(ภาค 1)
บทที่ 5
สามีสองบุคลิก
บางครั้งซีเอลอดคิดไม่ได้ว่าไคล์เดนอาจเป็นคนสองบุคลิกเหมือนในนิยายต้นฉบับ
เวลาปกติ ชายหนุ่มจะทำตัวอบอุ่น และว่าง่าย
ทว่าพอเป็นเรื่องบนเตียง กลับชอบทรมานซีเอลร่ำไป
ประตูห้องนอนปิดลง ไคล์เดนอุ้มซีเอลวางลงบนเตียงกว้าง เมื่อก้าวตามขึ้นมา ร่างสูงกำยำของชายหนุ่มก็ทาบทับร่างบอบบางทันที มือใหญ่ปลดเปลื้องอาภรณ์ออกทีละชิ้น ปากประกบจูบอย่างลึกล้ำ
“อือ...อ...”
ทันทีที่ริมฝีปากงามเผยอเปิดเพราะหายใจตามจังหวะการจูบไม่ทัน ลิ้นร้อนดันพรวดเข้ามาในโพลงปาก ดุนดันกับลิ้นอ่อนนุ่มจนยิ่งร้อนรุ่มดั่งไฟเผา
ซีเอลสั่นเทิ้มขณะแลกลิ้นกับสามี
“ภรรยาน่ารักจัง”
ไคล์เดนยิ้มเจ้าเล่ห์ตอนที่ผละริมฝีปากออก
“ฮ้า...”
ซีเอลรีบสูดหายใจเข้า ร่างบางกระสันซ่าน
ในจังหวะนั้นเอง มือใหญ่ร้อนผ่าวที่กำลังลูบเรือนร่างงดงามเนียนละเอียดเคลื่อนลงมาบดคลึงยอดอกที่แข็งชัน พร้อมกับปลายลิ้นร้อนดุดดันไปมา
“อ๊ะ...อ๊า!”
หน้าอกถูกเล้าโลมอย่างมีชั้นเชิง เสียวซ่านเสียจนทำให้ซีเอลเสียการควบคุม
เอวบางบิดส่ายไปส่ายมา ผ้าปูที่นอนยับยู่ยี่ มิหนำซ้ำช่องทางข้างหลังเปียกชื้นและเบ่งบาน รอคอยบางอย่างเข้ามาเติมเต็ม
“ไคล์เดน...อื้อ...” ซีเอลครางเรียกสามีสีหน้าโหยหา “ได้โปรด...เร็วหน่อย”
ถึงกระนั้น ไคล์เดนกลับไม่ได้เร่งเร้าตามความต้องการของภรรยา ชายหนุ่มโลมเล้าเรือนกายงดงามอย่างละเอียดลออเหมือนตั้งใจทรมานกันมากกว่า
ซีเอลส่งเสียงครางอย่างทนไม่ไหว ดีดแอ่นสะโพกขึ้น ท่อนร้อนชูชันเสียดสีกับทรวดทรงอันแข็งแกร่งของชายหนุ่ม หากกระนั้น มือใหญ่กลับกดสะโพกบางลง บัดนี้แผ่นหลังบอบบางของซีเอลแนบลงบนเตียงเหมือนเดิม อดไม่ได้ที่จะร้องอย่างประท้วง
“ไคล์เดน...อื้อ”
เป็นไปตามคาด ไคล์เดนยิ้มเจ้าเล่ห์
คงสนุกนักสินะที่ได้แกล้งกัน!
ดวงตาสีฟ้ามองค้อนใส่สามี
“อยากได้เหรอ”
“ฮื้อ...อึก อื้อ...”
ซีเอลยอมรับด้วยเสียงครางปนออดอ้อน ทั้งยังแยกขากว้าง เว้าวอนขอแก่นกาย
ทันใดนั้น
สวบ...
กายแกร่งถูกดันพรวดเข้ามา
“อ๊ะ อ๊างงง!”
ไม่เพียงซีเอลหลุดเสียงครางอันน่าอาย บั้นท้ายขาวผ่องยังบิดเร่าไปมา
ไคล์เดนประคองสะโพกของภรรยาให้ลอยขึ้นจากเตียงเล็กน้อย สอดแทรกสัดส่วนกำยำเข้าไปในจุดที่ลึกที่สุด ขณะกระแทกกระทั้นช่องทางรัก ริมฝีปากร้อนก็พรมจูบไปทั่วปากแดงเรื่อ ลำคอ และหน้าอก ผิวขาวเนียนถูกแต่งแต้มด้วยร่องรอยความรักสีกุหลาบ
“อึก อื้อ ฮ้า...”
ทุกครั้งที่ท่อนร้อนเสียดสีกับผนังถ้ำ ซีเอลจะสั่นกระตุกด้วยความรัญจวน ยกเรียวขาขึ้นมาเกาะเกี่ยวช่วงเอวแกร่งเพื่อให้สามีเข้ามาลึกอีกหน่อย
“อื้มมม...ชอบไหม”
“อื้อ...ดี...ชอบ...อ๊าาา”
ความปรารถนาอันแรงกล้าทำให้ไคล์เดนควบคุมตัวเองไม่ได้แล้วเช่นกัน กายแกร่งบดขยี้เป็นจังหวะเร่าร้อน ข้างในกระทบเสียดสีในจุดที่ยากจะทานทน เมื่อเอวบางบิดเร่าอย่างหฤหรรษ์ พร้อมกับข้างในที่ตอดรัดแน่น ไม่นานจากนั้น ทั้งสองก็ปลดปล่อยหยาดอารมณ์ออกมาเป็นสายธารอุ่นร้อน
ซีเอลตื่นขึ้นมาตอนที่พระอาทิตย์สูงโด่ง ดวงตาสีฟ้าเปิดปรือ จากนั้นค่อยกะพริบปริบๆ เพื่อปรับแสง และยังเห็นสามีนั่งอยู่ข้างเตียง สวมชุดขุนนางเต็มยศ
“ตื่นแล้วเหรอ นอนต่ออีกหน่อยสิ”
ตอนพูดประโยคนั้น ชายหนุ่มก้มหน้าลงมาจูบกระหม่อมบาง
ซีเอลยกมือแตะกระหม่อมตัวเองพลางถาม “จ...จะเข้าวังเหรอ” เมื่อคืนครวญครางหนักไปหน่อย เสียงของซีเอลจึงแหบแห้ง
“ไปคฤหาสน์ของเคานต์ไซมอน พอดีทางนั้นขอยืมกำลังทหารน่ะ”
อาณาเขตของเคานต์ไซมอนอยู่ใกล้ๆ อาณาเขตเบอร์แรม ประมาณเดือนหน้าเห็นว่าจะมีเทศกาลใหญ่ประจำปี เคานต์ไซมอนคงต้องการยืมทหารทางนี้คอยตรวจสอบความเรียบร้อย
“ครับ” ซีเอลตอบ จากนั้นก็กะพริบปริบๆ อย่างรู้สึกผิด
“ทำหน้าแบบนั้น เป็นอะไรไป หือ?” ไคล์เดนถามอย่างห่วงใย
“เจ็บเอว คงลุกไปส่งเจ้าไม่ไหวซะแล้ว”
พลันนั้น สีหน้าของไคล์เดนทั้งรู้สึกผิดและเขินอาย “ข้าต่างหากที่ต้องขอโทษ”
ต้นเหตุที่ทำให้ซีเอลเจ็บเอวจนลุกไม่ขึ้นก็คือไคล์เดน คราวนี้ภาพไม่ตัด แต่ความต้องการที่มีต่อภรรยากลับถาโถมรุนแรง เมื่อคืนทำไปตั้งขนาดนั้น รู้สึกผิดเสียแล้วสิ
โหนกแก้มของไคล์เดนก็ขึ้นสีเข้ม
เห็นแบบนี้ ซีเอลหัวเราะอย่างสดใส
ชายหนุ่มเลิกคิ้วน้อยๆ ก่อนโน้มตัวลงมาจูบปากเล็กที่ยังบวมแดง
...ภรรยาน่ารักขนาดนี้ ต่อให้ไม่เมาก็อดใจไม่ไหวอยู่ดี!
(ภาค 2)บทที่ 74บทพิเศษ หลายปีต่อมา ภายในท้องพระโรงอันโอ่อ่า ณ พระที่นั่งอันสูงส่ง จักรพรรดิผู้งดงามที่สุดในประวัติศาสตร์ของจักรวรรดิอันเดอร์นิซ นั่งเท้าคางมองอัศวินหนุ่มผมเงินก้าวยาวๆ ตรงเข้ามายังบัลลังก์ แทนที่จะหยุดยืนเบื้องล่าง อัศวินหนุ่มผมเงินกลับก้าวขึ้นบันได วินาทีที่จักรพรรดิไม่ทันได้ตั้งตัว เขาคนนั้นใช้แขนแข็งแรงทั้งสองข้างเท้าลงบนที่เท้าแขนบัลลังก์ อัศวินหนุ่มโน้มตัวลงต่ำ นัยน์ตาสีฟ้าลึกล้ำจับจ้องมองดวงหน้าอันละเอียดลออของจักรพรรดิในระยะประชิด ทั้งๆ ที่อัศวินหนุ่มกล้าทำถึงขนาดนั้น กลับไม่มีองครักษ์คนใดเข้าไปขัดขวางเลยสักคน จักรพรรดิคนงามยังคงเท้าคางเช่นเดิม ขณะช้อนดวงตาคู่สวยขึ้นมองอัศวินหนุ่มผมเงิน น้ำเสียงนุ่มนวลชวนหลงใหลพลันดังออกจากริมฝีปากสีแดง “คิดจะทำอะไร?” อัศวินหนุ่มยิ้มมุมปาก ดวงตามองแพขนตาหนาขยับไหวเหมือนกับปีกผีเสื้อ ทั้งยังทำท่าสูดกลิ่นอายอันหอมหวานจากเรือนกายของจักรพรรดิ “กำลังขอรางวัลจากฝ่าบาทยังไงล่ะครับ” ว่าจบ ริมฝีปากของชายหนุ่มก็ประกบ
(ภาค 2)บทที่ 73บทส่งท้าย (2) ชายหนุ่มพูดพร้อมกลืนกินของเหลวลงท้องทั้งหมด นิ้วที่อยู่ข้างในเพิ่มมาเป็นสามนิ้ว “อ๊ะ อ๊า!” ความร้อนหวนกลับมาอีกครั้ง ร่างบางบิดอย่างร้อนเร่าในขณะที่คาร์ริสขยายช่องทางเร้นลับต่อไป แต่แล้ว จู่ๆ คาร์ริสก็ดึงนิ้วทั้งสามออก “ขอโทษนะครับฟาฟา ข้าทนต่อไปไม่ไหวแล้วครับ” ฟาร์เลียสแยกแย้มเรียวขา สองมือยื่นมาข้างหน้า “...เช่นนั้น...ก็เข้ามา” อึก! คาร์ริสกลืนน้ำลายลงคออึกใหญ่ นัยน์ตาสีฟ้าลึกล้ำหลุบมองช่องทางยับย่นที่แดงและบวมเล็กน้อย (อย่างกับดอกกุหลาบเลย) ฟาร์เลียสงดงามยวนใจไปเสียทุกส่วน สิ่งเหล่านั้นกระตุ้นอารมณ์ของคาร์ริสจนอดทนไม่ไหว มือหนึ่งแหวกน่องขาของคนใต้ร่าง มือหนึ่งจับส่วนแข็งขึงจดจ่อกับช่องทางเร้นลับ “ฮึก ฮ้า...” ความโอฬารแทรกเข้ามาในช่องทางคับแคบทีละนิด ร่างบางสั่นเทิ้มด้วยความซ่านเสียว น้ำตาคลอรื้นตรงหางตา ทั้งน่ารักทั้งน่าสงสาร แต่ว่า แม้จะเป็นเช่นนั้น หากผนังเนื้อด้านในก
(ภาค 2)บทที่ 72บทส่งท้าย (1) เพราะเป็นครั้งแรกกับคนที่ชอบ คาร์ริสทั้งประหม่าและตื่นเต้น ถ้าเผลอรุนแรงเกินไปจนทำให้ฟาร์เลียสเจ็บจะทำยังไงดี แล้วหากว่าฟาร์เลียสไม่ชอบลีลาของคนที่เด็กกว่าล่ะ...ว่าตามจริงแล้ว คาร์ริสไม่เคยมีประสบการณ์ทั้งในโลกนี้และโลกก่อนเสียด้วย! ตอนนั้นเอง สองมือเรียวยื่นมาประคองใบหน้า คาร์ริสได้สติก่อนจะหลุบตามองเจ้าของมือเรียว “ไม่ต้องฝืนก็ได้” ไม่ได้ฝืนสักหน่อย แต่ว่า ฟาร์เลียสคงเข้าใจผิด คิดว่าเขากำลังฝืนตัวเองอยู่แน่ๆ เลยทำหน้าหม่นหมองแบบนั้น คาร์ริสรู้สึกไม่สบายใจที่ทำให้คนรักเข้าใจผิด จนอยากต่อว่าตัวเองแรงๆ สักหลายครั้ง ตอนนี้ไม่ใช่เวลามาลังเล ตัวเองเป็นคนร้องขอเองแท้ๆ ยังจะมาทำให้อีกฝ่ายกังวลใจอีก “ขอโทษนะครับ ข้าเหม่อเพราะตื่นเต้น ก็ฟาฟาน่ารักขนาดนี้” ไม่เพียงพูดเปล่า คาร์ริสก้มหน้าลงจูบฟาร์เลียสทันที ลิ้นร้อนรุกล้ำเข้าไปในโพลงปาก เลาะตามแนวฟัน ดูดรัดกับลิ้นอ่อนนุ่มแสนหอมหวาน ร่างกายที่โหยหาคู่แห่งโชคชะตามานานแสนนาน พอถูกกระตุ้นนิดหน่อย
(ภาค 2)บทที่ 71ลงเอย ระหว่างที่คาร์ริสกับเอลม่ารักษาตัวพร้อมกับวันหยุดยาว ภายในวังหลวงได้มีการไต่สวนลอร์ดเซเฟอร์โน่ พยานสำคัญชาวเมืองของเคานต์เออร์นอร์และนักเวทที่รอดชีวิตจากการระเบิดครั้งใหญ่ อย่างไรก็ตาม คดีของลอร์ดเซเฟอร์ปิดฉากลงอย่างรวดเร็ว โดยลอร์ดเซเฟอร์โน่สารภาพความผิดเพื่อแลกกับชีวิตของคนในตระกูล เหตุผลหลักของการก่อคดีครั้งนี้ นอกจากมีความโลภเป็นแรงจูงใจ ยังมีความคิดล้าสมัย อ้างว่าทนไม่ได้หากอำนาจของจักรวรรดิต้องตกอยู่ในมือของเจ้าชายฟาร์เลียสที่เป็นโอเมก้า เลยทำให้จักรวรรดิเกิดความวุ่นวาย แน่นอน ลอร์ดเซเฟอร์โน่ถูกตัดสินโทษประหาร เคานต์เออร์นอร์ได้รับการปลอบขวัญตามสมควร คาร์ริสกับเอลม่าได้รับรางวัลด้วยการเลื่อนยศ จากคดีของลอร์ดเซเฟอร์โน่ จักรพรรดิได้คิดทบทวนถึงความไม่ผิดพลาดของตนเอง หลังจากหาลือกับเหล่าขุนนางอยู่หลายวัน ในที่สุดก็มีประกาศแต่งตั้งฟาร์เลียสเป็นรัชทายาท และทันทีที่มีการประกาศออกไป บทบาทของเจ้าชายอเล็กซีสก็ถูกลดทอนลง ฤดูกาลเคลื่อนผ่านย่างเข้าสู่ปลายฤดูใบไม้ร่วง
(ภาค 2) บทที่ 70สารภาพ (2) ย้อนกลับไปตอนเกิดการระเบิดพลีชีพอันรุนแรง คาร์ริสได้กลิ่นคล้ายกำมะถัน บวกกับที่ตนได้รับการฝึกฝนมาอย่างหนักจากป้าเจซซี่ ประสาทสัมผัสจึงว่องไวเหมือนสัตว์ป่า คาร์ริสตะโกนเตือนทุกคนให้หนี แล้วคว้าเอลม่าพุ่งออกมา แต่ระเบิดนั้นไม่ได้เกิดจากเวทมนตร์เพียงอย่างเดียว ระเบิดรุนแรงพร้อมกับเปลวเพลิงโหมกระหน่ำ ป่านอกเมืองหนึ่งในสามส่วนถูกเผาไหม้จนวอด แรงอัดของระเบิดทำให้ทุกคนบาดเจ็บสาหัส โชคดีที่คาร์ริสพกน้ำศักดิ์สิทธิ์สำหรับรักษาบาดแผลและอาการป่วยที่ฟาร์เลียสเคยให้ไว้ ชายหนุ่มดื่มน้ำศักดิ์สิทธิ์รักษาตัวเอง ก่อนจะป้อนให้กับเอลม่าที่เจ็บหนักไม่ต่างกัน บาดแผลตามร่างกายแม้ไม่ได้หายสนิท หากน้ำศักดิ์สิทธิ์ก็ช่วยยื้อชีวิตไว้ได้ ยูเทซ บุตรชายของเคานต์เออร์นอร์รีบระดมทหารมาดับไฟ ทั้งยังเร่งหาแพทย์มาช่วยรักษาคนเจ็บ กระนั้นก็มีคนที่ช่วยไว้ไม่ทัน คาร์ริสกับเอลม่าพักรักษาตัวอยู่ที่คฤหาสน์เคานต์เออร์นอร์เพียงแค่สองวัน ก่อนจะออกเดินทางกลับเมืองหลวง ‘จะกลับทันทีเลยเหรอ พวกเจ้าควรอยู่ร
(ภาค 2) บทที่ 69สารภาพ (1) น่าจะราวๆ หนึ่งเดือน นับตั้งแต่คาร์ริสออกไปทำภารกิจสำคัญที่อาณาเขตของเคานต์เออร์นอร์ แม้ว่าหลังจากนั้น อุณหภูมิที่ลดต่ำผิดฤดูกาลจะสงบลงแล้ว แต่ยังไม่เห็นวี่แววของคาร์ริสและเอลม่า หนำซ้ำ ช่วงนี้ยังเหมือนว่าหน่วยอัศวินจะวุ่นวายกันน่าดู พอเป็นแบบนี้ ฟาร์เลียสรู้สึกหวั่นใจขึ้นมา ก่อนหน้านี้เคยให้มหาดเล็กประจำวังไปสอบถามที่หน่วยอัศวินอินทรีสีทอง ได้ความจากราฟาเอลว่า คาร์ริสกำลังทำหน้าที่ดาบแห่งราชา ไม่มีอะไรให้ต้องเป็นห่วง แต่ว่า หนึ่งเดือนแล้วไม่ใช่เหรอ ทำไมไม่มีข่าวอะไรบ้างเลย ระหว่างคิดด้วยความกังวล มหาดเล็กประจำวังก็ได้เข้ามารายงานกับฟาร์เลียส “เจ้าชายพ่ะย่ะค่ะ ท่านเอลม่าแห่งหน่วยอัศวินราชสีห์สีเงินกลับมาแล้ว แต่ดูจากสภาพเหมือนว่าจะบาดเจ็บหนักพ่ะย่ะค่” มหาดเล็กกล่าวจบก็ส่ายหน้า ท่าทางเช่นนั้นทำให้ฟาร์เลียสไม่สบายใจเป็นอย่างมาก “คาร์ริสล่ะ” ฟาร์เลียสโพลงถาม คาร์ริสกับเอลม่าออกไปทำภารกิจลับด้วยกัน หากว่าเอลม่ากลับมา คาร์ริสก็ต้องกลับมา