หลันหนิงเหมยออกจากภวังค์ความคิดของตน นางกลับมาสนใจกับเหตุการณ์ตรงหน้า
"เจ้าคงไม่รู้ว่าข้าเองก็ถูกโจวลี่เฟยทำร้ายมาเช่นเดียวกัน ซึ่งข้าย่อมไม่คิดจะยอมให้ศัตรูเสวยสุขอยู่บนความทุกข์ของข้าหรอกนะ"
หลันหนิงเหมยหันกลับมามองทันที นางเริ่มสนใจในสิ่งที่อวี้หลันต้องการจะเอ่ย
"ท่านต้องการสิ่งใดก็พูดมาตรง ๆ เถิด อย่าได้อ้อมค้อมอีกเลย"
"ข้าจะช่วยให้เจ้าได้กลับมาใช้ชีวิตอย่างสุขสบายเหมือนเมื่อก่อน น้องชายของเจ้าจะได้เข้าเรียนสำนักศึกษาหลวง และเจ้าจะได้แก้แค้นคนที่ทำกับครอบครัวของเจ้าด้วย"
"แลกกับอะไร?"
"ชีวิตของเจ้า...เจ้าจะต้องเข้ามาเป็นฮูหยินรองของบิดาข้า เพื่อแลกกับการแก้แค้นเอาคืนโจวลี่เฟย ข้าให้สัญญาว่าคนที่ทำให้ครอบครัวเจ้าต้องพบเจอเรื่องเลวร้ายเช่นนี้ จะต้องมีจุดจบที่เลวร้ายยิ่งกว่าอย่างแน่นอน "
"อะไรนะ!! ท่านบ้าไปแล้วหรือคุณหนูใหญ่อวี้ บิดาของท่านอายุเกือบเท่าบิดาของข้าเลยนะ"
"แต่บิดาของข้าหนุ่มกว่า และหล่อเหลากว่าบิดาของเจ้านะ บิดาของข้าเพิ่งจะอายุ 40 เอง ยังหนุ่มยังแน่น ทั้งยังมีอำนาจที่เจ้าต้องการ และการที่เจ้าเข้ามาเป็นฮูหยินรองของบิดาข้า โจวลี่เฟยย่อมต้องโกรธแค้นจนแทบกระอักเลือดเป็นแน่ ด้วยความสาวและความสวยของเจ้าจะทำให้นางอยู่ไม่สุขเลยล่ะ เจ้าไม่คิดเช่นนั้นหรือ?"
"ไม่ นี่มัน..."
"บิดาข้าเป็นคนที่ใช้ได้เลยนะ เจ้าเอากลับไปคิดแล้วกันว่าอยากจะใช้ชีวิตอยู่ที่หมู่บ้านเล็ก ๆ นี้ หรือจะกลับไปผงาดอีกครั้งในวงสังคมชั้นสูง แต่ข้าคงให้เวลาเจ้าคิดหนึ่งคืนเท่านั้น เพราะข้าจะต้องกลับจวนวันพรุ่งยามซื่อนี้แล้ว ถ้าเจ้าตกลงก็มาหาข้าที่อารามเป่าซานได้เลย แล้วข้าจะทำให้ความปรารถนาของเจ้าเป็นจริง!"
อวี้หลันส่งยิ้มมาให้กับหลันหนิงเหมยก่อนจะเดินจากไป...
หลังจากที่อวี้หลันได้จากไปไกลแล้ว หลันหนิงเหมยยังคงนั่งนิ่งอยู่ที่เดิม นางกำลังคิดทบทวนคำพูดของอวี้หลันด้วยความรู้สึกหลากหลาย
"ท่านพี่เป็นอะไรไปขอรับ สหายของท่านพี่เอาเรื่องไม่สบายใจมาให้ท่านพี่หรือขอรับ" หลันหนิงหวงเอ่ยถามด้วยความเป็นห่วง
"ไม่ใช่หรอก นางแค่มามอบทางเลือกให้พี่เท่านั้น อาหวง...เจ้าอยากเข้าสำนักศึกษาหลวงหรือไม่?"
"ข้า...ข้าไม่อยากเข้าขอรับท่านพี่"
หลันหนิงหวงเอ่ยตอบน้ำเสียงแผ่วเบา ในแววตาของเขาวูบไหวไปมา เขารู้ดีว่าด้วยฐานะของพวกเขาตอนนี้ไม่สามารถเข้าเรียนในสำนักศึกษาหลวงได้หรอก แม้ว่านั่นจะเป็นสิ่งที่เขาอยากจะทำมากที่สุดก็ตาม...
"เข้าใจแล้ว เจ้ารีบไปเก็บเสื้อผ้าเถิด พรุ่งนี้เราจะต้องไปอารามเป่าซานแต่เช้า ไปเริ่มต้นชีวิตใหม่ที่ดีกว่าเดิม"
หลันหนิงเหมยพลันตัดสินใจได้ในทันที นางเข้ามาโอบกอดน้องชายที่แสนดีของตนเอาไว้แน่น แม้ว่านางจะต้องขายวิญญาณ ถ้าทำให้น้องชายของนางมีความสุขได้ นางก็ยอม!!
วังเจียวจิน
บุรุษที่มีเครื่องหน้าหล่อเหลาดั่งหยกสลักกำลังนอนเอกเขนกอยู่บนตั่งไม้ยวี่มู่ เบื้องหน้าของเขามีหญิงงามกว่าสามสิบนางกำลังร่ายรำกันอย่างอ่อนช้อยตามจังหวะดนตรี ทางด้านข้างของเขามีหญิงงามที่คอยป้อนผลผูเถา (องุ่น) และเมื่อเขายื่นจอกสุราที่หมดลงไปด้านหน้า หญิงสาวอีกนางก็รีบรินสุราผลท้อราคาแพงให้แก่เขาทันที
ชีวิตของบุรุษผู้นี้ช่างน่าอิจฉายิ่งนัก เพียงแค่เอ่ยปากคำเดียวก็มีสตรีมากมายพร้อมจะทอดกายและถวายการรับใช้ด้วยความเต็มใจยิ่ง เพราะเขาคือบุรุษที่มีทั้งรูปโฉมงดงามราวกับสตรี และอำนาจเงินทองที่พวกนางต่างเฝ้าฝันถึง ขอแค่ได้ปรนนิบัติเขาแค่ครั้งเดียว ชีวิตของพวกนางก็สุขสบายแล้ว
"องค์ชายสามพ่ะย่ะค่ะ นี่เป็นรูปวาดของสาวงามที่ฝ่าบาททรงประทานให้พ่ะย่ะค่ะ"
หลีกงกงเดินเข้ามาพร้อมกับภาพวาดที่อยู่ในมือของเขากว่า 50 ภาพ ใบหน้าของขันทีชรามีแต่ความหนักใจในตัวเจ้านายของตน เมื่อไหร่หนอองค์ชายของเขาจะเป็นผู้เป็นคนกับเขาเสียที วัน ๆ เอาแต่ร่ำสุรานารีอยู่ทุกเมื่อเชื่อวัน บางวันก็ออกไปละเล่นกระพนันที่หอเดือนดับ
"ข้าไม่อยากดู" เขาเอ่ยตอบอย่างเฉยชา แล้วหันไปอ้าปากกว้างเพื่อรับผลผูเถาจากหญิงงาม
"แต่นี่เป็นรับสั่งของฝ่าบาทนะพ่ะย่ะค่ะ อย่างไรองค์ชายก็ต้องเลือกสตรีในนี้มาเป็นพระชายานะพ่ะย่ะค่ะ"
'เจิ้งจื่อห้าว' องค์ชายสามที่ใช้ชีวิตได้อย่างอิสระผุดลุกขึ้นนั่งด้วยความรำคาญใจ เขาโบกมือให้เหล่านางรำ และสตรีที่อยู่รับใช้ให้ออกไปก่อน
"เอามานี่"
หลีกงกงยกยิ้มกว้างด้วยความยินดี เขารีบนำภาพวาดทั้ง 50 นางมามอบให้แก่องค์ชายสามทันที เจิ้งจื่อห้าวรับมาเปิดดูทีละภาพช้า ๆ แล้วตำหนิหญิงสาวแต่ละนางไปทีละข้อ
"ดวงตาของนางเล็กเกินไป ข้าชอบสตรีที่มีดวงตากลมโต อืม...คนนี้มีไฝที่ปาก นางจะต้องบ่นข้าเก่งแน่ ๆ ไม่ดี ๆ ส่วนคนนี้มาจากตระกูลแม่ทัพ ข้าไม่อยากข้องเกี่ยวกับตระกูลแม่ทัพ และคนนี้อายุน้อยเกินไป ข้าชอบสตรีที่อายุสักสิบแปดสิบเก้า คนนี้ก็อายุมากเกินไป ส่วนคนนี้ก็..."
"พอก่อนพ่ะย่ะค่ะองค์ชาย องค์ชายทรงตรัสมาเลยดีกว่าว่าต้องการพระชายาแบบไหน กระหม่อมจะได้ไปแจ้งให้ฝ่าบาททรงทราบ"
ประโยคนี้แหละที่เขาอยากได้ยินมากที่สุด เขาไม่คิดว่าจะมีสตรีนางใดที่ตรงตามที่เขาต้องการหรอก
"สตรีที่อายุสิบแปดถึงสิบเก้าปี มีผิวกายขาวเนียนละเอียดดั่งหยก ดวงตากลมโตดั่งตากวาง จมูกโด่งเรียวสวย ริมฝีปากอวบอิ่มฉ่ำน้ำ ไม่มีไฝฝ้าตรงส่วนใดของใบหน้า ไม่ใช่บุตรสาวตระกูลแม่ทัพ ไม่มีพี่ชาย ไม่ต้องเก่งงานบ้านงานเรือน ไม่ต้องเก่งศาสตร์ทั้งสี่ เพราะข้าต้องการภรรยาไม่ได้ต้องการสตรีที่ต้องเก่งทุกด้าน ขอแค่มีรูปโฉมงดงามก็เพียงพอแล้ว"
หลีกงกงแทบจะล้มทั้งยืนกับคำพูดของเจิ้งจื่อห้าว สตรีที่ตรงกับคุณสมบัติทั้งหมดนี้จะหาได้จากที่ไหน ที่น่าหนักใจที่สุดก็คืออายุที่องค์ชายสามต้องการต่างหากเล่า ในแคว้นเจิ้งนี้จะหาสตรีที่อายุสิบแปดสิบเก้าที่ยังไม่ออกเรือน และไม่มีคู่หมายได้สักกี่คนกัน เดิมทีแล้วสตรีที่อายุสิบเจ็ดก็เริ่มมองหาคู่ครองกันแล้ว นี่องค์ชายสามคิดจะบ่ายเบี่ยงไม่ต้องการแต่งงานสินะ
เขารู้ทันหรอกน่า และฮ่องเต้ก็ต้องทรงรู้ทันพระโอรสของพระองค์อย่างแน่นอน!
ตอนพิเศษ 2ชุดนอนตัวใหม่ อวี้หลันเดินเข้าไปยังห้องนอนบุตรสาวเพื่อสั่งความแม่นมกับรั่วซี หลีกงกงที่อยู่ด้วยก็รู้ความนัก เขายังเอ่ยกับอวี้หลันด้วยรอยยิ้มเจ้าเล่ห์อีกด้วย"พระชายาไม่ต้องเป็นห่วงท่านหญิงน้อยเลยพ่ะย่ะค่ะ กระหม่อมกับรั่วซีจะช่วยดูแลท่านหญิงน้อยให้เอง พระชายาโปรดทรงวางใจได้เลยพ่ะย่ะค่ะ" หลีกงกงขยับเข้ามาใกล้อีกนิดเพื่อให้ได้ยินกันสองคน "ท่านหญิงน้อยคงจะเหงาน่าดูเลยนะพ่ะย่ะค่ะ ทางที่ดีพระชายาน่าจะประทานน้องให้กับท่านหญิงน้อยสักหลาย ๆ คนก็ดีนะพ่ะย่ะค่ะ""หลีกงกง! เจ้านี่นะ"อวี้หลันทั้งขำทั้งฉุน หลีกงกงผู้นี้ช่างเจ้ากี้เจ้าการยิ่งนัก"โปรดเห็นใจคนแก่ขี้เหงาเช่นกระหม่อมด้วยเถิดพ่ะย่ะค่ะพระชายา""เฮ้อ...เรื่องนี้หลีกงกงคงต้องไปกราบทูลองค์ชายสามแล้วล่ะว่าเขาจะมีความสามารถหรือไม่ ข้ามิอาจตอบได้หรอกนะ"อวี้หลันแสร้งถอนหายใจ ทั้งที่ใจจริงนางนั้นกำลังวางแผนเช่นกันว่าอยากจะมีบุตรอีกสัก 2 คนเพื่อให้เป็นเพื่อนเล่นกัน"เช่นนั้นข้าคงต้องออกแรงมากหน่อยเสียแล้วใช่หรือไม่"น้ำเสียงห้วนดุที่
ตอนพิเศษ 1เจิ้งลี่จิน เวลาล่วงเลยผ่านไปไวยิ่งนักในความรู้สึกของอวี้หลัน นับตั้งแต่นางเข้ามาอยู่ในร่างนี้ก็ร่วม 1 ปีกว่าแล้ว ตอนนี้ชีวิตของนางเปลี่ยนแปลงไปจนนางไม่นึกฝันเลย บัดนี้นางได้สร้างครอบครัวที่สมบูรณ์ขึ้นมาแล้ว บุตรสาวตัวน้อยผู้เป็นความสุขทั้งมวลให้กับนางกับเจิ้งจื่อห้าว เด็กน้อยที่น่าเอ็นดูนักในสายตาของผู้เป็นพ่อเป็นแม่'เจิ้งลี่จิน' บุตรสาวตัวน้อยที่ถือกำเนิดขึ้นมาจากความรักของคนทั้งสอง เจ้าก้อนแป้งน้อยตัวขาวอวบอ้วน นางมีดวงตากลมโตสุกสกาวดั่งเช่นมารดา แต่จมูกโด่งรั้นกับริมฝีปากนั้นถอดแบบบิดามิมีผิดเพี้ยน ไม่ว่าผู้ใดต่างเอ่ยเป็นเสียงเดียวกันว่าเจิ้งลี่จินช่างมีใบหน้าเหมือนกับบิดายิ่งนักคำพูดนี้เองที่ทำให้เจิ้งจื่อห้าวถึงกับยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ด้วยความภาคภูมิใจ ตัวเขาเองก็รู้สึกดียิ่งนักที่บุตรสาวมีใบหน้าเหมือนกันกับเขา และยิ่งนางมีดวงตาเหมือนกับอวี้หลันเขายิ่งรู้สึกดีเพิ่มขึ้นไปอีกอวี้หลันจดจำความยากลำบากของการคลอดเจิ้งลี่จินได้ดี วันเวลากว่าจะผ่านมาได้ช่างแสนสาหัสยิ่งนัก แต่เมื่อคิดว่านี่คือการเสียสละของมารดาเพื่อให้เจ
บทส่งท้าย วังเจียวจินอวี้หลันนอนอยู่บนเตียงด้วยความเบื่อหน่าย นี่ก็ผ่านมาหลายวันแล้วหลังจากที่นางถูกลอบสังหาร ตอนนี้นางได้หาเป็นอะไรมากที่บอกว่าตกใจก็เสแสร้งทั้งนั้น แต่กลายเป็นว่าเจิ้งจื่อห้าวนั้นตื่นตระหนกเกินไป เขาเป็นกังวลมากจนนางนึกเสียใจที่ใช้แผนการนี้ขึ้นมา สุดท้ายแล้วนางก็ต้องนอนอยู่นิ่ง ๆ บนเตียง โดยที่ไม่สามารถย่างกรายออกไปจากห้องได้เลย"ฮ่ะฮ่าเป็นอย่างไรบ้างเล่า ข้าล่ะนึกชอบใจนักที่องค์ชายสามทรงสั่งห้ามเจ้าลุกออกจากเตียงเช่นนี้ สมแล้วที่เจ้าใช้แผนการนี้หลอกล่อให้ฮองเฮาติดกับ ทั้งยังหลอกใช้ข้าอีกด้วย"กู้เฟยหนี่ว์ที่มาเยี่ยมอวี้หลันเอ่ยบ่นอีกฝ่าย นางยังคงรู้สึกไม่พอใจกับแผนการของอวี้หลันนัก แม้ผลลัพธ์จะดีที่สามารถกำจัดอำนาจของฮองเฮาไปได้ ทำให้องค์รัชทายาทรู้จักตัวตนอีกด้านหนึ่งของพระมารดาแต่มันก็เสี่ยงเกินไป"เจ้าไม่ต้องมาหัวเราะข้าเลย เจ้าเองก็ชอบไม่ใช่หรือที่ได้สังหารคน หึ!""ข้าชอบที่ได้ออกแรงก็จริง ข้อนี้ข้าไม่ปฏิเสธแต่ข้าไม่
"เสด็จพี่คงได้ยินทั้งหมดแล้ว ข้าคิดว่าท่านคงรู้แล้วว่าเป็นฝีมือของผู้ใดกันแน่ ฮองเฮาอาจจะทรงรักและหวังดีต่อเสด็จพี่ด้วยใจจริง แต่กลับผู้อื่นนั้นหาเป็นเช่นนั้นไม่ ผู้ใดก็ตามที่มาขวางทางอำนาจหรือหมดประโยชน์แล้ว ฮองเฮาก็สามารถกำจัดได้ทุกคนโดยไม่สนวิธีการ แม้มันจะโหดเหี้ยมเพียงใดก็ตาม ข้าหวังว่าเสด็จพี่จะไม่ช่วยคนผิดนะพ่ะย่ะค่ะ"เจิ้งจื่อห้าวเอ่ยทิ้งท้ายแล้วจึงได้เดินจากไป... หลักฐานทุกอย่างล้วนชี้ไปที่เสนาบดีโจว ปิ่นทองคำที่อยู่ในมือหัวหน้ามือสังหารก็คือของขวัญที่ฮองเฮาทรงได้รับพระราชทานจากฮ่องเต้ เพราะเหตุนี้เองโจวซูหลิ่งจึงไม่อาจหลีกหนีเอาตัวรอดไปได้ ไม่ว่าอย่างไรนางก็มีความผิด"หม่อมฉันถูกคนใส่ความเพคะฝ่าบาท นี่ต้อง...ต้องเป็นฝีมือของบ่าวทรยศเป็นแน่ มันผู้นั้นต้องแอบขโมยปิ่นของหม่อมฉันไปเพื่อเป็นหลักฐานมามัดตัวหม่อมฉันเพคะ นี่คือการใส่ความเพคะฝ่าบาท"โจวซูหลิ่งร่ำร้องขอความเป็นธรรมให้แก่ตนเอง หากนางไม่ยอมรับจะทำอะไรนางได้ หลักฐานเพียงแค่นี้มิอาจจะเอาผิดนางได้หรอก"เจ้ายอมรับความผิดซะเถิดฮองเฮา เห็นแก่องค์รัชทายาทอย่าให้ชื่อเสีย
บทที่ 32ล้มทั้งกระดาน "พระชายา พระชายาทรงเป็นอย่างไรบ้างพ่ะย่ะค่ะ"ฉีหมิงที่เพิ่งจัดการมือสังหารเสร็จรีบตรงเข้ามาถามไถ่อวี้หลันด้วยความเป็นห่วงทันที เขายังคงตกใจไม่หายที่ได้เห็นท่วงท่าการสังหารคนของคุณหนูกู้ เขาคาดไม่ถึงจริง ๆ ว่าคุณหนูกู้จะมีวรยุทธ์ที่ล้ำเลิศเช่นนี้ เพลงกระบี่ที่ใช้เมื่อครู่ก็งดงามอ่อนช้อยแต่เต็มไปด้วยความดุดัน คุณหนูกู้วาดกระบี่ไปทิศทางใดล้วนต้องได้อาบโลหิตทุกครั้งไป นอกจากองค์ชายสามผู้เป็นนายแล้วก็มีคุณหนูกู้นี่แหละที่เขานับถือเรื่องวรยุทธ์ด้วยใจจริง"ข้าไม่เป็นอะไร แค่รู้สึกตกใจเล็กน้อยเท่านั้นเอง"น้ำเสียงอ่อนแรงที่ดังออกมาจากรถม้ายิ่งทำให้ฉีหมิงรู้สึกผิด กู้เฟยหนี่ว์ชำเลืองตามองมารยาของสหายแล้วเบะปากด้วยความหมั่นไส้'นางหรือที่ตกใจ ต้องเป็นข้าเสียมากกว่าที่ควรตกใจกับแผนการนี้ของนาง'"พระชายาทรงรู้สึกเจ็บท้องหรือไม่พ่ะย่ะค่ะ ให้ท่านหมอมาดูอาการก่อนดีหรือไม่พ่ะย่ะค่ะ" ในขบวนรถม้านี้ได้มีท่านหมอมาด้วย
"อาอันน้องพี่" สองพี่น้องต่างเดินเข้าไปสวมกอดกันด้วยความคิดถึง สายใยระหว่างพี่น้องเรียงร้อยถักทอเข้าด้วยกัน "ข้าคิดถึงท่านพี่มากเลยขอรับ แล้วนี่..." อวี้เวยอันหันไปมองบุรุษข้างกายของพี่สาว หรือว่าคนผู้นี้จะเป็นสามีของพี่สาวของเขากัน "นี่คือองค์ชายสามเจิ้งจื่อห้าว พระสวามีของพี่เอง" "คารวะองค์ชายสามพ่ะย่ะค่ะ กระหม่อมเสียมารยาทแล้ว ขอองค์ชายสามได้โปรดอย่าได้ถือสาเลยพ่ะย่ะค่ะ" อวี้เวยอันรีบทำความเคารพเจิ้งจื่อห้าวทันที เพราะเขาดีใจที่ได้เจออวี้หลันมากเกินไปจึงได้เสียมารยาทกับองค์ชายสาม "ไม่ต้องมากพิธีรีตองหรอก เราเป็นครอบครัวเดียวกันแล้ว" เขาเอ่ยอย่างใจดี เรียกรอยยิ้มหวานจากคนข้างกายที่กำลังนึกหวั่นว่าเขาอาจจะเข้ากับน้องชายของนางไม่ได้ แต่เมื่อได้เห็นเช่นนี้ก็หมดห่วง "ขอบคุณองค์ชายสามที่เมตตาพ่ะย่ะค่ะ" อวี้เวยอันรู้สึกถูกชะตาพี่เขยผู้นี้ยิ่งนัก สายตาของเขาพลันมองไปเห็นหน้าท้องที่นูนเด่นของพี่สาว "ท่านพี่อ้วนขึ้นหรือขอรับ" แม้จะพยายามพูดเส