น้องสาวตัวดีทำตัวเป็นบาริสต้าชงให้พี่ชายกับเพื่อนสนิทได้มีเวลาอยู่ด้วยกันสองต่อสองอย่างไม่ปิดบังแถมยังได้ผลด้วย กวินตรานั่งรถกระบะคันใหญ่เข้าไปยังสวนที่เธอเห็นเมื่อเช้ากับธัชกร
พี่ชายของเมธาวีเพื่อนรักเพียงคนเดียวของเธอ เขาบอกจะเปลี่ยนรถกันที่นี่แล้วเอารถกอล์ฟเล็กไปแทน เมื่อเช้ามีคนงานเข้าไปดูต้นส้มแล้ว เมื่ออาทิตย์ก่อนมีเพลี้ยลงเลยต้องหมั่นตรวจสุขภาพกันหน่อย ควบคุมปริมาณน้ำและหมั่นรดน้ำตรงเวลาทุกวัน
“ทั้งหมดนี้ของคุณหมดเลยเหรอคะ”
กวินตราแทบไม่อยากเชื่อภาพตรงหน้า มองจากระเบียงเหมือนไม่ได้ใหญ่ขนาดนี้ ช่องระหว่างต้นส้มยาวไกลสุดลูกหูลูกตาเลย
“ครับ ไม่เยอะหรอกผมแค่คนสวนตัวเล็ก ๆ”
“ใหญ่สิคะ ทั้งต้องตื่นเช้ามาดูแลแล้วยังมีงานที่โฮมสเตย์อีก เป็นฉันคงท้อไปแล้วแบบนี้ แค่ร้านดอกไม้เล็ก ๆ ที่ฉันดูแลวัน ๆ ไม่ต้องทำอะไรมากมายยังรู้สึกว่ามันเหนื่อยเลย นี่สวนส้มใหญ่ขนาดนี้คุณทำได้ยังไง”
ขณะที่กวินตรากำลังชื่นชมคนข้าง ๆ อย่างไม่รู้ตัวไม่ทันได้คิด ส่วนธัชกรหันมามองเธอแล้วยิ้ม
“มีอะไรหรือเปล่าคะ”
“รู้มั้ยครับ คุณเป็นคนแรกเลยนะที่ชมผมเรื่องนี้”
“หื้ม จริงเหรอคะ”
“ก็...ถ้าเค้าไม่บอกว่าผมบ้างานก็เป็นพวกด้านชาใช้ชีวิตน่าเบื่อทำนองนี้”
“ไม่หรอกค่ะ ฉันคิดว่าบางทีพวกเขาแค่...ว๊าย!”
อยู่ ๆ รถที่ทั้งคู่ขับมาดูไร่ก็เกิดสะดุดบางอย่างจนกวินตราหัวทิ่มไปโขกกับกระจกด้านหน้า โชคดีที่ไม่แรงมากธัชกรจึงรีบเข้ามาดู มือใหญ่จับใบหน้าที่เล็กเท่าฝามือของเขามาแล้วขอดูหน้าผาก โชคยังดีที่ไม่ปูดแค่แดง ๆ เท่านั้น
“เจ็บมั้ยครับ”
“นิดหน่อยค่ะ ขอบคุณนะคะ”
รู้สึกว่าใจมันหวิวชอบกลเวลาได้ใกล้ชิดกับชายหนุ่มขนาดนี้จึงได้ผละออกอย่างไม่คุ้นชิน ขณะที่อีกคนทำไปเพราะสัญชาตญาณเนื่องจากตัวเขามีทั้งลูกและน้องสาวให้ดูแล อุบัติเหตุแค่นี้เขาก็ตกใจแทบแย่ต้องรีบเข้าไปช่วยเหลือ
“รอผมสักครู่นะครับ” พูดจบธัชกรก็ลงจากรถแล้วลงไปดูรอบ ๆ พบว่าล้อข้างคนขับมันติดหล่มลึกเลย
“เดี๋ยวผมจะไปตามคนงานมาช่วยเข็น คุณลงจากรถก่อนนะ”
ชายหนุ่มยื่นมือไปให้หญิงสาวจับ กวินตาเอื้อมมือไป เขาจับมือของเธอแน่นก่อนจะประคองให้เธอลงมาจากรถ ทว่าเธอก้าวพลาด ร่างเล็กบอบบางพุ่งเข้าสู่อ้อมอกแกร่งขณะที่เขากอดเอวบางเอาไว้อย่างตื่นตระหนก ไออุ่นแผ่ปกคลุมร่างของกวินตรา เธอได้ยินเสียงหัวใจเขาเต้นอย่างแผ่วเบาทันใดนั้นแก้มทั้งสองข้างก็ร้อนผ่าวขึ้นมาอย่างไม่ทราบสาเหตุ
“ขอโทษค่ะ” กวินตราละล่ำละลักรีบผลักออก
กี่ครั้งแล้วที่เธอรู้สึกแปลกแบบนี้กับพี่ชายของเพื่อนรัก กวินตราได้แต่ปรามใจตัวเองเบา ๆ หากเป็นแบบนี้ต่อไปมีหวังเธอหวั่นไหวกับเขาแน่ ถึงจะบอกว่าเลิกกับภรรยาเก่ามานานแล้วก็เถอะ แต่มันก็ไม่ใช่เวลาที่จะให้ใครเข้ามาในตอนที่ตัวเองอ่อนแอแบบนี้ มันไม่ยุติธรรมทั้งกับเธอและกับใคร
“เป็นอะไรไหม รอผมที่นี่ครู่เดียวเดี๋ยวผมมา”
“ค่ะ”
ธัชกรออกไปครู่เดียวก็กลับมาพร้อมกับคนงานกลุ่มหนึ่งและรถอีกคัน กวินตรามองตามร่างสูงที่เดินเข้ามาหา วันนี้เขาใส่ชุดกางเกงทรงกระบอกสีดำ ใส่หมวกปีกกว้างและเสื้อสีดำพอดีตัวทำให้เห็นความกว้างใหญ่ของช่วงไหล่ชัดเจน กล้ามแขนที่ดูสมชายเมื่อขยับ เส้นเลือดปูดโปนทำหญิงสาวที่แอบมองถึงกับกลืนน้ำลาย แก้มร้อนผ่าวจนเธอรีบเบือนหน้าหนี ทว่าธัชกรกลับรู้ตัวเสียก่อน
“ร้อนเหรอครับ” เขาเดินเข้ามาหาเพราะเห็นแก้มของกวินตราแดงระเรื่อ นี่ก็สายแล้วแดดเริ่มออกคนที่ไม่เคยทำงานในไร่อย่างสาวชาวกรุงเลยไม่ได้เตรียมตัวมา
ธัชกรถอดหมวกของตัวเองมาสวมให้กวินตรา เธอตัวแข็งทื่อเพราะฝ่ามือใหญ่สัมผัสหัวขณะที่ก้มลงมาพูดด้วย
“ใส่ไว้จะได้ไม่ร้อน ไปหลบที่ร่มก่อนไปไว้พี่จัดการที่นี่เสร็จจะเดินตามไป”
“คะ” กวินตาทำหน้างง
ธัชกรขำ เขาเผลอพูดสนิทสนมกับหญิงสาวเสียแล้ว
“โทษทีผมลืมตัวน่ะ ทางโน้นมีต้นไม้ใหญ่ วิวด้านหลังสวยด้วยนะไปรอผมที่โน่นไว้ผมจะตามไปหลังจากช่วยคนงานเสร็จ”
“ค่ะ”
วันนี้กวินตราไม่รู้เหมือนวันว่าเธอเป็นอะไร เอาแต่หวั่นไหวอะไรแปลก ๆ อยู่ได้ตั้งแต่เมื่อกี้แล้ว
ความคิดมากมายแล่นเข้ามาในสมอง ขณะที่กวินตราเดินมาตามทางที่ธัชกรชี้บอก ดวงหน้าหวานเงยขึ้นไปมองผ่านสายของหมวกที่เกะกะ พบต้นไม้ขนาดใหญ่ตั้งอยู่บนเนินที่ใหญ่กว่าพื้นที่ตรงนี้ หญิงสาวเดาว่าธัชกรคงตั้งใจเก็บเอาไว้ให้คนงานไว้พักผ่อน
เมื่อเดินขึ้นมาใต้ต้นไม้ สาวเมืองกรุงอย่างกวินตราถึงกับอ้าปากค้าง เบื้องหน้ามีลำธารเล็ก ๆ ถัดไปไกล ๆ เป็นผาสูง ไม่มีต้นไม้มาบดบังทัศนียภาพเลยสักต้นทำให้สามารถชมวิวจากตรงนี้ได้โดยที่ไม่ต้องเดินไปถึงหน้าผา
“โห สวยมาก สวยขนาดนี้ยังมีหมอก ไม่อยากคิดเลยตอนเช้าจะสวยขนาดไหน ว่าแต่ที่ผานี้เป็นทิศตะวันตกหรือทิศตะวันออกกันนะ”
“ทิศตะวันตกครับ” เสียงทุ้มดังอยู่ด้านล่างทำหญิงสาวสะดุ้ง
ครู่เดียวธัชกรก็ปีนขึ้นมานั่งข้าง ๆ กวินตราแล้วมองไปยังเบื้องหน้าราวกับกำลังคิดอะไรบางอย่าง
“ไม่ได้มาตรงนี้ซะนาน แทบจะลืมไปแล้วว่ามีวิวที่สวยขนาดนี้” ชายหนุ่มพูดราวกับกำลังพึมพำ
“คุณอยู่ที่นี่ไม่ใช่เหรอคะ”
“ครับ ที่นี่ผมจงใจเก็บเอาไว้เพราะแม่ของเด็ก ๆ ชอบดูพระอาทิตย์ตก ไม่ได้มานานยังสวยเหมือนเดิม”
อ๋อที่แท้เขาก็สร้างเพื่อคนรักเก่า ช่างเป็นสามีที่ดีจริง ๆ ชักจะอยากรู้แล้วว่าเป็นผู้หญิงแบบไหนกันถึงกล้าทิ้งผู้ชายดี ๆ แบบนี้ไปได้
“ทำไมคุณถึงเลิกกับเธอเหรอคะ”
“ครับ” ธัชกรหันมามองคนข้างด้วยสีหน้าที่เต็มไปด้วยความสงสัย
“เอ่อ ฉันขอโทษนะคะ เห็นว่าคุณสร้างที่สวย ๆ แบบนี้ให้เธอ เดาว่าคุณต้องเป็นสามีที่ดีแน่ ๆ ดังนั้นเลยสงสัยว่าทำไมพวกคุณถึงเลิกกัน”
กวินตราสังเกตแววตาของธัชกรเปลี่ยนไปอย่างเห็นได้ชัด แต่เขากลับตอบคำถามเธอออกมาด้วยรอยยิ้ม
“เพราะผมอาจจะเป็นสามีที่ไม่ได้เรื่องเลยละมั้ง”
“ไม่จริงหรอกค่ะ เท่าที่ฉันเห็นคุณเป็นผู้ชายที่ดีคนหนึ่ง ไม่เคยนอกใจ ไม่เคยนอกกาย” น้ำเสียงแผ่วเบาของหญิงสาวทำให้ธัชกรเริ่มอยากจะรู้ว่าที่แท้แล้วเกิดอะไรขึ้นกับกวินตรากันแน่
“เกิดอะไรขึ้นเหรอครับ”
“คะ”
“ดูท่าทางที่คุณพูดเมื่อกี้เหมือนไม่อยากจะเอ่ยถึง หรือที่มานี่ก็เพราะมีคนรังแกคุณ”
กวินตราหัวเราะออกมา ตอนนี้เธอกับธัชกรเหมือนกับคนหัวอกเดียวกันที่มาเจอกันแล้วก็ผลัดกันเล่าอดีตให้กันฟังไม่มีผิดเลย
“คงใช่มั้งคะ อีกแค่ไม่กี่อาทิตย์จะแต่งงานอยู่แล้ว แต่ว่าที่เจ้าบ่าวดันไปทำผู้หญิงท้อง”
เห็นกวินตราพูดเรื่องนี้เหมือนจะร้องไห้ ธัชกรจึงรีบขอโทษทันที
“เอ่อ...ขอโทษนะครับที่ถามออกไปแบบนั้น”
“ไม่เป็นอะไรหรอกค่ะ เมื่อกี้ฉันก็ถามจี้ปมคุณเหมือนกัน”
“ไม่เหมือนหรอกครับ เรื่องของผมมันนานมาแล้วแต่ของคุณแผลพึ่งสด ๆ ร้อน ๆ ผลกระทบแตกต่างกันเยอะ”
“ช่างเถอะค่ะ ฉันว่าเราไปกันต่อเถอะ”
พูดจบกวินตราก็ลุกขึ้นเตรียมจะเดินออกไป ธัชกรเดินลงไปก่อนเธอจึงลงไปตาม เขารับเธอเอาไว้ขณะที่วิ่งลงมา ทั้งคู่ไปชมงานของธัชกรต่อกันทั้งวัน กลับมาบ้านอีกทีก็บ่ายสาม
ตอนแรกธัชกรจะมาส่งเธอตั้งแต่เที่ยงแล้วทว่าหญิงสาวยืนยันอยากจะกินข้าวที่แคมป์คนงานกับเขา เขาจึงตามใจไม่กล้าขัด ดูเหมือนว่ากวินตราจะเข้ากับคนที่นี่ได้ไม่ยากเลย ไม่เหมือนคนที่มาสมัครเป็นผู้ช่วยเขาแบบที่ผ่าน ๆ มา
“พี่พาเพื่อนหนูไปทั้งวันเลยนะ ได้กินข้าวหรือเปล่าเนี่ย” เมธาวีเดินออกมารับเพื่อนรักที่เดินลงจากรถของพี่ชาย
“เห็นพี่เป็นยักษ์เป็นมารหรือไง พาไปก็ต้องมีข้าวให้กินสิ พี่จะปล่อยให้เพื่อนเธออดอยากเหรอ”
“คุยกันไปนะคะ ฉันขอตัวขึ้นไปอาบน้ำก่อน” กวินตราพูดกับสองพี่น้องแล้วรีบเดินเข้าบ้านไป ธัชกรกำลังจะเดินเข้าบ้านแต่น้องสาวกลับรั้งไว้แล้วถาม
“เป็นยังไงคะ เพื่อนหนูนิสัยใช้ได้เลยใช่มั้ย พี่ชอบมั้ยให้มาเป็นพี่สะใภ้หนูไม่ติดเลยนะ เอาปะหนูเชียร์ โอ๊ย”
พูดจบก็ถูกมะเหงกของพี่ชายไปเต็ม ๆ ธัชกรไม่พูดเพียงยิ้มแล้วเดินเข้าบ้านไปเท่านั้น วันนี้ในรอบหลายเดือนที่ชายหนุ่มกลับบ้านเร็วและมานั่งทานอาหารเย็นกับทุกคนในบ้านได้
“นี่จะตามทำไมนักหนาเนี่ย” เมธาวีก้าวขาให้สูงพอให้พ้นจากความสูงของหญ้าที่คนงานยังไม่ทันได้เข้ามาตัดเพื่อหนีแขกของเพื่อนสนิทที่เอาแต่เดินตามเธอไม่หยุด“พี่จะไปไหนล่ะ”“อย่ามาเรียกฉันพี่นะ ฉันเป็นลูกคนเล็กและอีกอย่างฉันไม่อยากมีน้องชายแบบนาย”“ครับไม่ให้เรียกพี่งั้นผมเรียกป้านะ”“ใครป้านาย นี่จะกวนประสาทฉันไปถึงไหน ตั้งแต่มาแล้วนะ” เมธาวีพูดจบก็กำลังจะเดินหนีทว่ากลับก้าวไม่ระวังหลุมดินที่คนงานขุดเอาไว้ระบายน้ำเธอจึงเหยียบเข้าไปเต็มแรง โชคดีที่ณัฐชัยมือไวจึงคว้าข้อมือของเธอเอาไว้ทัน จึงทำให้อีกคนค้างเติ่งอยู่ในท่ายืนขาเดียว“นี่จะทำอะไร ลวนลามฉันเหรอ ว๊ายยย...ไอ้บ้า ปล่อยทำไมยะ”ทันทีที่อ้าปากด่าคนที่ช่วยเธอเอาไว้ก่อนหน้า คนตัวสูงก็ทำมึนก่อนจะปล่อยมือทันทีจนทำให้อีกคนล้มสะโพกกระแทกพื้นอย่างแรง เจ็บตัวก็อีกส่วนแต่เรื่องที่ปล่อยมือจนทำให้เธอล้ม เธอต้องเอาเรื่องเขาให้ได้ทว่าแค่จะลุกยังทำไม่ได้เพราะปวดที่ข้อเท้า“ก็คุณบอกผมจะลวนลาม”“โอ๊ย” เ
หลังจากที่ได้นอนเต็มอิ่มทนายหนุ่มก็ยกนาฬิกาตรงข้อมือมาดูพบว่าตอนนี้เป็นเวลาเกือบจะสี่โมงเย็นแล้ว ชายหนุ่มตัดสินใจไม่นอนต่อ ใช้ฝ่ามือตบแก้มของตัวเองเบา ๆ สองสามทีก่อนจะดีดตัวลุกจากที่นอน ณัฐชัยถอนหายใจออกมาด้วยความโล่ง ตั้งแต่ทำงานก็จำแทบไม่ได้แล้วว่าตัวเองไปพักผ่อนสูดอากาศที่ดีแบบนี้ครั้งสุดท้ายเมื่อไหร่ชายหนุ่มพาร่างที่ยังไม่ตื่นดีลุกแล้วเดินออกไปริมระเบียง คิดในใจแม้ว่าเขามาที่นี่เพราะอยากจะทำให้พี่ชายกลับไปคืนดีกับแฟนเก่าก็เถอะ แต่ว่าผู้ชายคนใหม่ของอดีตว่าที่พี่สะใภ้เป็นคนยังไงกันถึงได้ถูกใจกวินตราได้ภายในเวลาอันรวดเร็ว“อ๊า” ณัฐชัยยืนตัวตรงยกแขนเหยียดขึ้นจนสุดพลางสูดอากาศบริสุทธิ์ท่ามกลางหุบเขาเข้าปอดจนเต็มจะว่าไปนายธัชกรอะไรนั่นก็ไม่ใช่คนที่ขี้เหนียวตระหนี่แถมยังมีความสามารถ แม้ว่าที่ผ่านมาจะเคยมีครอบครัวไปแล้วก็เถอะ แต่ว่าภายในระยะเวลาอันสั้นหมอนั่นใช้ความสามารถบริหารธุรกิจโฮมสเตย์จากศูนย์จนมีชื่อเสียงขนาดนี้นับว่ามีความสามารถไม่น้อยเลยทีเดียวตาคมมองไปรอบ ๆ ที่เขาพักอยู่ บ้านเดี่ยวเป็นส่วนตัวมีวิวสวนส้ม พี่ชายของเขาก็พักอยู่อีกห้องซึ่
“นี่ตัวบอกนายดินเรื่องพี่กรเหรอ ทำไมละ”เมธาวีแทบปรี้ดแตกเมื่อได้ยินเพื่อนรักพูดถึงรักเก่าที่เคยทำเพื่อนของเธอเจ็บแสบแล้วเขายังจะมาที่นี่พร้อมกับน้องชายในอีกสองวันข้างหน้า เพื่อมาฟ้องอดีตพี่สะใภ้เพื่อหาทางเอาหลานทั้งสองคืนมา ถึงอย่างนั้นเมธาวีก็ไม่อาจเห็นแก่ตัวให้เพื่อนรักกลับไปพัวพันกับรักครั้งก่อนที่เฮงซวยแบบนั้นได้“ไม่ได้ ฉันไม่ยอม นี่เราหาทางอื่นก็ได้นะไม่ต้องให้พวกเขามา ฉันอุตส่าห์พาเธอหนีมาตั้งไกลจะให้ตามมาอีก”กวินตรารู้ถึงความหวังดีจากเพื่อนของเธอ ทว่าเรื่องนี้มันเร่งด่วนจริง ๆ เพราะเธอไม่อาจปล่อยให้ธัชกรตกอยู่ในสภาวะแบบนี้ได้“เฮ้อ ช่างเถอะฉันว่าอะไรเธอไม่ได้อยู่แล้วนี่”“ไม่เอาน่า ตอนนี้ฉันไม่ได้คิดอะไรกับดินแล้ว จริง ๆ” เมื่อเห็นสายตาของเพื่อนรักเหมือนจะไม่เชื่อในสิ่งที่เธอพูด กวินตราก็ยกมือขึ้นชูนิ้วสาบานทันที“ก็ได้ เอางี้ฉันจะให้คนงานไปเตรียมห้องที่โฮมสเตย์ ฉันเห็นความสัมพันธ์ของเธอกับพี่กรไปได้ด้วยดีก็ไม่อยากจะให้อะไรมาทำให้มันสั่นคลอน ในฐานะเพื่อนฉันอยากให้เธอได้เจอคนดี ๆ
พอเห็นว่ารถขับออกไปกวินตราที่แอบดูอยู่ก็เดินเข้ามา เธอนั่งลงข้าง ๆ ธัชกรก่อนจะกอดเขาเอาไว้ด้วยความเป็นห่วง แม้ว่าเธอนั้นจะพึ่งเข้ามาอยู่ที่นี่ได้ไม่นานแต่กวินตาก็รู้ดีกว่าทั้งเรื่องโฮมสเตย์และเรื่องลูกธัชกรทุ่มเทกับสองสิ่งนี้มากแค่ไหน ชีวิตของลูกใครจะไม่เป็นห่วง แล้วยังมีชีวิตและปากท้องของคนงานที่โฮมสเตย์ กวินตราเข้าใจดีที่เขาไม่อาจตัดสินใจโดยไม่ไตร่ตรอง“ผมโง่ใช่มั้ย” ธัชกรซบหญิงสาวแล้วร้องไห้ออกมาอย่างไม่อาย“คุณไม่ได้โง่เลยค่ะ คุณเป็นคนดีฉันรู้”จบประโยคนั้นชายหนุ่มโผเข้ากอดกวินตราแน่นท่ามกลางสายตาของคนงานที่มองพ่อเลี้ยงของพวกเขาด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความสงสาร เมธาวีอดไม่ได้ที่จะร้องไห้ เธอเข้าไปกอดพี่ชายของเธอเอาไว้แน่นเธอผิดเองที่ตอนนั้นไม่ได้ห้ามพี่ชายของเธอในวันที่หย่า หากวันนั้นเธอใจแข็งบังคับให้ชัญญาเซ็นสัญญาว่าจะไม่ยุ่งกับลูกอีก วันนี้เธอคงเรียกตำรวจมาลากผู้หญิงนิสัยต่ำช้าคนนี้ไปเข้าคุกเรียบร้อยแล้วธัชกรก็ไม่มีกะจิตกะใจจะทำอะไร เขานั่งเงียบ ๆ คนเดียวอยู่ในห้องทำงาน งานเลี้ยงที่เตรียมไว้สำหรับสองแฝดเป็นต้องยกเลิกไ
เปลือกตาบางสะท้านแสงจ้าด้านนอก เสียงเครือเพราะความเหนื่อยล้าเนื่องจากชายผู้กินไม่รู้จักอิ่มกวนเธอทั้งคืน กว่าจะได้นอนก็เกือบจะเช้า พอนึกเหตุการณ์สุดสยิวเมื่อคืนความปวดหน่วงที่ท้องน้อยจึงเริ่มก่อตัวขึ้นอย่างไม่มีปี่มีขลุย กวินตราพลิกตัวเพื่อจะเปลี่ยนท่านอนกลับพบว่าข้าง ๆ มีใบหน้าอันหล่อเหล่านอนกอดเธออยู่“คุณคะ”“อือ บอกแล้วไงเรียกพี่ เรียกคุณอีกคำเดียวพี่จับกินอีกวันนี้ไม่ต้องออกไปไหนเลย”กวินตรากลืนน้ำลายหนืดลงคอเพราะรู้ว่าเขาจะทำจริงแน่ เมื่อคืนเพราะอยากจะหาเรื่องมีอะไรกับเธอหลายต่อหลายรอบธัชกรจึงใช้ข้ออ้างที่เธอเผลอเรียกเขาคุณไปคำหนึ่งเพื่อลงโทษเธอเหลี่ยมจัดจริง ๆ คนบ้านนี้กวินตราคิดในใจเนื่องจากรู้นิสัยของเพื่อนรักดี เหมือนพี่ชายเธอไม่มีผิด เจ้าความคิดจอมวางแผน“วันนี้มีงานเลี้ยงไม่ใช่เหรอคะ เราจะไปสายนะ” เป็นวันที่ไร่และโฮมสเตย์ปิดเพราะวันนี้มีงานเลี้ยงวันเกิดของสองแฝดครบสามขวบและเลี้ยงคนงานไปเลยในวันเดียว“อือ เดี๋ยวค่อยไปพวกเขาจัดงานอยู่ นอนต่ออีกหน่อยนะพี่ง่วงมาก เพลียด้วย ปวดเอวอีกต
ร่างบางถูกดันจนขาของเธอสะดุดเข้ากับเตียงจนตัวล้มลงบนที่นอน เมื่อกระเด้งขึ้นมาก็ถูกมือหนาจับตัวยกขึ้นจนเธอไปนอนตรงกลางเตียงทันที ริมฝีปากบางถูกครอบครองอีกครั้งโดยชายหนุ่มที่ร้างสัมพันธ์สวาทมานาน ความหอมหวานนี้เขาไม่แน่ใจว่าตนเองเลิกสนใจไปตั้งแต่เมื่อไหร่“อือ”เสียงครางแผ่วเบาเมื่อริมฝีปากของกวินตราถูกปล่อยให้เป็นอิสระ ทว่าแค่ไม่กี่วิก็กลับถูกต้อนอีกครั้ง ลิ้นร้อนสอดเข้าไปในโพรงปากควานหาความหวานจนทั้งคู่เริ่มรู้สึกวูบวาบขึ้นมาทั่วร่าง กวินตรายกมือขึ้นถอดเสื้อยืดที่อีกคนใส่อยู่ มัดกล้ามเป็นลอนสะท้อนแสงไฟจากด้านนอก สันกรามเป็นเส้นปูดโปนทำเอาหัวใจของเธอเริ่มสั่นคลอนอยู่ไม่สุข“อ้า”กวินตราพึ่งรับรู้ได้ถึงแรงกดดันมหาศาลให้ตัวของเธอที่กำลังจะปะทุ เมื่อเขาเริ่มจัดการถอดเสื้อผ้าของเธอออกจนหมด ริมฝีปากอุ่นไล่จูบไปตามเรือนร่างบอบบาง ชั้นในสีหวานถูกปลดออกไปอย่างง่ายดายด้วยมือของเขาเพียงข้างเดียว หน้าอกหน้าใจที่ถูกซุกซ่อนอยู่ภายใต้การแต่งตัวแสนธรรมดามานาน วันนี้ธัชกรพึ่งได้รู้ว่าหญิงสาวนั้นซ่อนรูปงดงามขนาดนี้เอาไว้เพียงใด“ไม่เสีย