอรับ”เมื่อจบประโยคคนข้างกายท่านจ้าวก็ทำถ้วยชาหลุดมือทันที พร้อมกับใบหน้าที่แดงก่ำขึ้นมาอย่างชัดเจน“เรื่องมงคลเช่นนี้ข้าจะพลาดได้อย่างไร ข้าจะให้คนออกหน้าให้อย่างไรที่นี่ตระกูลซ่งก็ได้ชื่อว่าเป็นคหบดีที่ร่ำรวยติดสามอันด
ตอนที่ 45ดอกรักผลิบานชั่วกาล“คิดสิ่งใดอยู่ สามีขอสั่งให้เจ้าหยุดคิดถึงเจ้าลูกเต่านั่นเดี๋ยวนี้!!” อยู่ ๆ เขาก็เปลี่ยนเป็นหึงหวงนางแทน“สามีท่านดื่มน้ำส้มจนหมดไปสิบไหแล้วกระมั้ง ก็ไม่ใช่ท่านหรือที่พูดให้ข้าคิดตาม”“ไม่รู้แหละ เจ้าคิดถึงข้าได้เพียงคนเดียวเท่านั้น ไม่ได้การข้าต้องรีบสร้างเจ้าก้อนให้มาอยู่ในท้องเจ้าแล้ว ไม่เช่นนั้นสักวันเจ้าต้องคิดหาบุรุษอื่นแล้วหนีข้าไปแน่” เขาเอ่ยพร้อมกับอุ้มนางตรงไปที่ห้องนอนอย่างแน่วแน่“ท่านจะทำอีกทำไมเจ้าคะ ตอนนี้เขาก็อยู่ในท้องข้าแล้วเนี่ย” คำพูดของนางทำให้เขาชะงักฝีเท้า“เจ้าว่าอย่างไรนะ!!” เขาถามนางอีกครั้งเพื่อความแน่ใจว่าเมื่อครู่ตนไม่ได้ฟังผิดไป“ข้ากำลังตั้งท้องลูกของท่านได้ประมาณสองเดือนแล้วเจ้าค่ะ” นางเอ่ยช้า ๆ ให้เขาฟังอย่างชัดเจนซ่งอี้เฉินคล้ายจะหูดับไปครู่หนึ่ง ชีวิตนี้เพิ่งเข้าใจว่าเหตุ
ตอนที่ 44คิดไม่ผิดหลิวซื่อเฟิงถูกลากออกไปรับโทษตามที่ท่านประมุขเป็นผู้สั่ง เริ่มจากตัดเส้นลมปราณเพื่อไม่ให้คนหลบหนีก่อนจะเอาอุปกรณ์สำหรับถอดเล็บออกมา หลิวซื่อเฟิงที่เห็นเช่นนั้นถึงกับน้ำตาไหลด้วยความกลัว แต่ไม่อาจหนีไปไหนได้เพราะถูกมัดตรึงไว้กับเก้าอี้กรี๊ด!!!!!!เสียงกรีดร้องซ้ำแล้วซ้ำเล่าดังออกมาจากเรือนด้านหลังจวน แต่เพราะเรือนนี้ห่างไกลจากเรือนหลักนักจึงไม่มีผู้ใดได้ยินเสียงนางกว่าจะถอดออกครบยี่สิบเล็บนางก็สลบไปถึงสองครั้ง ผู้ที่ลงโทษไม่ได้หยุดเพียงเท่านั้น พวกเขายกดังน้ำเกลือขนาดใหญ่เข้ามา ก่อนจะเอ่ยกับผู้ที่นั่งอยู่ด้วยน้ำเสียงเย็นชาปนสมเพช“แม่นางหลิวซื่อเฟิง เพราะท่านคิดทำร้ายนายหญิงท่านประมุขจึงสั่งมาว่าให้ทำอย่างไรก็ได้ให้ท่านทรมานที่สุด เพราะฉะนั้นแล้วอย่าโกรธเคืองพวกข้าเลยนะ”เอ่ยจบก็ราดน้ำเกลือเข้มข้นใส่แผลสดที่เลือดยังไหลไม่หยุด ความเจ็บปวดปนกับความแสบทำให้นางกรีด
ตอนที่ 43ปองร้าย“ขอบคุณนายหญิงที่ชี้แนะทางให้แก่ข้า จากนี้ฝากท่านดูแลท่านประมุขด้วยขอรับ” จ้าวฝูหมิงเอ่ยพลางคารวะนางอย่างที่คนในราชวงศ์ทำกัน“ขอให้ท่านตามหาเด็กดื้อผู้นั้นเจอนะเจ้าคะ” นางอวยพรพร้อมกับทำมือชูสองนิ้วให้กำลังใจจ้าวฝูหมิงฝากจดหมายไว้ให้ซ่งอี้เฉินหนึ่งฉบับ ก่อนจะเดินจากไปพร้อมคนของเขา“ท่านจ้าวจะไปตามหาเด็กหายหรือเจ้าคะ” ลู่หลินเอ่ยถามอย่างสงสัยและไม่เข้าใจ“ดูท่าแล้วไม่ใช่แค่เด็กที่หาย แต่หัวใจเขาก็ถูกเด็กผู้นั้นขโมยไปด้วย ข้าเพิ่งพูดคุยกับเขาไปเพียงสองเดือนเองนะ สงสัยเด็กคนนั้นคงเป็นคนในเมืองหลวงนี้เป็นแน่”นางรำพึงรำพันคนเดียว ก่อนที่จะถูกสาวใช้พากลับเข้าเรือน เพราะหิมะเริ่มตกหนักมากขึ้น“คนจากโรงครัวบอกว่าได้ชามาใหม่ จึงอยากให้นายหญิงลองชิมว่าถูกใจหรือไม่เจ้าค่ะ” ลู่หลิ่งเอ่ยพร้อมกับยกชาเข้ามาให้นาง“กลิ่นหอมจังเลย ว้







