เซียวจ้านเป่ยตรงไปโรงเตี้ยมสุขสราญย์ทันที หมูป่าเพิ่งตายไม่นานก็จริง แต่หากไม่ใช่เพราะว่าเขาจะเข้าเมืองมาซื้อเสื้อผ้ากับของให้เมียล่ะก็ หมูนี่คงชำแหละขายในหมู่บ้านแล้ว อยากกลับบ้านจะแย่แล้วต้องรีบขาย
"อ้าวนายพรานเซียวหรือ วันนี้ได้อะไรมากันเล่า ท่านไม่ขึ้นเขานานแล้วนี่ตั้งเกือบปีแล้ว"
หยวนเหอเป็นหลงจู๊ของโรงเตี้ยมแห่งนี้ หลงจู๊คนนี้นิสัยดี ไม่กดราคา จึงทักทายเขากลับ
"อ้อ พี่หยวนเหอพอดีข้าวางกับดักไว้ ได้หมูป่ามาสองตัวเลยนำมาให้ท่าน ไม่ทราบว่าท่านรับซื้อหรือไม่ขอรับ" หยวนเหอเหมือนสวรรค์มาโปรด
"เฮ้อ ที่จริงนะอาเซียวหมูป่าตายแล้วชั่งละห้าสิบอีแปะเท่านั้น แต่ช่วงนี้ฝนตกนายพรานขึ้นเขาไม่ได้ อีกทั้งมีคนมาจากเมืองหลวง เป็นคุณชายตระกูลใหญ่มาเที่ยวเมืองกว่างโจวของเรา คนของขาอยากกินเนื้อแต่ข้าไม่มี เถ้าแก่กำลังกลุ้มใจเลยว่าจะทำเช่นไร เฮ้อข้าหยวนเหอคงมีบุญวาสนา สวรรค์ถึงส่งเจ้ามาเอาเช่นนี้ข้าให้ราคาเท่ากับหมูเป็นชั่งละแปดสิบอีแปะแล้วกัน อาจูมาเอาหมูไปขึ้นตาชั่ง"
หยวนเหอสั่งคนงานไม่ช้าก็นำหมูป่าสองตัวไป เซียวจ้านเป่ยเลียบๆเคียงๆถามหยวนเหอถึงคนที่มา หากเกี่ยวข้องกับหรานซินชายารองเสด็จพ่อเขาต้องวางแผนให้ลูกกับเมียใหม่
"เอ่อ คนที่มาเป็นผู้ใดหรือขอรับพี่หยวนเหอ ถึงทำให้เถ้าแก่ของท่านถึงกับลำบาก ปกติกว่างโจวนี่เถ้าแก่ฉินก็ถือว่าเทียบเคียงฮ่องเต้แล้วไม่ใช่หรือขอรับ"
เซียวจ้านเป่ยเอ่ยเสียงเบา เหอหยวนส่ายหน้า
"จุ๊ๆๆๆอย่าดังไป ข้าได้ยินว่าคนเหล่านั้นมาตามหาทายาทอ๋องคนหนึ่ง หลายปีก่อนสูญหายแถวชายแดนอี้โจว พอดีที่นี่มีโรงเตี้ยมจึงแวะพักก่อนจะเดินทางต่อ คนที่มาเห็นว่าชื่อคังหยุนน่ะ"
อาจูเดินกลับมาจากข้างในก่อนจะแจ้งแก่เหอหยวน
"นายท่านหมูป่าสองตัวทั้งหมด732ชั่งขอรับ"
"อ้อ อาเซียว732ชั่งๆละ80อีแปะเป็นเงิน50ตำลึงกับ560อีแปะ ข้าปัดเศษให้เจ้าเป็น60ตำลึงแล้วกัน พวกเขายังอยู่ที่นี่อีกหลายวัน หากเจ้าล่าอะไรได้ก็ส่งมาเถอะ เดือนหน้าเจ้าก็ไปทหารแล้วเอ่อ เดี๋ยวขากลับแวะมาเอาขนมไปให้บุตรสาวเจ้าด้วย"
เซียวจ้านเป่ยรับปาก เขาจะไปโรงฝากเงินเปิดเป็นชื่อของจูเหมยลี่ เขาต้องล่าสัตว์อีกสักสองสามครั้ง ในขณะที่หลานชายของเสนาบดีคังหยวนเป้ายังอยู่
ตอนอยู่เมืองหลวงพวกเขาไม่เคยเจอกันจึงไม่รู้จัก หลานชายเสนาบดีมาตามหาเขาเพื่ออะไร ตามหาแบบโจ่งแจ้งเสียด้วย
เซียวจ้านเป่ยอยากไปเบิกเงินท่านแม่ฝากไว้ให้ก็ไม่ไว้ใจสถานการณ์ มีเงินกว่าสิบล้านตำลึงแต่ได้แต่กอดป้ายฝากเงิน เขาช่างน่าเวทนาเสียจริงๆ
หากไม่ติดว่าต้องเป็นทหารอาจจะเบิกแล้วก็ไปใช้ชีวิตที่อื่นต่อ
คังหยุนกำลังชมทัศนียภาพของตำบลจิ่วโจวก็เหลือบไปเห็นบุรุษคนนึง ท่าเดินช่างดูองอาจนักคงเป็นนายพราน หนวดเครารุงรังกำลังเดินมาทางเขา จึงเอ่ยทักทายอย่างไม่ถือตัว
"เอ่อพี่ชาย ไม่ทราบว่าท่านเป็นนายพรานหรือเปล่า"
เซียวจ้านเป่ยที่ไม่อยากคุยกับเขาก็ส่ายหน้า แต่คังหยุนไม่ยอมแพ้ เขาอยากล่าสัตว์จึงตามตื๊อเซียวจ้านเป่ยไม่เลิก
"นี่พี่ชาย ข้าอยากล่าสัตว์ ถ้าท่านเป็นนายพรานก็ช่วยนำทางได้ไหม ข้าให้ท่านห้าสิบตำลึง ไม่พอหรือ งั้นหนึ่งร้อยตำลึง พี่ชายอย่าเดินหนีสิ ห้าร้อยตำลึงพาข้าขึ้นเขาไปล่าสัตว์ ตกลงไหม หากล่าได้หนึ่งตัวจ่ายเพิ่มตัวละยี่สิบตำลึง"
เซียวจ้านเป่ยหันกลับมา เขารำคาญไอ้เด็กปัญญาอ่อนนี่ ดูจากการเดินแล้ววรยุทธแมวสามขาแต่อยากผจญภัย
"หนึ่งพันสองร้อยตำลึง ไม่รับรองว่าเจ้าจะล่าได้หรือไม่ ข้าแค่ดูแลความปลอดภัยเจ้า อยู่บนเขาสามคืน หากล่าไม่ได้ข้าไม่คืนเงิน เขาที่จะล่าอยู่ตำบลข้างเคียง ว่าไงไม่เอาก็หลีกทาง"
คังหยุนตกลงทันที ก่อนจะควักตั๋วเงินมัดจำเขาทันทีสี่ร้อยตำลึง เซียวจ้านเป่ยให้หยวนเหอทำสัญญาให้ จากนั้นก็นัดว่าอีกสามวันให้หลังเจอกันหน้าโรงเตี้ยมสุขสราญย์
เซียวจ้านเป่ยไปโรงฝากเงินเปิดเป็นชื่อจูเหมยลี่สี่ร้อยตำลึง เขาไว้ใจจูเหมยลี่ไม่รู้เพราะอะไร หลังจากที่นางอยู่กับเขามาสี่วันเขารู้สึกว่านางไม่น่าเป็นเหมือนหงซิ่ว สตรีแพศยาคนนั้น
เฮ้อคนเราก็แปลกยิ่งเกลียดกลับยิ่งเจอ
วันนี้หัวหน้ามือปราบเหลียงพาอนุคนงามอย่างหงซิ่วมาตำบลจิ่วโจวเพื่อต้องการพบกับคุณชายคังท่านนั้น ว่ากันว่าเป็นหลานชายเสนาบดีฝ่ายขวา คนสำคัญของราชสำนัก เขาอยากประจบสอพลอคนในเมืองหลวงเพื่อหน้าที่การงานของตน
อนุของเขาคนนี้ช่างดีนักหน้าตางดงามเอาไว้ขี่เองก็ได้ ยามต้องเอาใจขุนนางทั้งหลายนางก็รับรองคนเหล่านั้นเสียถึงอกถึงใจ
บางคนถึงกับให้รถม้ามารับถึงบ้านเขา คุณชายไก่อ่อนอย่างหลานชายเสนาบดีคนนั้นหากเจอลีลายั่วยวนบนเตียงของหงซิ่วรับรองติดใจทุกคน
ขุนนางบางคนจ่ายเขาถึงสองหรือสามร้อยตำลึงแลกกับการให้นางไปปรนเปรอความสุขให้ถึงจวน
หงซิ่วไม่เคยงอแงสักครั้งที่เขาให้นางไปเหมือนนางเองก็ชอบ เหลียงเถี่ยต้านมีอนุมากมาย แต่มีแค่หงซิ่วที่เป็นทั้งอนุและยังหาเงินให้เขาได้อีก ตำแหน่งในจวนนางเสียงดังกว่าฮูหยินเอกเสียอีก
แน่นอนหากคนเหล่านั้นตอบแทนหลังจากเสร็จกิจกับนางเขาก็ไม่ยุ่ง ถือเป็นค่าเหนื่อยของนางเขารับเพียงที่เขาได้รับ
หงซิ่วเห็นเซียวจ้านเป่ยก็อยากเยาะเย้ยที่เขายังยากจนแต่นางกลับมั่งมีจึงเดินไปหาแล้วกล่าววาจาเยาะเย้ย เหลียงเถี่ยต้านที่กำลังรอคุณชายจากเมืองหลวง เห็นอดีตสามีของอนุผู้เร่าร้อนก็รอดูเรื่องสนุก
"นึกว่าใคร ที่แท้ก็นายพรานเซียว ไม่เจอเกือบปีเจ้าสบายดีหรือ นังเด็กนั่นล่ะอยู่ดีหรือว่าตายแล้ว"
เซียวจ้านเป่ยหันมาตามเสียง ก่อนจะเดินหนีหงซิ่วยังคงเดินตาม คังหยุนยืนมองดู ส่วนเหลียงเถี่ยต้านเองก็ไม่รู้ว่าเขาคือใคร
"นี่เซียวจ้านเป่ย ข้าว่านะอีกกี่ปีเจ้าก็ยากจนอยู่อย่างนี้แหละได้ข่าวว่าเมียโดดน้ำตายหรือเหอะ น่าสงสาร เอาเช่นนี้ดีหรือไม่สามีข้ากำลังหาทาสไปทำเหมืองที่ทางใต้ เจ้าสนใจขายตัวหรือไม่เล่า"
เซียวจ้านเป่ยหันกลับมาก่อนจะเอ่ยเสียงเรียบ
"ได้ข่าวว่าชู้รักของเจ้าก็เอาเจ้าไปเร่ขายให้ขุนนางผลัดกันขี่มิใช่หรือ อีกหน่อยเจ้าราคาตกก็คงขายต่อให้คนงานที่เหมืองรุมกันขี่แทน เหตุใดข้าดีใจนักที่สตรีแพศยาอย่างเจ้าหลุดพ้นเสียได้ นี่หงซิ่วภรรยาข้าน่ะนะนางเป็นสตรีที่งามยิ่งนัก เจ้าอย่าเอ่ยถึงนางเลยเจ้าไร้ค่าไม่คู่ควรหรอก ทำเมียข้ามัวหมองเปล่าๆ"
เซียวจ้านเป่ยจากไปแล้วหงซิ่วกรี๊ดเสียงดัง จนเหลียงเถี่ยต้านต้องมาลากนางไปเขาเป็นมือปราบแต่อยู่อีกอำเภอ ไม่สามารถใช้อำนาจที่นี่ได้
ทุกอย่างอยู่ในสายตาคังหยุน เขาให้คนไปสืบประวัติมือปราบกับอนุคนนี้แล้วกลับมารายงาน
ผ่านไปจนเกือบถึงเทศกาลไหว้พระจันทร์ เซียวจ้านเป่ยที่ตอนนี้กำลังพาหลิวเหว่ยเดินเล่น บุตรชายวิ่งเตาะแตะๆ ไปมา หลิวเซียงสาวใช้อุ้มอยู่ หรงหรงตั้งครรภ์จึงทำได้เพียงเดินตามบรรดาซื่อจื่อกับท่านหญิง จูเหมยลี่ที่กำลังตั้งครรภ์บุตรคนที่สามมองไปยังลานบ้าน อ้ายลี่ผิงตอนนี้อายุแปดขวบแล้วยิ่งโตยิ่งงามมากนัก จูเหมยลี่ที่เห็นบุตรสาวก็ถอนหายใจ"เป็นอะไรไปหรือเมียข้าหืม""ผิงผิงยิ่งโตยิ่งงาม พระองค์ไม่หวงแต่หม่อมฉันหวงเพคะ หากลูกยังไม่สิบแปดไม่ให้ออกเรือนนะเพคะท่านอ๋อง""อีกสิบปีเชียวนะ เซี่ยตงชิงจะรอไหวหรือ""รอไม่ไหวก็ไปหาแต่งคุณหนูจวนอื่นโน่นเพคะ"จูเหมยลี่ยอมรับนางหวงบุตรสาวคนโตยิ่งนัก บุตรสาวนางงามเพียงนี้ไม่อยากให้ใครมามองเลย"พระชายา กระหม่อมรอได้พ่ะย่ะค่ะ กระหม่อมไม่แต่งสตรีอื่นนอกจากผิงผิงเท่านั้น"เซียวจ้านเป่ยยิ้มให้กับจูเหมยลี่ เจ้าตัวน้อยที่ไม่รู้ว่าทุกคนพูดถึงนางก็วิ่งมา เห็นพี่ชายของนางมีเหงื่อเต็มไปหมดก็ปีนขึ้นเก้าอี้ให้ตัวพอดีกับเขาก่อนจะใช้ผ้าเช็ดหน้าซับเหงื่อให้"พี่ตงชิง ท่านเหนื่อยมากหรือไม่ ท่านน้าเสี่ยวอี้ทำน้ำหวานไว้ข้าไปเอามาให้นะเจ้าคะ"เซี่ยตงชิงสบสายตากลมโตของเด็กผู้หญิงตรง
จูยวี่ซานกอดภรรยาจากนั้นก็หอมหน้าผากของนาง ก่อนจะรับเอาห่อผ้าของจูเหวินบุตรชายมากอดแล้วก้มลงหอม"อย่าดื้อกับท่านแม่ พ่อไปไม่นานนักหรอกเด็กดี"ผิงผิงที่วิ่งออกมาจากในบ้านกอดเอวอ้ายเฉิงเอาไว้ก่อนจะเงยหน้าแล้วเอ่ยขึ้น"เสด็จปู่เพคะ เทศกาลไหว้พระจันทร์น้องชายจะได้สองขวบเสด็จพ่อกับเสด็จแม่จะพาหลานไปหาเสด็จปู่ที่เมืองหลวง ถึงแม้ว่าผิงผิงอยากให้เสด็จปู่อยู่ที่นี่มากกว่าก็ตาม""ผิงผิงของปูน่ารักที่สุด ตั้งใจเรียนวรยุทธกับท่านปู่ฝางให้ดีๆ เจอกันปีหน้าต้องเก่งขึ้นกว่าเดิมรู้หรือไม่""เพคะ ผิงผิงจะตั้งใจเรียนวรยุทธ และตั้งใจยิงธนูให้เก่งต่อไปผิงผิงจะเป็นเจ้าสาวของพี่ตงชิงเพคะ"จูเหมยลี่อมยิ้ม เด็กหนอเด็กยังไม่รู้อะไรเลย โตอีกหน่อยจะอายหากจำได้ว่าเคยพูดอะไรไว้ จากนั้นก็อุ้มอ้ายหลิวเหว่ยส่งให้กับพ่อสามี อ้ายเฉิงรับเอาหลานชายมาอุ้มก่อนจะเอ่ยกับจูเหมยลี่"ลี่เอ๋อร์ที่ผ่านมาพ่อยังมิได้ขอบใจเจ้า จ้านเอ๋อร์ต้องแบกรับหลายสิ่งหลายอย่าง เขาต้องทุกข์เพียงใด ยิ่งหลังจากที่ปู่หลงจากไปเขายิ่งโดดเดี่ยว การที่ มีเจ้าเข้ามาในชีวิตทำให้ความมืดมนในใจเขามลายหายไป ทุกอย่างเป็นเพราะเจ้า ขอบใจเจ้ามากนัก""เสด็จพ่อทรงก
จูเหมยลี่ไม่อยากฆ่าคน ไม่อยากเปิดเผยเรื่องของนางมากนักอยากใช้ชีวิตกับสามีและลูกอย่างเงียบๆ นางคว้าคันธนูที่ทหารกับลูกศรมา ส่งสายตาให้บุตรสาวว่านางขอโทษ อ้ายลี่ผิงพยักหน้าว่าไม่เป็นไร ก่อนจะหลับตาตามที่ท่านแม่สั่งส่งสารมาให้"ท่านอ๋อง เตรียมรับลูกกลับมานะเพคะ" จูเหมยลี่ยกคันธนูขึ้นลูกศรถูกทาบไปพร้อมปล่อยออก ก่อนจะเล็งที่ศีรษะนาง เพราะหงซิ่วจับอ้ายลี่ผิงยืนข้างหน้า มือกำอยู่รอบคอ เด็กน้อยสูงเพียงเอวของนางทำให้เปิดจังหวะการยิงมากนักหงซิ่วเห็นว่าจูเหมยลี่มีไอสังหารนางจะพลิกตัวเพื่อเหวี่ยงอ้ายลี่ผิงลงเหวแต่ไม่ทัน ลูกศรที่จูเหมยลี่ยิงออกไปนั้นเจาะกะโหลกนางพอดี หงซิ่วหงายหลังจะตกลงไป อ้ายลี่ผิงที่ถูกมือนางกำไว้ก็จะพลัดตกไปด้วย จ้านอ๋องจะไปรับบุตรสาว แต่เซี่ยตงชิงไวกว่า เขากระโดดที่เดียวก็คว้าอ้ายลี่ผิงไว้ในอ้อมกอด ก่อนจะกระแทกลงทำให้แผลที่ถูกฟันเลือดไหลไม่หยุด ก่อนจะถามอ้ายลี่ผิงนางว่าไม่เป็นไรใช่ไหม แล้วสลบไปจ้านอ๋องรีบให้คนอุ้มเซี่ยตงชิงกลับไปที่จวน ให้แจ้งแก่เซี่ยฮูหยินว่าคุณชายใหญ่จะอยู่ช่วยงานที่ตำหนักใหม่หลายวัน โจรเร่ร่อนที่รวมกันจับอ้ายลี่ผิงวันนี้จูเหมยล
เซียวจ้านเป่ยที่ตอนนี้กลับมาอยู่จิ่วโจวก็เตรียมหาทางสร้างอาชีพให้ชาวบ้าน เพราะเขาได้รับพระราชทานให้ดูแลทั้งสิบมณฑลจึงต้องดูแลราษฎร จูเหมยลี่ที่กำลังดูแลคนงานตากดอกเหมยกุ้ยอยู่ก็เดินมาหาสามีที่กำลังคุยงาน "ท่านอ๋อง ไม่ทรงพักผ่อนหรือเพคะนี่ก็บ่ายแล้วหม่อมฉันทำของว่างเอาไว้ เมื่อเช้าเสด็จพ่อแจ้งมาว่าจะเดินทางกลับเมืองหลวงพร้อมกับไท่จื่อ เลื่อนเวลาออกไปอีกครึ่งเดือนเพคะ""อืม เหนื่อยหรือไม่เด็กดี ผิงผิงเล่าไปไหนเสียแล้ว""ลูกไปหัดยิงธนูกับตงชิงเพคะ เสี่ยวเหว่ยท่านตาพาไปนั่งรถม้าเล่น พอดีซินซินอยากเข้าตำบลหาซื้อของใช้" สองสามีภรรยาพูดคุยกันไม่นานสาวใช้ก็นำขนมมา วันนี้จูเหมยลี่ทำขนมบัวลอยเนื่องจากขุดเผือกและมันได้มาก อีกทั้งฟักทองก็ให้ผลผลิตที่ดีนัก เนื้อทั้งเหนี่ยวแน่นยังมีน้ำบ๊วยที่หอมชื่นใจ ลำธารตรงหลังบ้านจะมีอยู่ช่วงหนึ่งที่เย็นตลอดเวลา จูเหมยลี่นำไหเปล่าไปแช่ในนั้นก่อนจะมาบรรจุน้ำบ๊วย แล้วผนึกฝาไหนำลงแช่อีกที น้ำบ๊วยจึงทั้งเย็นทั้งหอมชื่นใจสาวใช้แจกจ่ายของว่างให้คนงาน หลังจากงานแต่งรัชทายาททุกคนจึงรู้ว่าสามีของจูเหมยลี่คือจ้านอ๋องทำเอาชาวบ้านทำตัวไม่ถูกกันเ
เซียวจ้านเป่ยที่ตอนนี้มาถึงจิ่วโจวได้หลายวันแล้ว บางวันก็ไปคุมการต่อเติมซ่อมแซมจวน อย่างเช่นวันนี้เขาพาจูเหมยลี่มาด้วย เนื่องจากอยากขุดสระบัวและทำบ่อเลี้ยงปลาที่เมียเคยบอกว่าอยากได้"ลี่เอ๋อร์ ตรงนี้มีบ่อน้ำพุร้อน จวนสกุลหลิวที่ยึดมาที่ดินกว้างมาถึงตรงนี้ พี่ให้คนสร้างห้องอาบน้ำไว้แล้ว เจ้าอยากล้างตัวหรือไม่""สายตาพระองค์ดูก็รู้ว่าไม่ได้อยากอาบน้ำพุ เซียวจ้านเป่ยคนเจ้าเล่ห์ท่านจับข้ากินทุกเวลาแบบนี้ท้องข้าจะว่างไหมเล่า""ลี่เอ๋อร์เด็กดี ไปอาบน้ำกันนะคนงามของพี่"จูเหมยลี่รู้ดีว่าไม่รอดอีกตามเคย ตั้งแต่มาถึงเขากักนางไว้บนเขาสี่วันสามคืน พอมาถึงบ้านก็ไม่สนใจจับนางกินตลอดเวลา บ่าวไพร่ต้องไปอยู่ไกลๆเรือน เนื่องจากบ้านของเซี่ยตงหยางสร้างเสร็จแล้ว ซูฟางหรานกลับไปบ้านตัวเองแล้วในบ่อน้ำพุ เซียวจ้านเป่ยยังคงช้อนสะโพกเมียรักขยับแก่นกายใส่นางไม่หยุด เขารักนางมากนางช่างหอมหวานเหลือเกิน "แน่นนัก เหตุใดยังแน่นเหมือนตอนรักเจ้าครั้งแรกเมียจ๋า รัดจนทำนบพี่จะแตกทันทีที่เข้ามา""ท่านอ๋องเร่งเถอะเพคะ เมียอยากสุขสมแล้ว อ๊ายย ท่านกินเก่งกินดุแบบนี้หม่อมฉันจะไหวไหม อื้อ เสียวเพคะ
เซียวจ้านเป่ยจุมพิตหน้าผากเล็กของเมียรัก ก่อนจะจูบซับเหงื่อที่ชื้นทั่วกรอบหน้าและซอกคออย่างไม่รังเกียจ พักได้ไม่นานก็อุ้มนางไปที่น้ำพุร้อนในถ้ำ รักนางในบ่อน้ำพุอีกหลายครั้ง จนจูเหมยลี่หมดแรงกอดคอเขาไว้"ไม่ไหวแล้ว เมียขาอ่อนแล้ว ยืนไม่ไหวพักนะเจ้าคะ ขอนอนพักก่อนเถอะท่านพี่"ยามอู่ของวันที่สามเขาจึงแต่งตัวให้นางแล้วอุ้มพาเดินออกมา เซียวจ้านเป่ยกักนางไว้ในถ้ำถึงสามคืน พอออกมาเจอแสงข้างนอกจูเหมยลี่ถึงกับตาหยีเลย"คนบ้า ไม่ให้ข้าเห็นเดือนเห็นตะวันเลย ป่านนี้เป็นห่วงกันทั้งเรือนแล้วกระมัง""พี่ยังไม่อิ่มนะ แต่เห็นเจ้าคิดถึงลูกพี่เลยพอแค่นี้ก่อน เดี๋ยวเข้าจวนอ๋องเมื่อไหร่จะไม่ให้ลงจากเตียงเลย จนกว่าจะมีน้องให้เสี่ยวเหว่ยกับผิงผิงอีกคน""ท่านมันคนหื่น" "หึๆ พี่ยังมีแรงรักเจ้าได้อีกนะคนงาม" เขาไม่รีบ เนื่องจากขบวนที่มารับพระชายาของเขามาถึงหมู่บ้านตั้งแต่สองวันก่อน ตอนนี้ทั้งบุตรชายบุตรสาวต่างมีสาวใช้และองครักษ์ดูแล เขาอ้อยอิ่งพานางเดินชมนกชมไม้จนกระทั่งมาถึงบ้านก็ยามเซินพอดี ทุกคนเข้าแถวรอรับทั้งคู่พร้อมคำสรรเสริญ"ถวายพระพรท่านอ๋อง""ถวายพระพรพระชายา"คังหยุนและอ้าย