กวินตราผละออกจากอ้อมกอดของชายเจ้าของบ้าน รู้สึกใบหน้าร้อนผ่าวแม้จะไม่ใช่จูบแบบที่คนรักเขาทำกัน แต่การที่ถูกสัมผัสส่วนนี้กับเพศตรงข้ามก็ไม่คุ้นชินอยู่ดี โชคดีที่ก่อนลงมาไม่เปิดไฟ ปฏิกิริยาเหมือนนกน้อยแตกตื่นเมื่อครู่เขาคงไม่ทันเห็น
“ขอ...ขอโทษค่ะ คุณคือพี่ธัชกรหรือเปล่าคะ ดิฉันกวินตราหรือเรียกมินก็ได้ค่ะ” หญิงสาวใช้ไหวพริบเปลี่ยนเรื่องกลบความเขินอาย
“ครับ เมื่อครู่ขอโทษนะ พื้นมันลื่นน่ะ เลย...”
“ไม่เป็นไรค่ะ มินไม่ระวังเองคิดว่าคุณกลับมาแล้วซะอีก”
ธัชกรลุกขึ้นก่อนจะเดินไปเปิดไฟให้สว่างแค่ส่วนครัว ใบหน้าหวานต้องแสงแดงระเรื่อ ทำชายหนุ่มชะงักไปครู่หนึ่งจ้องมองอีกฝ่ายอย่างลืมตัว
“มีอะไรหรือเปล่าคะ”
“เปล่าครับ ถ้าอย่างนั้นตามสบายนะครับ ผมขอตัวขึ้นไปดูเด็ก ๆ หน่อย”
“ค่ะ”
กวินตราเอี้ยวตัวมองตามหลังชายหนุ่มไปจนกระทั่งเขาเดินขึ้นบันไดไปยังชั้นสองเธอจึงเป่าลมที่อัดอั้นออกมาจากช่องท้อง หล่อชะมัด หญิงสาวคิดในใจ ไม่น่าล่ะเพื่อรักเธอถึงได้โม้เรื่องพี่ชายให้เธอฟังครั้งแล้วครั้งเล่า ที่แท้ก็มีของดีไว้อวดจริง ๆ ไม่ใช่แค่โฆษณาชวนเชื่อนี่เอง
“แล้วเมื่อกี้ เรียกจูบได้หรือเปล่านะ” หญิงสาวสะบัดหัวไล่ความฟุ้งซ่านออกไปจากหัวก่อนจะถือขวดน้ำในมือกลับขึ้นห้อง
ร่างบางหยุดอยู่หน้าประตู จำได้ว่าแม่บ้านบอกว่าห้องของเธอกับธัชกรอยู่ข้างกัน ไม่รู้ว่าคืนนี้จะนอนหลับได้หรือเปล่า มาที่ไร่ยังไม่ทันพ้นคืนเลย เรื่องราวก็เกิดขึ้นมากมายขนาดนี้เชียว
รุ่งเช้ากวินตราลืมตาขึ้นมาเห็นเพดานไม้เคลือบเงาที่ไม่คุ้นตา ทันใดจิตใต้สำนึกก็ได้เตือนว่าเธอไม่ได้นอนอยู่ที่บ้านของตัวเอง หญิงสาวจึงดีดตัวลุกขึ้นจากเตียงก่อนจะเดินไปเปิดประตูระเบียง ดวงหน้าหวานมองไปยังภาพเบื้องหน้า ไร่ส้มที่ตอนเย็นเป็นสีเขียวสบายตาไม่คิดว่าตอนเช้าจะกลายเป็นทะเลหมอกขาวโพลน ขนาดว่าไม่ได้อยู่บนยอดเขายังมีทะเลหมอกเอาไว้ดูแบบส่วนตัว
ริมฝีปากบางฉีกยิ้มกว้าง จมูกสูดอากาศตรงหน้าเข้าปอดจนหนำใจพลางยกแขนยืดจนสุด จนชุดนอนกระโปรงบางพลิ้วรั้งขึ้นจนเกือบเห็นข้างใน
กวินตราเพลิดเพลินไปกับบรรยากาศและทิวทัศน์ตรงหน้า อากาศยามเช้าแบบนี้คงหาไม่ได้จากเมืองกรุงที่เธออาศัยอยู่มาตั้งแต่เกิด
“ตื่นเช้าเหมือนกันนะครับ”
กวินตราสะดุ้งมองไประเบียงข้าง ๆ เห็นพี่ชายของเพื่อนรักเปลือยท่อนบนนั่งจิบกาแฟอ่านหนังสือพิมพ์อยู่ก่อนหน้าแล้ว
ถ้าเป็นแบบนี้ไม่ใช่ว่าเขาเห็นการกระทำน่าอายเมื่อครู่ไปแล้วเหรอ
“เออค่ะ ปกติฉันตื่นเช้ากว่านี้อีกค่ะ พอดีว่าเปิดร้านขายดอกไม้ต้องตื่นมาจ่ายตลาดด้วย” กวินตรารีบเอาแขนที่ชูจนสุดลงมาไว้ข้างตัวโดยเร็ว
“อ้อ ครับ แล้วนี่จะมากี่วันครับ”
“ก็จนกว่าเจ้าของไร่จะไล่มั้งคะ” กวินตรายิ้มแย้มขณะที่ธัชกรหัวเราะออกมา
ฟันขาวสะอาดเรียงตัวสวย ใบหน้าคม จมูกโด่งเป็นสัน ริมฝีปากสีแดงเข้มใบหน้าขาวดั่งไข่ปอกของเขาทำให้กวินตราหยุดมองไม่ได้เลย
“ใครจะกล้า ถ้าผมทำอย่างงั้นน้องสาวผมได้บ่นหูชาแน่” ธัชกรพูดก่อนจะพับหนังสือพิมพ์ในมือแล้ววางลงบนโต๊ะก่อนจะจิบกาแฟในแก้วจนหมดแล้วเดินเข้าห้องโดยไม่ลืมหันมาคุยกับแขก “ตามสบายนะครับ คิดซะว่าเป็นบ้านตัวเอง อ้อถ้าอยากอยู่นานเท่าไหร่ก็อยู่ได้เลยครับ ดีซะอีกมีคนเยอะไร่ผมจะได้ไม่เหงา”
รอยยิ้มนี้มันอะไรกัน กวินตรายกมือขึ้นปรามจังหวะการเต้นของหัวใจที่ทำเอาเธอปวดไปหมด นี่เขามีลูกมีเมียแล้วไม่ใช่หรือไง
กวินตราอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าแล้วเดินลงมาข้างล่าง เห็นว่าวันนี้เพื่อนรักจะพาไปเดินชมสวนแล้วยังจะพาขับรถไปซื้อของในเมืองด้วยจึงได้แต่งตัวสบาย ๆ ใส่เสื้อยืดเอวลอยสีขาวกางเกงยีนขายาว ผมยาวตรงสวยถูกมัดรวยครึ่งหัวอย่างลวก ๆ พอให้ไม่เกะกะ กวินตราเดินมานั่งที่โต๊ะอาหาร ทุกคนนั่งพร้อมหน้าแล้ว ข้าวในถ้วยของธัชกรก็หมดไปแล้ว เขาคงลงมาก่อนหน้าเธอสักพัก
“หลับสบายดีมั้ยมิน” เมธาวีถามเพื่อนรักที่นั่งลงข้าง ๆ
“อื้ม สบายมาก เมื่อเช้าไปดูหมอกหลังห้องมา สวยมากเลย ดูเพลินไปหน่อยเลยลงมาช้า” พูดจบกวินตรารู้สึกเหมือนดวงตาคู่หนึ่งเหลือบมามองเธอจึงหันไปมอง ธัชกรจึงยิ้มตอบกลับ
“อ้อ นี่พี่กรพี่ชายเราที่เล่าให้ฟังว่าหล่อ รวย เก่ง ที่สำคัญโสดแล้วด้วยตอนนี้”
“เดี๋ยวเถอะ เอาพี่ไปขายหรือเด็กคนนี้นี่”
“หนูเปล่านะ มินดูสิดีทุกอย่างเสียอย่างเดียวหัวโบราณแถมยังดุอีกด้วย”
ธัชกรได้แต่ส่ายหน้าให้น้องสาวที่โฆษณาเขาเกิดจริงจนดูไม่น่าเชื่อ หากดีขนาดนั้นเมียคงไม่ทิ้งไปหรอก ชายหนุ่มคิดในใจก่อนจะเดินออกจากบ้านไป ก่อนไปไม่ลืมมาหอมต้าวก้อนแฝดที่นั่งกินข้าวอยู่ข้าง ๆ น้องสาวด้วย
“เราอ่ะห่วงพี่กรมากเลย ทุกวันนี้แทบไม่มีเวลาดูแลตัวเองหรือคุยกับลูกเลย ดูสิตื่นก็รีบออกจากบ้าน กลับมาอีกทีก็ดึกดื่น นี่ฉันบอกให้รับผู้ช่วยได้แล้วก็ไม่ฟัง ทั้งงานในไร่ทั้งงานที่โฮมสเตย์เล่นรับหมดคนเดียว เยอะขนาดนั้นจะมีเวลาที่ไหนมาอยู่กับต้าวสองก้อนนี่” เมธาวีส่ายหน้า ใจหนึ่งก็สงสารพี่ชายแต่อีกใจก็เข้าใจว่าเขาอยากจะทำทุกอย่างเพื่อให้ลูกและทุกคนในไร่อยู่สุขสบาย
“ขาดผู้ช่วยเหรอ”
“อืม เห็นว่ามีคนมาสมัครหลายคนแล้วแต่คุณสมบัติไม่ผ่านเลย บางคนเห็นได้เงินน้อยก็ไม่รับ ก็งานชาวบ้านทุกอย่างมันมีค่าใช้จ่ายจะให้มาจ้างแบบบริษัทใหญ่ ๆ คงยาก ฉันว่า...” ไม่ทันที่เมธาวีจะพูดจบ กวินตราก็ปิ๊งไอเดียขึ้นมา
“หรือมินจะมาทำงานเป็นผู้ช่วยพี่ของเมดี”
“นี่มินพูดจริงหรือเปล่า แบบนี้ก็ดีสิ มินจะได้อยู่กับเมที่นี่”
“อืม ว่าแต่พี่ชายเมดุมั้ยอ่ะ”
“เอาจริง ๆ นะ พี่ธัชกรเห็นเนี๊ยบแบบนั้นแต่จริง ๆ ใจอ่อนอย่าบอกใคร ถ้ามินทำงานแล้วถูกดุก็มาฟ้องเราเลย เราจะสอนวิธีทำให้พี่กรเลิกดุ รับรองได้ผลแบบร้อยเปอร์เซ็นต์เชียว งั้นตกลงนะว่ามินทำงานที่นี่” กวินตราแค่พูดลอย ๆ เท่านั้น แต่เมธาวีกลับตื่นเต้นเพราะจะได้อยู่กับเพื่อนรักตลอดเวลา กวินตรายังไม่ทันได้บอกว่าขอคิดอีกที เมธาวีก็วิ่งออกจากบ้านไปหาพี่ชายที่กำลังยืนคุยแผนวันนี้กับคนงานอยู่หน้าบ้านแล้ว
กวินตราถอนใจ เอาเถอะยังไงตอนนี้ก็ไม่อยากกลับไปที่กรุงเทพอยู่แล้ว อยู่ที่นี่สักหน่อย มีทั้งเพื่อน มีทั้งอากาศดี ๆ คงทำให้เธอลืมเรื่องไม่ดีได้บ้างละนะ
เมธาวีออกไปข้างนอกครู่หนึ่งก็ลากแขนพี่ชายเข้ามาในบ้าน แล้วบอกว่าวันนี้ให้กวินตราออกไปทำงานกับเขาก็แล้วกัน กวินตราตกใจ เธอยังไม่ทันได้เตรียมตัวเลย แล้ววันนี้เมธาวีบอกจะเป็นคนพาเธอออกไปดูไร่ไม่ใช่หรือไง
“อ้าว เดี๋ยวสิ ไหนเมบอกจะพาไปไง” กวินตรามองหน้าพี่น้องสลับกัน
“เอาหน่า ยังไงก็จะได้ทำงานด้วยกันอยู่แล้วไม่ต้องห่วงหรอก ไว้มินกลับมาช่วงบ่าย ๆ เราค่อยพามินเข้าไปในเมือง” เมธาวีชอบใจ รีบเปิดโอกาสให้เพื่อนที่พึ่งอกหักมาและพี่ชายที่เอาแต่บ้างานเพราะเสียใจเรื่องเมียเก่าได้อยู่ด้วยกัน
“เราจะมาเป็นผู้ช่วยพี่งั้นเหรอ แล้วร้านดอกไม้ที่กรุงเทพล่ะ” ธัชกรถาม
“อ้าวทำไมพี่กรรู้เรื่องร้านล่ะ” เมธาวีงุนงง คิดว่าทั้งสองพึ่งเคยเจอกันเมื่อกี้เสียอีก
“จริง ๆ เมื่อเช้าได้เจอกันแล้วน่ะ” กวินตราเล่าอาย ๆ ไม่กล้าบอกว่าก่อนหน้าเหตุการณ์เมื่อเช้าก็เจอมาแล้วรอบนึง เหตุการณ์มันไม่น่าอวดสักเท่าไหร่
“อ๋อ เอ้อ งั้นดีเลยพี่กรน้องฝากเพื่อนรักของน้องด้วยนะ อย่ารังแกเพื่อนน้องล่ะ”
“รังแก หมายความยังไง” ธัชกรยู่หน้า ตั้งแต่เกิดมาเขายังไม่เคยแม้แต่จะคิดรังแกผู้หญิงสักครั้ง
“ถ้าพี่กรไม่ว่างไว้วันหลังก็ได้ค่ะ มินไม่กล้ารบกวน”
“ไม่เป็นไรครับ ถ้างั้นก็ถือโอกาสนี้ให้ผมพาไปดูรอบ ๆ ไร่เราด้วยก็แล้วกันนะ”
ธัชกรหันไปมองกวินตราแล้วพยักหน้าให้อย่างเข้าใจขณะที่เมธาวีเองก็ดูไม่ได้ใส่ใจเหมือนเมื่อก่อนแล้วเขาจึงตอบรับหลังจากที่ทานอะไรเสร็จวันนี้เมธาวีจะขอไปเดินตรวจงานกับกวินตราด้วย ส่วนธัชกรจะตามไปทีหลังเพราะว่าจะรออยู่คุยกับชัญญาก่อนในห้องรับแขกทั้งคู่ได้นั่งลงแล้วเปิดใจ ชัญญาเริ่มบทสนทนาทันทีไม่อ้อมค้อม“ฉันคิดดีแล้วนะคะ คือว่าฉันจะไปจากที่นี่”“คุณจะไปไหน อยู่ที่นี่ก่อนก็ได้ผมไม่ว่าหรอก ลูกจะได้อยู่กับคุณด้วย”ชัญญาคิดเอาไว้อยู่แล้วว่าธัชกรต้องพูดแบบนี้ เขาเป็นคนดีเสมอต้นเสมอปลายจริง ๆ“ฉันรู้ค่ะว่าคุณไม่ว่า แต่ฉันคงติดอยู่ที่นี่ตลอดไม่ได้หรอกนะคะ อีกอย่างไม่นานคุณก็จะแต่งงานใหม่ ถ้ามีเมียเก่าอยู่ด้วยมันจะดูน่าเกลียดไปมั้ย ฉันไม่อยากตกเป็นขี้ปากพวกเด็ก ๆ ในไร่” ชัญญาพูดทีเล่นทีจริง“ใครจะกล้าว่าคุณ ที่นี่ก็บ้านของคุณเหมือนกันอย่าลืมสิครับ...เอาเป็นว่าคุณตัดสินใจยังไงผมจะไม่ขัดขวางเลย แต่ขออย่างเดียวขอให้คุณมาเยี่ยมเด็ก ๆ บ้าง ที่นี่ต้อนรับคุณเสมอนะ”ชัญญาน้ำตาคลอ เธอพึ่งจะคิดได้ว่าจร
ชัญญามองหน้าหัสดินด้วยแววตาเห็นอกเห็นใจ“คุณไม่เสียดายเหรอคะ”“เสียดายสิครับ เสียดายมาก ๆ แต่ว่าผมเองก็ทำให้โอกาสมันหลุดมือไปเอง อีกนิดเดียวพวกเราจะได้แต่งงานกันแล้วแท้ ๆ แต่ผมกลับทำมันพังเพราะอารมณ์ชั่ววูบของตัวเอง”“พวกคุณกำลังจะแต่งงาน แล้วมันเกิดอะไรขึ้นคะ” ชัญญาพลิกเปลี่ยนท่านอนคว่ำเพื่อรอฟังเรื่องของอีกคนที่ดูเหมือนจะน่าสงสารกว่าเธอเสียอีกหัสดินถอนหายใจออกมายาว ๆ ก่อนจะเล่าเรื่องราวทั้งหมดให้กับชัญญาฟังชัญญายกมือขึ้นปิดปากด้วยความตกใจ เธอฟังจบก็ถอนหายใจออกมาอย่างเสียไม่ได้ ที่แท้ชีวิตของชายคนนี้ก็น่าสงสารขนาดนี้ แต่เธอกลับคิดว่าเขาเข้มแข็งมาก ๆ ที่กล้าจะยอมรับความจริง“อยากกลับไปหาคุณมินมั้ยคะ ถ้าคุณอยากแย่งเธอฉันจะช่วย” ชัญญาถามด้วยสีหน้าจริงจังหัสดินชะงักไปครู่ใหญ่ ความคิดมากมายตีกันในหัวแต่ครู่เดียวชัญญาก็หลุดขำออกมา“ล้อเล่นน่ะค่ะ”“ตกใจหมดเลยครับ บอกตรง ๆ ผมก็เสียดายมินนะ แต่ว่าผมคงไม่แย่งเธอกลับมาแล้วละครับ ตอนนี้เธอเจอคนดี ๆ แล้ว ผมคงไม่เห็
นานแล้วที่เขาไม่ได้ฉลองงานเลี้ยงที่เต็มไปด้วยสีสันขนาดนี้ ต้องขอบคุณกวินตราที่เข้ามาในชีวิตของเขา เขารู้สึกราวกับว่าตัวเองนั้นได้กลับไปแก้ไข้ข้อบกพร่องที่เคยเป็นพ่อและสามีที่เอาแต่ทำงานไม่สนใจครอบครัว และเธอคือคนที่รับข้อบกพร่องนั้นของเขาได้ ทว่าจากนี้ไปธัชกรจะไม่ยอมปล่อยให้มันเกิดขึ้นอีก“เริ่มรู้สึกเสียดายแล้วเหรอครับพี่ดิน” ทนายหนุ่มกระซิบข้างหูพี่ชายด้วยน้ำเสียงทีเล่นทีจริง“เปล่า พี่คิดว่าวันนี้มินดูมีความสุขมากเท่านั้น เผลอ ๆ บางทีอาจจะมีความสุขมากกว่าอยู่กับพี่อีก”“เห้อ คนดีจริงจริ๊งพี่ชายผม ไปดีกว่าครับไปสนุกก่อนกลับ ผมจะเมาให้เละไปเลย”ณัฐชัยลุกขึ้นแล้วคว้าเอาแก้วของตัวเองเพื่อไปสนุกกับสาว ๆ คนงานในไร่ที่อยู่อีกโต๊ะ ก็ด้วยฝีปากช่างพูดช่างเจรจาเขาหาเรื่องมาเล่าจนสาว ๆ นี่กรี๊ดกร๊าดชอบใจกันทั้งโต๊ะ แต่ว่ามีอยู่คนหนึ่งที่เอาแต่มองทนายจอมเจ้าชู้แล้วเบ้ปากวันก่อนยังของขึ้นใส่เธออยู่เลย วันนี้ไปหน้าม่อใส่คนงานบ้านเธอเสียแล้ว เกลียดจริง ๆ ผู้ชายแบบนี้เมธาวีคิดในใจก่อนจะถือแก้วแอลกอฮอล์ของตัวเองเดินเลี
ธัชกรจับแขนของหญิงสาวก่อนจะแกะเธอออก ทว่ายังไม่ทันจะได้เอาเธอออกจากตักเสียงของน้องสาวเธอก็เรียกกวินตราที่ยืนอยู่หน้าประตูบ้านพอดี ธัชกรใจหล่นไปอยู่ตาตุ่ม ร่างของชัญญาถูกธัชกรผลักจนล้มลงที่พื้นกวินตรามองทั้งคู่ด้วยสายตาที่ผิดหวังก่อนจะรีบวิ่งขึ้นไปบนห้องไม่สนกระทั่งเพื่อนสนิทที่เรียกเธอครั้งแล้วครั้งเล่า ทั้งยังตามมาก็ไม่ทันกวินตราปิดประตูห้องทันทีแล้วล็อกเอาไว้ปัง หญิงสาวหันไปเจอสภาพห้องถึงกับตะลึง ข้าวของเสื้อผ้าของเธอถูกรื้อกระจายเต็มห้อง กวินตราจึงเดินไปที่ตู้เสื้อผ้ากลับพบว่ามีเสื้อผ้าของคนอื่นมาแทนที่แล้วหญิงสาวเข้าใจแล้ว ธัชกรให้ภรรยาเก่าของเขากลับมาอยู่ที่นี่เหมือนที่แม่บ้านบอกจริง ๆ“มิน มินเปิดประตูให้ผมหน่อย” ธัชกรเรียกหญิงสาวอยู่หน้าห้อง กวินตรายกมือปาดเช็ดน้ำตาที่ไหลอาบแก้มก่อนจะเดินไปเปิดประตูให้เขาธัชกรเดินเข้ามาในห้องพอได้เห็นอย่างนั้นเขาถึงกับตกใจ มองหน้าหญิงสาวที่ตนรักก็คิดว่าเธอเข้าใจผิดเขาไปมากมายแล้วในตอนนี้“ผมไม่ได้ให้ชัญญามาอยู่ที่ห้องนี้นะ ผมให้เธอไปนอนกับลูก”“ช่างเถอะค่ะ มินไ
กวินตราเดินขึ้นชั้นสองได้ยินเสียงร้องไห้ของเด็ก ๆ จึงเดินเข้าไปหา เห็นเมธาวีนั่งปลอบหลานชายทั้งสองอยู่ด้วยความยากลำบากเนื่องจากขาของเธอเจ็บและเด็ก ๆ ก็ดิ้นอยากจะเจอพ่อท่าเดียว“เม” กวินตราเดินเข้าไปนั่งข้าง ๆ ก่อนจะยิ้มให้กับนที และรพีที่กำลังร้องไห้จนใบหน้าเล็ก ๆ แดงก่ำ“อามิน พ่อกรอยู่ไหนครับ” เด็กน้อยเดินเข้าไปหาหญิงสาวที่นั่งลงตรงหน้าตนเองกวินตรารับร่างเล็ก ๆ ทั้งสองเข้ามากอดเอาไว้ ดูเหมือนนทีกับรพีจะสงบลงได้เมื่อถูกกวินตรากอดเอาไว้ เมธาวีเห็นแบบนั้นก็เข้ามากระซิบว่าเธอจะไปเอาของว่างมาให้ เด็ก ๆ จะได้ใจเย็นลง เมธาวีเลยชวนพี่เลี้ยงลงไปเตรียมของช่วยเธอและป้าน้อยก็ต้องขอตัวไปเตรียมกับข้าวตอนเย็นภายในห้องจึงเหลือแค่กวินตรากับเด็กแฝดสองคน“อยากฟังนิทานมั้ย อามินจะเล่าให้ฟัง”“นิทานเหรอครับ นทีชอบนิทาน” เด็กน้อยยิ้มกว้างก่อนจะวิ่งไปหยิบหมอนกับผ้าห่มมาเตรียมนอนรอฟัง“รพีก็ชอบครับ ตั้งแต่แม่ไม่อยู่พวกเราก็ไม่เคยฟังนิทานเลย”กวินตราถอนหายใจด้วยความสงสารก่อนจะนอนลงแล้วอ้าแ
“คงอย่างนั้นมั้งคะ” กวินตราพูดก่อนจะหันไปเปิดดูตู้เย็น แต่ว่าในครัวมีแม่บ้านที่กำลังนั่งเตรียมผักอยู่ บางคนก็อยากจะร่วมวงเลยพูดขึ้นบอกทนายหนุ่มแขกของกวินตรา“ใช่ค่ะคุณทนาย เมื่อก่อนพ่อเลี้ยงไม่ได้ร่ำรวยอย่างทุกวันนี้หรอกนะคะ ทั้งสองคนเรียนจบมามีแค่ตัวเปล่า แต่แม่ของหนูเล่าให้ฟัง...” แม่บ้านวัยสิบเจ็บเล่าทำให้ทนายหนุ่มรีบเดินเข้าไปนั่งร่วมวงแม่บ้านเมาท์มอยเรื่องเจ้านาย“...ว่ายังไงครับเล่าหน่อย”เห็นทนายหนุ่มมีความสนใจใคร่รู้เรื่องชาวบ้าน แม่บ้านช่างเมาท์จึงได้เล่าต่อถึงเรื่องราวในอดีตของทั้งสองคนโดยที่ลืมไปเลยว่ากวินตรากับธัชกรมีความสัมพันธ์ดี ๆ ด้วยกันอยู่“ก็เมื่อก่อนเห็นว่าที่นี่เป็นที่ของพ่อคุณชัญญาค่ะ แต่ถูกเจ้าพ่อเมืองลำปางคนก่อนซื้อไป คุณธัชกรเห็นว่าที่นี่สำคัญกับคุณชัญญามากเขาจึงซื้อเอาไว้ก่อนจะทำสวนและต่อเติมโฮมสเตย์หลังจากที่แต่งงานมีลูกกันน่ะค่ะ”“อ้อ แบบนี้นี่เองสินะครับ พอดีผมส่งผู้ชายคนใหม่คนนั้นเข้าคุกไปแล้ว แบบนี้คุณธัชกรคงไม่คิดจะพาคุณชัญญากลับมาที่นี่หรอกมั้งใช่มั้ยครับ ก็ที่นี