จวนโหวตระกูลเสิ่น
"เป็นถึงคุณหนูใหญ่ของจวนโหวตระกูลเสิ่น แต่กลับลักลอบมีสัมพันธ์กับบ่าวรับใช้ท้ายสวน ช่างหน้าไม่อายยิ่งนัก!!!"
"ฮือออ ท่านพ่อ ลูก ฮึก"
"เจ้าไม่ต้องมาแก้ตัว ช่างน่าอับอายยิ่งนัก!!! มีคู่หมั้นคู่หมายอยู่แล้วแท้ๆ แต่กลับทำตัวใฝ่ต่ำเช่นนี้ ลูกชั่ว!!!"
ท่านโหวเสิ่นเหยากวงมองเสิ่นเสวี่ยผู้เป็นบุตรสาวด้วยสายตาที่ผิดหวัง
เขาเป็นถึงแม่ทัพใหญ่ มีหน้ามีตาในเหล่าขุนนางชนชั้นสูง มีบุตรทั้งหมดสี่คนคือ เสิ่นเฟยเป็นบุตรชายที่เกิดจากภรรยาเอก และมีน้องสาวร่วมมารดาเดียวกันคือเสิ่นเสวี่ย ส่วนภรรยารองนั้นก็มีบุตรชายนามว่า เสิ่นเยี่ย และบุตรสาวนามว่า เสิ่นหนิง
เสิ่นเสวี่ยได้หมั้นหมายกับ หลัวเฉินเฟย บุตรชายคนโตของท่านเสนาบดีหลัว แต่ทว่าเขากลับมีใจรักใคร่ต่อเสิ่นหนิงน้องสาวต่างมารดาของนาง
เสิ่นหนิงลอบยกยิ้มมุมปากอย่างพึงพอใจ รู้สึกสมเพชเวทนาเสิ่นเสวี่ยไม่น้อย นางหันไปพยักหน้าให้ฮูหยินรองอวิ๋นผู้เป็นมารดาอย่างสาสมใจ รู้สึกมีความสุขเป็นอย่างยิ่งกับการได้มองเห็นความทุกข์ของเสิ่นเสวี่ย
"อาหลี่!!! บ่าวชั่ว เจ้ากล้าล่วงเกินบุตรสาวของข้า!!!"
"บ่าวขออภัยขอรับ บ่าวยินดีรับผิดชอบชีวิตของคุณหนูใหญ่ขอรับ"
พลั่ก!!!
เสิ่นเหยากวงยกเท้าขึ้นถีบอาหลี่จนกระเด็นล้มลงไปกองกับพื้น
อาหลี่คือบ่าวรับใช้ที่เขาซื้อตัวมาเมื่อหนึ่งปีก่อน อาหลี่คอยดูแลสวนที่ท้ายจวน ปลูกผักและนำไปขายที่ตลาด แต่ทว่าบ่าวชั่วผู้นี้กลับลอบมีความสัมพันธ์ที่น่าอับอายขายหน้ากับลูกสาวของเขา
"ไป๊!!! ไปอยู่ที่สวนท้ายจวนกันเสีย ไม่มีเหตุจำเป็นอย่ามาเสนอหน้าให้ข้าเห็นอีก!!!"
อาหลี่หันไปมองเสิ่นเสวี่ยที่นั่งก้มหน้าร้องห่มร้องไห้จนตาบวมแดงไปหมด นางหันมามองเขาด้วยสายตาที่เจ็บปวดและเกลียดชัง ก่อนจะลุกขึ้นยืนและวิ่งออกไปทันที
"ฮืออออ"
"เสวี่ยเอ๋อร์ลูกแม่!!!"
ฮูหยินใหญ่ วิ่งตามบุตรสาวของตนด้วยความเป็นห่วง เสิ่นเสวี่ยหันกลับไปมองมารดาก่อนจะโผเข้าไปสวมกอดและร้องไห้จนแทบขาดใจ
"ท่านแม่ ฮือออ ข้าไม่ได้ตั้งใจนะเจ้าคะ"
"แม่รู้ แม่รู้ เจ้าอดทนหน่อยเถิด แม่จะต้องหาทางช่วยเจ้าให้ได้"
"ช่วยเช่นไรเจ้าคะ? ชื่อเสียงของลูกฉาวโฉ่ไม่เหลือชิ้นดีแล้ว ท่านพี่หลัวเฉินเฟยไม่ยินดีที่จะรับลูกเป็นภรรยาแล้ว ฮือออ"
สองแม่ลูกกอดกันร่ำไห้อย่างน่าเวทนา
"น่าอับอายไม่น้อย ไม่รู้ว่าพี่หญิงเลี้ยงลูกเช่นไรนะเจ้าคะ จึงใฝ่ต่ำเอาคนรับใช้ชาวสวนมาเป็นสามี"
ฮูหยินรองอวิ๋นเอ่ยเยาะเย้ยถากถางสองแม่ลูกอย่างดูแคลน ฮูหยินใหญ่ทำได้เพียงเม้มริมฝีปากแน่นไม่กล้าเอ่ยทัดทานใดๆ จำต้องทนยอมให้สองแม่ลูกกดขี่ข่มเหงมาโดยตลอด
เสิ่นเสวี่ยกลับมาเก็บข้าวของที่จำเป็นต้องใช้เพื่อตามอาหลี่ไปอยู่ที่เรือนท้ายสวน ฮูหยินใหญ่ทำได้เพียงยืนมองบุตรสาวของตนเองทุกข์ทรมานคับแค้นใจด้วยความเวทนา
อาหลี่เป็นชายหนุ่มผิวคล้ำ แต่ใบหน้าของเขาหล่อเหลาใช้ได้ เขาเดินตามหลังเสิ่นเสวี่ยไปด้วยจิตใจที่หวาดหวั่น
"คุณหนูใหญ่ ให้บ่าวช่วยนะขอรับ"
"ไสหัวไป๊!!! ฮือออ ไอ้คนชั่วช้า เจ้ามันชั่วช้า!!!"
เสิ่นเสวี่ยยกกำปั้นทุบตีอาหลี่จนเกิดเสียงดังปึกปึก อาหลี่เองก็ไม่คิดขัดขืน ยอมให้นางด่าทอทุบตีจนพอใจ ขอเพียงนางได้ระบายอารมณ์ เขายินยอมทุกอย่าง
เสิ่นเสวี่ยทุบตีอาหลี่จนเหน็ดเหนื่อย ก่อนจะทรุดตัวลงนั่งร้องไห้ด้วยความคับแค้นใจ
เสิ่นหนิง!!! เป็นฝีมือของเจ้า ข้ารู้!!! ข้าจะต้องแก้แค้นเจ้าให้ได้!!!
นับตั้งแต่วันนั้นเป็นต้นมา เสิ่นเสวี่ยก็ใช้ชีวิตอยู่ที่เรือนท้ายสวนตระกูลเสิ่นกับอาหลี่มาโดยตลอด แต่นางกลับทุบตีด่าทอ จิกหัวใช้เขาเยี่ยงทาส ไม่ยอมให้เขาแตะเนื้อต้องตัว ตามร่างกายของอาหลี่มีรอยขีดข่วนทุบตี ที่เกิดจากน้ำมือของเสิ่นเสวี่ย
ความอัดอั้นคับแค้นใจที่หาทางออกและแก้แค้นคนที่คิดร้ายต่อตนเองไม่ได้ ทำให้ท้ายที่สุดเสิ่นเสวี่ยก็คิดสั้นด้วยการกระโดดน้ำฆ่าตัวตายที่สระน้ำท้ายสวน
"คุณหนูใหญ่ ได้เวลากินข้าวแล้วขอรับ"
อาหลี่ที่เพิ่งทำอาหารเสร็จเรียบร้อยแล้ว เขากำลังเดินยกอาหารเข้ามาให้เสิ่นเสวี่ยในห้อง แต่กลับพบเพียงแค่ความว่างเปล่า
"คุณหนูใหญ่!!! คุณหนูใหญ่!!!"
อาหลี่รับรู้ได้ถึงความผิดปกติ เขารีบวิ่งตามหาเสิ่นเสวี่ยจนทั่วทั้งเรือน เหงื่อเม็ดโตผุดขึ้นตามใบหน้าของเขา ความหวาดกลัวภายในใจเริ่มมีมากขึ้นเรื่อยๆ เขาคิดอะไรบางอย่างขึ้นมาได้ ก่อนจะรีบตรงไปที่สระน้ำท้ายสวนทันที
"คุณหนูใหญ่!!!"
ร่างของเสิ่นเสวี่ยกำลังค่อยๆ จมลงไปใต้น้ำ อย่างช้าๆ อาหลี่รีบกระโดดลงไปคว้าร่างของนางขึ้นมาบนฝั่งด้วยความตื่นตระหนก
"คุณหนูใหญ่ คุณหนูใหญ่!!! ฟื้นสิขอรับ!!!"
เขาเขย่าร่างของเสิ่นเสวี่ยซ้ำแล้วซ้ำเล่า แต่ก็ไร้การตอบสนองจากร่างกายนาง
เซี่ยงไฮ้ 2021
"เสิ่นเสวี่ย วันนี้แกดื่มหนักไปแล้วนะ"
"เอาน่า วันนี้วันเกิดฉันนะ และอีกอย่างฉันจะดื่มให้หนักๆ ชนแก้ว!!!"
เสิ่นเสวี่ยหญิงสาวอายุยี่สิบห้าปี ผู้ที่เพิ่งหย่าขาดจากสามีมาหมาดๆ เขานอกใจเธอไปแต่งงานกับผู้หญิงคนอื่น และยังหลอกเอาทรัพย์สมบัติของเธอไปจนหมด
ดื่มให้กับความเฮงซวย!!!
03.00 น.
เสิ่นเสวี่ยขับรถกลับจากปาร์ตี้กับเพื่อนจนเกือบรุ่งสาง ในขณะที่กำลังขับรถกลับบ้านนั้น รถของเสิ่นเสวี่ยก็เกิดเสียหลักพลิกคว่ำลงข้างทาง และกระแทกไปชนกับเสาไฟฟ้ารายทางจนพังยับเยิน เสิ่นเสวี่ยเสียชีวิตทันทีในที่เกิดเหตุ
"คุณหนูใหญ่!!!"
"แค่ก แค่ก โอ๊ะ!!!"
"คุณหนูใหญ่ฟื้นแล้วหรือขอรับ!!!"
อาหลี่ถอนหายใจเฮือกใหญ่ด้วยความโล่งอก เขารีบถอดเสื้อคลุมผืนเก่าที่ใส่อยู่มาห่อหุ้มร่างกายของเสิ่นเสวี่ยเอาไว้ ก่อนจะอุ้มร่างของนางที่เปียกชุ่มไปด้วยน้ำกลับเข้าไปในเรือน
เสิ่นเสวี่ยที่กำลังอยู่ในอาการตื่นตระหนก นางรีบหันไปมองรอบด้านด้วยความแปลกใจ
"เราอยู่ที่ไหนวะเนี่ย? แล้วนี่ โอ้โห!!! หล่ออ่า"
เสิ่นเสวี่ยเงยหน้าไปมองอาหลี่ที่อุ้มนางวิ่งเข้ามาในเรือนด้วยความกระหืดกระหอบ
ลูกกระเดือกนั่น โอวว!!! หล่อเท่
เสิ่นเสวี่ยส่ายศีรษะไปมา เมื่อเริ่มได้สตินางจึงคิดย้อนถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อครู่นี้
เมื่อกี้ฉันขับรถเสียหลักลงข้างทางนี่? แล้วทำไมถึงมาโผล่อยู่ที่นี่ได้วะเนี่ย?
อาหลี่วางร่างของเสิ่นเสวี่ยลงบนเตียงอย่างแผ่วเบา ก่อนจะยืนมองนางด้วยท่าทีเก้ๆ กังๆ
"คุณหนูใหญ่รีบเปลี่ยนเสื้อผ้าเถิดขอรับ บ่าวจะไปต้มน้ำร้อนมาให้"
"เดี๋ยว"
"ขอรับ"
"คุณเรียกฉันว่าอะไรนะคะ?"
อาหลี่ขมวดคิ้ว จ้องมองเสิ่นเสวี่ยด้วยท่าทีสงสัย
"คุณหนูใหญ่เสิ่นเสวี่ยจำบ่าวไม่ได้หรือขอรับ?"
จู่ ๆ ภาพความทรงจำมากมายของเจ้าของร่างเดิม ก็ผุดขึ้นมาในหัวของนางเต็มไปหมด
"ฮืออออ ลูกไม่ได้ตั้งใจ"
"ข้าเกลียดเจ้าอาหลี่!!!"
"เสิ่นหนิงข้าจะตามล้างแค้นเจ้า!!!"
"ท่านพี่หลัวเฉินเฟยย!!!"
"โอ๊ย!!!"
"คุณหนูใหญ่เสิ่นเสวี่ย!!!"
เสิ่นเสวี่ยรู้สึกปวดหนึบที่ศีรษะเหลือเกิน ภาพต่างๆ มันปรากฏขึ้นอย่างไม่ยอมหยุดเคลื่อนไหว นางรีบลุกขึ้นยืนก่อนจะเดินไปที่กระจก
นี่นางตายแล้วกลับชาติมาเกิดเป็นคุณหนูใหญ่เสิ่นเสวี่ยผู้ที่มีใบหน้าและมีชื่อเดียวกันกับนางอีกด้วย นี่มันเรื่องบ้าอะไรกัน? แล้วยังได้สามีเป็นคนรับใช้ในเรือนอย่างนั้นหรือ
เสิ่นเสวี่ยถอนหายใจให้กับความอับโชคในชะตาชีวิตของนางอย่างห้ามไม่ได้
ช่างเถิด!!! อย่างน้อยก็ดีกว่าต้องใช้ชีวิตอย่างทรมานอยู่กับความเจ็บปวดจากชาติปัจจุบัน อย่างน้อยก็ได้มาเกิดใหม่ แล้วยังได้สามีใหม่ที่ถูกใจนางเสียด้วย
เสิ่นเสวี่ยเงยหน้าไปมองอาหลี่ ชายหนุ่มน่าจะอายุราวๆ สิบเก้าปีเศษ นางสังเกตเห็นว่าตามร่างกายของเขามีบาดแผลจากการถูกทำร้ายทุบตีจนเต็มไปหมด
"ทำไมตามตัวของคุณถึงมีแต่แผลล่ะคะ?"
อาหลี่ก้มหน้าก้มตาไม่กล้าเอ่ยปากอะไร เสิ่นเสวี่ยจึงสามารถรับรู้ได้ทันที ว่าที่ผ่านมาอาหลี่ต้องพบเจอกับอะไรมาบ้าง ภาพที่เขาถูกด่าทอทุบตีปรากฏเลือนรางขึ้นในความทรงจำของนาง
ให้ตายสิ!!! เสิ่นเสวี่ยคนเดิมช่างใจร้ายเกินไปแล้ว ทำกับหนุ่มน้อยสุดหล่อแบบนี้ได้เช่นไรกัน
เสียตัวแล้วก็แล้วกันไปสิ หล่อขนาดนี้ เป็นข้า ข้าจะยินยอมเสียอีกหลายๆ รอบ
เสิ่นเสวี่ยปรายตามองอาหลี่ที่กำลังยกถ้วยชาขึ้นดื่มดับกระหายด้วยความหิวโหย
"เจ้าชื่ออาหลี่เหรอ?"
"ขอรับ"
"อาหลี่เฮีย?"
อาหลี่ทำหน้างุนงงเล็กน้อย สร้างความขบขันให้แก่เสิ่นเสวี่ยเป็นอย่างยิ่ง
"เป็นสามีข้า?"
"เอ่อ...ขอรับ"
"นอนกับข้ามากี่ครั้งล่ะ?"
พรวดดดด
อาหลี่พ่นชาร้อนออกมาทันทีเมื่อได้ยินคำถามชวนเสียวซ่านจากเสิ่นเสวี่ย
"คุณหนูใหญ่ ถามอะไรน่ะขอรับ?"
เสิ่นเสวี่ยเพิ่งจะนึกขึ้นมาได้ นางจึงยกมือขึ้นเกาหัวแก้เก้อเขิน
หนุ่มน้อยน่าจะยังไม่ชิน เสิ่นเสวี่ยคงทำเขาหวาดกลัวเอาไว้มากเสียทีเดียว
ข้าจะปลอบประโลมเจ้าเองพ่อหนุ่มน้อย
"อาหลี่ ขอบใจเจ้ามากนะที่ช่วยข้า เผอิญข้าลื่นล้มจึงตกน้ำน่ะไม่ทันระวัง"
"บ่าวเต็มใจขอรับ"
"อย่าเรียกแทนตนเองว่าบ่าวเลย มันดูห่างเหินเกินไป เรียกข้าว่า เสิ่นเสวี่ยเถิด ข้าเคยทำผิดต่อท่านข้าขอโทษนะเจ้าคะ"
"เอ่อ"
"เรียกสิ"
"เสิ่นเสวี่ย"
"ดีมาก!!! ต่อไปนี้ข้าก็จะเรียกท่านว่าท่านพี่อาหลี่ "
"คุณหนูใหญ่ เอ่อ เสิ่นเสวี่ย"
"เรียกบ่อยจัง"
อาหลี่ก้มหน้าไม่พูดไม่จา เสิ่นเสวี่ยยกยิ้มมุมปากเล็กน้อย ดูแล้วอาหลี่คงจะอายุมากกว่าร่างนี้ไปถึงสามสี่ปี เสิ่นเสวี่ยนางนี้อายุคงจะราวๆ สิบเจ็ดปีได้ กำลังเติบโตเป็นสตรีวัยแรกแย้มที่งดงามน่าเชยชม
"รีบเปลี่ยนชุดก่อนเถิดขอรับ เดี๋ยวจะไม่สบาย"
"โอ๊ะ ข้าลืมไปเลย ท่านพี่อาหลี่เจ้าขา มาช่วยข้าเปลี่ยนชุดหน่อยเถิด"
อาหลี่รีบก้มหน้างุดด้วยความเขินอาย แม้จะขึ้นชื่อว่าเป็นสามีของเสิ่นเสวี่ย แต่ทว่าเรื่องราวในคืนนั้น เขาเองกลับจำอะไรไม่ได้เลยด้วยซ้ำ รู้เพียงแต่ว่าเขาดื่มชาร้อนเข้าไป หลังจากนั้นสติทั้งหมดของเขาก็ดับวูบไม่รับรู้สิ่งใดอีกเลย
"ท่านพี่อาหลี่"
"เอ่อ บ่าว เอ่อ ข้าจะช่วยเจ้าเดี๋ยวนี้"
"เร็วๆ สิเจ้าคะ"
อาหลี่รีบเดินเข้าไปช่วยเสิ่นเสวี่ยผลัดเปลี่ยนเสื้อผ้าอาภรณ์ด้วยท่าทีเก้ๆ กังๆ สายตาของเขาจ้องมองไปที่ผิวขาวนวลเนียนราวหยกงามของนางอย่างไม่ละสายตา
"ท่านพี่อาหลี่ จะจ้องอีกนานไหมเจ้าคะ?"
"เอ่ออ ข้าจะไปนำเสื้อผ้าตัวใหม่มาให้"
อาหลี่รีบวิ่งออกไปทันที เขายกมือขึ้นจับที่แผงอกล่ำสันของตนเอง ในใจของเขามันเต้นถี่ระรัวราวกับกำลังจะหยุดเต้น
เขาหลงรักนางมาตั้งแต่แรกเจอ แต่เพราะรู้ดีว่าตนเองเป็นเพียงบ่าวท้ายสวนผู้ต่ำต้อย จึงไม่กล้าอาจเอื้อมต่อนาง
เขาไม่รู้ว่านางจะมาไม้ไหน จะแกล้งทำดีต่อเขาและสุดท้ายก็จะลงมือทุบตีเขาเหมือนทุกครั้งอีกหรือไม่
แต่เขาก็ยินยอมที่จะเป็นทาสรักของนางไปชั่วชีวิต
คนในจวนตระกูลหลัวถูกลงโทษประหารชีวิตทั้งหมด เหล่าข้ารับใช้ถูกขายกระจัดกระจายไปตามที่ต่างๆ เหล่านักฆ่าที่เสนาบดีหลัวเลี้ยงดูเอาไว้ถูกสังหารจนหมดสิ้น จ้าวหรงฟังจัดการถอนรากถอนโคนจวนตระกูลหลัวจนสิ้นซาก เหล่าชาวบ้านต่างรู้สึกดีใจไม่น้อย ที่จะไม่ต้องทนถูกเสนาบดีหลัวข่มเหงรังแกอีกต่อไปด้านไป๋หลานฮวาก็ยอมตัดใจไปแต่งงานกับคุณชายตระกูลอื่น นางไม่อยากใส่ใจรอคอยบุรุษที่ไม่เห็นค่าของนาง ที่สำคัญไปกว่านั้นก็คือ นางกลัวเสิ่นเสวี่ยจะมากระชากหนังหัวของนางเหมือนเช่นครั้งก่อนอีก ไป๋ไทเฮาติดสุราจนลงแดง ฮ่องเต้จ้าวหรงฟังจึงได้ส่งนางไปบวชชีอยู่ที่วัดอย่างเงียบๆ และห้ามกลับเข้าวังหลวงอีก เขาหวังว่าวัดจะสามารถขัดเกลามารดาบุญธรรมของเขาได้บ้าง บุคคลภายนอกรับรู้เพียงแต่ว่า ไทเฮาอยากคิดปลีกวิเวก ไม่สนใจอำนาจในราชสำนักอีก จึงขอออกบวชที่วัดบนเขาตลอดชีวิตไทเฮาแม้จะรู้สึกโกรธเคืองจ้าวหรงฟังไม่น้อย แต่ก็คร้านจะไปสนใจเขา ถึงแม้นางจะอยู่ในวัดแต่ก็ยังแอบให้นางกำนัลที่คอยรับใช้ออกไปนำสุรามาให้นางดื่มเป็นประจำ ใครจะเลิกดื่มกันของดีเช่นนี้!!! เมาจนตายอยู่ในวัดข้าก็ยอม รัชศกม่านฉีปีที่ 1 ฮ่องเต้จ้าวหรงฟังทรงสิ้นพระช
นักฆ่าเตรียมเงื้อดาบขึ้นมาฟาดฟันที่ร่างของจ้าวม่านฉีและเสิ่นเสวี่ย ทว่ากลับถูกดาบปริศนาฟาดฟันเข้าใส่จนล้มลงไปกองกับพื้นและขาดใจตายทันทีเสนาบดีหลัวตื่นตระหนกไม่น้อย เขาหันไปมองซ้ายขวา และพบเข้ากับองครักษ์ที่กระโดดออกมาจากที่ซ่อนกาย พวกเขารอรับคำสั่งจากจ้าวม่านฉี เมื่อจ้าวม่านฉีส่งสัญญาณมือ พวกเขาจึงลงมือสังหารเหล่านักฆ่าของเสนาบดีหลัวทันที "นี่พวกเจ้า!!!""ไม่คิดเลยว่าเจ้าจะใจกล้าเทียมฟ้าถึงขนาดส่งเมียรักมาเป็นสนมของข้า แล้วยังวางแผนให้บุตรชายของเจ้าได้ขึ้นครองบัลลังก์ของข้าอีกด้วย ชั่วช้าเกินคนจริงๆ"จ้าวหรงฟังเดินเข้ามาพร้อมกับเสิ่นเหยากวง ด้านหลังของพวกเขายังมีหลัวกุ้ยเฟยและจ้าวมู่หรงที่ถูกลากออกมาพร้อมกันด้วย เสิ่นเหยากวงเป็นห่วงความปลอดภัยของบุตรสาว เขาจึงแอบตามไปด้วย โดยเร้นกายอยู่ไม่ไกลจากจ้าวม่านฉีและเสิ่นเสวี่ยมากนัก และแจ้งเรื่องนี้ให้แก่จ้าวหรงฟังได้รับรู้ถึงความชั่วช้าของเสนาบดีหลัว จ้าวหรงฟังพิโรธเป็นอย่างยิ่ง เดิมทีเขายังไม่เชื่อ จึงสั่งคนไปจับตัวจ้าวมู่หรงมาพิสูจน์ความเป็นสายเลือด แต่ทว่าภาพที่ปรากฏต่อสายตาของเขาคือจ้าวมู่หรงไม่ได้มีความเกี่ยวข้องใดๆ ทางสายเลือดกับเขา
กลางดึกของคืนถัดมา จ้าวม่านฉีและเสิ่นเสวี่ยสองสามีภรรยา สวมชุดสีดำและใช้ผ้าปิดบังใบหน้า แอบปีนออกจากกำแพงวังหลวงมุ่งหน้าตรงไปที่จวนตระกูลหลัวทันที จวนตระกูลหลัวใหญ่โตโอ่อ่าไม่น้อย รอบๆ จวนจุดคบไฟเอาไว้เพื่อช่วยให้แสงสว่าง การคุ้มกันในจวนตระกูลหลัวค่อนข้างแน่นหนาเป็นอย่างยิ่ง โชคดีที่จ้าวม่านฉีได้ฝึกฝนวิชาตัวเบาจากเสิ่นเหยากวงและเสิ่นเฟยมาไม่น้อย ทุกฝีก้าวจึงไร้ซึ่งเสียงใดให้เป็นพิรุธ เสิ่นเสวี่ยเองก็พยายามเดินตามเขาอย่างระมัดระวังที่สุด จ้าวม่านฉีจับมือของเสิ่นเสวี่ยเอาไว้ไม่ยอมปล่อยให้นางละสายตาแม้แต่นาทีเดียวทั้งสองหลบอยู่ในมุมมืดที่มีกิ่งไม้ปกคลุม จ้าวม่านฉีมองไปตรงหน้าซึ่งเป็นเรือนขนาดใหญ่ที่สุด ดูแล้วคงจะเป็นเรือนที่เสนาบดีหลัวพักอยู่ แสงเทียนยังคงสว่างไสวภายในเรือนนั้น เสิ่นเสวี่ยและจ้าวม่านฉี ค่อยๆ แฝงตัวเข้าไปแล้วจึงแนบหูฟังเสียงสนทนาภายในเรือนหลังนั้น ภายในเรือนไม่ได้มีแค่เสนาบดีหลัวเพียงเท่านั้น แต่จ้าวม่านฉีกลับได้ยินเสียงคล้ายสตรีกำลังสนทนากับเขาอยู่ "จะลงมือจัดการกับจ้าวม่านฉีและเสิ่นเสวี่ยเมื่อใดเจ้าคะ?""อีกไม่นานฝ่าบาทจะเสด็จไปที่พระราชวังฤดูร้อนใกล้ทะเลสาบนอกเมือง
เสิ่นเสวี่ยนำเรื่องนี้มาปรึกษาหารือกับจ้าวม่านฉี นางวางแผนกับเขาเอาไว้ว่าคืนพรุ่งนี้จะแอบปีนเข้าไปสำรวจภายในจวนตระกูลหลัวเสียหน่อย จ้าวม่านฉีไม่วางใจที่จะให้นางไปคนเดียว เขาจึงอาสาจะไปเป็นเพื่อนนางด้วย หลังจากรับสำรับมื้อค่ำเรียบร้อยแล้ว เสิ่นเสวี่ยก็เตรียมตัวจะไปอาบน้ำผลัดเปลี่ยนอาภรณ์ นางรู้สึกเหนียวเหนอะหนะตามร่างกายเป็นอย่างยิ่ง จ้าวม่านฉีที่เห็นเช่นนั้นก็สะบัดมือไล่เหล่านางกำนัลให้ออกไปจนหมด เสิ่นเสวี่ยขมวดคิ้วมุ่น หันไปมองเขาด้วยท่าทีประหลาดใจไม่น้อย "ท่านไล่พวกนางออกไปจนหมดตำหนักด้วยเหตุใดกันเจ้าคะ?"จ้าวม่านฉีไม่พูดสิ่งใด เขาเพียงยกยิ้มเจ้าเล่ห์ที่มุมปาก ก่อนจะปลดเปลื้องเสื้อผ้าอาภรณ์ออกจนหมด เผยให้เห็นลำแท่งไผ่ใหญ่ยาวที่กำลังแข็งชูชันชี้โด่มาที่ใบหน้าสวยของนางเสิ่นเสวี่ยยกมือขึ้นปิดปากตนเองพร้อมกับหัวเราะคิกคัก ดวงตาคู่สวยจ้องมองไปที่ความเป็นชายขนาดใหญ่ยักษ์ของผู้เป็นสามีด้วยความตื่นเต้น นานแล้วนะที่ไม่ได้เล่นกับจ้าวม่านฉีน้อย!!!"ตั้งแต่อภิเษกเจ้าเข้าวังมา ข้ายังไม่ได้เข้าหอกับเจ้าอย่างเป็นทางการเลย วันนี้เรามาเข้าหอกันดีหรือไม่เมียรักของข้า?"จ้าวม่านฉีเดินเข้ามาใกล้ๆ เส
ฟึ่บ!!! ฉับ!!!เสียงคมดาบฟาดฟันลงมาที่กลางแผ่นหลังของเสิ่นหนิง เลือดสดๆ ไหลล้นทะลักออกมาเป็นสาย คนของเสนาบดีหลัวคิดจะลงมือซ้ำอีกครั้งเพื่อให้นางตกตาย แต่กลับถูกลูกธนูยิงเข้าที่กลางอกเสียก่อน "เสิ่นหนิง!!!""ท่านพ่อ อึก ท่านพ่อ"เสิ่นเหยากวงรีบเข้ามาประคองร่างของบุตรสาวเอาไว้ นางอุ้มทารกน้อยเอาไว้แนบอก ดวงตาที่เอ่อคลอไปด้วยหยาดน้ำตาจ้องมองผู้เป็นบิดาด้วยสายตาที่หวาดหวั่น เสิ่นเหยากวงสั่งให้คนคอยคุ้มกันเขากับเสิ่นหนิงเอาไว้ สายตาเย็นชาจ้องมองเสนาบดีหลัวที่ยืนอยู่ด้วยความเกลียดชัง "เหตุใดจึงเป็นเช่นนี้ เสิ่นหนิง""ท่านพ่อ อึก!!!"เสิ่นหนิงกระอักเลือดออกมาคำโต นางค่อยๆ ขยับใบหน้าเข้าไปใกล้กับบิดา และกระซิบบอกเล่าเรื่องราวอัปยศเลวทรามที่เกิดขึ้นให้เขาฟังจนหมด "ต่ำช้า!!!""ท่านพ่อ อึก ฝากลูกข้าด้วย!!!"เสิ่นหนิงยื่นฝ่ามือเรียวงามไปซับน้ำตาให้ทารกน้อยในอ้อมกอดด้วยความรักใคร่ "อย่าร้องเลยลูกแม่ เจ้าจงเป็นเด็กดีของท่านตานะ อึก ท่านพ่อ ท่านพี่อยู่ในวังหลวง ขอให้นางช่วยคุ้มครองลูกข้าด้วย ฮึก ฝากบอกแก่นางทีว่าข้าสำนึกผิดในใจแล้ว"สิ้นคำพูดสุดท้าย ร่างของเสิ่นหนิงก็แน่นิ่งไป เสิ่นเหยากวงยื่นฝ
จวนตระกูลหลัวกำลังระส่ำระสายอย่างหนัก เมื่อหลัวเฉินเฟยเกิดล้มป่วยขึ้นมากะทันหัน ด้านเสิ่นหนิงก็ให้กำเนิดบุตรชายหนึ่งคน สร้างความปีติยินดีแก่คนในจวนไม่น้อย นางลอบยกยิ้มมุมปาก นึกสมเพชเวทนาพวกชั่วช้าที่โง่งม ไม่รู้ว่าที่แท้จริงบุตรในท้องของนางไม่ใช่สายเลือดของจวนตระกูลหลัวเลยแม้แต่น้อย อาเหวยรู้สึกดีใจที่ได้เห็นหน้าบุตรชายของตนแต่ก็ต้องแสร้งเก็บอาการเอาไว้ หลัวเฉินเฟยกระอักเลือดมาสองวันติดแล้ว คงเพราะยาพิษที่เขาค่อยๆ ให้ดื่ม เริ่มออกฤทธิ์แล้ว เสนาบดีหลัวรู้สึกร้อนใจเหลือเกินที่บุตรชายของตนล้มป่วยลงเช่นนี้ เขาสั่งหมอให้มาตรวจดูอาการของหลัวเฉินเฟย แต่หมอทุกคนต่างส่ายหน้าไปตามๆ กัน "อาการของคุณชายใหญ่ย่ำแย่ลงทุกวัน เห็นทีคงจะอยู่ได้อีกไม่นานขอรับ"เสนาบดีหลัวที่ได้ยินเช่นนั้นก็หน้าถอดสี เขามองหลัวเฉินเฟยที่นอนใบหน้าซีดเผือดอยู่บนเตียงด้วยความสงสาร เฉินเฟยเป็นบุตรชายที่เขารักมาก เหตุใดสวรรค์จึงกลั่นแกล้งตระกูลหลัวเช่นนี้ ในค่ำคืนที่เงียบสงบ ปรากฏร่างของอาเหวยและเสิ่นหนิง นั่งอยู่ที่ข้างเตียงของหลัวเฉินเฟย และจ้องมองเขาด้วยสายตาเกลียดชัง หลัวเฉินเฟยค่อยๆ ลืมตาขึ้นมามองคนทั้งสองข้าง "อา