Masukละอองใช้มือเปิบข้าวเหนียว แล้วจิ้มลาบกระต่ายเข้าปาก หยิบผักกาดนกเขาลวกม้วนแล้วส่งเข้าปากตาม คำที่สองก็กินอีก ครั้งนี้เด็ดยอดผักแว่นอวบสดม้วนให้เรียบร้อยแล้วส่งเข้าปากเช่นกัน
โอย! ไม่เคยกินลาบกระต่ายป่าที่อร่อยเท่านี้มาก่อนเลย จากนั้นสายตามองไปยังกบทอดเกลือตัวใหญ่ กบภูเขาเธอก็ไม่เคยกินเหมือนกัน เคยกินแต่กบตามทุ่งนาและตามร้านขายอาหารป่าเท่านั้น วันนี้กบภูเขาทอดสีเหลืองน่ากินจริง ๆ ละอองหยิบต้นขาของกบขึ้นมาฉีกเนื้อแปะลงบนคำข้าวเหนียวของตน แล้วจิ้มน้ำจิ้มแจ่วในถ้วยเล็ก สองมือประคองคำข้าวเข้าปากอย่างทะนุถนอมแล้วเคี้ยวตุ้ย ๆ ความนัวของปลาร้าในน้ำจิ้มบวกกับความเผ็ดนิดเปรี้ยวหน่อยของน้ำมะขามเปียก ทำให้ละอองกินกบทอดอย่างเอร็ดอร่อย สีหน้าของเธอดูมีความสุขเป็นอย่างยิ่ง อาหารแบบนี้คิดถึงโลกเดิมที่จากมาสุด ๆ
แก่นคูณกับน้อยนั่งมองละอองตาค้าง ก่อนหน้าละอองไม่เคยกินอาหารพวกนี้มาก่อน ถ้าทำอาหารอย่างหนึ่งเธอจะกินอีกอย่าง มีปลาจะกินไข่ ไม่กินผักตามท้องไร่ท้องนา ไม่กินกบเขียด ไม่กินปลาสดนอกจากปลาตากแห้งและต้องเป็นปลาขาวอย่างเดียว และไม่กินของป่าทุกชนิดนอกจากเห็ดป่าเท่านั้น อีกอย่างเธอไม่กินปลาร้า แต่วันนี้เธอกลับกินทุกอย่างที่เธอไม่เคยกินมาก่อนเลยทั้งหมด
“แม่กินปลาร้าด้วยเหรอครับ” ภาคภูมิถาม
ละอองชะงักมือที่กำลังจะจิ้มข้าวเหนียวลงในถ้วยน้ำจิ้มแจ่วอีกครั้ง พลางนึกขึ้นได้ แต่เธอก็คิดแก้สถานการณ์ได้ทัน “กินแล้วจ้ะ ตอนนี้แม่กินได้ทุกอย่างแล้วนะ” สิ้นคำ ข้าวคำนั้นก็จิ้มลงบนน้ำพริก ส่งเข้าปากและม้วนผักตามอย่างช่ำชอง
น้อยเบะปาก “จะอดตายล่ะสิก็เลยยอมกินทุกอย่าง”
ละอองเงยหน้าขึ้นแล้วยิ้มแหยให้แม่สามีพูด ‘ค่ะ’ คำหนึ่งแล้วกินข้าวต่ออย่างสบายใจ ไม่สนสายตาของสามีและแม่สามีที่มองมาอย่างหมั่นไส้เลยสักนิด ก็เธอหิวนี่นา แถมกับข้าวยังอร่อยถูกปาก ก่อนหน้านี้เธอป่วยมานาน พอกินข้าวได้ก็รู้สึกมีความสุขเหมือนได้ขึ้นสวรรค์เลยทีเดียวละ
ละอองป้อนข้าวลูกกับกบทอดเช่นกัน เมื่อทุกคนกินข้าวอิ่มแล้วเธอจึงเก็บจานชามให้เรียบร้อย อีกทั้งวันนี้ยังล้างถ้วยชามไว้จนสะอาดทุกใบ ไม่ได้แช่ไว้รอล้างตอนเย็นเหมือนทุกครั้ง เสร็จแล้วแก่นคูณจึงเรียกเธอเข้าไปในห้องนอน
พร้อมกับถามเสียงห้วน “เงินอยู่ไหน”
“เงินอะไร” ละอองทำหน้างุนงง
“ก็เงินที่เธอขโมยไปไง ยังมาทำหน้าไม่รู้เรื่องอีก ที่เธอตกใจจนตกบันไดก็เพราะกลัวความผิดไม่ใช่เหรอ” เขาว่าเสียงเครียด “ทั้งเนื้อทั้งตัวฉันมีเงินเก็บอยู่แค่นั้น ไหนจะต้องซื้อข้าวสารและของใช้ในบ้าน ไหนจะต้องเก็บไว้เป็นค่ายาให้แม่ อีกอย่างเงินสองร้อยที่จ่ายค่ายาให้เธอเมื่อวานฉันก็ยืมจากแม่มา” แก่นคูณร่ายยาว
ละอองนิ่งคิดสักพัก ถึงได้ร้องอ๋อขึ้นมาแล้วบอกเขาว่า “หลับตาก่อนสิ” เธอลืมไปได้อย่างไรว่าเมื่อวานเจ้าของร่างเดิมตั้งใจกลับมาหาสามีเพราะไปไม่รอด จึงอยากกลับมาขอคืนดีกับเขา แต่พอไม่เห็นใครอยู่บ้าน สันดานเก่าของผีพนันจึงเข้าสิง คิดอยากขโมยเงินสามีขึ้นมา และก็เจอเงินที่เขาซ่อนไว้จริง ๆ แต่บังเอิญสามีที่เพิ่งกลับมาจากหาของป่าเจอเข้าพอดี เธอจึงพลาดท่าตกบันไดเสียก่อน
“ทำไมต้องหลับตา” น้ำเสียงเจือรำคาญเล็กน้อย
“มัน มันอยู่ในที่ลับ”
เขาแค่นเสียงเฮอะออกมาแล้วพูดว่า “ฉันไม่เคยเห็นมั้ง” ถ้านับเวลาที่เธอหนีจากเขาไปด้วย รวมกันแล้วก็น่าจะห้าหกปีแล้วกระมังที่ทั้งสองใช้ชีวิตร่วมกันมา แล้วจะมาอายอะไรตอนนี้ ลีลาจริง ๆ
“บอกให้หลับก็หลับเถอะน่า” ร่างนี้เคยเปลือยกายต่อหน้าสามีแล้วก็ช่าง แต่เธอยังไม่เคยนี่นา มันก็ต้องอายเป็นธรรมดาไม่ใช่หรือ
แก่นคูณทำหน้าเบื่อหน่ายกับภรรยาจอมเรื่องมาก แต่ก็ยอมหลับตาเพราะความรำคาญ ละอองหันหน้าเข้าฝาผนังบ้านเลิกชายเสื้อขึ้นแล้วล้วงเงินออกจากร่องอกอวบพลางคิดในใจ ดูสิแคนตาลูปลูกใหญ่นวลเนียนขนาดนี้จะให้เขาเห็นได้อย่างไร จะว่าไปแล้วได้เป็นเจ้าของร่างนี้ก็ดีไปอย่าง รูปร่างสะโอดสะอง ทรวดทรงสวยงามไร้ที่ติ ไม่ถือว่าอ้วนหรือผอมเกินไป ที่สำคัญหน้าอกหน้าใจก็มีมากจนล้น ถึงหน้าตาจะงามแบบบ้าน ๆ ก็ถือว่างามพอดิบพอดี และสิ่งที่เธอพอใจมากที่สุดก็คือ ร่างนี้เพิ่งจะอายุยี่สิบห้าปีเท่านั้น
“ลืมตาได้แล้ว” พูดพร้อมกับยื่นเงินหนึ่งพันบาทคืนให้เขา
แก่นคูณตกตะลึงอยู่บ้างที่ภรรยายอมคืนเงินให้โดยง่าย เพราะปกติถ้าเงินไปอยู่ในมือเธอแล้วย่อมไม่เคยได้คืน
“อาบน้ำก่อนดีไหม” เนื้อตัวลูกชายค่อนข้างมอมแมมกว่าทุกวัน เสื้อและกางเกงยังเปื้อนดินโคลนดูท่าถนนหนทางน่าจะลื่นจริง ๆ น้อยจึงรู้สึกเป็นห่วง เกรงว่าเขาจะเหนียวเหนอะหนะตามตัวแล้วกินข้าวไม่อร่อย“ไม่เป็นไรครับแม่” เขาเองก็ไม่อยากให้ลูกกับแม่รอกินข้าวนาน จึงพูดออกไปเช่นนั้น“งั้นล้างมือล้างเท้าก่อน”“ครับ”ละอองลุกไปยกถาดอาหารมาอย่างรู้หน้าที่ ภาคภูมิกับพอใจเดินไปช่วยแม่หิ้วกระติบข้าวเหนียว ทุกคนนั่งล้อมวงกันบนเสื่อกก และเริ่มลงมือกินอาหาร“แม่ตำน้ำพริกปลาอะไรเหรอครับ อร่อยดี” แก่นคูณถามแม่ วันนี้ฝีมือการทำอาหารของแม่อร่อยขึ้นอย่างเห็นได้ชัด“แม่ไม่ได้ทำ”“เหรอครับ” แก่นคูณอึ้งไปครู่หนึ่ง งั้นก็คงเป็นใครไปไม่ได้นอกจากละออง ปกติเธอไม่กินปลาเขาจึงไม่รู้ว่าเธอจะทำน้ำพริกอร่อย“วันนี้แม่ไม่ได้เข้าครัว” เป็นครั้งแรกที่ลูกสะใภ้ทำเองหมดทุกอย่างเหมือนกันคราแรกน้อยคิดว่าลูกชายแสร้งพูดเธอจึงลองกินดู แต่มันกลับอร่อยอย่างที่เขาว่าจริง ๆ เธอจึงนั่งกินข้าวอย่างเดียวโดยไม่พูดอะไร จากไปเป็นปี เพิ่งรู้ว่าลูกสะใภ้ไปฝึกทำอาหารมาด้วย ก็ดียังรู้จักปรับตัวละอองก็กินทุกอย่างที่ตนเองทำเช่นกัน รวมถึงป้อนข้าวลูกกั
ละอองเดินไปยังลำธารที่มีน้ำใสไหลลงมาจากภูเขา ชาวบ้านเรียกภูเขาลูกนี้ว่าภูโน ซึ่งเป็นภูเขาที่สามีของเธอเข้าไปหาของป่าตอนนี้เธอใช้ถังตักน้ำเพื่อไปนั่งซักผ้าในร่ม ซักเสร็จล้างให้สะอาดแล้วจึงถือตะกร้าผ้ากลับไปตากที่บ้าน หลังจากตากผ้าเสร็จจึงไปตักน้ำในลำธารมาใส่โอ่งไว้สำหรับอาบและล้างสิ่งของ ไม่ลืมที่จะนำมีดมาด้วย ละอองเห็นบอนขึ้นอยู่ข้างริมธารเธอรู้ว่ามันเป็นบอนหวานจึงตัดกลับไปด้วย เสร็จจากตักน้ำใช้ก็ไปตักน้ำดื่มข้าง ๆ บ้านยายเมี้ยน ซึ่งเป็นเพื่อนบ้านที่อยู่ถัดกันไป และบ่อน้ำดื่มแห่งนี้คนในหมู่บ้านก็ใช้ร่วมกัน ทั้งหมู่บ้านจะมีบ่อน้ำดื่มอยู่สามบ่อ และบ่อนี้ก็อยู่ใกล้บ้านเธอตักน้ำดื่มเสร็จละอองจึงแหงนหน้ามองท้องฟ้า ดวงตะวันคล้อยต่ำลงมากแล้ว น่าจะใกล้ห้าโมงเย็นแล้วกระมัง ตอนทำความสะอาดครัวเธอเห็นฟืนอยู่บนบ้านไม่กี่ดุ้นเท่านั้น พอมองเข้าไปใต้ถุนบ้านก็ไม่มีฟืนเหลืออยู่แล้ว ละอองจึงตัดสินใจผ่าฟืนก่อนจะไปนึ่งข้าวมือเรียวยาวลากฟืนท่อนยาวท่อนหนึ่งที่สามีแบกลงมาจากภูเขา จากนั้นจึงใช้มีดอีโต้หั่นครึ่งให้สั้นลงอีก ก่อนจะนั่งลงบั่นฟืนท่อนใหญ่ให้ได้อีกท่อนละสามดุ้น ขณะที่บั่นฟืนอยู่นั้นล
แก่นคูณเดินออกจากห้องนอนด้วยความรู้สึกสับสนเล็กน้อย วันนี้เขาได้พูดทุกอย่างที่เขาอยากพูดออกไปทั้งหมดแล้ว แต่เหตุใดเขาถึงไม่รู้สึกโล่งใจเลยสักนิด ละอองเองก็ดูแปลกไปอย่างน่าประหลาด ปกติถ้าทั้งสองมีปากเสียงกัน เขาผู้เป็นสามีไม่เคยได้อ้าปาก เพราะละอองจะถลึงตาเถียงฉอด ๆ จนคอเป็นเอ็น ไม่มีทางที่เขาจะได้พูดเกินสามคำ และทุกครั้งเธอต้องทำลายข้าวของในบ้านจนพังย่อยยับไปข้างหนึ่ง แต่ครั้งนี้ละอองกลับรับฟังอย่างสงบ ไม่มีตอนไหนที่เธอขึ้นเสียงกับเขาเลยคนนี้ใช่ละอองจริง ๆ หรือแก่นคูณเดินไปไกลแล้ว แต่ก็ยังหยุดคิดเรื่องพฤติกรรมอันสงบเสงี่ยมของภรรยาไม่ได้ หลังจากสามีขึ้นเขาไปแล้ว ละอองมองสำรวจไปทั่วห้อง ข้าวของวางระเกะระกะตามประสาคุณพ่อเลี้ยงเดี่ยวที่ต้องทำงานทุกอย่างเพื่อครอบครัว คงไม่มีเวลาเก็บกวาดห้องเท่าไรนัก ละอองส่ายศีรษะน้อย ๆ เอาเถอะ! ขอนอนพักเอาแรงสักงีบก่อน แล้วค่อยตื่นขึ้นมาทำงาน เพราะตอนนี้รู้สึกปวดหัวเหลือเกิน ใครจะคาดคิดว่าจะได้เกิดใหม่เร็วปานนี้ มิหนำซ้ำยังต้องมารับกรรมที่ตนไม่ได้ก่อ แต่คิดในแง่ดีเข้าไว้ อย่างไรร่างนี้ก็ไม่เจ็บป่วยเหมือนในชาติก่อน เธอยังกินข้าวอร
แก่นคูณรับเงินมาแล้วจึงตัดสินใจพูดคำที่คิดว่าไตร่ตรองมาดีแล้วออกไป “วันจันทร์เราจะไปหย่ากัน” วันนี้วันศุกร์ อีกทั้งละอองยังบาดเจ็บ ให้เธอได้พักผ่อนสองวันจากนั้นค่อยไปจัดการเรื่องหย่าให้เรียบร้อยละอองทำปากเอ่ออ่าจะพูดอยู่หลายคราเพราะไม่รู้จะพูดคำใดออกไป ไม่คิดว่าจะได้ยินคำนี้จากปากสามี สามีแค่วันเดียวอีกต่างหาก ก่อนหน้านี้เขาไม่เคยพูดคำนี้เลยนี่นา แล้วทำไมความซวยถึงได้มาตกอยู่ที่เธอเล่า“ฉัน…” คิดจะพูดต่อแต่เขาก็พูดแทรกขึ้นมาก่อน“ฉันทนเธอไม่ไหวอีกต่อไปแล้ว เธอเห็นฉันเป็นตัวอะไร อยากมาก็มา อยากไปตอนไหนก็ไป เธอไม่สงสารลูกบ้างเหรอ” แก่นคูณยังพูดเสียงราบเรียบและควบคุมโทนเสียงให้สงบเพราะเกรงว่าลูกกับแม่จะได้ยิน “อีกอย่างเธอเคยเห็นหัวแม่ฉันบ้างไหม เธอเห็นแม่เป็นอะไร ไปไม่เคยลามาไม่เคยไหว้ ฉันเป็นลูกแท้ ๆ ฉันยังไม่กล้าทำเหมือนเธอเลย” ไม่เห็นหัวเขาเขาไม่ว่า แต่นี่ทุกครั้งที่ลูกสะใภ้หนีไปและกลับมาบ้าน แม่ของเขาไม่เคยบ่นเคยว่าลูกสะใภ้สักคำ มีครั้งนี้ซึ่งเป็นครั้งที่สี่แล้วที่เธอทำเช่นนี้ และเป็นครั้งที่เธอจากไปนานที่สุด แม่ของเขาก็เลยทนไม่ได้จึงได้ว่ากล่าวลูกสะใภ้ออกไปทุกครั้งที่ละอองหนีไป เข
ละอองใช้มือเปิบข้าวเหนียว แล้วจิ้มลาบกระต่ายเข้าปาก หยิบผักกาดนกเขาลวกม้วนแล้วส่งเข้าปากตาม คำที่สองก็กินอีก ครั้งนี้เด็ดยอดผักแว่นอวบสดม้วนให้เรียบร้อยแล้วส่งเข้าปากเช่นกัน โอย! ไม่เคยกินลาบกระต่ายป่าที่อร่อยเท่านี้มาก่อนเลย จากนั้นสายตามองไปยังกบทอดเกลือตัวใหญ่ กบภูเขาเธอก็ไม่เคยกินเหมือนกัน เคยกินแต่กบตามทุ่งนาและตามร้านขายอาหารป่าเท่านั้น วันนี้กบภูเขาทอดสีเหลืองน่ากินจริง ๆ ละอองหยิบต้นขาของกบขึ้นมาฉีกเนื้อแปะลงบนคำข้าวเหนียวของตน แล้วจิ้มน้ำจิ้มแจ่วในถ้วยเล็ก สองมือประคองคำข้าวเข้าปากอย่างทะนุถนอมแล้วเคี้ยวตุ้ย ๆ ความนัวของปลาร้าในน้ำจิ้มบวกกับความเผ็ดนิดเปรี้ยวหน่อยของน้ำมะขามเปียก ทำให้ละอองกินกบทอดอย่างเอร็ดอร่อย สีหน้าของเธอดูมีความสุขเป็นอย่างยิ่ง อาหารแบบนี้คิดถึงโลกเดิมที่จากมาสุด ๆแก่นคูณกับน้อยนั่งมองละอองตาค้าง ก่อนหน้าละอองไม่เคยกินอาหารพวกนี้มาก่อน ถ้าทำอาหารอย่างหนึ่งเธอจะกินอีกอย่าง มีปลาจะกินไข่ ไม่กินผักตามท้องไร่ท้องนา ไม่กินกบเขียด ไม่กินปลาสดนอกจากปลาตากแห้งและต้องเป็นปลาขาวอย่างเดียว และไม่กินของป่าทุกชนิดนอกจากเห็ดป่าเท่านั้น อีกอย่างเธอไม่กินปล
คืนนั้นหลังจากแก่นคูณป้อนยาภรรยาเสร็จจึงอุ้มเธอขึ้นไปนอนในห้องด้วยกัน เพราะบ้านหลังนี้มีเพียงสองห้องนอน คือห้องของเขากับห้องของแม่เท่านั้น ซึ่งลูกทั้งสองจะนอนกับแม่อยู่แล้ว เขาให้ภรรยานอนด้านใน ส่วนเขานอนด้านนอก แก่นคูณนั่งมองภรรยาพลางถอนหายใจเฮือกใหญ่ ก่อนดับตะเกียงเจ้าพายุ แล้วล้มศีรษะลงนอน กายขยับออกห่างจากภรรยามากกว่าที่เคยเป็น วันต่อมาแก่นคูณตื่นแต่เช้าเพื่อมานึ่งข้าวแทนผู้เป็นแม่ เกือบปีมาแล้วที่แม่มีอาการปวดเข่าปวดขา ต้องคอยซื้อยามากินอยู่เสมอ เหตุผลที่แม่ยังไม่หายขาดก็เพราะเขาไม่มีเงินซื้อยามาให้แม่กินอย่างต่อเนื่อง ทำให้แม่เดินเหินไม่ค่อยสะดวก และเดินไปไหนไกล ๆ ไม่ค่อยได้ แต่แค่เลี้ยงหลานอยู่บ้านสองคนแม่ก็เหนื่อยมากแล้ว ตะวันเริ่มสาดแสงออกมาจากปลายเขาลูกใหญ่ ภาคภูมิกับพอใจจึงเดินออกไปหาพ่อที่อยู่ในครัว ซึ่งเป็นพื้นที่ค่อนข้างโล่งติดกับลานอเนกประสงค์ที่ใช้สำหรับนั่งเล่น กินข้าว และรับแขกไปในตัว ด้านหน้าเป็นชานบ้านและมีบันไดสำหรับขึ้นลง “พ่อครับ แม่ฟื้นหรือยังครับ” ภาคภูมิถามพ่อ “ยัง” “ผมไปหาแม่นะครับ”







