บทที่ 41ปลอบโยนชายา ตั้งแต่ถูกอุ้มขึ้นมานั่งบนหลังม้า ฟางถิงถิงก็อยู่ไม่สุข นางเอาแต่คลอเคลียเจ้าของร่างหนา ไม่เพียงแหวกสาบเสื้อของเซียวอวิ้นหยางให้เปิดกว้าง ตลอดทางกลับจวนอ๋อง มือน้อยยังซุกซนไต่ไปทั่วแผงอกแข็งแกร่ง ลูบคลำตรงนั้น จับตรงนี้ ทำให้ผู้อื่นปั่นป่วนหัวใจ โชคดีที่เซียวอวิ้นหยางมีจิตใจมั่นคงและอ่านสถานการณ์ออก อ๋องหนุ่มใช้เสื้อคลุมตัวใหญ่ของตนคลุมร่างของฟางถิงถิงเอาไว้ ให้พูดตรงๆ เซียวอวิ้นหยางไม่ได้อายหากผู้อื่นเห็นว่าตนถูกชายาลวนลาม แค่ไม่ต้องการให้คนอื่นเห็นความเย้ายวนอันงดงามของภรรยาเท่านั้นเอง เมื่อควบม้าผ่านประตูเข้ามาภายในตำหนัก เซียวอวิ้นหยางตวัดตัวลงจากหลังม้าพร้อมอุ้มฟางถิงถิงเดินเข้าห้องนอนใหญ่ ใบหน้าของฟางถิงถิงแดงก่ำเหมือนจะกลั่นเลือดออกมาได้อยู่แล้ว หนำซ้ำยังชื้นไปด้วยเหงื่อ ดวงตาหรี่ปรือคล้ายคนเลื่อนลอย เซียวอวิ้นหยางปัดปอยผมชื้นเหงื่อที่แนบติดกับแก้มนวลพลางถามด้วยความห่วงใย “ตอนนี้รู้สึกอย่างไรบ้าง” คำตอบของฟางถิงถิงคือเสียงครางและพยายามถอดเสื้อผ้าของนางออกจากตัว “ร้อน...อื้อ
บทที่ 40ยืมดาบฆ่าคน (2) “แม่นางช่างสุนทรีย์ไม่น้อย นี่เป็นกลิ่นไม้จันทร์หอมผสมกับหลันฮวา(ดอกกล้วยไม้)อบแห้งขอรับ” หนุ่มน้อยคนนั้นกล่าว “แม่นาง เชิญดื่มขอรับ” คราวนี้เป็นชายหนุ่มรูปงามอายุราวๆ ยี่สิบต้นๆ เขารินสุราใส่จอกให้กับฟางถิงถิง ก่อนจะเดินไปนั่งที่ตั่งกลางห้องซึ่งถูกจัดเตรียมไว้สำหรับบรรเลงพิณ ฟางถิงถิงดื่มสุราท่ามกลางเพลงพิณที่ถูกบรรเลงอย่างอ่อนช้อย นางพริ้มตาลงด้วยความรู้สึกผ่อนคลายและ...ร้อน... ร้อนหรือ!? คิดแล้วนางรีบยกจอกสุราขึ้นมองด้วยความสงสัย เพิ่งดื่มไปได้เพียงจอกเดียว คงไม่ได้เมาเร็วขนาดนี้หรอกกระมัง ตอนนั้นเอง จู่ๆ ลมหายใจของนางก็หอบกระชั้นอย่างน่าสงสัย ซึ่งดูเหมือนจะไม่ได้มีแค่นาง เสียงพิณหยุดลง ก่อนเสียงหอบหายใจของชายหนุ่มหน้าหล่อกับหนุ่มน้อยจะดังขึ้นตามทีหลัง “ระระ ร้อนจัง แฮ่ก...ทำไมเล่า” หนุ่มน้อยหน้ามนพูดด้วยท่าทีกระสับกระส่าย “...ข้าก็ด้วย” ชายหนุ่มเจ้าของพิณกุมอกพร้อมพูดกับตัวเอง “มีบางอย่างแปลกๆ” ฟางถิงถิงพึมพำ ชายหนุ่มทั้งสองได้ยินอย่างนั้นก็มีท่า
บทที่ 39ยืมดาบฆ่าคน (1) ขนอ่อนบนหลังคอของเซียวจื้ออี้กับหลินซวงเอ๋อร์ลุกชัน พวกเขาไม่เคยรู้สึกหนาวสะท้านราวกับกำลังย่างเท้าลงสู่ขุมนรกเช่นนี้มาก่อน แต่สายตาของหยางอ๋องทำให้รู้สึกเช่นนั้นได้! หลินซวงเอ๋อร์ดึงสติกลับมาได้เร็วกว่ารัชทายาทเซียวจื้ออี้ นางที่ยังประกบมือบนแก้มฝั่งที่ถูกตบใช้จังหวะนั้นทวงความยุติธรรม “ท่านอ๋อง หม่อมฉันแค่มาเยี่ยมพระชายาฟาง แต่...แต่ถูกพระชายาทำร้ายร่างกาย จะให้คิดอย่างไรได้เพคะ” ยามพูด หลินซวงเอ๋อร์ทำหน้าเศร้าสร้อย ร่างกายของฝ่ายนั้นผอมบางอยู่แล้ว ประกอบกับแก้มซ้ายที่บวมแดง พอมายืนอยู่ตรงหน้าอ๋องนักรบที่มีร่างสูงใหญ่อย่างเซียวอวิ้นหยาง ท่าทางอ่อนแอเปราะบางนั้นแลดูน่าสงสารมากกว่าเดิม ทว่า... คำตอบของหยางคือ...สายตาดุดันที่สาดมอง หลินซวงเอ๋อร์สะดุ้ง แม้จะหวาดกลัว แต่ยังคงทำใจกล้า มองตอบเซียวอวิ้นหยางแกมขอร้อง “ท่านอ๋อง ได้โปรดมอบความยุติธรรมให้กับหม่อมฉันด้วยเพคะ” “ยุติธรรมหรือ ได้สิ” หยางอ๋องพยักหน้าบอก “ข้าจะลงโทษคนของข้าเอง” หลินซวงเอ๋อร์ได้ยินเช่นนั
บทที่ 38ใครกล้าแตะต้องนาง...ตาย! (2) หลายวันต่อมา ในที่สุดรัชทายาทเซียวจื้ออี้ก็หาจังหวะมายังตำหนักหยางอ๋องจนได้ หลังจากสืบทราบมาว่าฮ่องเต้เรียกเซียวอวิ้นหยางเข้าเฝ้าในเช้าวันหนึ่ง รัชทายาทเซียวจื้ออี้ก็หาได้รอช้า รีบเดินทางมาตำหนักหยางอ๋องพร้อมกับหลินซวงเอ๋อร์ เมื่อมาถึง ทั้งสองก็วางอำนาจใหญ่โตทันที เทียบกันแล้ว ระหว่างตำแหน่งรัชทายาทกับชายาอ๋อง แน่นอนว่าฟางถิงถิงต้องให้ความเคารพรัชทายาทที่มีศักดิ์สูงกว่า แต่สำหรับหลินซวงเอ๋อร์ที่ไม่มีตำแหน่งอะไรเลย นางจึงเมินเฉยฝ่ายนั้นอย่างสมบูรณ์ ฟางถิงถิงย่อกายให้กับรัชทายาท แต่กับหลินซวงเอ๋อร์ นางเมินหน้าหนี หลินซวงเอ๋อร์เห็นอย่างนั้นก็เขย่าแขนรัชทายาท ทั้งยังส่งสายตาแง่งอน รัชทายาทเข้าใจความหมายจึงหันไปกล่าวตำหนิฟางถิงถิง “พระชายาฟาง หยางอ๋องคงตามใจเจ้าจนทำให้ลืมฐานะของตนไปแล้วหรืออย่างไร ถึงได้ไม่ให้ความเคารพคนของข้า” ฟางถิงถิงย่อมเข้าใจคำพูดนั้น รัชทายาทต้องการให้นางมอบความเคารพหลินซวงเอ๋อร์ เพราะยิ่งเข้าใจ ฟางถิงถิงจึงยิ่งรู้สึกไม่พอใจ นางแสร้งมอ
บทที่ 37ใครกล้าแตะต้องนาง...ตาย! (1) แสงอรุณส่องผ่านหน้าต่างฉลุลายอันประณีต แสงสว่างนั้นปลุกฟางถิงถิงให้ตื่นขึ้นมาท่ามกลางอาการปวดระบม มือน้อยนวดเฟ้นเอวและสะโพกของตนป้อยๆ พร้อมกับดวงตาคู่สวยเหลือบมองคนข้างกายที่ยังหลับสนิท เซียวอวิ้นหยางมีรูปร่างสูงใหญ่ ด้วยเพราะเป็นอ๋องนักรบ ถึงได้มีกล้ามเนื้อบึกบึนสมส่วน ส่วนฟางถิงถิงรูปร่างบอบบาง เทียบกันแล้ว นางไม่ต่างจากกระต่ายตัวน้อยที่ถูกราชสีห์รังแก แรกเริ่มแม้เขาจะทำอย่างอ่อนโยนและค่อยเป็นค่อยไป แต่เมื่ออารมณ์ปะทุถึงขีดสุด ความอ่อนโยนนั้นเปลี่ยนเป็นโจนจ้วง นางเองก็สุขสมจนสติหลุด ส่งเสียงร้องครวญครางอย่างเรียกร้องครั้งแล้วครั้งเล่า พอคิดถึงเรื่องน่าอายนั้น หัวใจเจ้ากรรมก็สั่นสะท้านขึ้นมา ใบหน้าของหญิงสาวร้อนผ่าว ถึงอย่างนั้นนางกลับพลิกตัวนอนตะแคงโดยหันหน้าไปทางเซียวอวิ้นหยาง จ้องใบหน้าเขาคล้ายต้องการเก็บทุกรายละเอียด ยามที่ถูกเขาจับจ้อง ดวงตาคมคู่นี้ช่างลึกล้ำและเต็มไปด้วยอารมณ์ปรารถนา เพียงแค่ถูกจ้องมองนาง ร่างกายของนางก็เหมือนถูกสะกด ระหว่างคิด ฟางถิงถิงลูบมือบนเปลือ
บทที่ 36คืนเข้าหอมีค่าดั่งทองพันชั่ง เมื่อเทียนทุกเล่มดับลงภายในห้องหอก็ตกอยู่ในความมืด มีเพียงแสงจันทร์ส่องผ่านหน้าต่างฉลุลายประณีต ท่ามกลางความมืดสลัวนั้น ฟางถิงถิงได้ยินเสียงลมหายใจของเซียวอวิ้นหยางที่หนักหน่วงขึ้น ชัดเจนขึ้น มิหนำซ้ำทรวงอกของเขายังขยับขึ้นๆ ลงๆ ราวกับกำลังพยายามข่มกลั้นความปรารถนา หญิงสาวยื่นมือแตะแผงอกร้อนผ่าวของหยางอ๋อง พูดเสียงอ่อนเสียงหวานคล้ายกำลังวอนขอ “ท่านอ๋อง” ทันใดนั้น... ใบหน้าหล่อเหลาโน้มต่ำ ริมฝีปากบางบดขยี้กลีบปากเนียนนุ่ม แล้วร่างของนางก็สั่นระริก เสียงครางหวานๆ ดังอยู่ในลำคอ “อ...อือ...” เซียวอวิ้นหยางระดมจุมพิตครั้งแล้วครั้งเล่า เพียงแค่ถูกจูบ ฟางถิงถิงก็แทบจะเสียอาการ ร่างแบบบางสะท้านไม่หยุด ...อยากได้มากกว่านี้ หญิงสาวปรือตารับจูบเร่าร้อนอย่างเคลิบเคลิ้ม ริมฝีปากเนียนนุ่มเผยอเปิดเล็กน้อย ชั่วอึดใจสั้นๆ นั้นปลายลิ้นร้อนก็ดุนดันเข้ามาในโพลงปาก อ๋องหนุ่มกระหวัดลิ้นพัวพันกับลิ้นของฟางถิงถิง ระหว่างจูบมือหนาค่อยๆ ปลดชุดกลางสีขาวขอ