เซียวจ้านเป่ยเห็นจูเหมยลี่ที่อาบน้ำสะอาดสะอ้านแล้วก็ตะลึง ขนาดใส่ชุดบุรุษของเขาอยู่นางยังงามถึงเพียงนี้
เหมือนเขาจะได้ของดีนะ ถ้าป้าสะใภ้นางรู้กว่าหลานสาวตัวเองขัดสีฉวีวรรณแล้วงามเพียงนี้คงเสียดายแน่ๆ เด็กนี่หากขายให้ขุนนางอย่างน้อยๆค่าสินสอดคงมากกว่าห้าหกร้อยตำลึง
จูเหมยลี่เดินมาเกาะแขนเขาหน้าอกที่มีน้อยนิดเบียดกับต้นแขนแกร่ง เด็กนี่จงใจกลั่นแกล้งเขากับจางลู่เหลียนนางคงได้ยินที่จางลู่เหลียนดูถูกนาง
"พี่ลู่เหลียน ข้าขออภัยที่มื้อเที่ยงวันนี้รบกวนท่านแล้ว เมื่อคืนดึกไปหน่อยเลยตื่นสาย พอตื่นมาไปซักผ้าเกิดก้าวพลาดตกน้ำลำบากท่านพี่ต้องมาดูแลอีก ท่านพี่ข้าหิวแล้วขอกินข้าวก่อนนะเจ้าคะ ไม่เช่นนั้นคืนนี้จะมีแรงปรนนิบัติท่านได้อย่างไร"
ไม่พูดเปล่ายังเงยหน้าช้อนสายตายั่วยวนคนตัวสูงอีก จางลู่เหลียนน้ำตาคลอ กำมือแน่นกำลังจะเดินออกไป ก็ได้ยินเสียงหวังดีประสงค์ร้ายตามหลัง
"พี่ลู่เหลียนที่บ้านท่านไว้ทุกข์ให้ผู้ใดหรือ ใส่ชุดขาวทั้งตัวแบบนี้มาบ้านข้าคงไม่ได้มาแช่งสามีข้าหรอกนะ"
จางลู่เหลียนปิดหน้าร้องไห้วิ่งกลับบ้านไม่หันกลับมาอีกเลย เมื่อก่อเรื่องเสร็จแล้วก็ไม่มีอะไรให้ทำจูนเหมยลี่ก็ปล่อยมือเขาทันที แถมยังสะบัดหน้าใส่เดินไปหลังบ้านซักชุดตนเองมาตาก เซียวจ้านเป่ยเดินตามไปที่ลำธารก่อนจะเอ่ยเสียงเข้ม
"เหตุใดต้องทำเช่นนี้ ลู่เหลียนเป็นเด็กดีอ่อนหวาน ไม่ใช่สตรีกร้านโลกอย่างเจ้าซักผ้าเสร็จแล้วไปขอโทษนางซะ อาหารที่นางนำมาไม่มีส่วนของเจ้า อยากกินก็ทำเอง เจ้าเพิ่งจะบอกว่าไม่อยากรบกวนนางงั้นก็อย่ากิน"
จูเหมยลี่ไม่ตอบซักเสื้อเสร็จก็ลุกขึ้นสะบัดแรงๆ จนน้ำกระเซนโดนใบหน้าเขา สะบัดแรงไปหน่อยเสื้อเลยขาดเป็นรู ไม่สนใจเขาถอนหายใจนั่งลงบนก้อนหินบ่นงุ้งงิ้งคนเดียว
"เปื่อยขนาดนี้ใส่กี่ปีแล้ววะเนี่ย ยายป้ามหาภัยนี่เลวขั้นเทพเลย รอให้แม่ฟื้นกำลังได้ก่อนนะ ทั้งผัวทั้งเมียแม่จะเตะเรียงตัวเลยพับผ่าสิโอ๊ยย"
จูเหมยลี่ถูกเซียวจ้านเป่ยกระชากขึ้นมาเผชิญหน้า
"หูตึงหรือไง ข้าพูดให้เจ้าฟังยังทำไม่ได้ยิน อยากโดนตีก้นอีกหรือเด็กดื้อด้าน"
อกแกร่งกระเพื่อม ไม่เคยมีใครทำให้เขาโกรธได้ขนาดนี้มาก่อนเด็กคนนี้ช่างกล้านัก
"นี่ลุง แม่น้องนางนั่นดีขนาดนั้นแทบจะถวายตัวให้อยู่แล้วทำไมเจ้าไม่แต่งกับนางแต่มาแต่งข้า ทำไมพี่ชายนางเรียกสินสอดแพงไปไม่มีปัญญาหรือ ให้ข้าขอโทษนางรอตะวันขึ้นทิศตะวันตกก่อนเหอะ ปล่อยข้าได้แล้วข้าจะไปหาอาหาร ข้าวบ้านลุงมันกินไม่ได้นี่เชิญกินให้ติดคอตายไปคนเดียวเถอะ"
จูเหมยลี่กระชากแขนกลับมา ข่มเหงรังแกฉันเหรอไม่รู้ไงพ่อเจ๊เป็นมาเฟียนะย่ะ ร้านอาหารร้านเสื้อผ้าบังหน้าย่ะ ฉันนี่เจ้าของบ่อนนะไม่โหดจะอยู่ได้หรือ
แต่ต้องมาตายเพราะปืนปากกาเนี่ยนะ รู้ถึงไหนอายถึงนั่น บุตรสาวขาใหญ่ถูกปืนปากกาเด็กนักเรียนยิงตาย ทุเรศเกิน จูเหมยลี่ตากเสื้อก่อนจะเดินไปยังเชิงเขาติดกับกระท่อม
"เหอะ ง้อที่ไหนไม่กินของนายก็ได้ ตาแก่บ้า"
กำลังหาว่ามีอะไรกินได้เซียวลี่ผิงก็วิ่งมาหาในมือมีซาลาเปาก้อนนึงมาให้
"ท่านแม่กินสิเจ้าคะ ผิงผิงอิ่มแล้ว ท่านแม่พาข้านอนกลางวันแล้วตื่นมาข้าจะเจอท่านอีกไหม ท่านจะไม่หนีไปเหมือนท่านแม่ของข้าใช่ไหมเจ้าคะ"
เซียวลี่ผิงน้ำตาคลอ เซียวจ้านเป่ยที่เดินตามบุตรสาวมาก็ยืนนิ่ง นางฝังใจเรื่องที่ถูกทิ้งสองเดือนข้างหน้าเขาต้องทิ้งนางไปเป็นทหาร หากผู้หญิงคนนี้หนีไปอีกบุตรสาวของเขาจะทำเช่นไร
"ไม่หนีหรอก ผิงผิงของแม่น่ารักขนาดนี่จะหนีได้อย่างไร อืมซาลาเปาแข็งเกินไป นี่คืออาหารที่พี่ลู่เหลียนทำมาให้หรือ"
เซียวผิงผิงพยักหน้า
จูเหมยลี่แปลกใจตั้งแต่ฟื้นขึ้นจมูกกับสายตาดีผิดปกติ นางได้กลิ่นหอมของบัวหิมะมาแต่ไกล จึงอุ้มเซียวลี่ผิงมาคว้ามีดในบ้านก่อนจะอุ้มเด็กน้อยเดินไปชายน้ำริมลำธารอีกด้านไกลจากบ้านห้าจั้ง
"หืม บัวหิมะนี่ผิงผิงอยู่นี่นะแม่จะขุดของอร่อยให้กิน ซาลาเปานั่นแม่กินไม่ไหวจริงๆ เอาไว้เขวี้ยงหัวหมาพอได้"
"คิกๆๆๆท่านแม่ตลกเจ้าค่ะ"
เซียวจ้านเป่ยอยากรู้ว่านางจะทำอะไรจึงยืนดูอยู่ห่างๆ จูเหมยลี่ค่อยๆขุดต้นบัวหิมาทีละกอไม่นานก็ได้บัวหิมะสิบกว่าหัว
จากนั้นก็นำมาล้างโคลนออกจนสะอาด ปอกเปลือกจนเห็นเนื้อสีเหลืองข้างใน ก่อนจะหั่นชิ้นเล็กๆนั่งกินกับเด็กน้อยอย่างอร่อย
"ผิงผิง ลูกกินของส่งเดชไม่ได้นะคายทิ้งไปเดี๋ยวนี้"
เซียวจ้านเป่ยไม่เคยเห็นใครกินของเหล่านี้ นางกล้าดีอย่างไรมาให้บุตรสาวของเขากินมัน ก่อนจะใช้เท้าเตะสิ่งที่ที่จูเหมยลี่ขุดมาได้อย่างลำบากลงน้ำหมดเลย
"ไม่ไหวแล้วโว๊ย แม่งเอ๊ยขอสักทีเหอะ"
จากนั้นจูเหมยลี่ก็ยกเท้าเตะเข้าที่สีข้างเซียวจ้านเป่ยทันทีสองครั้ง เขาไม่ตั้งตัวเด็กบ้านนี้เตะแรงจริงๆ เซียวลี่ผิงร้องไห้จ้าเซียวจ้านเป่ยก้มลงจะอุ้มลูกสาวนางก็ไม่เอาชักดิ้นชักงอ จนจูเหมยลี่มาอุ้มถึงยอมเงียบแล้วกอดคอมารดาไม่สนใจพ่ออย่างเขาสักนิด
"ฮือๆๆ ท่านแม่ลงน้ำหมดเลย ข้าอยากกินอีกหวานอร่อยมากข้าไม่เคยกินเลยฮือๆๆๆๆ"
น้ำตานองหน้าสะอื้นจนน่าสงสาร จูเหมยลี่เคยถูกแม่ทิ้งมาแต่งงานใหม่มาก่อนนางเข้าใจความหว้าเหว่เช่นนี้ดี
"ไปกันเถอะเดี๋ยวพรุ่งนี้แม่ขุดให้ใหม่ ไปนอนก่อนแม่จะทำความสะอาดบ้าน ดุสิเนื้อตัวแดงหมดแล้วบ้านสกปรกเกินไป"
สองแม่ลูกเดินเข้าบ้านไม่สนใจคนตัวสูงที่ยืนโมโหจนจะบ้า ลูกสาวเขาแปรพรรคตั้งแต่เมื่อไหร่กัน ปกติเซียวลี่ผิงไม่เอาใครนอกจากเขา เห็นได้ชัดว่าตอนนี้บุตรสาวไม่ต้องการเขาเลย
เซียวจ้านเป่ยเดินเข้ามาก็ได้ยินเพลงกล่อมเด็ก ไพเราะเหลือเกินเขาไม่เคยได้ยินทำนองเหล่านี้มาก่อน แต่ฟังแล้วไพเราะนัก เผลอยืนฟังอยู่นาน ประตูห้องเปิดออกมา สองคนมองหน้ากันจูเหมยลี่เอ่ยก่อน
"นี่ตาแก่ บ้านท่าสกปรกเกินไป บุตรสาวท่านเนื้อตัวมีแต่แมลงกัด มาช่วยข้าทำความสะอาดหน่อย ผ้าปูเตียงผืนใหม่มีหรือใม่ เงินมีไหมไปหาซื้อมา บวกรวมไปกับค่าตัวของข้าตอนไถ่ตัวแล้วกัน"
พูดจบก็ไม่รอคำตอบ คว้าไม้กวาดมากวาดหยากไย่ทันที พื้นบ้านเป็นพื้นดินเวลาฝนตกมีน้ำไหลเข้ามาบ้างจะเฉอะแฉะ อยู่ไปได้อย่างไรกัน จูเหมยลี่เปิดหน้าต่างทุกบานเพื่อระบายความอับชื้น
ยามเซินก็ทำความสะอาดบ้านเสร็จ ห้องนอนของนางเตียงนอนพื้นที่นอนแข็งชะมัดต้องเอาฟางมาปูแล้วปูผ้าทับอีกทีแก้ขัดไปก่อน ตาบ้านี่มีแค่ผ้าห่มผืนเดียวมาให้จริงๆ
"ท่านลุงในครัวมีเสบียงหรือไม่ ข้าจะทำมื้อเย็น"
"เลิกเรียกข้าว่าลุงได้แล้ว ข้าอายุยี่สิบหกไม่ใช่ลุงหรือตาแก่"
เซียวจ้านเป่ยอยากหักคอคนตรงหน้านักเมื่อกลางวันอาบน้ำหมดโอ่งจนเขาต้องไปตักน้ำอีก
"ในครัวมีข้าวสารกับแป้งสาลีอยู่เล็กน้อย เครื่องปรุงมีอยู่เพราะข้าไม่ค่อยได้ทำอาหาร มีไข่อยู่ห้าฟอง"
" มีแค่นี้หรือ เนื้อสัตว์หรือผักละมีอะไรบ้างไหม ในหมู่บ้านพอมีร้านค้าไหม ท่านเป็นนายพรานแบบไหน เนื้อสักชิ้นยังไม่มีให้ลูกกิน จ่ายค่าอาหารเดือนละหนึ่งตำลึงได้มาแต่ซาลาเปาแข็งๆ ข้าจะไปจับปลาที่ลำธาร ไปปลุกผิงผิงด้วยเดี๋ยวคืนนี้นอนดึก "
"ข้าไปจับปลาเองเจ้าไปปลุกลูกเถอะ"
จากนั้นเซียวจ้านเป่ยก็เดินออกไป ในใจก็คิดถึงคนที่จากไปแล้ว ท่านปู่หลงเป็นคนสุดท้ายที่เหลืออยู่ แม้จะเปลี่ยนฮ่องเต้แล้วแต่พวกเขาก็ไม่อยากกลับไปรับใช้ราชสำนักแล้ว
แต่กลับต้องถูกเกณฑ์ไปเป็นทหารช่างเถอะก็ดีกว่าเป็นซื่อจื่อจวนอ๋อง ที่มีแต่การแก่งแย่งชิงดีปล่อยให้นางกับบุตรชายครอบครองอำนาจเหล่านั้นไปเถอะ ตอนนี้เขามีบุตรสาวที่แม้ว่าจะไม่ได้ตั้งใจให้นางเกิดแต่นางก็คือสิ่งล้ำค่าที่สุดที่เขามี
ผ่านไปจนเกือบถึงเทศกาลไหว้พระจันทร์ เซียวจ้านเป่ยที่ตอนนี้กำลังพาหลิวเหว่ยเดินเล่น บุตรชายวิ่งเตาะแตะๆ ไปมา หลิวเซียงสาวใช้อุ้มอยู่ หรงหรงตั้งครรภ์จึงทำได้เพียงเดินตามบรรดาซื่อจื่อกับท่านหญิง จูเหมยลี่ที่กำลังตั้งครรภ์บุตรคนที่สามมองไปยังลานบ้าน อ้ายลี่ผิงตอนนี้อายุแปดขวบแล้วยิ่งโตยิ่งงามมากนัก จูเหมยลี่ที่เห็นบุตรสาวก็ถอนหายใจ"เป็นอะไรไปหรือเมียข้าหืม""ผิงผิงยิ่งโตยิ่งงาม พระองค์ไม่หวงแต่หม่อมฉันหวงเพคะ หากลูกยังไม่สิบแปดไม่ให้ออกเรือนนะเพคะท่านอ๋อง""อีกสิบปีเชียวนะ เซี่ยตงชิงจะรอไหวหรือ""รอไม่ไหวก็ไปหาแต่งคุณหนูจวนอื่นโน่นเพคะ"จูเหมยลี่ยอมรับนางหวงบุตรสาวคนโตยิ่งนัก บุตรสาวนางงามเพียงนี้ไม่อยากให้ใครมามองเลย"พระชายา กระหม่อมรอได้พ่ะย่ะค่ะ กระหม่อมไม่แต่งสตรีอื่นนอกจากผิงผิงเท่านั้น"เซียวจ้านเป่ยยิ้มให้กับจูเหมยลี่ เจ้าตัวน้อยที่ไม่รู้ว่าทุกคนพูดถึงนางก็วิ่งมา เห็นพี่ชายของนางมีเหงื่อเต็มไปหมดก็ปีนขึ้นเก้าอี้ให้ตัวพอดีกับเขาก่อนจะใช้ผ้าเช็ดหน้าซับเหงื่อให้"พี่ตงชิง ท่านเหนื่อยมากหรือไม่ ท่านน้าเสี่ยวอี้ทำน้ำหวานไว้ข้าไปเอามาให้นะเจ้าคะ"เซี่ยตงชิงสบสายตากลมโตของเด็กผู้หญิงตรง
จูยวี่ซานกอดภรรยาจากนั้นก็หอมหน้าผากของนาง ก่อนจะรับเอาห่อผ้าของจูเหวินบุตรชายมากอดแล้วก้มลงหอม"อย่าดื้อกับท่านแม่ พ่อไปไม่นานนักหรอกเด็กดี"ผิงผิงที่วิ่งออกมาจากในบ้านกอดเอวอ้ายเฉิงเอาไว้ก่อนจะเงยหน้าแล้วเอ่ยขึ้น"เสด็จปู่เพคะ เทศกาลไหว้พระจันทร์น้องชายจะได้สองขวบเสด็จพ่อกับเสด็จแม่จะพาหลานไปหาเสด็จปู่ที่เมืองหลวง ถึงแม้ว่าผิงผิงอยากให้เสด็จปู่อยู่ที่นี่มากกว่าก็ตาม""ผิงผิงของปูน่ารักที่สุด ตั้งใจเรียนวรยุทธกับท่านปู่ฝางให้ดีๆ เจอกันปีหน้าต้องเก่งขึ้นกว่าเดิมรู้หรือไม่""เพคะ ผิงผิงจะตั้งใจเรียนวรยุทธ และตั้งใจยิงธนูให้เก่งต่อไปผิงผิงจะเป็นเจ้าสาวของพี่ตงชิงเพคะ"จูเหมยลี่อมยิ้ม เด็กหนอเด็กยังไม่รู้อะไรเลย โตอีกหน่อยจะอายหากจำได้ว่าเคยพูดอะไรไว้ จากนั้นก็อุ้มอ้ายหลิวเหว่ยส่งให้กับพ่อสามี อ้ายเฉิงรับเอาหลานชายมาอุ้มก่อนจะเอ่ยกับจูเหมยลี่"ลี่เอ๋อร์ที่ผ่านมาพ่อยังมิได้ขอบใจเจ้า จ้านเอ๋อร์ต้องแบกรับหลายสิ่งหลายอย่าง เขาต้องทุกข์เพียงใด ยิ่งหลังจากที่ปู่หลงจากไปเขายิ่งโดดเดี่ยว การที่ มีเจ้าเข้ามาในชีวิตทำให้ความมืดมนในใจเขามลายหายไป ทุกอย่างเป็นเพราะเจ้า ขอบใจเจ้ามากนัก""เสด็จพ่อทรงก
จูเหมยลี่ไม่อยากฆ่าคน ไม่อยากเปิดเผยเรื่องของนางมากนักอยากใช้ชีวิตกับสามีและลูกอย่างเงียบๆ นางคว้าคันธนูที่ทหารกับลูกศรมา ส่งสายตาให้บุตรสาวว่านางขอโทษ อ้ายลี่ผิงพยักหน้าว่าไม่เป็นไร ก่อนจะหลับตาตามที่ท่านแม่สั่งส่งสารมาให้"ท่านอ๋อง เตรียมรับลูกกลับมานะเพคะ" จูเหมยลี่ยกคันธนูขึ้นลูกศรถูกทาบไปพร้อมปล่อยออก ก่อนจะเล็งที่ศีรษะนาง เพราะหงซิ่วจับอ้ายลี่ผิงยืนข้างหน้า มือกำอยู่รอบคอ เด็กน้อยสูงเพียงเอวของนางทำให้เปิดจังหวะการยิงมากนักหงซิ่วเห็นว่าจูเหมยลี่มีไอสังหารนางจะพลิกตัวเพื่อเหวี่ยงอ้ายลี่ผิงลงเหวแต่ไม่ทัน ลูกศรที่จูเหมยลี่ยิงออกไปนั้นเจาะกะโหลกนางพอดี หงซิ่วหงายหลังจะตกลงไป อ้ายลี่ผิงที่ถูกมือนางกำไว้ก็จะพลัดตกไปด้วย จ้านอ๋องจะไปรับบุตรสาว แต่เซี่ยตงชิงไวกว่า เขากระโดดที่เดียวก็คว้าอ้ายลี่ผิงไว้ในอ้อมกอด ก่อนจะกระแทกลงทำให้แผลที่ถูกฟันเลือดไหลไม่หยุด ก่อนจะถามอ้ายลี่ผิงนางว่าไม่เป็นไรใช่ไหม แล้วสลบไปจ้านอ๋องรีบให้คนอุ้มเซี่ยตงชิงกลับไปที่จวน ให้แจ้งแก่เซี่ยฮูหยินว่าคุณชายใหญ่จะอยู่ช่วยงานที่ตำหนักใหม่หลายวัน โจรเร่ร่อนที่รวมกันจับอ้ายลี่ผิงวันนี้จูเหมยล
เซียวจ้านเป่ยที่ตอนนี้กลับมาอยู่จิ่วโจวก็เตรียมหาทางสร้างอาชีพให้ชาวบ้าน เพราะเขาได้รับพระราชทานให้ดูแลทั้งสิบมณฑลจึงต้องดูแลราษฎร จูเหมยลี่ที่กำลังดูแลคนงานตากดอกเหมยกุ้ยอยู่ก็เดินมาหาสามีที่กำลังคุยงาน "ท่านอ๋อง ไม่ทรงพักผ่อนหรือเพคะนี่ก็บ่ายแล้วหม่อมฉันทำของว่างเอาไว้ เมื่อเช้าเสด็จพ่อแจ้งมาว่าจะเดินทางกลับเมืองหลวงพร้อมกับไท่จื่อ เลื่อนเวลาออกไปอีกครึ่งเดือนเพคะ""อืม เหนื่อยหรือไม่เด็กดี ผิงผิงเล่าไปไหนเสียแล้ว""ลูกไปหัดยิงธนูกับตงชิงเพคะ เสี่ยวเหว่ยท่านตาพาไปนั่งรถม้าเล่น พอดีซินซินอยากเข้าตำบลหาซื้อของใช้" สองสามีภรรยาพูดคุยกันไม่นานสาวใช้ก็นำขนมมา วันนี้จูเหมยลี่ทำขนมบัวลอยเนื่องจากขุดเผือกและมันได้มาก อีกทั้งฟักทองก็ให้ผลผลิตที่ดีนัก เนื้อทั้งเหนี่ยวแน่นยังมีน้ำบ๊วยที่หอมชื่นใจ ลำธารตรงหลังบ้านจะมีอยู่ช่วงหนึ่งที่เย็นตลอดเวลา จูเหมยลี่นำไหเปล่าไปแช่ในนั้นก่อนจะมาบรรจุน้ำบ๊วย แล้วผนึกฝาไหนำลงแช่อีกที น้ำบ๊วยจึงทั้งเย็นทั้งหอมชื่นใจสาวใช้แจกจ่ายของว่างให้คนงาน หลังจากงานแต่งรัชทายาททุกคนจึงรู้ว่าสามีของจูเหมยลี่คือจ้านอ๋องทำเอาชาวบ้านทำตัวไม่ถูกกันเ
เซียวจ้านเป่ยที่ตอนนี้มาถึงจิ่วโจวได้หลายวันแล้ว บางวันก็ไปคุมการต่อเติมซ่อมแซมจวน อย่างเช่นวันนี้เขาพาจูเหมยลี่มาด้วย เนื่องจากอยากขุดสระบัวและทำบ่อเลี้ยงปลาที่เมียเคยบอกว่าอยากได้"ลี่เอ๋อร์ ตรงนี้มีบ่อน้ำพุร้อน จวนสกุลหลิวที่ยึดมาที่ดินกว้างมาถึงตรงนี้ พี่ให้คนสร้างห้องอาบน้ำไว้แล้ว เจ้าอยากล้างตัวหรือไม่""สายตาพระองค์ดูก็รู้ว่าไม่ได้อยากอาบน้ำพุ เซียวจ้านเป่ยคนเจ้าเล่ห์ท่านจับข้ากินทุกเวลาแบบนี้ท้องข้าจะว่างไหมเล่า""ลี่เอ๋อร์เด็กดี ไปอาบน้ำกันนะคนงามของพี่"จูเหมยลี่รู้ดีว่าไม่รอดอีกตามเคย ตั้งแต่มาถึงเขากักนางไว้บนเขาสี่วันสามคืน พอมาถึงบ้านก็ไม่สนใจจับนางกินตลอดเวลา บ่าวไพร่ต้องไปอยู่ไกลๆเรือน เนื่องจากบ้านของเซี่ยตงหยางสร้างเสร็จแล้ว ซูฟางหรานกลับไปบ้านตัวเองแล้วในบ่อน้ำพุ เซียวจ้านเป่ยยังคงช้อนสะโพกเมียรักขยับแก่นกายใส่นางไม่หยุด เขารักนางมากนางช่างหอมหวานเหลือเกิน "แน่นนัก เหตุใดยังแน่นเหมือนตอนรักเจ้าครั้งแรกเมียจ๋า รัดจนทำนบพี่จะแตกทันทีที่เข้ามา""ท่านอ๋องเร่งเถอะเพคะ เมียอยากสุขสมแล้ว อ๊ายย ท่านกินเก่งกินดุแบบนี้หม่อมฉันจะไหวไหม อื้อ เสียวเพคะ
เซียวจ้านเป่ยจุมพิตหน้าผากเล็กของเมียรัก ก่อนจะจูบซับเหงื่อที่ชื้นทั่วกรอบหน้าและซอกคออย่างไม่รังเกียจ พักได้ไม่นานก็อุ้มนางไปที่น้ำพุร้อนในถ้ำ รักนางในบ่อน้ำพุอีกหลายครั้ง จนจูเหมยลี่หมดแรงกอดคอเขาไว้"ไม่ไหวแล้ว เมียขาอ่อนแล้ว ยืนไม่ไหวพักนะเจ้าคะ ขอนอนพักก่อนเถอะท่านพี่"ยามอู่ของวันที่สามเขาจึงแต่งตัวให้นางแล้วอุ้มพาเดินออกมา เซียวจ้านเป่ยกักนางไว้ในถ้ำถึงสามคืน พอออกมาเจอแสงข้างนอกจูเหมยลี่ถึงกับตาหยีเลย"คนบ้า ไม่ให้ข้าเห็นเดือนเห็นตะวันเลย ป่านนี้เป็นห่วงกันทั้งเรือนแล้วกระมัง""พี่ยังไม่อิ่มนะ แต่เห็นเจ้าคิดถึงลูกพี่เลยพอแค่นี้ก่อน เดี๋ยวเข้าจวนอ๋องเมื่อไหร่จะไม่ให้ลงจากเตียงเลย จนกว่าจะมีน้องให้เสี่ยวเหว่ยกับผิงผิงอีกคน""ท่านมันคนหื่น" "หึๆ พี่ยังมีแรงรักเจ้าได้อีกนะคนงาม" เขาไม่รีบ เนื่องจากขบวนที่มารับพระชายาของเขามาถึงหมู่บ้านตั้งแต่สองวันก่อน ตอนนี้ทั้งบุตรชายบุตรสาวต่างมีสาวใช้และองครักษ์ดูแล เขาอ้อยอิ่งพานางเดินชมนกชมไม้จนกระทั่งมาถึงบ้านก็ยามเซินพอดี ทุกคนเข้าแถวรอรับทั้งคู่พร้อมคำสรรเสริญ"ถวายพระพรท่านอ๋อง""ถวายพระพรพระชายา"คังหยุนและอ้าย