Beranda / รักโบราณ / สามีอยากก้าวหน้าต้องช่วยข้าทำสวน / บทที่ 4.2 วาสนาดีไม่สู้ชีวิตดี

Share

บทที่ 4.2 วาสนาดีไม่สู้ชีวิตดี

last update Terakhir Diperbarui: 2025-02-20 12:45:39

บทที่ 4.2  วาสนาดีไม่สู้ชีวิตดี

เช้าวันต่อมาซ่งต้าลู่ก็ตื่นแต่ฟ้าสางหยิบจอบเดินไปยังลานหลังบ้านขึ้นแปลงผักอย่างขะมักเขม้น ซ่งไป๋ลู่จึงเข้าครัวทำอาหารเช้าง่ายๆ อย่างโจ๊กหมูและไข่ต้มไว้รอสองพี่น้อง ยามที่ตะวันเริ่มเคลื่อนตัวขึ้นไอเย็นของหยาดน้ำค้างระเหยไปจนหมด นางก็ยกผลท้อที่ฝานเป็นชิ้นออกไปตากแห้ง สัมผัสดูความชื้นแล้วตากแดดวันนี้อีกแค่วันเดียวก็สามารถเก็บลงโถเอาไปรวมกับของวันก่อนๆ ได้แล้ว

“พี่ใหญ่ท่านหยุดมือแล้วมากินข้าวก่อนเถิด”

ซ่งไป๋ลู่เดินไปเรียกเด็กหนุ่มที่ยามนี้มีกล้ามเนื้อมากขึ้นสมกับเป็นบุรุษแล้ว ทั้งหมดนี้ล้วนเป็นเพราะฝีมือการบำรุงร่างกายเขาของนาง ซ่งต้าลู่ถูกแววตากลมใสจ้องมองร่างกายที่เปลือยท่อนบนสองแก้มก็ร้อนผ่าวรีบล้างตัวหยิบเสื้อตัวนอกมาสวมอย่างรวดเร็ว

รู้จักอายเสียด้วย เขาลืมไปหรือไม่ว่ายามนี้นางคือน้องสาววัยสิบขวบของเขา ไม่ใช่หญิงสาววัยปักปิ่นที่ไหน

“ข้าขึ้นร่องแปลงผักให้เจ้าเรียบร้อยแล้ว”

“ขอบคุณท่านมาก หลังกินข้าวเช้าเสร็จข้าจะลงมือปลูกข้าวโพด”

ข้าวโพดเป็นพืชที่ปลูกง่ายและดูแลไม่ยาก อีกทั้งยังเก็บเอาไว้ได้นาน หรือจะนำมาแปรรูปเป็นแป้งเก็บไว้ทำอาหารก็ได้หลากหลาย ดังนั้นซ่งไป๋ลู่จึงเลือกที่จะปลูกข้าวโพดก่อน จากนั้นค่อยปลูกอย่างอื่นเพิ่มเติมในภายหลัง

“พี่รองท่านปลูกข้าวโพดเป็นด้วยหรือ”

ซ่งหานลู่ได้ยินพี่สาวเอ่ยบอกว่าจะปลูกข้าวโพดก็เบิกตากว้างด้วยความตกใจ ก่อนหน้านี้ตอนเห็นพี่สาวรองลงมือเกี่ยวหญ้าที่สวนหลังบ้าน ก็ทำเขาตื่นตาตื่นใจไม่น้อยแล้ว วันนี้ยังได้ยินว่าพี่สาวที่แม้แต่แดดก็ไม่ยอมให้สัมผัสกายจะลงมือปลูกข้าวโพดด้วยตนเองก็อดที่จะแปลกใจไม่ได้

“ตอนที่ข้าล้มป่วยท่านเทพบนสวรรค์สอนข้ามา”

เมื่อได้ยินคำตอบของพี่สาวรอง ซ่งหานลู่ก็ถอนหายใจยาว พี่รองของเขากำลังเล่านิทานหลอกเด็กอีกแล้ว ต้องให้บอกอีกกี่ครั้งกันว่าเขาไม่ใช่เสี่ยวเหม่ย

ซ่งไป๋ลู่มองท่าทางอ่อนใจทว่าไร้ถ้อยคำจะเอ่ยโต้ตอบของน้องชายตัวน้อยก็ขบขัน ก่อนลงมือกินอาหารเช้าโดยพร้อมหน้า หลังจากอิ่มท้องแล้วซ่งต้าลู่ก็ไปทำนา ขณะที่ซ่งไป๋ลู่เปลี่ยนเสื้อผ้าเป็นชุดเนื้อหยาบที่รัดกุม แล้วเดินไปตามร่องแปลงที่ซ่งต้าลู่ขึ้นเอาไว้ให้ ถือไม้ไผ่สองเล่มที่มัดติดกันโดยเล่มหนึ่งเจาะรูด้านในจนคล้ายท่อน้ำ มัดให้ระดับสูงกว่าอีกเล่ม ยามที่ปักลงดินแล้วยกขึ้น อีกมือหนึ่งก็หยิบเมล็ดข้าวโพดออกจากถุงผ้าข้างเอวหยอดลงหลุมอย่างชำนาญ

เมื่อเห็นวิธีการปลูกข้าวโพดที่แตกต่างจากชาวบ้านคนอื่นของผู้เป็นพี่สาวซ่งหานลู่ก็ถอนหายใจยาว

“พี่รองท่านทำผิดวิธีแล้ว ข้าวโพดต้องปลูกบนแปลงไม่ใช่ข้างแปลงเช่นนั้น อีกอย่างท่านต้องหยอดเมล็ดข้าวโพดลงดินด้วยแค่เดินเอาไม้ไผ่จิ้มดินข้าวโพดย่อมไม่อาจงอกออกมา”

“น้องรองเจ้าดูนี่ ทุกครั้งที่ข้าเอาไม้ไผ่เสียบดินก็ได้หย่อนเมล็ดข้าวโพดลงไปแล้ว วิธีนี้ไม่เพียงรวดเร็วยังถนอมหลังของพวกเราด้วย”

ซ่งหานลู่มองดูวิธีการของพี่สาวด้วยความประหลาดใจ แม้นี่จะผิดแปลกจากที่เขาเคยเรียนรู้มา แต่ในใจของเด็กน้อยก็ยอมรับว่าการทำเช่นนี้ช่วยให้ลงเมล็ดได้เร็วขึ้นจริงๆ

“พี่รองท่านไปเรียนรู้วิธีประหลาดนี้มาจากที่ใดกันขอรับ”

“ย่อมเป็นท่านเทพสอนข้า”

ซ่งหานลู่ถอนหายใจยาวจนใจจะเอ่ยโต้แย้งกับพี่สาว เพียงแต่เมื่อเห็นท่าทางที่ชำนาญราวกับคนตรงหน้าไม่ใช่พี่รองที่เอาแต่นอนและกินอยู่ในบ้านคนเดิม คิ้วเล็กของซ่งหานลู่ก็ขมวดแน่น หรือว่าตอนที่พี่รองของเขาล้มป่วยนางจะได้พบท่านเทพจริง ซ่งหานลู่ส่ายศีรษะเล็กสลัดความคิดอันเรื่อยเปื่อยของตนเองแล้วสังเกตวิธีการของพี่สาวก่อนจะลงมือทำตาม

และเพราะไม่ต้องก้มขุดหลุมหยอดเมล็ดเช่นที่ชาวบ้านแถบนี้นิยมกัน เพียงหนึ่งวันสองพี่น้องแซ่ซ่งก็ปลูกข้าวโพดหนึ่งหมู่แล้วเสร็จ

“พี่รองท่านไม่ปลูกต่อแล้วหรือ”

“เท่านี้ก็คงพอแล้ว ที่เหลือเอาไว้ปลูกอย่างอื่นเถิด”

เป็นอีกครั้งที่ซ่งหานลู่ไม่เข้าใจความคิดของพี่สาว ที่ดินมีร่วมเจ็ดหมู่แต่พี่สาวของเขากลับปลูกข้าวโพดเพียงหนึ่งหมู่เท่านั้น หรือเพราะพี่สาวของเขาทนแดดร้อนไม่ไหว

“พี่รองหากท่านเหนื่อยก็ไปนั่งพักเถิด ที่เหลือข้าจัดการต่อเอง”

ด้วยวิธีการที่ท่านเทพสอนพี่สาวของเขามา หากเขาเร่งมือเร่งเท้าอีกสักหน่อย ก็น่าจะปลูกข้าวโพดเพิ่มได้อีกสักหนึ่งหมู่ก่อนฟ้ามืด

“ไม่ใช่ว่าข้าเหนื่อย เพียงแต่ของที่มีมากไปย่อมไร้ประโยชน์”

ซ่งไป๋ลู่เข้าเมืองหลายครั้งไม่เพียงเพื่อค้าขายผลไม้ป่า แต่ยังแอบสังเกตสิ่งของต่างๆ ในตลาด แน่นอนว่าสิ่งที่นางเห็นว่ามีจนล้นเหลือก็คือข้าวโพด ดังนั้นปีนี้ปลูกแค่พอกินในครัวเรือนก็เพียงพอแล้ว

“ข้าเชื่อฟังพี่รอง”

ซ่งหานลู่คล้อยตามอย่างเชื่อฟัง แม้ในใจจะยังสงสัย ทว่าสามเดือนที่ผ่านมาพี่สาวคนนี้ของเขาก็มักทำเรื่องแปลกประหลาดอยู่บ่อยๆ และทุกครั้งก็ล้วนเป็นผลดีทั้งสิ้น ดังนั้นเขาจึงไม่ได้เอ่ยโต้แย้งอะไร ทำเพียงหยิบถังไม้เดินไปตักน้ำที่ลำธารมารดข้าวโพดหนึ่งหมู่นี้

“ลำธารอยู่ไม่ไกลมาก หากสามารถลอกร่องทางน้ำเข้ามาได้คงดี”

“ลอกร่องทางน้ำคืออะไรหรือขอรับ”

“คือการขุดเส้นทางน้ำ มีตัวเปิดปิดให้น้ำไหลเข้าที่ดินตามที่ต้องการ เช่นนี้ยามจะรดน้ำผักหรือใช้สอยก็ไม่ต้องหิ้วให้เหนื่อยอย่างไรเล่า”

แม้การขุดลอกทางน้ำจะเป็นเรื่องที่ดี แต่การจะทำสิ่งนี้ก็ต้องใช้แรงอยู่ไม่น้อย นางที่ยามนี้เป็นเพียงเด็กสิบขวบคงไม่อาจลงมือได้ อีกทั้งช่วงนี้ซ่งต้าลู่ต้องเร่งทำนาปลูกข้าวให้ทันฝน คงวุ่นวายเกินกว่าจะมาช่วยนางลอกทางน้ำ

ดังนั้นซ่งไป๋ลู่จึงจำใจหยิบถังน้ำเดินไปยังลำธาร หาบไปหาบมาอยู่หลายรอบจึงรดน้ำข้าวโพดและผักหลังบ้านเสร็จ ด้วยเหตุนี้เมื่อทุกอย่างแล้วเสร็จสองพี่น้องก็หมดแรงซ่งไป๋ลู่จึงเข้าครัวทำอาหารง่ายๆ เพียงสองจานไว้รอซ่งต้าลู่ ก่อนจะไปล้างตัวแล้วกลับมาเอนหลังนอน

Lanjutkan membaca buku ini secara gratis
Pindai kode untuk mengunduh Aplikasi

Bab terbaru

  • สามีอยากก้าวหน้าต้องช่วยข้าทำสวน   บทพิเศษ

    บทพิเศษสายลมเหมันต์พัดผ่าน หิมะขาวโปรยปรายร่วงหล่นองค์ชายรองฟู่ฉ่าคังอันยืนอยู่บนชั้นสองของโรงเตี๊ยมเสี่ยวอัน สายตาทอดมองไปยังถนนเบื้องล่าง“ถวายพระพรองค์ชายรอง”เสียงเอ่ยด้วยความนอบน้อมจากด้านหลังดึงสายตาของเขาให้หมุนตัวกลับมามองอีกฝ่าย“ลุกขึ้นเถิด ท่านอาจารย์หลิว หมอหลวงถัง”หลิวชงซิว และ ถังซานอี้ ขยับตัวลุกขึ้น หากแต่ยังคงอยู่ในท่าทางที่สงบ“หลายปีมานี้ลำบากพวกท่านแล้ว”“ได้ทำงานให้ฝ่าบาทนับเป็นวาสนาอันยิ่งใหญ่ของพวกกระหม่อม”ฟู่ฉ่าคังอันยกมุมปากขึ้นยิ้ม สายตามองคนทั้งสองด้วยความภาคภูมิใจและขอบคุณอยู่ในที การซ่อนตัวแฝงกายเพื่อสืบข่าวในต่างแคว้นนั้นเป็นเรื่องยาก แต่ที่ยากกว่าคือการแทรกซึมขึ้นเป็นคนสำคัญที่ต่างแคว้นไว้วางใจ“ตอนนี้เจียงเป่ยและต้าหยางลงนามผูกพันธมิตรร้อยปี ต่อไปคงไม่มีสงครามอีก ดังนั้นเสด็จพ่อจึงเรียกตัวพวกท่านกลับเจียงเป่ยเพื่อตกรางวัล”เมื่อได้ยินว่าถูกเรียกตัวกลับบ้านเกิด สองสายลับก็ทรุดตัวลงก้มหน้าคุกเข่า“องค์ชายได้โปรดเมตตา พวกกระหม่อมไม่ปรารถนาของรางวัลหรือลาภยศใดๆ เพียงแต่ต่อจากนี้ขอให้ลบชื่อพวกเราออกจากบัญชีสายลับ”ลบชื่อออก นี่ไม่เท่ากับลบผลงานในหลายสิบ

  • สามีอยากก้าวหน้าต้องช่วยข้าทำสวน   บทที่ 33.3 บทสุดท้าย 

    “เสี่ยวไป๋!”น้ำเสียงที่เอ่ยออกมาในคราวแรกนั้นค่อนข้างตื่นตระหนกดีใจ หากแต่เพียงพริบตาก็กลับเป็นเศร้าหมอง ยืนนิ่งเอ่ยออกมาเสียงบางเบา“สบายดีหรือไม่”ซ่งไป๋ลู่ในชุดสีแดงอ่อนแถบขาว เม้มริมฝีปากบางพยักหน้าตอบกลับ เมิ่งเฟยอวี่ยิ้มด้วยสายตาเจือความทุกข์ เอ่ยถามเสียงสั่น“มีเรื่องทุกข์ใจ หรือใครทำให้รู้สึกยากลำบากไหม”ดวงตาคมมองใบหน้าที่ส่ายไปมา ด้วยใจคะนึงหาก่อนจะเปลี่ยนเป็นตื่นตระหนกเมื่อเห็นเท้าเล็กก้าวเข้ามาหาตน“อย่า อย่าเข้ามา...”“อาเล่อ ทำไม...”“ข้ารู้ว่าเจ้าเป็นเพียงภาพลวงตา แต่ช่วยอยู่ให้นานหน่อยได้หรือไม่”คิ้วเรียวที่ขมวดเข้าหากันของซ่งไป๋ลู่พลันคลายออก ในดวงตาปรากฏความรู้สึกผิดที่ชัดเจน ไม่สนใจคำห้ามปรามของเขาวิ่งเร็วพร้อมโถมตัวเข้าโอบกอดร่างหนา“เสี่ยวไป๋ ทำไมเจ้าจึงกอดข้าได้”เมิ่งเฟยอวี่ยังคงตื่นตกใจ สองมือแข็งค้างอยู่กลางอากาศไม่กล้าแม้แต่จะขยับปลายนิ้ว ด้วยกลัวว่าความอบอุ่นนี้จะจางหายไป“ข้าไม่เพียงแค่กอดเจ้าได้แต่ยัง... จูบเจ้าได้ด้วย”ซ่งไป๋ลู่กล่าวจบสองมือที่กอดกายหนาก็ขยับขึ้นโอบลำคอแกร่ง เขย่งปลายเท้ากดแนบริมฝีปากของตนลงบนปากหยักของเมิ่งเฟยอวี่ร่างกายของเมิ่งเฟยอวี

  • สามีอยากก้าวหน้าต้องช่วยข้าทำสวน   บทที่ 33.2 บทสุดท้าย

    ห้าวันต่อมาทั่วทั้งต้าหยางก็เกิดเรื่องที่ทำให้ทุกคนตื่นตระหนก เมื่อราชโองการถูกประกาศออกมาว่าองค์ชายห้าหลงเจิ้นซีก่อกบฏ ตระกูลจางเก้ารุ่นถูกสังหารภายในคืนเดียว บรรดาขุนนางที่ร่วมมือถูกประหารไปนับสิบคน พระสนมจางเฟยถูกส่งเข้าตำหนักเย็น ราชสำนักปั่นป่วนวุ่นวาย หากแต่เพียงครึ่งเดือนต่อมาทุกอย่างก็สงบลง“ได้ยินว่าองค์ชายห้าใช้โอกาสตอนไปจัดการปัญหาทางเหนือ ซ่องสุมกำลังพลเอาไว้ โชคดีที่องค์ชายรองแคว้นเจียงเป่ยยื่นมือเข้ามาช่วยเปิดโปง ไม่เช่นนั้นหากเกิดกบฏกลางเมืองขึ้นมาจริงๆ ชาวบ้านอย่างพวกเราไม่รู้จะมีชะตากรรมอย่างไร”“ยังต้องขอบคุณที่ปรึกษาเมิ่งด้วย ได้ยินว่าเขาให้บัณฑิตใหม่ปีนี้แฝงตัวเข้าสืบความ จึงได้รายชื่อขุนนางโฉดทั้งหมดออกมา”“ใช่ๆ เขายังเป็นพันธมิตรที่ดีกับหัวหน้าหวงแห่งกองอาชาเหล็กร่วมมือกันเข้าจับกุมองค์ชายกบฏ ดังนั้นจึงจัดการทุกอย่างได้อย่างรวดเร็วและไม่เดือดร้อนชาวบ้านอย่างพวกเราเลย”เรื่องราวการปราบกบฏครั้งนี้ถูกเล่าลือไปทั่วเมืองด้วยความตื่นเต้นของชาวบ้าน ขณะที่ซ่งไป๋ลู่ได้แต่รับฟังอย่างสงบ“พี่รอง เหตุใดท่านจึงดูสงบนัก ราวกับว่ารู้ทุกอย่างอยู่แล้ว”“หากข้าบอกว่าข้ารู้ทุกอย่าง

  • สามีอยากก้าวหน้าต้องช่วยข้าทำสวน   บทที่ 33.1 บทสุดท้าย

    “อาไป๋นอนหรือยัง”เสียงซ่งต้าลู่ดังขึ้นที่หน้าห้อง ซ่งไป๋ลู่ก็หมุนตัวออกมาเปิดประตูในทันที“พี่ใหญ่ มีเรื่องอะไรหรือเจ้าคะ”เพราะช่วงนี้มีเรื่องราวมากมายเกิดขึ้น ดังนั้นซ่งไป๋ลู่จึงตื่นตัวและกังวลอยู่ตลอดเวลา“ไม่ได้มีเรื่องร้ายอะไร ข้าเพียงต้องการบอกบางอย่างกับเจ้า”ซ่งไป๋ลู่เห็นใบหน้าของพี่ชายมีความกังวลแฝงอยู่ก็คาดเดาได้ว่าบางอย่างที่เขากำลังจะบอกกับนางนั้นน่าจะเป็นเรื่องสำคัญ ดังนั้นจึงให้เขาเข้ามานั่งด้านในห้อง รินชาร้อนแล้วส่งให้เขาซ่งต้าลู่รับถ้วยชามาจากน้องสาว ทว่ากลับไม่ได้ยกมันขึ้นดื่ม มือข้างหนึ่งกำถ้วยชาแน่น ส่วนอีกข้างกำกล่องไม้บนตักเอาไว้แน่นหากซ่งไป๋ลู่รู้ว่าระหว่างเขากับนางไม่มีสายสัมพันธ์เกี่ยวข้องกันทางสายเลือด สายตาที่ห่วงใยนี้จะเปลี่ยนไปหรือไม่ซ่งต้าลู่ไม่กลัวเจ็บ ไม่กลัวตาย แต่ที่เขากลัวก็คือ สายตาที่เต็มเปี่ยมไปด้วยความไว้วางใจ และห่วงใยคู่นี้จะเปลี่ยนไป เพียงแต่ให้หวาดกลัวเพียงใดเรื่องนี้ก็ไม่อาจปิดบังได้อีก ดังนั้นมือหนาจึงวางกล่องไม้ที่เขาเก็บเอาไว้เกือบสิบหกปีลงตรงหน้าซ่งไป๋ลู่“พี่ใหญ่นี่คือ...”“ของที่มารดาเจ้ามอบไว้ให้”มารดาของนาง ไม่ใช่มารดาของเขาหรือ

  • สามีอยากก้าวหน้าต้องช่วยข้าทำสวน   บทที่ 32.3 สตรีของข้า

    “เช่นนั้นคงต้องรบกวนองค์ชายห้า แสดงของในมือแล้ว”“เมิ่งเฟยอวี่!”“กระหม่อมอยู่นี่ รอดูของในมือพระองค์ด้วยความตั้งใจ”“บังอาจ! เหวินเสียนไปชิงสตรีของข้าคืนมา”สิ้นคำสั่งของหลงเจิ้นซี องครักษ์ลับร่วมห้าสิบชีวิตก็ปรากฏเบื้องหน้า ทว่าแม้จะตกเป็นรองแต่เมิ่งเฟยอวี่ก็ยังคงอยู่ในอารมณ์ที่สงบนิ่ง ดวงตาคมดุจดจ้องมองไปยังอีกฝ่ายอย่างขุ่นเคือง ก่อนจะโต้กลับด้วยเสียงเยือกเย็น“มีใครกล้าก็เข้ามา”มือหนาดึงซ่งไป๋ลู่ไปไว้เบื้องหลัง ขยับเท้าอยู่ในท่าพร้อมปะทะอย่างไม่หวั่นเกรง ข้างกายมีคนติดตามอีกร่วมสิบชีวิตกระชับกระบี่ในมือด้วยท่าพร้อมสู้เช่นเดียวกัน“ปกป้องแม่นางซ่ง!”เสียงปริศนาดังขึ้น พริบตาชายในชุดสีน้ำตาลก็ทะยานตัวมาเป็นเกราะคุ้มกันที่ด้านหน้าเมิ่งเฟยอวี่อีกชั้น หลงเจิ้นซีตวัดสายตามองไปยังต้นเสียงก็เห็นร่างสูงโปร่งในชุดผ้าไหมเนื้อดีตามแบบวัฒนธรรมชาวเจียงเป่ย“องค์ชายรองฟู่ฉ่าคังอัน!”คำเรียกขานที่แจ้งสถานะของผู้สอดมือทำให้องค์ชายห้าหลงเจิ้นซีขบกรามแน่น“นี่เป็นเรื่องภายในของต้าหยาง องค์ชายรองฟู่ฉ่าคังอันทำเช่นนี้ดูไม่ค่อยเหมาะสมกระมัง”“แม่นางซ่งเป็นน้อง... เป็นผู้มีพระคุณของข้า ดังนั้นไม่ว่าใคร

  • สามีอยากก้าวหน้าต้องช่วยข้าทำสวน   บทที่ 32.2 สตรีของข้า

    เสวียนรั่วซีกำกระบี่ในมือแน่น นางอยู่บ้านซ่งมาหลายปีเสี่ยวโกวแม้เป็นเพียงสุนัขแต่ก็ผูกพันราวญาติคนหนึ่ง หากแต่แม้แค้นเคืองจนตัวสั่นทว่าเสวียนรั่วซีก็ไม่คิดทำให้ซ่งไป๋ลู่เดือดร้อนเพราะความวู่วามของตน“สักวันข้าจะต้องทวงคืนความยุติธรรมให้เสี่ยวโกว”“รั่วซีระวังหน่อย”ซ่งไป๋ลู่เอ่ยเตือนออกมาเสียงเบา แม้คำพูดของเสวียนรั่วซีจะดังเพียงแค่ให้ได้ยินเข้ามาในเกี้ยว แต่คนของหลงเจิ้นซีล้วนมากฝีมือ ดังนั้นจึงควรระวังให้มาก เพียงแต่แม้จะเอ่ยเตือนเสวียนรั่วซีไปเช่นนั้น ทว่าในความเป็นจริงตัวนางเองก็ยากจะควบคุมโทสะในใจ มือกำเข้าหากันแน่น จนปลายเล็บกดลงไปในอุ้งมือเป็นรอยแผล สองตาแดงก่ำใบหน้าอาบไปด้วยน้ำตาตำหนักเจิ้นซีอยู่ทางตะวันออกของเมืองหลวง ในขณะที่จวนซ่งอยู่ทางตะวันตกดังนั้นขบวนเจ้าสาวนี้จึงเดินทางผ่านผู้คนมากมายกว่าครึ่งเมือง เพียงไม่นานเรื่องที่ซ่งไป๋ลู่ทิ้งกู้เหยียน ขึ้นเกี้ยวใหม่แต่งเข้าเป็นพระชายาองค์ชายห้าก็ดังไปทั่ว“หยุดเกี้ยว!”เสียงแม่สื่อด้านหน้าขบวนร้องบอก ก่อนที่เกี้ยวเจ้าสาวจะหยุดลง ซ่งไป๋ลู่ใจสั่นระรัว แม้จะบอกว่านางเตรียมตัวรับมือกับเรื่องนี้แล้ว แต่ส่วนลึกก็ยังคงคาดหวังว่าสวรรค์จ

Bab Lainnya
Jelajahi dan baca novel bagus secara gratis
Akses gratis ke berbagai novel bagus di aplikasi GoodNovel. Unduh buku yang kamu suka dan baca di mana saja & kapan saja.
Baca buku gratis di Aplikasi
Pindai kode untuk membaca di Aplikasi
DMCA.com Protection Status