Share

บทที่ 3.1 หลุดพ้นจากคนชั่ว

last update Last Updated: 2025-02-20 12:40:53

บทที่ 3.1

หลุดพ้นจากคนชั่ว

“พี่ใหญ่วันนี้ข้าจะเข้าไปขายของกับพี่กู้เหยียนฝากท่านดูแลน้องเล็กด้วยนะเจ้าคะ”

ซ่งต้าลู่ที่กำลังตักโจ๊กข้าวพลันขมวดคิ้วหนา ตั้งแต่ได้ยิน

ว่านชุนเอ่ยว่าอยากได้ซ่งไป๋ลู่เป็นสะใภ้ ในใจเขาก็รู้สึกกังวลเรื่อง

ความใกล้ชิดของน้องสาวกับสหายแซ่กู้ผู้นี้ขึ้นมา

ซ่งไป๋ลู่เห็นท่าทางนิ่งเงียบของพี่ชายก็หวาดหวั่นว่าเขาอาจจะไม่อนุญาต ดังนั้นนางจึงยื่นมือเล็กออกไปจับที่ชายเสื้อของเขา ช้อนตาขึ้นมองอย่างเว้าวอน

“พี่ใหญ่ข้ามีความจำเป็นต้องไปจัดการเรื่องบางอย่างจริงๆ นะเจ้าคะ”

เมื่อถูกน้องสาวใช้ท่าทางเช่นนี้ออดอ้อน คนตัวโตก็ถอนหายใจยาว แม้ไม่ยินดีก็ไม่อาจเอ่ยปากหักห้าม

“พี่ใหญ่ท่านใจอ่อนกับพี่รองอีกแล้ว”

ซ่งหานลู่เอ่ยเย้าพี่ชาย จนเรียกสายตาดุจากเขามาได้หนึ่งวง พร้อมกับตะเกียบในมือหนาที่คีบลงบนเนื้อหมูทอดชิ้นสุดท้ายในจาน

“อะ! พี่ใหญ่เนื้อของข้า”

ซ่งหานลู่ร้องลั่นเมื่อเนื้อหมูที่เขาเล็งไว้ถูกตะเกียบของพี่ใหญ่จับเอาไว้

“พี่ใหญ่ น้องเล็กคนนี้ผิดไปแล้ว”

ซ่งหานลู่เอ่ยเสียงอ่อนมองเนื้อหมูในตะเกียบของพี่ชายอย่างอ้อนวอนระคนสำนึกผิด แน่นอนว่าเดิมทีซ่งต้าลู่ก็ไม่ได้คิดแย่งของกินกับน้องชาย เมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายสำนึกผิดแล้วก็วางเนื้อหมูในตะเกียบลงในถ้วยของคนตัวเล็ก

“อ่า... พี่ใหญ่ของข้าดีที่สุด”

ซ่งไป๋ลู่มองท่าทางของสองพี่น้องคนหนึ่งช่างเจรจา เก่งกาจเรื่องออดอ้อน อีกคนปากหนักสีหน้าราบเรียบไม่สนสีหน้าผู้ใด ทั้งที่เป็นพี่น้องร่วมบิดามารดาเหตุใดจึงดูแตกต่างกันราวฟ้ากับดินเช่นนี้

“อาไป๋ ผลไม้แค่ไม่กี่ตะกร้าเจ้าไม่เห็นต้องลำบากออกมาขายเองเลย หรือว่าเจ้าไม่ไว้ใจข้า”

“เราเป็นหุ้นส่วนกันแล้วข้าจะไม่ไว้ใจท่านได้อย่างไร

เพียงแค่อยากออกมาซื้อของสักหน่อยเท่านั้น”

กู้เหยียนได้ยินซ่งไป๋ลู่กล่าวว่าไว้ใจตนบนใบหน้าก็มีรอยยิ้มกว้างยินดี และเพราะความสดใสช่างเจรจาของซ่งไป๋ลู่ผลท้อและบ๊วยในตะกร้าก็ขายหมดอย่างรวดเร็ว

“อาไป๋ เจ้านั่งพักรอข้าอยู่ที่นี่ เดี๋ยวข้าไปเอาเนื้อหมูกับนมแพะมาให้เจ้า”

เนื้อหมูครึ่งจินกับนมแพะหนึ่งถุง คือสิ่งที่ซ่งไป๋ลู่ให้เขาซื้อกลับไปทุกวัน ทว่าก่อนที่กู้เหยียนจะจากไปซ่งไป๋ลู่ก็จับต้นแขนเขาเอาไว้เสียก่อน

“พี่กู้เหยียนท่านพาข้าไปโรงรับจำนำได้หรือไม่”

โรงรับจำนำ ที่นั่นไม่ใช่สถานที่สำหรับนำสิ่งของไปแลกเปลี่ยนเป็นเงินหรือ

“อาไป๋ หากเงินเจ้าหมดเช่นนั้นเอาที่ข้าก่อนดีหรือไม่”

กู้เหยียนเอ่ยพลางล้วงถุงเงินของตนเองออกมา ซ่งไป๋ลู่ยิ้มกว้าง เด็กหนุ่มผู้นี้ช่างดีต่อนางยิ่งนัก

“น้ำใจของพี่กู้เหยียนข้ารับไว้แล้ว แต่ข้าไม่ได้จะไปจำนำแลกเงิน”

คิ้วของกู้เหยียนขมวดเข้าหากันด้วยความสงสัย หากไม่ไปเพื่อจำนำของแลกเงิน เช่นนั้นอาไป๋จะไปที่นั่นทำไมกัน

“แม่หนูน้อยจะมาจำนำอะไรหรือ”

เถ้าแก่โรงรับจำนำมองเด็กหญิงตรงหน้าด้วยสายตาเวทนา ฐานะทางบ้านยากจน บิดามารดาป่วยไข้จนต้องเอาของที่บ้านมาจำนำแลกเงินใช้จ่าย เรื่องเช่นนี้เขาพบเจอจนเคยชินแล้ว

“เถ้าแก่มีของเก่าๆ ที่คนเอามาจำนำแล้วไม่ไถ่คืนหรือไม่เจ้าคะ”

“ของใช้เก่าๆ อย่างนั้นหรือ”

“เจ้าค่ะ เป็นของที่ท่านคิดจะทิ้งแล้วพวกนั้น”

“ของที่ข้าจะทิ้งแล้ว”

“เจ้าค่ะ ข้ากับพี่ชายมารับจ้างขนของไปทิ้งเจ้าค่ะ”

เถ้าแก่โรงรับจำนำได้ยินวาจาของเด็กน้อยก็เบิกตากว้างด้วยความแปลกใจ ชีวิตนี้ของเขาพบเจอคนมาหลากหลาย ทว่าคนที่เดินเข้ามาในโรงรับจำนำของเขาแล้วได้เงินกลับไปโดยไม่มีสิ่งของมาแลกเปลี่ยน นับดูทั้งชีวิตกลับมีเพียงเด็กชายหญิงตรงหน้า

ช่างเป็นเด็กที่รู้ความยิ่งนักแม้อายุยังน้อยก็ไม่คิดงอมืองอเท้ารู้จักหาเงินด้วยวิธีการแตกต่าง

“อาไป๋ เจ้าเอาเตียง เอาเก้าอี้ แล้วก็ของใช้เก่าๆ พวกนี้มาทำไมกัน”

ซ่งไป๋ลู่หยิบเงินที่เถ้าแก่โรงจำนำจ่ายเป็นค่าแรงออกมานับแล้วแบ่งให้กู้เหยียนสองส่วน กู้ฉินสองส่วน

“ท่านลุงกู้วันนี้ลำบากท่านแล้ว นี่ถือเป็นสินน้ำใจนะเจ้าคะ”

กู้ฉินรับเงินใส่กระเป๋าแล้วยิ้มกว้าง ก่อนหน้านี้กู้เหยียนบอกให้เขามาช่วยขนของออกจากโรงรับจำนำไปทิ้ง กู้ฉินก็คิดชื่นชมนางหนูน้อยซ่งอยู่ในทีที่รู้จักหาเงินเพิ่ม

ทว่ายามเห็นนางคัดแยกของออกเป็นสองส่วน โดยส่วนหนึ่งนำไปทิ้งที่ชายป่าจุดทิ้งของ อีกส่วนขนขึ้นเกวียนนำกลับบ้านก็ยิ่งชื่นชอบในความฉลาดเฉลียวของนาง ที่ไม่เพียงรู้จักหาเงิน แต่ยังรู้จักหาของโดยไม่เสียเงินอีกด้วย

“อาไป๋ข้าไม่เข้าใจ... ของพวกนี้แม้ยังใช้งานได้ แต่ก็เป็นของเก่าที่ผู้อื่นทิ้งแล้ว เอาเช่นนี้หากเงินเจ้าไม่พอเอาของข้าไปใช้ก่อนดีหรือไม่”

กู้เหยียนเอ่ยพลางส่งถุงเงินให้ซ่งไป๋ลู่ ทว่าซ่งไป๋ลู่ยังไม่ทันเอ่ยอะไร ที่กลางหัวเขาก็คล้ายถูกแรงบางอย่างตีลงมา

“ท่านพ่อ นี่ท่านตีข้าทำไมกัน”

“เจ้าลูกโง่ หากซื้อของใหม่เข้าบ้านเจ้าคิดว่าท่านป้าใหญ่ของนางจะทำเช่นไร”

แน่นอนว่าซ่งหลี่เถียนย่อมต้องไปแย่งชิงของ อีกทั้งยังแย่งชิงเงินในกระเป๋าของนางด้วย

“วันนี้ข้าไปขายของที่ตลาดพบคนเอาของเก่ามาทิ้งเห็นว่ายังพอใช้ได้เลยเก็บใส่เกวียนมาให้อาต้าไว้ใช้ คำตอบนี้เจ้าพอใจหรือไม่อาไป๋”

“ท่านลุงกู้ช่างมีน้ำใจต่อพวกเราสามพี่น้องยิ่งนัก วันพรุ่งนี้ยังต้องรบกวนท่านไปขนของพวกนั้นมาอีกสักเล็กน้อย”

คำตอบของซ่งไป๋ลู่เรียกเสียงหัวเราะให้กู้ฉินดังก้อง ในใจนึกชื่นชอบความเฉลียวฉลาดของนางมากขึ้น หากล้มป่วยแล้วกลายเป็นคนมากปัญญา เขาก็อยากจับลูกชายหัวทึบนี่โยนลงน้ำให้ป่วยหนักๆ สักครั้ง ทว่าที่กลัวก็คือ จากที่ควรจะฉลาดอาจสมองทึบกว่าเดิม

ทันทีที่ซ่งต้าลู่และซ่งหานลู่เปิดประตูบ้านเข้ามาก็ตื่นตกใจ เพราะไม่เพียงยามนี้ ที่กลางบ้านมีโต๊ะเก้าอี้สภาพดีพร้อมชุดน้ำชาตั้งอยู่ ด้านในยังมีชั้นหนังสือที่มีหนังสือจัดเรียงอย่างเป็นระเบียบอยู่หลายเล่ม พร้อมกับโต๊ะเตี้ยสำหรับคัดอักษร อ่านตำราอีกหนึ่งตัว มุมขวามือที่เคยเป็นที่ตั้งของเตียงไม้ไผ่เรือนเล็กๆ ก็มีเตียงกว้างขนาดสามคนนอนเพิ่มเข้ามา บนเตียงยังมีผ้านวมผืนหนาและหมอนใบใหญ่ ถึงแม้จะไม่ใช่ของใหม่ ทว่ากลับเป็นของที่ดีมากที่สุดที่ในชีวิตของพวกเขาสองพี่น้องเคยครอบครอง

“พี่ใหญ่พวกเราเข้าผิดบ้านหรือไม่”

ซ่งหานลู่เอ่ยถามพลางยกมือเล็กขยี้ดวงตาของตนเอง ขณะที่ซ่งต้าลู่หันไปทางเด็กหญิงตัวน้อยที่กำลังนั่งจัดเรียงไหหลายใบอยู่ในครัว

“นี่คือเรื่องบางอย่างที่เจ้าไปจัดการมาหรือ”

ซ่งไป๋ลู่สบดวงตาคมที่มีแววตำหนิแล้วยิ้มแห้ง

“ข้ารู้ว่าเจ้าหวังดี อยากให้พวกเรามีชีวิตที่ดีขึ้น แต่เงินทองจะใช้อย่างมือโตแบบนี้ไม่ได้”

“พี่ใหญ่ทั้งหมดนี่ล้วนเป็นของที่เจ้าของเดิมไม่ใช้แล้ว ข้าจึงเอากลับมาเจ้าค่ะ ไม่ได้ใช้เงินสักอีแปะเดียวเลย”

ซ่งไป๋ลู่เอ่ยตอบด้วยท่าทางจริงจัง ซ่งต้าลู่แม้อยากดุน้องสาวผู้นี้อีกสักประโยคก็ทำได้เพียงถอนหายใจยาวเอ่ยเสียงอ่อน

“ล้วนเป็นข้าที่ดูแลพวกเจ้าได้ไม่ดี”

“พี่ใหญ่ เพราะพวกเรามีท่านชีวิตนี้จึงกล่าวได้ว่าดีมาก”

ซ่งไป๋ลู่เอ่ยเสียงสดใสจริงใจ แม้จะกล่าวว่าชีวิตใหม่นี้ของนางช่างทะลุมิติมาได้อย่างไร้วาสนายิ่งนัก ทว่านางกลับได้พี่ชายที่แสนดี น้องชายที่แสนน่ารัก จึงนับว่าเป็นชีวิตที่ดีมาก

ซ่งต้าลู่ขบกรามแน่น ในใจเกิดพลังสายหนึ่ง ไม่ว่าภายหน้าจะยากลำบากเพียงใดเขาต้องทำให้น้องทั้งสองสุขสบายให้จงได้

“วันนี้เจ้าคงเหนื่อยมากแล้วข้าจะเข้าครัวทำอาหารให้เอง”

“เจ้าค่ะ”

หลังผ่านมื้อค่ำทั้งสามคนพี่น้องก็ขึ้นไปนอนเตียงเดียวกันโดยมีซ่งหานลู่นอนอยู่ตรงกลาง

“พี่รอง ท่านดีมาก ดีเหลือเกิน”

เสียงเล็กๆ ของเด็กน้อยตรงกลางเตียงเอ่ยแผ่วเบา ทว่าคนที่นอนเคียงข้างซ้ายขวากลับได้ยินชัดเจน

ซ่งไป๋ลู่พลิกตัวมาหาเด็กน้อยเมื่อเห็นดวงตากลมที่หลับสนิทก็ยิ้มขบขัน มือเล็กใช้ชายเสื้อซับเหงื่อบนกรอบหน้าของอีกฝ่าย หยิบพัดใบไม้ขึ้นมาโบกเบาๆ ให้น้องชายช่างเจรจาอย่างใส่ใจ ทว่าเพราะวันนี้นางออกไปขายของทั้งวันร่างกายจึงอ่อนล้า โบกพัดไปมาไม่กี่ทีดวงตากลมใสก็ปิดลง

ซ่งต้าลู่เอื้อมมือไปรับใบหน้าของน้องสาวคนรองที่กำลังจะล้มทับน้องชายคนเล็กด้วยรอยยิ้มบาง ก่อนจะค่อยๆ จับไหล่ของนางประคองลงนอนบนเตียง หยิบพัดจากมือของนางมาโบกให้คนทั้งสองอย่างใส่ใจ

Continue to read this book for free
Scan code to download App

Latest chapter

  • สามีอยากก้าวหน้าต้องช่วยข้าทำสวน   บทพิเศษ

    บทพิเศษสายลมเหมันต์พัดผ่าน หิมะขาวโปรยปรายร่วงหล่นองค์ชายรองฟู่ฉ่าคังอันยืนอยู่บนชั้นสองของโรงเตี๊ยมเสี่ยวอัน สายตาทอดมองไปยังถนนเบื้องล่าง“ถวายพระพรองค์ชายรอง”เสียงเอ่ยด้วยความนอบน้อมจากด้านหลังดึงสายตาของเขาให้หมุนตัวกลับมามองอีกฝ่าย“ลุกขึ้นเถิด ท่านอาจารย์หลิว หมอหลวงถัง”หลิวชงซิว และ ถังซานอี้ ขยับตัวลุกขึ้น หากแต่ยังคงอยู่ในท่าทางที่สงบ“หลายปีมานี้ลำบากพวกท่านแล้ว”“ได้ทำงานให้ฝ่าบาทนับเป็นวาสนาอันยิ่งใหญ่ของพวกกระหม่อม”ฟู่ฉ่าคังอันยกมุมปากขึ้นยิ้ม สายตามองคนทั้งสองด้วยความภาคภูมิใจและขอบคุณอยู่ในที การซ่อนตัวแฝงกายเพื่อสืบข่าวในต่างแคว้นนั้นเป็นเรื่องยาก แต่ที่ยากกว่าคือการแทรกซึมขึ้นเป็นคนสำคัญที่ต่างแคว้นไว้วางใจ“ตอนนี้เจียงเป่ยและต้าหยางลงนามผูกพันธมิตรร้อยปี ต่อไปคงไม่มีสงครามอีก ดังนั้นเสด็จพ่อจึงเรียกตัวพวกท่านกลับเจียงเป่ยเพื่อตกรางวัล”เมื่อได้ยินว่าถูกเรียกตัวกลับบ้านเกิด สองสายลับก็ทรุดตัวลงก้มหน้าคุกเข่า“องค์ชายได้โปรดเมตตา พวกกระหม่อมไม่ปรารถนาของรางวัลหรือลาภยศใดๆ เพียงแต่ต่อจากนี้ขอให้ลบชื่อพวกเราออกจากบัญชีสายลับ”ลบชื่อออก นี่ไม่เท่ากับลบผลงานในหลายสิบ

  • สามีอยากก้าวหน้าต้องช่วยข้าทำสวน   บทที่ 33.3 บทสุดท้าย 

    “เสี่ยวไป๋!”น้ำเสียงที่เอ่ยออกมาในคราวแรกนั้นค่อนข้างตื่นตระหนกดีใจ หากแต่เพียงพริบตาก็กลับเป็นเศร้าหมอง ยืนนิ่งเอ่ยออกมาเสียงบางเบา“สบายดีหรือไม่”ซ่งไป๋ลู่ในชุดสีแดงอ่อนแถบขาว เม้มริมฝีปากบางพยักหน้าตอบกลับ เมิ่งเฟยอวี่ยิ้มด้วยสายตาเจือความทุกข์ เอ่ยถามเสียงสั่น“มีเรื่องทุกข์ใจ หรือใครทำให้รู้สึกยากลำบากไหม”ดวงตาคมมองใบหน้าที่ส่ายไปมา ด้วยใจคะนึงหาก่อนจะเปลี่ยนเป็นตื่นตระหนกเมื่อเห็นเท้าเล็กก้าวเข้ามาหาตน“อย่า อย่าเข้ามา...”“อาเล่อ ทำไม...”“ข้ารู้ว่าเจ้าเป็นเพียงภาพลวงตา แต่ช่วยอยู่ให้นานหน่อยได้หรือไม่”คิ้วเรียวที่ขมวดเข้าหากันของซ่งไป๋ลู่พลันคลายออก ในดวงตาปรากฏความรู้สึกผิดที่ชัดเจน ไม่สนใจคำห้ามปรามของเขาวิ่งเร็วพร้อมโถมตัวเข้าโอบกอดร่างหนา“เสี่ยวไป๋ ทำไมเจ้าจึงกอดข้าได้”เมิ่งเฟยอวี่ยังคงตื่นตกใจ สองมือแข็งค้างอยู่กลางอากาศไม่กล้าแม้แต่จะขยับปลายนิ้ว ด้วยกลัวว่าความอบอุ่นนี้จะจางหายไป“ข้าไม่เพียงแค่กอดเจ้าได้แต่ยัง... จูบเจ้าได้ด้วย”ซ่งไป๋ลู่กล่าวจบสองมือที่กอดกายหนาก็ขยับขึ้นโอบลำคอแกร่ง เขย่งปลายเท้ากดแนบริมฝีปากของตนลงบนปากหยักของเมิ่งเฟยอวี่ร่างกายของเมิ่งเฟยอวี

  • สามีอยากก้าวหน้าต้องช่วยข้าทำสวน   บทที่ 33.2 บทสุดท้าย

    ห้าวันต่อมาทั่วทั้งต้าหยางก็เกิดเรื่องที่ทำให้ทุกคนตื่นตระหนก เมื่อราชโองการถูกประกาศออกมาว่าองค์ชายห้าหลงเจิ้นซีก่อกบฏ ตระกูลจางเก้ารุ่นถูกสังหารภายในคืนเดียว บรรดาขุนนางที่ร่วมมือถูกประหารไปนับสิบคน พระสนมจางเฟยถูกส่งเข้าตำหนักเย็น ราชสำนักปั่นป่วนวุ่นวาย หากแต่เพียงครึ่งเดือนต่อมาทุกอย่างก็สงบลง“ได้ยินว่าองค์ชายห้าใช้โอกาสตอนไปจัดการปัญหาทางเหนือ ซ่องสุมกำลังพลเอาไว้ โชคดีที่องค์ชายรองแคว้นเจียงเป่ยยื่นมือเข้ามาช่วยเปิดโปง ไม่เช่นนั้นหากเกิดกบฏกลางเมืองขึ้นมาจริงๆ ชาวบ้านอย่างพวกเราไม่รู้จะมีชะตากรรมอย่างไร”“ยังต้องขอบคุณที่ปรึกษาเมิ่งด้วย ได้ยินว่าเขาให้บัณฑิตใหม่ปีนี้แฝงตัวเข้าสืบความ จึงได้รายชื่อขุนนางโฉดทั้งหมดออกมา”“ใช่ๆ เขายังเป็นพันธมิตรที่ดีกับหัวหน้าหวงแห่งกองอาชาเหล็กร่วมมือกันเข้าจับกุมองค์ชายกบฏ ดังนั้นจึงจัดการทุกอย่างได้อย่างรวดเร็วและไม่เดือดร้อนชาวบ้านอย่างพวกเราเลย”เรื่องราวการปราบกบฏครั้งนี้ถูกเล่าลือไปทั่วเมืองด้วยความตื่นเต้นของชาวบ้าน ขณะที่ซ่งไป๋ลู่ได้แต่รับฟังอย่างสงบ“พี่รอง เหตุใดท่านจึงดูสงบนัก ราวกับว่ารู้ทุกอย่างอยู่แล้ว”“หากข้าบอกว่าข้ารู้ทุกอย่าง

  • สามีอยากก้าวหน้าต้องช่วยข้าทำสวน   บทที่ 33.1 บทสุดท้าย

    “อาไป๋นอนหรือยัง”เสียงซ่งต้าลู่ดังขึ้นที่หน้าห้อง ซ่งไป๋ลู่ก็หมุนตัวออกมาเปิดประตูในทันที“พี่ใหญ่ มีเรื่องอะไรหรือเจ้าคะ”เพราะช่วงนี้มีเรื่องราวมากมายเกิดขึ้น ดังนั้นซ่งไป๋ลู่จึงตื่นตัวและกังวลอยู่ตลอดเวลา“ไม่ได้มีเรื่องร้ายอะไร ข้าเพียงต้องการบอกบางอย่างกับเจ้า”ซ่งไป๋ลู่เห็นใบหน้าของพี่ชายมีความกังวลแฝงอยู่ก็คาดเดาได้ว่าบางอย่างที่เขากำลังจะบอกกับนางนั้นน่าจะเป็นเรื่องสำคัญ ดังนั้นจึงให้เขาเข้ามานั่งด้านในห้อง รินชาร้อนแล้วส่งให้เขาซ่งต้าลู่รับถ้วยชามาจากน้องสาว ทว่ากลับไม่ได้ยกมันขึ้นดื่ม มือข้างหนึ่งกำถ้วยชาแน่น ส่วนอีกข้างกำกล่องไม้บนตักเอาไว้แน่นหากซ่งไป๋ลู่รู้ว่าระหว่างเขากับนางไม่มีสายสัมพันธ์เกี่ยวข้องกันทางสายเลือด สายตาที่ห่วงใยนี้จะเปลี่ยนไปหรือไม่ซ่งต้าลู่ไม่กลัวเจ็บ ไม่กลัวตาย แต่ที่เขากลัวก็คือ สายตาที่เต็มเปี่ยมไปด้วยความไว้วางใจ และห่วงใยคู่นี้จะเปลี่ยนไป เพียงแต่ให้หวาดกลัวเพียงใดเรื่องนี้ก็ไม่อาจปิดบังได้อีก ดังนั้นมือหนาจึงวางกล่องไม้ที่เขาเก็บเอาไว้เกือบสิบหกปีลงตรงหน้าซ่งไป๋ลู่“พี่ใหญ่นี่คือ...”“ของที่มารดาเจ้ามอบไว้ให้”มารดาของนาง ไม่ใช่มารดาของเขาหรือ

  • สามีอยากก้าวหน้าต้องช่วยข้าทำสวน   บทที่ 32.3 สตรีของข้า

    “เช่นนั้นคงต้องรบกวนองค์ชายห้า แสดงของในมือแล้ว”“เมิ่งเฟยอวี่!”“กระหม่อมอยู่นี่ รอดูของในมือพระองค์ด้วยความตั้งใจ”“บังอาจ! เหวินเสียนไปชิงสตรีของข้าคืนมา”สิ้นคำสั่งของหลงเจิ้นซี องครักษ์ลับร่วมห้าสิบชีวิตก็ปรากฏเบื้องหน้า ทว่าแม้จะตกเป็นรองแต่เมิ่งเฟยอวี่ก็ยังคงอยู่ในอารมณ์ที่สงบนิ่ง ดวงตาคมดุจดจ้องมองไปยังอีกฝ่ายอย่างขุ่นเคือง ก่อนจะโต้กลับด้วยเสียงเยือกเย็น“มีใครกล้าก็เข้ามา”มือหนาดึงซ่งไป๋ลู่ไปไว้เบื้องหลัง ขยับเท้าอยู่ในท่าพร้อมปะทะอย่างไม่หวั่นเกรง ข้างกายมีคนติดตามอีกร่วมสิบชีวิตกระชับกระบี่ในมือด้วยท่าพร้อมสู้เช่นเดียวกัน“ปกป้องแม่นางซ่ง!”เสียงปริศนาดังขึ้น พริบตาชายในชุดสีน้ำตาลก็ทะยานตัวมาเป็นเกราะคุ้มกันที่ด้านหน้าเมิ่งเฟยอวี่อีกชั้น หลงเจิ้นซีตวัดสายตามองไปยังต้นเสียงก็เห็นร่างสูงโปร่งในชุดผ้าไหมเนื้อดีตามแบบวัฒนธรรมชาวเจียงเป่ย“องค์ชายรองฟู่ฉ่าคังอัน!”คำเรียกขานที่แจ้งสถานะของผู้สอดมือทำให้องค์ชายห้าหลงเจิ้นซีขบกรามแน่น“นี่เป็นเรื่องภายในของต้าหยาง องค์ชายรองฟู่ฉ่าคังอันทำเช่นนี้ดูไม่ค่อยเหมาะสมกระมัง”“แม่นางซ่งเป็นน้อง... เป็นผู้มีพระคุณของข้า ดังนั้นไม่ว่าใคร

  • สามีอยากก้าวหน้าต้องช่วยข้าทำสวน   บทที่ 32.2 สตรีของข้า

    เสวียนรั่วซีกำกระบี่ในมือแน่น นางอยู่บ้านซ่งมาหลายปีเสี่ยวโกวแม้เป็นเพียงสุนัขแต่ก็ผูกพันราวญาติคนหนึ่ง หากแต่แม้แค้นเคืองจนตัวสั่นทว่าเสวียนรั่วซีก็ไม่คิดทำให้ซ่งไป๋ลู่เดือดร้อนเพราะความวู่วามของตน“สักวันข้าจะต้องทวงคืนความยุติธรรมให้เสี่ยวโกว”“รั่วซีระวังหน่อย”ซ่งไป๋ลู่เอ่ยเตือนออกมาเสียงเบา แม้คำพูดของเสวียนรั่วซีจะดังเพียงแค่ให้ได้ยินเข้ามาในเกี้ยว แต่คนของหลงเจิ้นซีล้วนมากฝีมือ ดังนั้นจึงควรระวังให้มาก เพียงแต่แม้จะเอ่ยเตือนเสวียนรั่วซีไปเช่นนั้น ทว่าในความเป็นจริงตัวนางเองก็ยากจะควบคุมโทสะในใจ มือกำเข้าหากันแน่น จนปลายเล็บกดลงไปในอุ้งมือเป็นรอยแผล สองตาแดงก่ำใบหน้าอาบไปด้วยน้ำตาตำหนักเจิ้นซีอยู่ทางตะวันออกของเมืองหลวง ในขณะที่จวนซ่งอยู่ทางตะวันตกดังนั้นขบวนเจ้าสาวนี้จึงเดินทางผ่านผู้คนมากมายกว่าครึ่งเมือง เพียงไม่นานเรื่องที่ซ่งไป๋ลู่ทิ้งกู้เหยียน ขึ้นเกี้ยวใหม่แต่งเข้าเป็นพระชายาองค์ชายห้าก็ดังไปทั่ว“หยุดเกี้ยว!”เสียงแม่สื่อด้านหน้าขบวนร้องบอก ก่อนที่เกี้ยวเจ้าสาวจะหยุดลง ซ่งไป๋ลู่ใจสั่นระรัว แม้จะบอกว่านางเตรียมตัวรับมือกับเรื่องนี้แล้ว แต่ส่วนลึกก็ยังคงคาดหวังว่าสวรรค์จ

More Chapters
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status