Masukแก่นคูณรับเงินมาแล้วจึงตัดสินใจพูดคำที่คิดว่าไตร่ตรองมาดีแล้วออกไป “วันจันทร์เราจะไปหย่ากัน” วันนี้วันศุกร์ อีกทั้งละอองยังบาดเจ็บ ให้เธอได้พักผ่อนสองวันจากนั้นค่อยไปจัดการเรื่องหย่าให้เรียบร้อย
ละอองทำปากเอ่ออ่าจะพูดอยู่หลายคราเพราะไม่รู้จะพูดคำใดออกไป ไม่คิดว่าจะได้ยินคำนี้จากปากสามี สามีแค่วันเดียวอีกต่างหาก ก่อนหน้านี้เขาไม่เคยพูดคำนี้เลยนี่นา แล้วทำไมความซวยถึงได้มาตกอยู่ที่เธอเล่า
“ฉัน…” คิดจะพูดต่อแต่เขาก็พูดแทรกขึ้นมาก่อน
“ฉันทนเธอไม่ไหวอีกต่อไปแล้ว เธอเห็นฉันเป็นตัวอะไร อยากมาก็มา อยากไปตอนไหนก็ไป เธอไม่สงสารลูกบ้างเหรอ” แก่นคูณยังพูดเสียงราบเรียบและควบคุมโทนเสียงให้สงบเพราะเกรงว่าลูกกับแม่จะได้ยิน “อีกอย่างเธอเคยเห็นหัวแม่ฉันบ้างไหม เธอเห็นแม่เป็นอะไร ไปไม่เคยลามาไม่เคยไหว้ ฉันเป็นลูกแท้ ๆ ฉันยังไม่กล้าทำเหมือนเธอเลย” ไม่เห็นหัวเขาเขาไม่ว่า แต่นี่ทุกครั้งที่ลูกสะใภ้หนีไปและกลับมาบ้าน แม่ของเขาไม่เคยบ่นเคยว่าลูกสะใภ้สักคำ มีครั้งนี้ซึ่งเป็นครั้งที่สี่แล้วที่เธอทำเช่นนี้ และเป็นครั้งที่เธอจากไปนานที่สุด แม่ของเขาก็เลยทนไม่ได้จึงได้ว่ากล่าวลูกสะใภ้ออกไป
ทุกครั้งที่ละอองหนีไป เขากับแม่ต้องคอยโกหกลูกทั้งสองว่าแม่ไปทำงานเพื่อส่งเงินมาให้ลูกซื้อขนม ลูกทั้งสองก็เชื่อและรอแม่กลับมาเสมอ แต่ไม่มีแม้สักเดือนที่ละอองจะส่งเงินมาให้ลูก แถมยังกลับมาตายรังทุกครั้ง แต่ครั้งนี้เขาจะไม่ยอมใจอ่อนเป็นอันขาด เธออยากไปไหนก็ตามสบายเลย
แก่นคูณสูดลมหายใจเข้าลึกแล้วกล่าวต่อ “หลังจากหย่ากันแล้วเธออยากไปไหนก็ไป ส่วนลูกฉันกับแม่จะดูแลเอง” ที่ผ่านมาก็เป็นเช่นนั้นอยู่แล้ว เพราะละอองไป ๆ มา ๆ จนลูกติดพ่อกับย่ามากกว่าแม่แท้ ๆ ของพวกเขาเสียอีก
ละอองรู้ดีว่าเจ้าของร่างเดิมทำความผิดไว้มากจนไม่น่าให้อภัย ขนาดเมื่อวานยังแอบขโมยเงินสามีไปเล่นไพ่ หากเขาไม่กลับมาเจอเสียก่อน เงินที่เขามีอยู่ทั้งหมดเพื่อดูแลครอบครัวก็คงไม่เหลือ
“ทำไมต้องหย่ากันด้วย” ละอองถามเสียงอ่อย แต่เรื่องลูกเธอก็ยอมรับว่าส่วนใหญ่เป็นแม่สามีกับสามีเลี้ยงมาจริง ๆ
“เพราะเธอเกลียดความจนไม่ใช่เหรอ เธอเกลียดความลำบาก เกลียดบ้านนอก ถึงเธออยู่ต่อไปเธอก็อยู่ไม่ได้หรอก สู้หย่ากันแล้วต่างคนต่างไปไม่ดีกว่าเหรอ”
ใช่ ก่อนหน้านี้ ทุกครั้งที่ทะเลาะกันละอองย่อมพูดกับเขาเช่นนั้น เอาเถอะ! ผู้ชายคนนี้คงเจ็บมามากจริง ๆ เธอเป็นฝ่ายยอมจำนนเองก็ได้ “ได้ ฉันจะหย่ากับพี่” แก่นคูณจ้องหน้าภรรยาราวกับไม่อยากเชื่อ ทำไมมันง่ายอย่างนี้นะ ละอองพูดต่อว่า “แต่หลังจากหย่ากับพี่แล้วฉันขออยู่ที่นี่ก่อนได้ไหม ฉัน…” เธออ้ำอึ้งเล็กน้อย “ฉันยังไม่มีที่ไป” จะให้เธอไปอยู่ที่ไหน ในเมื่อละอองคนก่อนกลับมาเพื่อขอคืนดีกับสามี เพราะเธอไม่มีที่ไปแล้ว หรือไปแล้วก็ไปไม่รอด ทั้งเนื้อทั้งตัวตอนนี้มีเงินเพียงร้อยเดียวเท่านั้น
แก่นคูณมองดวงตาเศร้าสร้อยของภรรยาแล้วเบือนหน้าหนี ไม่รู้ว่าผู้หญิงคนนี้จะมาไม้ไหนอีก หลายอึดใจต่อมาจึงพูดออก “ได้ แต่เมื่อไรที่ฉันมีเมียใหม่ เธอต้องรีบเก็บข้าวของออกไปทันที” พูดออกไปทั้งที่ไม่เคยคิดจะมีใครอีกแล้ว แต่ในเมื่ออยากให้เธอออกไปจากชีวิตโดยเร็วก็ต้องพูดออกไปแบบนั้น
ละอองตกใจอยู่บ้างจึงรีบถาม “ใกล้หรือยัง” แย่แล้ว! แล้วเธอจะไปอยู่ที่ไหนในเวลากระชั้นชิดเช่นนี้ มองไปทางไหนก็ไม่สนิทกับใครเลย คนที่สนิทเจ้าของร่างนี้ก็มีแต่พวกเล่นไพ่ด้วยกันทั้งนั้น สำคัญกว่านั้นคือเธอไม่มีเงิน ที่หนีจากเขาไปเธอก็ไปหาเงินจริง ๆ แต่เพราะติดการพนันและใช้เงินเกินตัว เธอจึงไม่เหลือเก็บ
“ไม่รู้ บอกไม่ได้ อาจจะภายในปีนี้” เขากล่าวออกเสียงอ้อมแอ้ม
ละอองจึงข่มใจพูดออกไป “ได้ ฉันจะรีบหาที่อยู่ใหม่ให้เร็วที่สุด พี่จะได้อยู่กับเมียใหม่อย่างสบายใจ” คำที่พูดออกน้ำเสียงไม่เจือความประชดประชันเลยสักนิด ละอองคิดต่อ เดือนนี้ก็เดือนพฤษภาคมแล้ว แต่ก็คงน่าจะพอมีเวลาได้ตั้งตัวบ้าง “พี่มีคนในใจแล้วเหรอ”
แก่นคูณมองเข้าไปดวงตาที่ทอประกายวาววามฉ่ำน้ำคู่นั้น คล้ายกับคนตรงหน้ากำลังมีน้ำตาเอ่อคลอ “ทำไม หึงเหรอ?” เขาถามออกไปคล้ายกับสะใจเล็กน้อย หารู้ไม่ว่าน้ำตาที่รื้นขึ้นมานั้นหาใช่ความหึงหวงไม่
“เปล่า ฉันจะได้เตรียมตัวได้ทัน” ที่น้ำตาเธอคลอเบ้าเพราะเธอยังหาที่ไปไม่ได้ต่างหาก ชาติที่แล้วต้องระหกระเหินสู้ชีวิตเพียงลำพัง ชาตินี้ต้องเป็นเช่นนั้นอีกแล้วหรือ นี่หรือคือชีวิตใหม่ที่นางฟ้าบอก ไม่เห็นมันจะต่างกันสักนิด
แก่นคูณสะอึกกับคำตอบนั้นเล็กน้อย หรือว่าละอองจะมีคนอื่นแล้ว “แล้วเธอไปอยู่ที่อื่นตั้งนาน ไม่มีผัวใหม่เลยหรือไง”
“ฉัน…”
เขาไม่เปิดโอกาสให้ละอองได้แก้ตัวพูดแทรกขึ้นว่า “ช่างเถอะ มันเรื่องของเธอ ฉันไม่อยากรู้หรอก ถ้าจะอยู่ที่นี่ต่อก็ขอให้ต่างคนต่างอยู่ ห้ามก้าวก่ายเรื่องส่วนตัวของกันและกัน” เขาเว้นวรรคครู่หนึ่ง “เข้าใจไหม”
“เข้าใจ แล้วพี่จะให้ฉันนอนไหน”
“ก็นอนในห้องนี้แหละ ฉันไม่ทำอะไรเธอหรอก” แค่คิดก็ขยะแขยงแล้ว ละอองหนีไปสี่ครั้ง เขาจะเชื่อใจได้อย่างไรว่าเธอไม่เคยยุ่งเกี่ยวกับผู้ชายคนอื่นเลย ก่อนเดินออกไปจากห้องยังหันมาสั่งอีกว่า “อยู่บ้านก็รู้จักทำงานเสียบ้าง แม่ไม่ค่อยสบาย เดินมากไม่ได้”
“พี่จะไปไหน”
“ขึ้นเขาหาของป่าสิ ฉันไม่ใช่คนว่างงานอย่างเธอนี่”
จริงด้วย ครอบครัวนี้ไม่มีที่นา มีเพียงพื้นที่ปลูกบ้านเพียงหนึ่งงานเท่านั้น อาชีพหลักของสามีก็คือหาของป่าไปขาย เขาจึงต้องเข้าป่าทุกวัน
“อาบน้ำก่อนดีไหม” เนื้อตัวลูกชายค่อนข้างมอมแมมกว่าทุกวัน เสื้อและกางเกงยังเปื้อนดินโคลนดูท่าถนนหนทางน่าจะลื่นจริง ๆ น้อยจึงรู้สึกเป็นห่วง เกรงว่าเขาจะเหนียวเหนอะหนะตามตัวแล้วกินข้าวไม่อร่อย“ไม่เป็นไรครับแม่” เขาเองก็ไม่อยากให้ลูกกับแม่รอกินข้าวนาน จึงพูดออกไปเช่นนั้น“งั้นล้างมือล้างเท้าก่อน”“ครับ”ละอองลุกไปยกถาดอาหารมาอย่างรู้หน้าที่ ภาคภูมิกับพอใจเดินไปช่วยแม่หิ้วกระติบข้าวเหนียว ทุกคนนั่งล้อมวงกันบนเสื่อกก และเริ่มลงมือกินอาหาร“แม่ตำน้ำพริกปลาอะไรเหรอครับ อร่อยดี” แก่นคูณถามแม่ วันนี้ฝีมือการทำอาหารของแม่อร่อยขึ้นอย่างเห็นได้ชัด“แม่ไม่ได้ทำ”“เหรอครับ” แก่นคูณอึ้งไปครู่หนึ่ง งั้นก็คงเป็นใครไปไม่ได้นอกจากละออง ปกติเธอไม่กินปลาเขาจึงไม่รู้ว่าเธอจะทำน้ำพริกอร่อย“วันนี้แม่ไม่ได้เข้าครัว” เป็นครั้งแรกที่ลูกสะใภ้ทำเองหมดทุกอย่างเหมือนกันคราแรกน้อยคิดว่าลูกชายแสร้งพูดเธอจึงลองกินดู แต่มันกลับอร่อยอย่างที่เขาว่าจริง ๆ เธอจึงนั่งกินข้าวอย่างเดียวโดยไม่พูดอะไร จากไปเป็นปี เพิ่งรู้ว่าลูกสะใภ้ไปฝึกทำอาหารมาด้วย ก็ดียังรู้จักปรับตัวละอองก็กินทุกอย่างที่ตนเองทำเช่นกัน รวมถึงป้อนข้าวลูกกั
ละอองเดินไปยังลำธารที่มีน้ำใสไหลลงมาจากภูเขา ชาวบ้านเรียกภูเขาลูกนี้ว่าภูโน ซึ่งเป็นภูเขาที่สามีของเธอเข้าไปหาของป่าตอนนี้เธอใช้ถังตักน้ำเพื่อไปนั่งซักผ้าในร่ม ซักเสร็จล้างให้สะอาดแล้วจึงถือตะกร้าผ้ากลับไปตากที่บ้าน หลังจากตากผ้าเสร็จจึงไปตักน้ำในลำธารมาใส่โอ่งไว้สำหรับอาบและล้างสิ่งของ ไม่ลืมที่จะนำมีดมาด้วย ละอองเห็นบอนขึ้นอยู่ข้างริมธารเธอรู้ว่ามันเป็นบอนหวานจึงตัดกลับไปด้วย เสร็จจากตักน้ำใช้ก็ไปตักน้ำดื่มข้าง ๆ บ้านยายเมี้ยน ซึ่งเป็นเพื่อนบ้านที่อยู่ถัดกันไป และบ่อน้ำดื่มแห่งนี้คนในหมู่บ้านก็ใช้ร่วมกัน ทั้งหมู่บ้านจะมีบ่อน้ำดื่มอยู่สามบ่อ และบ่อนี้ก็อยู่ใกล้บ้านเธอตักน้ำดื่มเสร็จละอองจึงแหงนหน้ามองท้องฟ้า ดวงตะวันคล้อยต่ำลงมากแล้ว น่าจะใกล้ห้าโมงเย็นแล้วกระมัง ตอนทำความสะอาดครัวเธอเห็นฟืนอยู่บนบ้านไม่กี่ดุ้นเท่านั้น พอมองเข้าไปใต้ถุนบ้านก็ไม่มีฟืนเหลืออยู่แล้ว ละอองจึงตัดสินใจผ่าฟืนก่อนจะไปนึ่งข้าวมือเรียวยาวลากฟืนท่อนยาวท่อนหนึ่งที่สามีแบกลงมาจากภูเขา จากนั้นจึงใช้มีดอีโต้หั่นครึ่งให้สั้นลงอีก ก่อนจะนั่งลงบั่นฟืนท่อนใหญ่ให้ได้อีกท่อนละสามดุ้น ขณะที่บั่นฟืนอยู่นั้นล
แก่นคูณเดินออกจากห้องนอนด้วยความรู้สึกสับสนเล็กน้อย วันนี้เขาได้พูดทุกอย่างที่เขาอยากพูดออกไปทั้งหมดแล้ว แต่เหตุใดเขาถึงไม่รู้สึกโล่งใจเลยสักนิด ละอองเองก็ดูแปลกไปอย่างน่าประหลาด ปกติถ้าทั้งสองมีปากเสียงกัน เขาผู้เป็นสามีไม่เคยได้อ้าปาก เพราะละอองจะถลึงตาเถียงฉอด ๆ จนคอเป็นเอ็น ไม่มีทางที่เขาจะได้พูดเกินสามคำ และทุกครั้งเธอต้องทำลายข้าวของในบ้านจนพังย่อยยับไปข้างหนึ่ง แต่ครั้งนี้ละอองกลับรับฟังอย่างสงบ ไม่มีตอนไหนที่เธอขึ้นเสียงกับเขาเลยคนนี้ใช่ละอองจริง ๆ หรือแก่นคูณเดินไปไกลแล้ว แต่ก็ยังหยุดคิดเรื่องพฤติกรรมอันสงบเสงี่ยมของภรรยาไม่ได้ หลังจากสามีขึ้นเขาไปแล้ว ละอองมองสำรวจไปทั่วห้อง ข้าวของวางระเกะระกะตามประสาคุณพ่อเลี้ยงเดี่ยวที่ต้องทำงานทุกอย่างเพื่อครอบครัว คงไม่มีเวลาเก็บกวาดห้องเท่าไรนัก ละอองส่ายศีรษะน้อย ๆ เอาเถอะ! ขอนอนพักเอาแรงสักงีบก่อน แล้วค่อยตื่นขึ้นมาทำงาน เพราะตอนนี้รู้สึกปวดหัวเหลือเกิน ใครจะคาดคิดว่าจะได้เกิดใหม่เร็วปานนี้ มิหนำซ้ำยังต้องมารับกรรมที่ตนไม่ได้ก่อ แต่คิดในแง่ดีเข้าไว้ อย่างไรร่างนี้ก็ไม่เจ็บป่วยเหมือนในชาติก่อน เธอยังกินข้าวอร
แก่นคูณรับเงินมาแล้วจึงตัดสินใจพูดคำที่คิดว่าไตร่ตรองมาดีแล้วออกไป “วันจันทร์เราจะไปหย่ากัน” วันนี้วันศุกร์ อีกทั้งละอองยังบาดเจ็บ ให้เธอได้พักผ่อนสองวันจากนั้นค่อยไปจัดการเรื่องหย่าให้เรียบร้อยละอองทำปากเอ่ออ่าจะพูดอยู่หลายคราเพราะไม่รู้จะพูดคำใดออกไป ไม่คิดว่าจะได้ยินคำนี้จากปากสามี สามีแค่วันเดียวอีกต่างหาก ก่อนหน้านี้เขาไม่เคยพูดคำนี้เลยนี่นา แล้วทำไมความซวยถึงได้มาตกอยู่ที่เธอเล่า“ฉัน…” คิดจะพูดต่อแต่เขาก็พูดแทรกขึ้นมาก่อน“ฉันทนเธอไม่ไหวอีกต่อไปแล้ว เธอเห็นฉันเป็นตัวอะไร อยากมาก็มา อยากไปตอนไหนก็ไป เธอไม่สงสารลูกบ้างเหรอ” แก่นคูณยังพูดเสียงราบเรียบและควบคุมโทนเสียงให้สงบเพราะเกรงว่าลูกกับแม่จะได้ยิน “อีกอย่างเธอเคยเห็นหัวแม่ฉันบ้างไหม เธอเห็นแม่เป็นอะไร ไปไม่เคยลามาไม่เคยไหว้ ฉันเป็นลูกแท้ ๆ ฉันยังไม่กล้าทำเหมือนเธอเลย” ไม่เห็นหัวเขาเขาไม่ว่า แต่นี่ทุกครั้งที่ลูกสะใภ้หนีไปและกลับมาบ้าน แม่ของเขาไม่เคยบ่นเคยว่าลูกสะใภ้สักคำ มีครั้งนี้ซึ่งเป็นครั้งที่สี่แล้วที่เธอทำเช่นนี้ และเป็นครั้งที่เธอจากไปนานที่สุด แม่ของเขาก็เลยทนไม่ได้จึงได้ว่ากล่าวลูกสะใภ้ออกไปทุกครั้งที่ละอองหนีไป เข
ละอองใช้มือเปิบข้าวเหนียว แล้วจิ้มลาบกระต่ายเข้าปาก หยิบผักกาดนกเขาลวกม้วนแล้วส่งเข้าปากตาม คำที่สองก็กินอีก ครั้งนี้เด็ดยอดผักแว่นอวบสดม้วนให้เรียบร้อยแล้วส่งเข้าปากเช่นกัน โอย! ไม่เคยกินลาบกระต่ายป่าที่อร่อยเท่านี้มาก่อนเลย จากนั้นสายตามองไปยังกบทอดเกลือตัวใหญ่ กบภูเขาเธอก็ไม่เคยกินเหมือนกัน เคยกินแต่กบตามทุ่งนาและตามร้านขายอาหารป่าเท่านั้น วันนี้กบภูเขาทอดสีเหลืองน่ากินจริง ๆ ละอองหยิบต้นขาของกบขึ้นมาฉีกเนื้อแปะลงบนคำข้าวเหนียวของตน แล้วจิ้มน้ำจิ้มแจ่วในถ้วยเล็ก สองมือประคองคำข้าวเข้าปากอย่างทะนุถนอมแล้วเคี้ยวตุ้ย ๆ ความนัวของปลาร้าในน้ำจิ้มบวกกับความเผ็ดนิดเปรี้ยวหน่อยของน้ำมะขามเปียก ทำให้ละอองกินกบทอดอย่างเอร็ดอร่อย สีหน้าของเธอดูมีความสุขเป็นอย่างยิ่ง อาหารแบบนี้คิดถึงโลกเดิมที่จากมาสุด ๆแก่นคูณกับน้อยนั่งมองละอองตาค้าง ก่อนหน้าละอองไม่เคยกินอาหารพวกนี้มาก่อน ถ้าทำอาหารอย่างหนึ่งเธอจะกินอีกอย่าง มีปลาจะกินไข่ ไม่กินผักตามท้องไร่ท้องนา ไม่กินกบเขียด ไม่กินปลาสดนอกจากปลาตากแห้งและต้องเป็นปลาขาวอย่างเดียว และไม่กินของป่าทุกชนิดนอกจากเห็ดป่าเท่านั้น อีกอย่างเธอไม่กินปล
คืนนั้นหลังจากแก่นคูณป้อนยาภรรยาเสร็จจึงอุ้มเธอขึ้นไปนอนในห้องด้วยกัน เพราะบ้านหลังนี้มีเพียงสองห้องนอน คือห้องของเขากับห้องของแม่เท่านั้น ซึ่งลูกทั้งสองจะนอนกับแม่อยู่แล้ว เขาให้ภรรยานอนด้านใน ส่วนเขานอนด้านนอก แก่นคูณนั่งมองภรรยาพลางถอนหายใจเฮือกใหญ่ ก่อนดับตะเกียงเจ้าพายุ แล้วล้มศีรษะลงนอน กายขยับออกห่างจากภรรยามากกว่าที่เคยเป็น วันต่อมาแก่นคูณตื่นแต่เช้าเพื่อมานึ่งข้าวแทนผู้เป็นแม่ เกือบปีมาแล้วที่แม่มีอาการปวดเข่าปวดขา ต้องคอยซื้อยามากินอยู่เสมอ เหตุผลที่แม่ยังไม่หายขาดก็เพราะเขาไม่มีเงินซื้อยามาให้แม่กินอย่างต่อเนื่อง ทำให้แม่เดินเหินไม่ค่อยสะดวก และเดินไปไหนไกล ๆ ไม่ค่อยได้ แต่แค่เลี้ยงหลานอยู่บ้านสองคนแม่ก็เหนื่อยมากแล้ว ตะวันเริ่มสาดแสงออกมาจากปลายเขาลูกใหญ่ ภาคภูมิกับพอใจจึงเดินออกไปหาพ่อที่อยู่ในครัว ซึ่งเป็นพื้นที่ค่อนข้างโล่งติดกับลานอเนกประสงค์ที่ใช้สำหรับนั่งเล่น กินข้าว และรับแขกไปในตัว ด้านหน้าเป็นชานบ้านและมีบันไดสำหรับขึ้นลง “พ่อครับ แม่ฟื้นหรือยังครับ” ภาคภูมิถามพ่อ “ยัง” “ผมไปหาแม่นะครับ”







