กวินตราผละออกจากอ้อมกอดของชายเจ้าของบ้าน รู้สึกใบหน้าร้อนผ่าวแม้จะไม่ใช่จูบแบบที่คนรักเขาทำกัน แต่การที่ถูกสัมผัสส่วนนี้กับเพศตรงข้ามก็ไม่คุ้นชินอยู่ดี โชคดีที่ก่อนลงมาไม่เปิดไฟ ปฏิกิริยาเหมือนนกน้อยแตกตื่นเมื่อครู่เขาคงไม่ทันเห็น
“ขอ...ขอโทษค่ะ คุณคือพี่ธัชกรหรือเปล่าคะ ดิฉันกวินตราหรือเรียกมินก็ได้ค่ะ” หญิงสาวใช้ไหวพริบเปลี่ยนเรื่องกลบความเขินอาย
“ครับ เมื่อครู่ขอโทษนะ พื้นมันลื่นน่ะ เลย...”
“ไม่เป็นไรค่ะ มินไม่ระวังเองคิดว่าคุณกลับมาแล้วซะอีก”
ธัชกรลุกขึ้นก่อนจะเดินไปเปิดไฟให้สว่างแค่ส่วนครัว ใบหน้าหวานต้องแสงแดงระเรื่อ ทำชายหนุ่มชะงักไปครู่หนึ่งจ้องมองอีกฝ่ายอย่างลืมตัว
“มีอะไรหรือเปล่าคะ”
“เปล่าครับ ถ้าอย่างนั้นตามสบายนะครับ ผมขอตัวขึ้นไปดูเด็ก ๆ หน่อย”
“ค่ะ”
กวินตราเอี้ยวตัวมองตามหลังชายหนุ่มไปจนกระทั่งเขาเดินขึ้นบันไดไปยังชั้นสองเธอจึงเป่าลมที่อัดอั้นออกมาจากช่องท้อง หล่อชะมัด หญิงสาวคิดในใจ ไม่น่าล่ะเพื่อรักเธอถึงได้โม้เรื่องพี่ชายให้เธอฟังครั้งแล้วครั้งเล่า ที่แท้ก็มีของดีไว้อวดจริง ๆ ไม่ใช่แค่โฆษณาชวนเชื่อนี่เอง
“แล้วเมื่อกี้ เรียกจูบได้หรือเปล่านะ” หญิงสาวสะบัดหัวไล่ความฟุ้งซ่านออกไปจากหัวก่อนจะถือขวดน้ำในมือกลับขึ้นห้อง
ร่างบางหยุดอยู่หน้าประตู จำได้ว่าแม่บ้านบอกว่าห้องของเธอกับธัชกรอยู่ข้างกัน ไม่รู้ว่าคืนนี้จะนอนหลับได้หรือเปล่า มาที่ไร่ยังไม่ทันพ้นคืนเลย เรื่องราวก็เกิดขึ้นมากมายขนาดนี้เชียว
รุ่งเช้ากวินตราลืมตาขึ้นมาเห็นเพดานไม้เคลือบเงาที่ไม่คุ้นตา ทันใดจิตใต้สำนึกก็ได้เตือนว่าเธอไม่ได้นอนอยู่ที่บ้านของตัวเอง หญิงสาวจึงดีดตัวลุกขึ้นจากเตียงก่อนจะเดินไปเปิดประตูระเบียง ดวงหน้าหวานมองไปยังภาพเบื้องหน้า ไร่ส้มที่ตอนเย็นเป็นสีเขียวสบายตาไม่คิดว่าตอนเช้าจะกลายเป็นทะเลหมอกขาวโพลน ขนาดว่าไม่ได้อยู่บนยอดเขายังมีทะเลหมอกเอาไว้ดูแบบส่วนตัว
ริมฝีปากบางฉีกยิ้มกว้าง จมูกสูดอากาศตรงหน้าเข้าปอดจนหนำใจพลางยกแขนยืดจนสุด จนชุดนอนกระโปรงบางพลิ้วรั้งขึ้นจนเกือบเห็นข้างใน
กวินตราเพลิดเพลินไปกับบรรยากาศและทิวทัศน์ตรงหน้า อากาศยามเช้าแบบนี้คงหาไม่ได้จากเมืองกรุงที่เธออาศัยอยู่มาตั้งแต่เกิด
“ตื่นเช้าเหมือนกันนะครับ”
กวินตราสะดุ้งมองไประเบียงข้าง ๆ เห็นพี่ชายของเพื่อนรักเปลือยท่อนบนนั่งจิบกาแฟอ่านหนังสือพิมพ์อยู่ก่อนหน้าแล้ว
ถ้าเป็นแบบนี้ไม่ใช่ว่าเขาเห็นการกระทำน่าอายเมื่อครู่ไปแล้วเหรอ
“เออค่ะ ปกติฉันตื่นเช้ากว่านี้อีกค่ะ พอดีว่าเปิดร้านขายดอกไม้ต้องตื่นมาจ่ายตลาดด้วย” กวินตรารีบเอาแขนที่ชูจนสุดลงมาไว้ข้างตัวโดยเร็ว
“อ้อ ครับ แล้วนี่จะมากี่วันครับ”
“ก็จนกว่าเจ้าของไร่จะไล่มั้งคะ” กวินตรายิ้มแย้มขณะที่ธัชกรหัวเราะออกมา
ฟันขาวสะอาดเรียงตัวสวย ใบหน้าคม จมูกโด่งเป็นสัน ริมฝีปากสีแดงเข้มใบหน้าขาวดั่งไข่ปอกของเขาทำให้กวินตราหยุดมองไม่ได้เลย
“ใครจะกล้า ถ้าผมทำอย่างงั้นน้องสาวผมได้บ่นหูชาแน่” ธัชกรพูดก่อนจะพับหนังสือพิมพ์ในมือแล้ววางลงบนโต๊ะก่อนจะจิบกาแฟในแก้วจนหมดแล้วเดินเข้าห้องโดยไม่ลืมหันมาคุยกับแขก “ตามสบายนะครับ คิดซะว่าเป็นบ้านตัวเอง อ้อถ้าอยากอยู่นานเท่าไหร่ก็อยู่ได้เลยครับ ดีซะอีกมีคนเยอะไร่ผมจะได้ไม่เหงา”
รอยยิ้มนี้มันอะไรกัน กวินตรายกมือขึ้นปรามจังหวะการเต้นของหัวใจที่ทำเอาเธอปวดไปหมด นี่เขามีลูกมีเมียแล้วไม่ใช่หรือไง
กวินตราอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าแล้วเดินลงมาข้างล่าง เห็นว่าวันนี้เพื่อนรักจะพาไปเดินชมสวนแล้วยังจะพาขับรถไปซื้อของในเมืองด้วยจึงได้แต่งตัวสบาย ๆ ใส่เสื้อยืดเอวลอยสีขาวกางเกงยีนขายาว ผมยาวตรงสวยถูกมัดรวยครึ่งหัวอย่างลวก ๆ พอให้ไม่เกะกะ กวินตราเดินมานั่งที่โต๊ะอาหาร ทุกคนนั่งพร้อมหน้าแล้ว ข้าวในถ้วยของธัชกรก็หมดไปแล้ว เขาคงลงมาก่อนหน้าเธอสักพัก
“หลับสบายดีมั้ยมิน” เมธาวีถามเพื่อนรักที่นั่งลงข้าง ๆ
“อื้ม สบายมาก เมื่อเช้าไปดูหมอกหลังห้องมา สวยมากเลย ดูเพลินไปหน่อยเลยลงมาช้า” พูดจบกวินตรารู้สึกเหมือนดวงตาคู่หนึ่งเหลือบมามองเธอจึงหันไปมอง ธัชกรจึงยิ้มตอบกลับ
“อ้อ นี่พี่กรพี่ชายเราที่เล่าให้ฟังว่าหล่อ รวย เก่ง ที่สำคัญโสดแล้วด้วยตอนนี้”
“เดี๋ยวเถอะ เอาพี่ไปขายหรือเด็กคนนี้นี่”
“หนูเปล่านะ มินดูสิดีทุกอย่างเสียอย่างเดียวหัวโบราณแถมยังดุอีกด้วย”
ธัชกรได้แต่ส่ายหน้าให้น้องสาวที่โฆษณาเขาเกิดจริงจนดูไม่น่าเชื่อ หากดีขนาดนั้นเมียคงไม่ทิ้งไปหรอก ชายหนุ่มคิดในใจก่อนจะเดินออกจากบ้านไป ก่อนไปไม่ลืมมาหอมต้าวก้อนแฝดที่นั่งกินข้าวอยู่ข้าง ๆ น้องสาวด้วย
“เราอ่ะห่วงพี่กรมากเลย ทุกวันนี้แทบไม่มีเวลาดูแลตัวเองหรือคุยกับลูกเลย ดูสิตื่นก็รีบออกจากบ้าน กลับมาอีกทีก็ดึกดื่น นี่ฉันบอกให้รับผู้ช่วยได้แล้วก็ไม่ฟัง ทั้งงานในไร่ทั้งงานที่โฮมสเตย์เล่นรับหมดคนเดียว เยอะขนาดนั้นจะมีเวลาที่ไหนมาอยู่กับต้าวสองก้อนนี่” เมธาวีส่ายหน้า ใจหนึ่งก็สงสารพี่ชายแต่อีกใจก็เข้าใจว่าเขาอยากจะทำทุกอย่างเพื่อให้ลูกและทุกคนในไร่อยู่สุขสบาย
“ขาดผู้ช่วยเหรอ”
“อืม เห็นว่ามีคนมาสมัครหลายคนแล้วแต่คุณสมบัติไม่ผ่านเลย บางคนเห็นได้เงินน้อยก็ไม่รับ ก็งานชาวบ้านทุกอย่างมันมีค่าใช้จ่ายจะให้มาจ้างแบบบริษัทใหญ่ ๆ คงยาก ฉันว่า...” ไม่ทันที่เมธาวีจะพูดจบ กวินตราก็ปิ๊งไอเดียขึ้นมา
“หรือมินจะมาทำงานเป็นผู้ช่วยพี่ของเมดี”
“นี่มินพูดจริงหรือเปล่า แบบนี้ก็ดีสิ มินจะได้อยู่กับเมที่นี่”
“อืม ว่าแต่พี่ชายเมดุมั้ยอ่ะ”
“เอาจริง ๆ นะ พี่ธัชกรเห็นเนี๊ยบแบบนั้นแต่จริง ๆ ใจอ่อนอย่าบอกใคร ถ้ามินทำงานแล้วถูกดุก็มาฟ้องเราเลย เราจะสอนวิธีทำให้พี่กรเลิกดุ รับรองได้ผลแบบร้อยเปอร์เซ็นต์เชียว งั้นตกลงนะว่ามินทำงานที่นี่” กวินตราแค่พูดลอย ๆ เท่านั้น แต่เมธาวีกลับตื่นเต้นเพราะจะได้อยู่กับเพื่อนรักตลอดเวลา กวินตรายังไม่ทันได้บอกว่าขอคิดอีกที เมธาวีก็วิ่งออกจากบ้านไปหาพี่ชายที่กำลังยืนคุยแผนวันนี้กับคนงานอยู่หน้าบ้านแล้ว
กวินตราถอนใจ เอาเถอะยังไงตอนนี้ก็ไม่อยากกลับไปที่กรุงเทพอยู่แล้ว อยู่ที่นี่สักหน่อย มีทั้งเพื่อน มีทั้งอากาศดี ๆ คงทำให้เธอลืมเรื่องไม่ดีได้บ้างละนะ
เมธาวีออกไปข้างนอกครู่หนึ่งก็ลากแขนพี่ชายเข้ามาในบ้าน แล้วบอกว่าวันนี้ให้กวินตราออกไปทำงานกับเขาก็แล้วกัน กวินตราตกใจ เธอยังไม่ทันได้เตรียมตัวเลย แล้ววันนี้เมธาวีบอกจะเป็นคนพาเธอออกไปดูไร่ไม่ใช่หรือไง
“อ้าว เดี๋ยวสิ ไหนเมบอกจะพาไปไง” กวินตรามองหน้าพี่น้องสลับกัน
“เอาหน่า ยังไงก็จะได้ทำงานด้วยกันอยู่แล้วไม่ต้องห่วงหรอก ไว้มินกลับมาช่วงบ่าย ๆ เราค่อยพามินเข้าไปในเมือง” เมธาวีชอบใจ รีบเปิดโอกาสให้เพื่อนที่พึ่งอกหักมาและพี่ชายที่เอาแต่บ้างานเพราะเสียใจเรื่องเมียเก่าได้อยู่ด้วยกัน
“เราจะมาเป็นผู้ช่วยพี่งั้นเหรอ แล้วร้านดอกไม้ที่กรุงเทพล่ะ” ธัชกรถาม
“อ้าวทำไมพี่กรรู้เรื่องร้านล่ะ” เมธาวีงุนงง คิดว่าทั้งสองพึ่งเคยเจอกันเมื่อกี้เสียอีก
“จริง ๆ เมื่อเช้าได้เจอกันแล้วน่ะ” กวินตราเล่าอาย ๆ ไม่กล้าบอกว่าก่อนหน้าเหตุการณ์เมื่อเช้าก็เจอมาแล้วรอบนึง เหตุการณ์มันไม่น่าอวดสักเท่าไหร่
“อ๋อ เอ้อ งั้นดีเลยพี่กรน้องฝากเพื่อนรักของน้องด้วยนะ อย่ารังแกเพื่อนน้องล่ะ”
“รังแก หมายความยังไง” ธัชกรยู่หน้า ตั้งแต่เกิดมาเขายังไม่เคยแม้แต่จะคิดรังแกผู้หญิงสักครั้ง
“ถ้าพี่กรไม่ว่างไว้วันหลังก็ได้ค่ะ มินไม่กล้ารบกวน”
“ไม่เป็นไรครับ ถ้างั้นก็ถือโอกาสนี้ให้ผมพาไปดูรอบ ๆ ไร่เราด้วยก็แล้วกันนะ”
“นี่จะตามทำไมนักหนาเนี่ย” เมธาวีก้าวขาให้สูงพอให้พ้นจากความสูงของหญ้าที่คนงานยังไม่ทันได้เข้ามาตัดเพื่อหนีแขกของเพื่อนสนิทที่เอาแต่เดินตามเธอไม่หยุด“พี่จะไปไหนล่ะ”“อย่ามาเรียกฉันพี่นะ ฉันเป็นลูกคนเล็กและอีกอย่างฉันไม่อยากมีน้องชายแบบนาย”“ครับไม่ให้เรียกพี่งั้นผมเรียกป้านะ”“ใครป้านาย นี่จะกวนประสาทฉันไปถึงไหน ตั้งแต่มาแล้วนะ” เมธาวีพูดจบก็กำลังจะเดินหนีทว่ากลับก้าวไม่ระวังหลุมดินที่คนงานขุดเอาไว้ระบายน้ำเธอจึงเหยียบเข้าไปเต็มแรง โชคดีที่ณัฐชัยมือไวจึงคว้าข้อมือของเธอเอาไว้ทัน จึงทำให้อีกคนค้างเติ่งอยู่ในท่ายืนขาเดียว“นี่จะทำอะไร ลวนลามฉันเหรอ ว๊ายยย...ไอ้บ้า ปล่อยทำไมยะ”ทันทีที่อ้าปากด่าคนที่ช่วยเธอเอาไว้ก่อนหน้า คนตัวสูงก็ทำมึนก่อนจะปล่อยมือทันทีจนทำให้อีกคนล้มสะโพกกระแทกพื้นอย่างแรง เจ็บตัวก็อีกส่วนแต่เรื่องที่ปล่อยมือจนทำให้เธอล้ม เธอต้องเอาเรื่องเขาให้ได้ทว่าแค่จะลุกยังทำไม่ได้เพราะปวดที่ข้อเท้า“ก็คุณบอกผมจะลวนลาม”“โอ๊ย” เ
หลังจากที่ได้นอนเต็มอิ่มทนายหนุ่มก็ยกนาฬิกาตรงข้อมือมาดูพบว่าตอนนี้เป็นเวลาเกือบจะสี่โมงเย็นแล้ว ชายหนุ่มตัดสินใจไม่นอนต่อ ใช้ฝ่ามือตบแก้มของตัวเองเบา ๆ สองสามทีก่อนจะดีดตัวลุกจากที่นอน ณัฐชัยถอนหายใจออกมาด้วยความโล่ง ตั้งแต่ทำงานก็จำแทบไม่ได้แล้วว่าตัวเองไปพักผ่อนสูดอากาศที่ดีแบบนี้ครั้งสุดท้ายเมื่อไหร่ชายหนุ่มพาร่างที่ยังไม่ตื่นดีลุกแล้วเดินออกไปริมระเบียง คิดในใจแม้ว่าเขามาที่นี่เพราะอยากจะทำให้พี่ชายกลับไปคืนดีกับแฟนเก่าก็เถอะ แต่ว่าผู้ชายคนใหม่ของอดีตว่าที่พี่สะใภ้เป็นคนยังไงกันถึงได้ถูกใจกวินตราได้ภายในเวลาอันรวดเร็ว“อ๊า” ณัฐชัยยืนตัวตรงยกแขนเหยียดขึ้นจนสุดพลางสูดอากาศบริสุทธิ์ท่ามกลางหุบเขาเข้าปอดจนเต็มจะว่าไปนายธัชกรอะไรนั่นก็ไม่ใช่คนที่ขี้เหนียวตระหนี่แถมยังมีความสามารถ แม้ว่าที่ผ่านมาจะเคยมีครอบครัวไปแล้วก็เถอะ แต่ว่าภายในระยะเวลาอันสั้นหมอนั่นใช้ความสามารถบริหารธุรกิจโฮมสเตย์จากศูนย์จนมีชื่อเสียงขนาดนี้นับว่ามีความสามารถไม่น้อยเลยทีเดียวตาคมมองไปรอบ ๆ ที่เขาพักอยู่ บ้านเดี่ยวเป็นส่วนตัวมีวิวสวนส้ม พี่ชายของเขาก็พักอยู่อีกห้องซึ่
“นี่ตัวบอกนายดินเรื่องพี่กรเหรอ ทำไมละ”เมธาวีแทบปรี้ดแตกเมื่อได้ยินเพื่อนรักพูดถึงรักเก่าที่เคยทำเพื่อนของเธอเจ็บแสบแล้วเขายังจะมาที่นี่พร้อมกับน้องชายในอีกสองวันข้างหน้า เพื่อมาฟ้องอดีตพี่สะใภ้เพื่อหาทางเอาหลานทั้งสองคืนมา ถึงอย่างนั้นเมธาวีก็ไม่อาจเห็นแก่ตัวให้เพื่อนรักกลับไปพัวพันกับรักครั้งก่อนที่เฮงซวยแบบนั้นได้“ไม่ได้ ฉันไม่ยอม นี่เราหาทางอื่นก็ได้นะไม่ต้องให้พวกเขามา ฉันอุตส่าห์พาเธอหนีมาตั้งไกลจะให้ตามมาอีก”กวินตรารู้ถึงความหวังดีจากเพื่อนของเธอ ทว่าเรื่องนี้มันเร่งด่วนจริง ๆ เพราะเธอไม่อาจปล่อยให้ธัชกรตกอยู่ในสภาวะแบบนี้ได้“เฮ้อ ช่างเถอะฉันว่าอะไรเธอไม่ได้อยู่แล้วนี่”“ไม่เอาน่า ตอนนี้ฉันไม่ได้คิดอะไรกับดินแล้ว จริง ๆ” เมื่อเห็นสายตาของเพื่อนรักเหมือนจะไม่เชื่อในสิ่งที่เธอพูด กวินตราก็ยกมือขึ้นชูนิ้วสาบานทันที“ก็ได้ เอางี้ฉันจะให้คนงานไปเตรียมห้องที่โฮมสเตย์ ฉันเห็นความสัมพันธ์ของเธอกับพี่กรไปได้ด้วยดีก็ไม่อยากจะให้อะไรมาทำให้มันสั่นคลอน ในฐานะเพื่อนฉันอยากให้เธอได้เจอคนดี ๆ
พอเห็นว่ารถขับออกไปกวินตราที่แอบดูอยู่ก็เดินเข้ามา เธอนั่งลงข้าง ๆ ธัชกรก่อนจะกอดเขาเอาไว้ด้วยความเป็นห่วง แม้ว่าเธอนั้นจะพึ่งเข้ามาอยู่ที่นี่ได้ไม่นานแต่กวินตาก็รู้ดีกว่าทั้งเรื่องโฮมสเตย์และเรื่องลูกธัชกรทุ่มเทกับสองสิ่งนี้มากแค่ไหน ชีวิตของลูกใครจะไม่เป็นห่วง แล้วยังมีชีวิตและปากท้องของคนงานที่โฮมสเตย์ กวินตราเข้าใจดีที่เขาไม่อาจตัดสินใจโดยไม่ไตร่ตรอง“ผมโง่ใช่มั้ย” ธัชกรซบหญิงสาวแล้วร้องไห้ออกมาอย่างไม่อาย“คุณไม่ได้โง่เลยค่ะ คุณเป็นคนดีฉันรู้”จบประโยคนั้นชายหนุ่มโผเข้ากอดกวินตราแน่นท่ามกลางสายตาของคนงานที่มองพ่อเลี้ยงของพวกเขาด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความสงสาร เมธาวีอดไม่ได้ที่จะร้องไห้ เธอเข้าไปกอดพี่ชายของเธอเอาไว้แน่นเธอผิดเองที่ตอนนั้นไม่ได้ห้ามพี่ชายของเธอในวันที่หย่า หากวันนั้นเธอใจแข็งบังคับให้ชัญญาเซ็นสัญญาว่าจะไม่ยุ่งกับลูกอีก วันนี้เธอคงเรียกตำรวจมาลากผู้หญิงนิสัยต่ำช้าคนนี้ไปเข้าคุกเรียบร้อยแล้วธัชกรก็ไม่มีกะจิตกะใจจะทำอะไร เขานั่งเงียบ ๆ คนเดียวอยู่ในห้องทำงาน งานเลี้ยงที่เตรียมไว้สำหรับสองแฝดเป็นต้องยกเลิกไ
เปลือกตาบางสะท้านแสงจ้าด้านนอก เสียงเครือเพราะความเหนื่อยล้าเนื่องจากชายผู้กินไม่รู้จักอิ่มกวนเธอทั้งคืน กว่าจะได้นอนก็เกือบจะเช้า พอนึกเหตุการณ์สุดสยิวเมื่อคืนความปวดหน่วงที่ท้องน้อยจึงเริ่มก่อตัวขึ้นอย่างไม่มีปี่มีขลุย กวินตราพลิกตัวเพื่อจะเปลี่ยนท่านอนกลับพบว่าข้าง ๆ มีใบหน้าอันหล่อเหล่านอนกอดเธออยู่“คุณคะ”“อือ บอกแล้วไงเรียกพี่ เรียกคุณอีกคำเดียวพี่จับกินอีกวันนี้ไม่ต้องออกไปไหนเลย”กวินตรากลืนน้ำลายหนืดลงคอเพราะรู้ว่าเขาจะทำจริงแน่ เมื่อคืนเพราะอยากจะหาเรื่องมีอะไรกับเธอหลายต่อหลายรอบธัชกรจึงใช้ข้ออ้างที่เธอเผลอเรียกเขาคุณไปคำหนึ่งเพื่อลงโทษเธอเหลี่ยมจัดจริง ๆ คนบ้านนี้กวินตราคิดในใจเนื่องจากรู้นิสัยของเพื่อนรักดี เหมือนพี่ชายเธอไม่มีผิด เจ้าความคิดจอมวางแผน“วันนี้มีงานเลี้ยงไม่ใช่เหรอคะ เราจะไปสายนะ” เป็นวันที่ไร่และโฮมสเตย์ปิดเพราะวันนี้มีงานเลี้ยงวันเกิดของสองแฝดครบสามขวบและเลี้ยงคนงานไปเลยในวันเดียว“อือ เดี๋ยวค่อยไปพวกเขาจัดงานอยู่ นอนต่ออีกหน่อยนะพี่ง่วงมาก เพลียด้วย ปวดเอวอีกต
ร่างบางถูกดันจนขาของเธอสะดุดเข้ากับเตียงจนตัวล้มลงบนที่นอน เมื่อกระเด้งขึ้นมาก็ถูกมือหนาจับตัวยกขึ้นจนเธอไปนอนตรงกลางเตียงทันที ริมฝีปากบางถูกครอบครองอีกครั้งโดยชายหนุ่มที่ร้างสัมพันธ์สวาทมานาน ความหอมหวานนี้เขาไม่แน่ใจว่าตนเองเลิกสนใจไปตั้งแต่เมื่อไหร่“อือ”เสียงครางแผ่วเบาเมื่อริมฝีปากของกวินตราถูกปล่อยให้เป็นอิสระ ทว่าแค่ไม่กี่วิก็กลับถูกต้อนอีกครั้ง ลิ้นร้อนสอดเข้าไปในโพรงปากควานหาความหวานจนทั้งคู่เริ่มรู้สึกวูบวาบขึ้นมาทั่วร่าง กวินตรายกมือขึ้นถอดเสื้อยืดที่อีกคนใส่อยู่ มัดกล้ามเป็นลอนสะท้อนแสงไฟจากด้านนอก สันกรามเป็นเส้นปูดโปนทำเอาหัวใจของเธอเริ่มสั่นคลอนอยู่ไม่สุข“อ้า”กวินตราพึ่งรับรู้ได้ถึงแรงกดดันมหาศาลให้ตัวของเธอที่กำลังจะปะทุ เมื่อเขาเริ่มจัดการถอดเสื้อผ้าของเธอออกจนหมด ริมฝีปากอุ่นไล่จูบไปตามเรือนร่างบอบบาง ชั้นในสีหวานถูกปลดออกไปอย่างง่ายดายด้วยมือของเขาเพียงข้างเดียว หน้าอกหน้าใจที่ถูกซุกซ่อนอยู่ภายใต้การแต่งตัวแสนธรรมดามานาน วันนี้ธัชกรพึ่งได้รู้ว่าหญิงสาวนั้นซ่อนรูปงดงามขนาดนี้เอาไว้เพียงใด“ไม่เสีย