Home / รักโบราณ / สามีอยากก้าวหน้าต้องช่วยข้าทำสวน / บทที่ 4.1 วาสนาดีไม่สู้ชีวิตดี

Share

บทที่ 4.1 วาสนาดีไม่สู้ชีวิตดี

last update Last Updated: 2025-02-20 12:44:33

บทที่ 4.1

วาสนาดีไม่สู้ชีวิตดี

ซ่งไป๋ลู่มองตะกร้าผลท้อและผลบ๊วยตะกร้าสุดท้ายแล้วถอนหายใจยาว สามเดือนแล้วที่นางเข้ามาอยู่ในนิยายเรื่องนี้ แม้ไม่มีวาสนาได้ทะลุมิติเข้ามาเป็นบุตรีขุนนางใหญ่ หรือเชื้อพระวงศ์เช่นที่นักเขียนนิยมกัน แต่ชีวิตเช่นนี้ของนางก็ไม่นับว่ายากลำบากอะไร คิดดูแล้วหากนางต้องเข้ามาตบตีแย่งชิงความรักจากบุรุษ หรือต้องขบคิดประลองไหวพริบปะทะวาจา นางกลับรู้สึกว่าชีวิตเช่นนี้สบายมากกว่า เรียกว่าวาสนาดีไม่สู้มีชีวิตที่ดี

“พี่รองลูกท้อกับลูกบ๊วยบนเขาไม่มีให้เก็บแล้ว ข้าจะยังมีเนื้อกินหรือไม่”

ซ่งหานลู่ที่ยามนี้หายใจเข้าออกเป็นเนื้อหมูเอ่ยเสียงเศร้า

ซ่งไป๋ลู่ถอนหายใจยาวเอ่ยเสียงจริงจัง

“หากเจ้าอยากมีเนื้อกินทุกวัน ต่อไปก็ต้องช่วยข้าทำสวนเข้าใจหรือไม่”

“ล้วนเชื่อฟังพี่รอง”

เชื่อฟังพี่รองอะไรกัน ทั้งหมดล้วนเพื่อกระเพาะน้อยๆ ของเขาต่างหาก ซ่งไป๋ลู่มองเด็กชายวัยห้าขวบที่ตอนนี้มีเนื้อมีหนังขึ้นมาก แก้มแห้งตอบกลมยุ้ย ผิวพรรณกระจ่างสดใส เพียงมองเห็นก็รับรู้ได้ถึงสุขภาพที่ดี

หลังจากที่รู้ว่าต่อไปซ่งไป๋ลู่จะไม่มีผลไม้มาฝากขายอีกแล้วกู้เหยียนก็มีสีหน้าสลดลง เพราะสามเดือนที่ผ่านมานี้นอกจากความยินดีที่ได้เห็นหน้าเด็กหญิงทุกวันแล้ว ในใจของกู้เหยียนยังภาคภูมิใจกับเงินในกระเป๋าที่เพิ่มขึ้นอีกด้วย

“รอเดือนหน้าผลพลับบนเขาเริ่มสุก พวกเราค่อยมาร่วมหุ้นกันอีกนะเจ้าคะ”

เมื่อได้ยินว่าเดือนหน้านางจะร่วมหุ้นกับตนอีก กู้เหยียนก็ยิ้มกว้าง แววตาที่เศร้าหมองเปล่งประกายเบิกบาน

“ข้าจะรอร่วมหุ้นกับเจ้า”

ซ่งต้าลู่ไม่เข้าใจ ร่วมหุ้น ที่คนทั้งสองเจรจากัน แต่ที่แน่ๆ เขารู้สึกหงุดหงิดทุกครั้งที่เห็นว่าสหายสนิททำตัวใกล้ชิดน้องสาวของเขา

“วันนี้ข้ายังถอนมันเทศมาได้สามตะกร้า ป้าชุนเคยบอกว่าเป็นของดีมีราคานิยมกินในหมู่ขุนนาง คงต้องรบกวนพี่กู้ช่วยเป็นธุระจัดการแล้ว”

ซ่งไป๋ลู่บอกด้วยรอยยิ้มกว้าง คราวก่อนซ่งต้าลู่ได้มันเทศพันธุ์ดีมาจากป้าชุน หลังดูแลมาสามเดือนกว่าในที่สุดก็สามารถนำมาสร้างเงินได้เสียที

“ไม่ใช่เรื่องยาก ข้าค้าขายมาหลายเดือนรู้จักสาวใช้จวนขุนนางแทบทุกหลัง เรื่องนี้ย่อมจัดการให้เจ้าได้อย่างดีแน่นอน”

“ขอบคุณพี่กู้มาก”

“ว่าแต่อาไป๋ ระหว่างนี้เจ้ายังต้องการให้ข้าซื้อนมแพะมาให้อยู่หรือไม่”

“เจ้าค่ะ หากวันไหนท่านลุงกู้เข้าเมืองรบกวนพี่กู้เหยียนซื้อมาฝากข้าด้วยได้หรือไม่เจ้าคะ”

“ขอเพียงอาไป๋ต้องการ ต่อให้ท่านพ่อไม่เข้าเมืองข้าก็จะเดินไปซื้อให้”

“พี่กู้เหยียนซื้อเนื้อหมูมาด้วยได้หรือไม่”

ยังคงเป็นซ่งหานลู่ที่ร้องอยากกินเนื้อหมูทุกวัน ซ่งไป๋ลู่ถอนหายใจยาวส่ายหน้าอย่างระอาใจ

เมื่อกู้เหยียนจากไปแล้วซ่งไป๋ลู่ก็เข้ามาในครัวตรวจดูของใช้ว่ายังขาดเหลืออะไรอีกหรือไม่ ยามนี้ไม่มีเงินมาเติมในกระเป๋า เรื่องใดไม่ควรจ่ายนางก็ต้องระวังให้มากขึ้น

“น้องรอง เจ้าไม่ควรตามใจน้องเล็กมากเกินไป นมแพะกับเนื้อหมูเป็นของมีราคาไม่จำเป็นต้องกินทุกวันก็ได้”

ซ่งต้าลู่ที่เดินตามหลังนางเข้ามาเอ่ยบอกด้วยน้ำเสียงห่วงใย น้องสาวของเขาหาเงินมาด้วยความยากลำบาก ทว่าแปดในสิบล้วนเอามาลงท้องพวกเขาจนหมดสิ้น

“น้องเล็กเป็นเด็กกำลังโตจำเป็นต้องบำรุงให้มาก ภายหน้าสุขภาพจะได้แข็งแรง”

“แต่ว่า...”

“พี่ใหญ่... สำหรับข้าไม่มีสิ่งใดล้ำค่ามีราคาไปกว่าพวกท่าน”

ซ่งไป๋ลู่เอ่ยบอกด้วยความจริงใจ ชีวิตของซ่งไป๋ลู่ผู้นี้ไม่ว่าจะเป็นเจ้าของร่างเดิมในอดีตหรือตัวนางในปัจจุบันล้วนมีเพียงสองพี่น้องแซ่ซ่งที่ห่วงใยนางจากใจจริง ดวงตากลมของซ่งไป๋ลู่แดงก่ำเล็กน้อยเมื่อคิดถึงประโยคหนึ่งในนิยาย

เพราะของดีๆ ล้วนเอามาลงท้องซ่งไป๋ลู่จนหมด น้องชายคนเล็กที่อดๆ อยากๆ อายุสิบสามก็ล้มป่วยและตายจากไป

เมื่อคิดว่าอีกแปดปีเจ้าก้อนแป้งช่างเจรจาซ่งหานลู่ต้องตายจากไป หัวใจของซ่งไป๋ลู่ก็ไม่อาจยอมรับ ดังนั้นทุกวันนี้ของดีล้วนสรรหามาบำรุงให้เขา อีกทั้งยังพาขึ้นเขาฝึกร่างกายเล็กๆ ให้แข็งแรง

“น้องรองเจ้าเป็นคนฉลาดรู้ความ ย่อมรู้ว่าเงินทองสำคัญมากแค่ไหน หากใช้จ่ายอย่างสิ้นเปลืองเช่นนี้ภายหน้าจะลำบาก”

“ขอเพียงมีท่านกับน้องเล็กอยู่เคียงข้าง ให้ยากลำบากอีกสักหน่อยข้าก็ทนได้เจ้าค่ะ”

“พี่รอง!”

เสียงเล็กสั่นเครือวิ่งเข้ามาในครัวโผเข้ากอดเอวบางเล็กของพี่สาว ตั้งแต่เมื่อไหร่กันที่พี่สาวของเขาผอมลงเช่นนี้ ในใจของซ่งหานลู่พลันรู้สึกผิดขึ้นมา ยิ่งคิดถึงข้าวในถ้วยที่นางมักแบ่งให้เขากินในใจของเด็กชายก็ยิ่งสั่นสะท้านกระชับอ้อมแขนเล็กแน่น

“น้องเล็กเจ้าเป็นอะไรไป หรือว่าอยากกินเนื้อเพิ่ม”

“ไม่เอาข้าไม่กินแล้ว ต่อไปข้าไม่กินเนื้อ ไม่กินนมแล้ว”

ซ่งไป๋ลู่ขมวดคิ้วเล็ก ดูเหมือนเรื่องที่นางกับซ่งต้าลู่สนทนากันเมื่อครู่เจ้าก้อนแป้งตัวน้อยผู้นี้จะได้ยินหมดแล้ว

“น้องเล็กเจ้าอย่าเพิ่งเข้าใจผิด พี่รองให้เจ้ากินเนื้อกินนมนั่นเพราะต้องการให้เจ้าแข็งแรง ภายหน้าจะได้ไม่เจ็บไม่ป่วย รู้หรือไม่ค่าหมอค่ายานั้นแพงกว่าค่าหมูค่านมเสียอีก”

“จริงหรือขอรับ”

“พี่รองเคยหลอกเจ้าหรือ”

“ท่านหลอกข้าเสมอ”

ซ่งไป๋ลู่พลันยิ้มแห้ง เรื่องนี้หากจะโทษก็ต้องโทษนักเขียนที่สร้างตัวละครซ่งไป๋ลู่ให้เห็นแก่ตัว ไม่ว่าเรื่องใดขอเพียงทำให้ตัวเองสบายล้วนไม่ลังเลจะลงมือและผู้ที่ถูกนางล่อลวงรังแกมากที่สุดก็คือซ่งหานลู่

“แต่ไม่เป็นไร... คำพูดของท่านจริงเท็จข้าล้วนเชื่อฟัง”

คนตัวเล็กเอ่ยเสียงขึ้นจมูก แขนเล็กที่เริ่มกลมป้อมเพราะได้รับการบำรุงอย่างดีกระชับเอวบางแน่น

“เช่นนั้นระหว่างรอลูกพลับบนเขาสุก พวกเรามาช่วยกันทำสวนก่อนดีหรือไม่”

“ล้วนเชื่อฟังพี่รอง”

ซ่งไป๋ลู่ยิ้มกว้างเงยหน้าขึ้นสบสายตาคมที่เต็มไปด้วยความกังวลของซ่งต้าลู่แล้วเอ่ยเสียงอ่อนโยน

“พรุ่งนี้ข้าต้องไปช่วยท่านลุงอี้ขึ้นแปลงข้าวโพด เจ้ารออีกสักสองวันข้าจะขึ้นแปลงให้”

“พี่ใหญ่พลิกหน้าดินไว้ให้พวกเราแล้ว เหลือแค่ลงเมล็ดเท่านั้นไม่ได้ยากลำบากอะไรเจ้าค่ะ”

ก่อนหน้านี้ซ่งต้าลู่ตื่นแต่ฟ้าสางทุกวันมาพลิกหน้าดินที่บริเวณลานโล่งหลังบ้านทั้งสามหมู่จนแล้วเสร็จ ดังนั้นงานที่เหลือจึงมีเพียงขึ้นแปลง ลงเมล็ดและรดน้ำเท่านั้น

“ขึ้นร่องทำแปลงใช้แรงมาก ข้าจะขึ้นให้เอง”

“ช่วงนี้ท่านงานล้นมือ อีกทั้งที่นาที่ท่านป้าใหญ่ให้มาก็ต้องเร่งลงกล้า งานเล็กๆ ในสวนหลังบ้านก็ให้ข้ากับน้องเล็กจัดการเถิดเจ้าค่ะ”

เดือนนี้เป็นช่วงสุดท้ายของการลงกล้าปลูกผักทำสวนแล้ว หากยังชักช้าเกรงว่าเรี่ยวแรงที่ลงไปก่อนหน้าจะสูญเปล่าทั้งหมด

“เช่นนั้นข้าจะตื่นแต่เช้ามาช่วยพวกเจ้าขึ้นร่องแปลงก่อน”

อย่างไรเสียน้องสาวเขาก็เพิ่งสิบขวบ ส่วนน้องชายก็ห้าขวบ จะให้ทนเห็นคนทั้งสองต้องทำงานหนักเพียงนั้นซ่งต้าลู่ย่อมไม่อาจทำใจได้

“แต่...”

“น้องรองหากเจ้าไม่ฟังคำข้า เรื่องปลูกผักทำสวนนี่ก็ไม่ต้องทำอีก”

ซ่งต้าลู่เอ่ยเสียงดุ ใบหน้าจริงจัง เห็นท่าทางเช่นนี้ของเขาแล้วซ่งไป๋ลู่ก็ได้แต่ยอมถอยให้หนึ่งก้าว อย่างไรเสียร่างกายนี้ก็เป็นของน้องสาวเขา อีกฝ่ายจะรักและห่วงใยย่อมไม่ผิด

“เจ้าค่ะๆ ข้าฟังท่าน... ยอมท่านแล้ว เช่นนี้หายโมโหได้หรือไม่เจ้าคะ”

คนที่เผลอตัวเอ่ยเสียงดุพลันตระหนักได้ ใบหน้าพลันร้อนผ่าวขึ้นมาจนมือไม้เก้กัง สุดท้ายจึงทำได้เพียงหมุนตัวจากไป

“พี่รอง เมื่อครู่พี่ใหญ่โมโหท่านหรือ อ่า... เป็นไปได้อย่างไร หรือปีนี้ฝนจะแล้งกัน”

ซ่งไป๋ลู่เห็นสีหน้าท่าทางประหลาดใจของน้องชายตัวน้อยก็ยกมือขึ้นดีดหน้าผากเล็ก

“หากฝนแล้งพืชผักในสวนไม่ได้ผลผลิต เจ้าก็จะไม่มีเนื้อกินอีก”

“ไม่ได้นะขอรับ”

“เช่นนั้นก็รีบไปกินนมแล้วเข้านอน พรุ่งนี้จะได้ตื่นมาทำสวนหลังบ้าน”

Continue to read this book for free
Scan code to download App

Latest chapter

  • สามีอยากก้าวหน้าต้องช่วยข้าทำสวน   บทพิเศษ

    บทพิเศษสายลมเหมันต์พัดผ่าน หิมะขาวโปรยปรายร่วงหล่นองค์ชายรองฟู่ฉ่าคังอันยืนอยู่บนชั้นสองของโรงเตี๊ยมเสี่ยวอัน สายตาทอดมองไปยังถนนเบื้องล่าง“ถวายพระพรองค์ชายรอง”เสียงเอ่ยด้วยความนอบน้อมจากด้านหลังดึงสายตาของเขาให้หมุนตัวกลับมามองอีกฝ่าย“ลุกขึ้นเถิด ท่านอาจารย์หลิว หมอหลวงถัง”หลิวชงซิว และ ถังซานอี้ ขยับตัวลุกขึ้น หากแต่ยังคงอยู่ในท่าทางที่สงบ“หลายปีมานี้ลำบากพวกท่านแล้ว”“ได้ทำงานให้ฝ่าบาทนับเป็นวาสนาอันยิ่งใหญ่ของพวกกระหม่อม”ฟู่ฉ่าคังอันยกมุมปากขึ้นยิ้ม สายตามองคนทั้งสองด้วยความภาคภูมิใจและขอบคุณอยู่ในที การซ่อนตัวแฝงกายเพื่อสืบข่าวในต่างแคว้นนั้นเป็นเรื่องยาก แต่ที่ยากกว่าคือการแทรกซึมขึ้นเป็นคนสำคัญที่ต่างแคว้นไว้วางใจ“ตอนนี้เจียงเป่ยและต้าหยางลงนามผูกพันธมิตรร้อยปี ต่อไปคงไม่มีสงครามอีก ดังนั้นเสด็จพ่อจึงเรียกตัวพวกท่านกลับเจียงเป่ยเพื่อตกรางวัล”เมื่อได้ยินว่าถูกเรียกตัวกลับบ้านเกิด สองสายลับก็ทรุดตัวลงก้มหน้าคุกเข่า“องค์ชายได้โปรดเมตตา พวกกระหม่อมไม่ปรารถนาของรางวัลหรือลาภยศใดๆ เพียงแต่ต่อจากนี้ขอให้ลบชื่อพวกเราออกจากบัญชีสายลับ”ลบชื่อออก นี่ไม่เท่ากับลบผลงานในหลายสิบ

  • สามีอยากก้าวหน้าต้องช่วยข้าทำสวน   บทที่ 33.3 บทสุดท้าย 

    “เสี่ยวไป๋!”น้ำเสียงที่เอ่ยออกมาในคราวแรกนั้นค่อนข้างตื่นตระหนกดีใจ หากแต่เพียงพริบตาก็กลับเป็นเศร้าหมอง ยืนนิ่งเอ่ยออกมาเสียงบางเบา“สบายดีหรือไม่”ซ่งไป๋ลู่ในชุดสีแดงอ่อนแถบขาว เม้มริมฝีปากบางพยักหน้าตอบกลับ เมิ่งเฟยอวี่ยิ้มด้วยสายตาเจือความทุกข์ เอ่ยถามเสียงสั่น“มีเรื่องทุกข์ใจ หรือใครทำให้รู้สึกยากลำบากไหม”ดวงตาคมมองใบหน้าที่ส่ายไปมา ด้วยใจคะนึงหาก่อนจะเปลี่ยนเป็นตื่นตระหนกเมื่อเห็นเท้าเล็กก้าวเข้ามาหาตน“อย่า อย่าเข้ามา...”“อาเล่อ ทำไม...”“ข้ารู้ว่าเจ้าเป็นเพียงภาพลวงตา แต่ช่วยอยู่ให้นานหน่อยได้หรือไม่”คิ้วเรียวที่ขมวดเข้าหากันของซ่งไป๋ลู่พลันคลายออก ในดวงตาปรากฏความรู้สึกผิดที่ชัดเจน ไม่สนใจคำห้ามปรามของเขาวิ่งเร็วพร้อมโถมตัวเข้าโอบกอดร่างหนา“เสี่ยวไป๋ ทำไมเจ้าจึงกอดข้าได้”เมิ่งเฟยอวี่ยังคงตื่นตกใจ สองมือแข็งค้างอยู่กลางอากาศไม่กล้าแม้แต่จะขยับปลายนิ้ว ด้วยกลัวว่าความอบอุ่นนี้จะจางหายไป“ข้าไม่เพียงแค่กอดเจ้าได้แต่ยัง... จูบเจ้าได้ด้วย”ซ่งไป๋ลู่กล่าวจบสองมือที่กอดกายหนาก็ขยับขึ้นโอบลำคอแกร่ง เขย่งปลายเท้ากดแนบริมฝีปากของตนลงบนปากหยักของเมิ่งเฟยอวี่ร่างกายของเมิ่งเฟยอวี

  • สามีอยากก้าวหน้าต้องช่วยข้าทำสวน   บทที่ 33.2 บทสุดท้าย

    ห้าวันต่อมาทั่วทั้งต้าหยางก็เกิดเรื่องที่ทำให้ทุกคนตื่นตระหนก เมื่อราชโองการถูกประกาศออกมาว่าองค์ชายห้าหลงเจิ้นซีก่อกบฏ ตระกูลจางเก้ารุ่นถูกสังหารภายในคืนเดียว บรรดาขุนนางที่ร่วมมือถูกประหารไปนับสิบคน พระสนมจางเฟยถูกส่งเข้าตำหนักเย็น ราชสำนักปั่นป่วนวุ่นวาย หากแต่เพียงครึ่งเดือนต่อมาทุกอย่างก็สงบลง“ได้ยินว่าองค์ชายห้าใช้โอกาสตอนไปจัดการปัญหาทางเหนือ ซ่องสุมกำลังพลเอาไว้ โชคดีที่องค์ชายรองแคว้นเจียงเป่ยยื่นมือเข้ามาช่วยเปิดโปง ไม่เช่นนั้นหากเกิดกบฏกลางเมืองขึ้นมาจริงๆ ชาวบ้านอย่างพวกเราไม่รู้จะมีชะตากรรมอย่างไร”“ยังต้องขอบคุณที่ปรึกษาเมิ่งด้วย ได้ยินว่าเขาให้บัณฑิตใหม่ปีนี้แฝงตัวเข้าสืบความ จึงได้รายชื่อขุนนางโฉดทั้งหมดออกมา”“ใช่ๆ เขายังเป็นพันธมิตรที่ดีกับหัวหน้าหวงแห่งกองอาชาเหล็กร่วมมือกันเข้าจับกุมองค์ชายกบฏ ดังนั้นจึงจัดการทุกอย่างได้อย่างรวดเร็วและไม่เดือดร้อนชาวบ้านอย่างพวกเราเลย”เรื่องราวการปราบกบฏครั้งนี้ถูกเล่าลือไปทั่วเมืองด้วยความตื่นเต้นของชาวบ้าน ขณะที่ซ่งไป๋ลู่ได้แต่รับฟังอย่างสงบ“พี่รอง เหตุใดท่านจึงดูสงบนัก ราวกับว่ารู้ทุกอย่างอยู่แล้ว”“หากข้าบอกว่าข้ารู้ทุกอย่าง

  • สามีอยากก้าวหน้าต้องช่วยข้าทำสวน   บทที่ 33.1 บทสุดท้าย

    “อาไป๋นอนหรือยัง”เสียงซ่งต้าลู่ดังขึ้นที่หน้าห้อง ซ่งไป๋ลู่ก็หมุนตัวออกมาเปิดประตูในทันที“พี่ใหญ่ มีเรื่องอะไรหรือเจ้าคะ”เพราะช่วงนี้มีเรื่องราวมากมายเกิดขึ้น ดังนั้นซ่งไป๋ลู่จึงตื่นตัวและกังวลอยู่ตลอดเวลา“ไม่ได้มีเรื่องร้ายอะไร ข้าเพียงต้องการบอกบางอย่างกับเจ้า”ซ่งไป๋ลู่เห็นใบหน้าของพี่ชายมีความกังวลแฝงอยู่ก็คาดเดาได้ว่าบางอย่างที่เขากำลังจะบอกกับนางนั้นน่าจะเป็นเรื่องสำคัญ ดังนั้นจึงให้เขาเข้ามานั่งด้านในห้อง รินชาร้อนแล้วส่งให้เขาซ่งต้าลู่รับถ้วยชามาจากน้องสาว ทว่ากลับไม่ได้ยกมันขึ้นดื่ม มือข้างหนึ่งกำถ้วยชาแน่น ส่วนอีกข้างกำกล่องไม้บนตักเอาไว้แน่นหากซ่งไป๋ลู่รู้ว่าระหว่างเขากับนางไม่มีสายสัมพันธ์เกี่ยวข้องกันทางสายเลือด สายตาที่ห่วงใยนี้จะเปลี่ยนไปหรือไม่ซ่งต้าลู่ไม่กลัวเจ็บ ไม่กลัวตาย แต่ที่เขากลัวก็คือ สายตาที่เต็มเปี่ยมไปด้วยความไว้วางใจ และห่วงใยคู่นี้จะเปลี่ยนไป เพียงแต่ให้หวาดกลัวเพียงใดเรื่องนี้ก็ไม่อาจปิดบังได้อีก ดังนั้นมือหนาจึงวางกล่องไม้ที่เขาเก็บเอาไว้เกือบสิบหกปีลงตรงหน้าซ่งไป๋ลู่“พี่ใหญ่นี่คือ...”“ของที่มารดาเจ้ามอบไว้ให้”มารดาของนาง ไม่ใช่มารดาของเขาหรือ

  • สามีอยากก้าวหน้าต้องช่วยข้าทำสวน   บทที่ 32.3 สตรีของข้า

    “เช่นนั้นคงต้องรบกวนองค์ชายห้า แสดงของในมือแล้ว”“เมิ่งเฟยอวี่!”“กระหม่อมอยู่นี่ รอดูของในมือพระองค์ด้วยความตั้งใจ”“บังอาจ! เหวินเสียนไปชิงสตรีของข้าคืนมา”สิ้นคำสั่งของหลงเจิ้นซี องครักษ์ลับร่วมห้าสิบชีวิตก็ปรากฏเบื้องหน้า ทว่าแม้จะตกเป็นรองแต่เมิ่งเฟยอวี่ก็ยังคงอยู่ในอารมณ์ที่สงบนิ่ง ดวงตาคมดุจดจ้องมองไปยังอีกฝ่ายอย่างขุ่นเคือง ก่อนจะโต้กลับด้วยเสียงเยือกเย็น“มีใครกล้าก็เข้ามา”มือหนาดึงซ่งไป๋ลู่ไปไว้เบื้องหลัง ขยับเท้าอยู่ในท่าพร้อมปะทะอย่างไม่หวั่นเกรง ข้างกายมีคนติดตามอีกร่วมสิบชีวิตกระชับกระบี่ในมือด้วยท่าพร้อมสู้เช่นเดียวกัน“ปกป้องแม่นางซ่ง!”เสียงปริศนาดังขึ้น พริบตาชายในชุดสีน้ำตาลก็ทะยานตัวมาเป็นเกราะคุ้มกันที่ด้านหน้าเมิ่งเฟยอวี่อีกชั้น หลงเจิ้นซีตวัดสายตามองไปยังต้นเสียงก็เห็นร่างสูงโปร่งในชุดผ้าไหมเนื้อดีตามแบบวัฒนธรรมชาวเจียงเป่ย“องค์ชายรองฟู่ฉ่าคังอัน!”คำเรียกขานที่แจ้งสถานะของผู้สอดมือทำให้องค์ชายห้าหลงเจิ้นซีขบกรามแน่น“นี่เป็นเรื่องภายในของต้าหยาง องค์ชายรองฟู่ฉ่าคังอันทำเช่นนี้ดูไม่ค่อยเหมาะสมกระมัง”“แม่นางซ่งเป็นน้อง... เป็นผู้มีพระคุณของข้า ดังนั้นไม่ว่าใคร

  • สามีอยากก้าวหน้าต้องช่วยข้าทำสวน   บทที่ 32.2 สตรีของข้า

    เสวียนรั่วซีกำกระบี่ในมือแน่น นางอยู่บ้านซ่งมาหลายปีเสี่ยวโกวแม้เป็นเพียงสุนัขแต่ก็ผูกพันราวญาติคนหนึ่ง หากแต่แม้แค้นเคืองจนตัวสั่นทว่าเสวียนรั่วซีก็ไม่คิดทำให้ซ่งไป๋ลู่เดือดร้อนเพราะความวู่วามของตน“สักวันข้าจะต้องทวงคืนความยุติธรรมให้เสี่ยวโกว”“รั่วซีระวังหน่อย”ซ่งไป๋ลู่เอ่ยเตือนออกมาเสียงเบา แม้คำพูดของเสวียนรั่วซีจะดังเพียงแค่ให้ได้ยินเข้ามาในเกี้ยว แต่คนของหลงเจิ้นซีล้วนมากฝีมือ ดังนั้นจึงควรระวังให้มาก เพียงแต่แม้จะเอ่ยเตือนเสวียนรั่วซีไปเช่นนั้น ทว่าในความเป็นจริงตัวนางเองก็ยากจะควบคุมโทสะในใจ มือกำเข้าหากันแน่น จนปลายเล็บกดลงไปในอุ้งมือเป็นรอยแผล สองตาแดงก่ำใบหน้าอาบไปด้วยน้ำตาตำหนักเจิ้นซีอยู่ทางตะวันออกของเมืองหลวง ในขณะที่จวนซ่งอยู่ทางตะวันตกดังนั้นขบวนเจ้าสาวนี้จึงเดินทางผ่านผู้คนมากมายกว่าครึ่งเมือง เพียงไม่นานเรื่องที่ซ่งไป๋ลู่ทิ้งกู้เหยียน ขึ้นเกี้ยวใหม่แต่งเข้าเป็นพระชายาองค์ชายห้าก็ดังไปทั่ว“หยุดเกี้ยว!”เสียงแม่สื่อด้านหน้าขบวนร้องบอก ก่อนที่เกี้ยวเจ้าสาวจะหยุดลง ซ่งไป๋ลู่ใจสั่นระรัว แม้จะบอกว่านางเตรียมตัวรับมือกับเรื่องนี้แล้ว แต่ส่วนลึกก็ยังคงคาดหวังว่าสวรรค์จ

More Chapters
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status