ก่อนสติจะดับวูบ นางรับรู้ได้ว่ามีมือหนึ่งมาฉุดรั้งนางขึ้นไป ซูซินเหยียนสำลักน้ำออกมา ก่อนจะค่อยๆลืมตาขึ้น เห็นซูตงหยางและลู่หนิงนั่งอยู่ข้างๆ
" เหยียนเอ๋อ"
" ฮูหยินท่านฟื้นแล้ว"
" พี่ใหญ่ หนิงเอ๋อ "
ซูตงหยางกับลู่หนิงประคองนางขึ้นมา
" ไม่เป็นอะไรแล้วเจ้าปลอดภัยแล้ว มีข้าอยู่ข้าไม่ยอมให้ใครมาทำร้ายเจ้าได้"
นางส่งยิ้มให้พี่ชาย หากเขาไม่บังเอิญผ่านมาแล้วกระโดดลงน้ำลงไปช่วยนาง นางคงจมน้ำตายไปแล้ว คิดถึงโจวเยี่ยนเฉิงที่เลือดเย็นผลักนางตกน้ำ แล้วยังสั่งห้ามบ่าวรับใช้ทุกคนช่วยนาง ทั้งที่รู้ว่านางว่ายน้ำไม่เป็น แต่กลับปล่อยให้นางจมน้ำไม่สนใจ เขาคงอยากให้นางตายไปให้พ้นใช่ไหม เขาจะได้สมหวัง ครองคู่กับถานลี่หลินโดยไม่มีใครว่าอะไร ทั้งยังไม่ผิดสัญญาที่ให้กับบิดามารดาของเขา ว่าจะแต่งงานกับนางให้นางเป็นฮูหยินของเขาคนเดียวไปทั้งชีวิต
ซูตงหยางลูบหัวน้องสาวอย่างอ่อนโยน ก่อนจะหันไปมองโจวเยี่ยนเฉิงกับถานลี่หลินด้วยสายไม่พอใจ หากเขาไม่บังเอิญมาหานางในเวลานี้ ป่านนี้นางอาจจะจมน้ำตายไปแล้วก็ได้ เขาลุกขึ้นเดินปรี่ไปต่อยโจวเยี่ยนเฉิงด้วยความโมโห
" เจ้าเป็นสามีของนาง แต่กลับปล่อยให้นางต้องจมน้ำเพราะสาวใช้คนเดียว หากข้ามาไม่ทันนางก็คง"
โจวเยี่ยนเฉิงเช็ดเลือดที่มุมปากหัวเราะหึหึ
" ใครให้นางผลักหลินเอ๋อตกน้ำหล่ะ ข้าก็แค่ให้นางได้ลิ้มรสชาติเดียวกันดูบ้าง ก็แค่นั้น"
ผลั๊ว ซูตงหยางซัดไปอีกหมัดจนโจวเยี่ยนเฉิงล้มลง ถานลี่หลินรีบเข้าไปประคอง
" ข้าไม่คิดว่าเจ้าจะฟังความข้างเดียวหลงใหลสาวใช้จนไม่สนถูกผิด เจ้าทำแบบนี้คงตั้งใจจะให้น้องสาวข้าตายแล้วจะได้อยู่ครองรักกับนางโดยไม่ต้องมีใครมาขัดขวางสินะ โจวเยี่ยนเฉิงเจ้าลืมไปหรือเปล่าว่ามารดาของข้าเป็นสหายสนิทกับเมิ่งกุ้ยเฟย เหยียนเอ๋อเองก็เป็นที่โปรดปรานเจ้าคิดว่าเรื่องนี้หากเมิ่งกุ้ยเฟยรู้จะปล่อยพวกเจ้าไปง่ายๆรึ โดยเฉพาะตัวต้นเหตุอย่างเจ้า ถานลี่หลิน"
โจวเยี่ยนเฉิงลืมคิดไปว่าซูซินเหยียนเป็นที่โปรดปรานของเมิ่งกุ้ยเฟย หากเกิดอะไรขึ้นกับนาง แล้วเมิ่งกุ้ยเฟยรู้เรื่องจะต้องไม่ปล่อยถานลี่หลินไปแน่ ถานลี่หลินคุกเข่าโขกหัวทั้งน้ำตา
" ข้าผิดไปแล้ว เป็นความผิดของข้าเองฮูหยินไม่ได้เป็นคนผลักข้า แต่ข้าก้าวเท้าพลาดตกลงไปในสระน้ำเอง นายท่านเป็นห่วงข้า เลยรีบกระโดดลงไปช่วย เพราะเป็นห่วงมากไป เลยไม่ได้ไตร่ถามให้ชัดเจน จึงได้ผลักฮูหยินตกน้ำ ฮูหยินข้าขอโทษเจ้าค่ะอภัยให้ข้าด้วย เป็นความผิดข้าเอง "
" ทำไมเจ้าถึงไม่อธิบายตั้งแต่แรก พวกเจ้าก็ด้วย เหตุใดต้องโกหกใส่ร้ายน้องสาวข้า"
สาวใช้สองคนรีบคุกเข่าโขกหัว
" พวกข้าผิดไปแล้ว พวกข้ามองไม่ชัด ตอนนั้นเห็นแค่ข้างหลัง ก็เลย"
" ก็เลยคิดว่านางผลักลี่หลินตกน้ำใช่ไหม ดีบ่าวที่ใส่ร้ายฮูหยินไม่สมควรเลี้ยงเอาไว้ เจ้าว่ายังไงเยี่ยนเฉิง"
" พาพวกนางออกไปขายให้หอนางโลม"
โจวเยี่ยนเฉิงหันไปสั่งสือหลาง
" นายท่านข้าผิดไปแล้ว อย่าขายพวกข้าเลย "
" ข้าสำนึกผิดแล้วต่อไปไม่กล้าแล้ว ได้โปรดเถิด ข้าไม่อยากอยู่หอนางโลม ลี่หลินช่วยพูดกับนายท่านที"
" ใช่ลี่หลิน ช่วยพวกข้าด้วย พวกข้าทำไปเพราะช่วยกำจัดฮูหยินให้เจ้านะ"
" ใช่ๆ เจ้าบอกว่าหากไม่มีฮูหยินเจ้าก็จะได้ขึ้นเป็นใหญ่ในจวนนี้แทนนาง"
สาวใช้สองคนเข้าไปดึงแขนถานลี่หลินให้ช่วย ถานลี่หลินสะบัดออก
" พวกเจ้าพูดอะไรกันข้าไม่รู้เรื่อง ข้าไม่เคยพูดอะไรแบบนั้น อย่ามาใส่ร้ายข้า นายท่านท่านต้องเชื่อข้านะ"
" ลากตัวพวกนางออกไป"
" ไม่ ฮูหยินช่วยข้าด้วย ข้าสำนึกผิดแล้วข้าไม่กล้าอีกแล้ว"
" ฮูหยินข้าแค่อยากประจบลี่หลินเพราะเห็นว่านางเป็นคนโปรดของนายท่าน ข้ารู้แล้วว่าผิด ขอร้องช่วยข้าด้วย ต่อไปข้ายินดีจะรับใช้ท่าน ถึงต้องบุกน้ำลุยไฟก็ยอม ได้โปรดช่วยข้าด้วย"
ซูซินเหยียนมองตามสาวใช้สองคนที่ถูกพาออกไปด้วยสีหน้าเรียบเฉย
" ในเมื่อเป็นเรื่องเข้าใจผิดก็ให้มันจบแค่นี้
สาวใช้สองคนที่ใส่ร้ายเจ้า ข้าก็จัดการส่งพวกนางขายไปหอนางโลมแล้ว เจ้าก็กลับเรือนไปเปลี่ยนเสื้อผ้าเถอะ เดี๋ยวข้าจะให้คนตามหมอไปตรวจดูให้"
" เจ้าคิดว่าเรื่องมันจะจบง่ายๆแบบนี้เหรอไม่มีทาง"
" แล้วเจ้าจะเอายังไง"
" หย่ากับเหยียนเอ๋อซะ ในเมื่อเจ้าไม่ได้รักนาง ดูแลนางไม่ได้ งั้นข้าจะพานางกลับไปดูแลเอง ส่วนเจ้ากับข้า นับตั้งแต่วันนี้มิตรภาพระหว่างเรา ขาดกัน"
ซูตงหยางอุ้มซูซินเหยียนเดินจากไป ถานลี่หลินลอบยิ้มพอใจ แต่พอหันไปมองหน้าโจวเยี่ยนเฉิงเห็นสีหน้าลังเลของเขาก็กำมือแน่น สองปีที่นางไม่อยู่เขาคงไม่ได้มีใจให้ซูซินเหยียนหรอกใช่ไหม เหตุใดถึงได้มองตามนางด้วยสายตาอาลัยอาวรณ์เช่นนั้น
ในห้องของถานลี่หลิน พอหมอออกไปโจวเยี่ยนเฉิงก็ป้อนยาให้นางด้วยตัวเอง สือหลางรีบร้อนเข้ามา
" นายท่านไม่ดีแล้วขอรับ คุณชายตงหยางพาฮูหยินเก็บข้าวของออกไปจากจวนแล้ว"
โจวเยี่ยนเฉิงที่กำลังเป่ายาอยู่หยุดชะงักก่อนจะส่งช้อนยาเข้าปากถานลี่หลิน เห็นโจวเยี่ยนเฉิงไม่สนใจ สือหลางจึงพูดขึ้นมาอีก
" นายท่าน ท่านจะปล่อยฮูหยินไปจริงๆหรือขอรับ"
" นางรักข้ามาหลายปี ไม่มีทางเปลี่ยนใจไปจากข้าหรอก ตอนนี้นางก็แค่งอนนิดหน่อยรอให้ข้าไปง้อนาง ข้าไม่สนใจ เดี๋ยวนางก็กลับมาเองแหละ"
สือหลางส่ายหัว ทำกับนางถึงขนาดนี้ยังคิดว่านางจะกลับมาอีกเหรอ เป็นเขาเขาก็ไม่กลับ แล้วดูท่าทางมั่นหน้านั่นอีก คิดได้ไงว่านางไม่มีวันเปลี่ยนใจ วันนึงนางมีคนใหม่ เขาจะสมน้ำหน้าให้
" นายท่าน เป็นความผิดของข้าเอง ให้ข้าไปขอโทษนางอีกครั้งดีไหม หากนางไม่ยอมกลับมา งั้นข้าก็จะไปจากที่นี่เอง ไม่ทำให้พวกท่านต้องลำบากใจ"
ถานลี่หลินทำท่าจะลงจากเตียง แต่โจวเยี่ยนเฉิงรั้งตัวนางไว้
" ไม่ต้อง ขอโทษครั้งเดียวก็พอแล้ว นางก็นิสัยแบบนี้ ชอบประชดประชัน ชอบเรียกร้องความสนใจจากข้า ไม่ต้องไปสนใจนางหรอก เจ้าพักผ่อนเถอะ"
เขาดันตัวนางนอนลงแล้วห่มผ้าให้ ก่อนจะเดินออกไป
ป๋อเหวินมองดูหน้าซูซินเหยียน เขามีท่าทีครุ่นคิดหนัก ซูซินเหยียนรู้จักเขาดี เขาไม่ชอบความวุ่นวาย ไม่ชอบอยู่ในที่ที่คนมากๆ เขารักสงบ ป่าเขาคือบ้านของเขา" กราบทูลฝ่าบาท หม่อมฉันกับพี่เหวินทรงทราบดีในพระมหากรุณาธิคุณ แต่พี่เหวินไม่ชอบชีวิตวุ่นวายในเมือง เขาเคยชินกับการอยู่ที่บ้านป่า ที่นั่นสงบและดูปลอดภัยสำหรับเขา เรื่องการแก่งแย่งชิงดีในวัง ทุกคนต่างรู้ดี วันนี้เป็นฮองเฮาแต่วันหน้าใครจะรับรองได้ ว่าอาจจะมีสนมคนใดคิดทำร้ายเอาชีวิตเขาอีก ไม่ก็อาจพุ่งเป้ามาที่ลูกของหม่อมฉัน อีกอย่าง พระองค์ก็เห็นว่าเขาหน้าตาเป็นแบบนี้ ถ้าเข้าวังต้องมีคนนินทาหัวเราะเยาะเขา รังเกียจเขา มองเขาด้วยสายตาสมเพช แม้พระองค์จะออกรับสั่งว่าห้ามใครพูดถึงเขาในทางไม่ดี ห้ามล้อเลียนเขา แต่ลับหลังหล่ะ ใครจะรับรองได้ว่าเขาจะไม่ถูกดูหมิ่น ขอพระองค์โปรดเมตตาด้วยเพคะ หม่อมฉันกับพี่เหวินเพียงต้องการใช้ชีวิตที่สงบสุขในบ้านป่า"หย่งเค่อคิดตาม เห็นด้วยกับคำพูดของซูซินเหยียน" ท่านเองก็อยู่ที่นี่เถอะ หากอยากไปหาข้ากับเหยียนเอ๋อก็ไปได้ทุกเมื่อ"ป๋อเหวินบอกกับเมิ่งกุ้ยเฟย นางน้ำตาไหลเข้าไปโอบกอดป๋อเหวินแน่นหลายเดือนผ่านไป ป๋อเหวิน
" แต่องครักษ์เสื้อทอง เป็นองครักษ์ส่วนพระองค์ของฮองเฮา เรื่องนี้"ซูตงหยางไม่กล้าพูดต่อ มองดูหน้าของฮ่องเต้ที่มีสีหน้าเคร่งเครียด หากมีการสอบสวนจริงๆ ต้องกลายเป็นเรื่องใหญ่ เรื่องนี้ดันไปพัวพันกับฮองเฮาอีก เขาพอจะมองเรื่องราวออก ฮองเฮาอิจฉาริษยาเมิ่งกุ้ยเฟยที่เป็นที่โปรดปรานของฮ่องเต้ จึงส่งคนไปลอบสังหาร ตอนที่นางเดินทางไปปินเฉิงและเพื่อให้เนียน จึงต้องทำร้ายฮ่องเต้ด้วยแล้วยังไม่พอ คิดจะกำจัดให้สิ้นซาก กลัวว่าโอรสของเมิ่งกุ้ยเฟยจะมีโอกาสกลับมา แล้วจะแย่งตำแหน่งรัชทายาทกับโอรสของตัวเอง จึงส่งองครักษ์เสื้อทองไปตามหาจนพบ และจัดการสังหารทิ้ง แต่สวรรค์ก็ให้ป๋อเหวินยังมีชีวิตอยู่ แต่กลายเป็นคนอัปลักษณ์ตาบอดข้างนึงเมิ่งกุ้ยเฟยคุกเข่าลงร้องไห้" เจ้าจะทำอะไรลุกขึ้น"" ไม่เพคะฝ่าบาท ขอฝ่าบาททรงเมตตาโปรดคืนความเป็นธรรมให้ข้ากับลูกด้วย องครักษ์เสื้อทองเป็นองครักษ์ของฮองเฮา ไม่มีใครกล้าแตะต้อง ฮองเฮาใช้อำนาจในทางที่ผิด คิดกำจัดหม่อมฉันกับลูก หม่อมฉันคิดว่าเหตุการณ์ลอบสังหารที่ปินเฉิงในครั้งนั้น ก็คงเป็นคำสั่งของฮองเฮา"" เจ้าลุกขึ้นก่อน เรื่องนี้ข้าจะสอบสวนด้วยตัวเอง จะคืนความเป็นธรรมให้เจ้ากับล
" เวลานี้สองคนนั่นอยู่ที่ไหน พวกเขาสบายดีไหม"" พวกเขา จากไปตั้งนานแล้ว"" เจ้าว่าอะไรนะ จากไป หมายความว่าพวกเขา"" พวกเขาจากไป ตั้งแต่ข้าได้เพียงสี่ปีเท่านั้น"เพราะปกป้องเขา บิดามารดาของเขาถึงต้องเอาชีวิตเข้าแลก เขาไม่อยากนึกถึงเหตุการณ์ที่เจ็บปวดแสนสาหัสในครั้งนั้นอีก" เกิดอะไรขึ้น เจ้าเล่าให้ข้าฟังที"" ข้าไม่รู้ว่าพวกท่านจะมาอยากรู้เรื่องของข้าทำไม ต้องขออภัยด้วยที่ข้าไม่อยากเล่าถึงอดีตอีก มันโหดร้ายแสนสาหัสสำหรับข้าข้าไม่อยากพูดถึงมันอีก"" อย่างงั้นเจ้าก็ยิ่งต้องเล่าให้ข้าฟัง"" ฝ่าบาทเพคะ ให้หม่อมฉันพูดกับเขาเอง"" อา อาเหวิน"ป๋อเหวินขมวดคิ้วจ้องมองเมิ่งกุ้ยเฟย ที่เรียกชื่อเขาน้ำตาไหลพราก" คนที่เจ้าเรียกเขาว่าพ่อแม่ พวกเขาเป็นบ่าวรับใช้ข้าเอง"ไม่เพียงป๋อเหวินที่ตกตะลึง แต่ทุกคนก็ตกตะลึงไม่แพ้กัน" เสี่ยวชุ่ยเป็นนางกำนัลคนสนิทของข้า ส่วนป๋อซื่อหานเป็นองครักษ์ของข้า ชื่อเสี่ยวชุ่ยกับป๋อซื่อหาน เป็นชื่อเดิมของพวกเขา แต่ตอนอยู่ในวังข้าเป็นคนตั้งชื่อให้พวกเขาใหม่ว่าชุ่ยเสียกับจ้านเกอ"เมิ่งกุ้ยเฟยมองหน้าหย่งเค่อ หย่งเค่อพยักหน้าให้ นางจึงเริ่มเล่าต่อ"เมื่อ20ปีก่อนข้ากับฝ่าบาทเ
ไม่ใช่แค่บิดามารดานาง แต่ยังมีฮ่องเต้กับเมิ่งกุ้ยเฟยอีก หากมีราชโองการสั่งให้เขาแยกจากนาง หรือใช้อำนาจมาทำให้เขากับนางต้องพลัดพรากกัน คนอย่างเขาจะทำอย่างไรได้ เขารู้ว่านางพูดจริง หากเขาไม่ไปนางก็จะไม่ไปแน่ ถ้าเป็นอย่างงั้นบิดามารดาของนางรวมทั้งเมิ่งกุ้ยเฟย ก็จะตามมาถึงที่นี่ แล้วอาจทำให้ทุกคนในหมู่บ้านเดือดร้อน เพื่อบีบบังคับเขาให้ไปจากนางก็ได้ เขาดูออกว่านางเองก็คิดถึงบิดามารดาของนางเหมือนกัน เขาถอนหายใจเฮือกใหญ่ ดึงนางเข้ามากอด อะไรจะเกิดก็ต้องเกิด หากเขาต้องถูกบีบคับให้แยกจากนางเขาก็คิดเอาไว้แล้วว่าคงมีทางเดียว คือความตายนางจ้องมองหน้าเขา เดาออกว่าเขากำลังคิดอะไรอยู่" ท่านไม่ต้องกังวล แล้วก็ไม่ต้องคิดอะไรเลอะเทอะ ท่านพ่อท่านแม่ข้าพวกท่านเป็นคนใจดีมีเหตุผล พวกท่านเคารพในการตัดสินใจของข้า ชีวิตของข้า ข้ากำหนดเองแม้แต่ฮ่องเต้ก็ไม่มีสิทธิ์มายุ่งเกี่ยว เชื่อใจข้าเถอะ"เดินทางอยู่แรมเดือนในที่สุดก็มาถึงเมืองหลวง รถม้าจอดลงหน้าจวน ทันทีที่ซูตงหยางก้าวลงมา บ่าวรับใช้ที่เฝ้าประตูก็แสดงสีหน้าดีใจ คนหนึ่งรีบวิ่งเข้าไปข้างในอีกคนรีบเปิดประตู ก้าวผ่านประตูได้ไม่กี่ก้าวซูหานกับซูเหม่ยฟางก็รีบ
ตั้งแต่วันนั้นที่กลับมาจากศาลกงผิง ป๋อเหวินก็พานางไปหาหมอ หลังจากตรวจดูก็พบว่านางตั้งครรภ์ได้สองเดือนแล้ว อีกสามวันจะมีการประหารถานลี่หลิน หลังจากนั้นพี่ชายของนางก็จะเดินทางกลับเมืองหลวงเพื่อปิดคดียามโฉ่ว เจ้าหน้าที่สองคนถูกล็อคคอจากด้านหลัง ตามมาด้วยเสียงดังกร๊อบ โจวเยี่ยนเฉิงกับสือหลางลากสองคนเข้าไปมุมหนึ่ง ก่อนจะสวมชุดของเจ้าหน้าที่ออกมา พากันเดินเข้าไปในคุก จุดไฟรมควันสลบ ไม่นานเจ้าหน้าที่สิบคนก็หมดสติ โจวเยี่ยนเฉิงรีบเอากุญแจจากเจ้าหน้าที่ที่นั่งอยู่เก้าอี้ รีบไปไขประตูให้ถานลี่หลิน นางเห็นโจวเยี่ยนเฉิงก็ดีใจ รู้อยู่แล้วว่าเขาจะต้องมาช่วยนางพอประตูเปิดออกนางก็โผเข้ากอดเขา เขาดันตัวนางออก" รีบไป"" เฮ้ เดี๋ยวก่อน ช่วยข้าด้วยสิ นะ ขอร้องหล่ะข้ายินดีเป็นทาสรับใช้ ให้ข้าทำอะไรก็ยอมช่วยข้าออกไปที ข้าไม่อยากถูกประหาร"โจวเยี่ยนเฉิงลังเล ก่อนจะโยนกุญแจให้" เจ้าเปิดออกมาเองเถอะ จะหนีรอดหรือไม่ก็แล้วแต่โชคชะตาของเจ้า"พูดจบก็จูงมือถานลี่หลินวิ่งออกไป แสงแดดเช้าวันใหม่สาดแสงเจิดจ้า โจวเยี่ยนเฉิงบังคับม้าให้หยุดเเล้วลงจากหลังม้า สือหลางที่ขับรถม้าก็บังคับม้าให้หยุดเช่นกัน ถานลี่หลินเ
" บังอาจ เจ้ากล้าลบหลู่พวกข้า เห็นทีว่าต้องจับเจ้าเข้าเครื่องทรมาน เจ้าถึงจะยอมสารภาพ"หม่าซิวหยวนตะคอกเสียงดัง ถานลี่หลินสะดุ้งตกใจ ตราบใดที่นางไม่ยอมรับ พวกเขาก็เอาผิดนางไม่ได้หรอก" จริงหรือเท็จเจ้ารู้ดีแก่ใจ ถุงเงินกับจดหมายนั่นข้าค้นเจอในห้องพักสมุนโจรคนหนึ่ง โชคดีที่แม้ผ่านมาหลายปีก็ยังอยู่ ต้องขอบคุณเจ้าด้วยนะ ที่เป็นคนชอบสะสมของเก่า โดยเฉพาะจดหมายนัดพบและสิ่งของอื่นๆ ทำให้ข้าสาวไปถึงตัวผู้บงการได้อีกหลายคนเลยทีเดียว"ซูตงหยางมองไปที่เซียวหมิง ถานลี่หลินหันควับไปมองด้วยสายตาเคียดแค้น ก็ว่าอยู่ว่าหลักฐานมาจากไหน โง่เขลาที่สุด ทำไมหยางไป๋ถึงได้มีลูกน้องโง่ๆแบบนี้ สะสมอะไรไม่สะสม ดันสะสมหลักฐานไว้ฆ่าตัวเอง" มาถึงขนาดนี้แล้วยอมรับผิดเถอะ ยังไงเจ้าก็หนีไม่พ้น""ยอมรับอะไรข้าไม่ผิด เจ้าอย่ามาใส่ร้ายข้า"" ข้าใส้ร้ายเจ้ารึ เจ้าก็รู้ดีว่าข้าพูดความจริงข้ายังจำได้ว่าพี่ใหญ่ถามเจ้า ว่ามีความแค้นอะไรกับพวกเขาถึงต้องฆ่าทิ้งให้หมดด้วยทั้งที่แค่ปล้นอย่างเดียวก็พอ เจ้าบอกว่าสองคนนั้นดูถูกเหยียดหยามเจ้า เห็นว่าเจ้าเป็นแค่สาวใช้ต่ำต้อย จึงขัดขวางความรักของเจ้ากับบุตรชายของเขา หากพวกเขาตายไปเจ้