บทนำ “คุณมันก็เหมือนกันทั้งพี่ทั้งน้อง!!! เห็นผู้ชายเป็นไม่ได้ ซื่อสัตย์กับใครไม่เป็น ขอแค่เป็นผู้ชายก็นอนกับเขาได้หมด”
ถ้อยคำร้ายกาจที่ออกจากปากของเขานั้น ทำให้เธอน้ำตาตก แต่ไม่มีแรงจะโต้ตอบ ทำได้เพียงกัดริมฝีปาก กลั้นน้ำตาไม่ให้ร่วงพรูออกมามากไปกว่านี้เพราะเขาคงจะสมเพชมากกว่าจะเห็นใจ เธอเดินไปเปิดตู้เสื้อผ้า และคิดว่านี่คงจะเป็นสิ่งที่เขาต้องการมากที่สุดคือไปจากที่นี่
แต่เขาไม่ได้ต้องการเช่นนั้น เขาเข้ามาปัดกระเป๋าและเสื้อผ้าของเธอจนเกลื่อนกระจาย
“จะทำอะไร”
“ก็จะกลับบ้านไงคะ”
“กลับไปหาผัวเก่าของคุณล่ะสิไม่ว่า”
“เขาไม่ใช่ผัวฉัน!”
นี่อาจจะเป็นน้อยครั้งที่เธอกล้าตะโกนใส่หน้าเขา แต่นั่นก็มากพอจะทำให้เขาถลึงตาใส่ ที่โกรธอยู่แล้วก็โกรธจัดขึ้นไปอีก
“ผมไม่แคร์หรอกนะถ้าคุณจะกลับไปคืนดีกับใครหรือไปนอนกับผู้ชายคนไหน แต่ต้องไม่ใช่ตอนนี้ ตอนที่คุณได้ชื่อว่ายังเป็นเมียผมอยู่ เอาไว้ผมหย่าให้แล้วคุณค่อยไสหัวไป”
“งั้นก็หย่ากับฉันเลยสิ พรุ่งนี้เลยก็ได้”
เขาเดินเข้ามาบีบต้นแขนเธอแน่น และเอ่ยเสียงห้าว
“ยังไม่ใช่ตอนนี้ เพราะตอนนี้ผมยังไม่เบื่อคุณ ไว้ผมนอนกับคุณให้อิ่มจนพอใจก่อนแล้วถึงเวลานั้นคุณจะไปไหนก็ไป!!!”
...
สามเดือนก่อนหน้าตัวอักษรย่อสีชมพูเหลือบทองที่ติดอยู่บนเวที ถูกเปลี่ยนจากตัว เอ็น-ดี (N-P) ให้เป็น พี-พี (P-P) แทนอย่างเร่งด่วน เพราะเจ้าสาวถูกเปลี่ยนตัวกะทันหันก่อนงานจะเริ่มเพียงแค่ไม่กี่ชั่วโมง
การ์ดแต่งงานที่แจกไปหมดแล้ว และแขกเหรื่อที่กำลังทยอยเดินทางมาร่วมแสดงความยินดี ก็พากันแปลกใจใช่น้อยแม้ทุกคนจะรู้สึกว่ามีอะไรไม่ชอบมาพากล แต่ด้วยมารยาทก็ทำให้ไม่มีใครซักไซ้ไล่เรียง แค่เห็นสีหน้าเจ้าภาพก็พอจะรู้ว่าสถานการณ์คงไม่ปกติเท่าไร
หากที่สนิทกันสักหน่อยก็อาจจะเลียงเคียงถามไถ่เพื่อได้คำตอบเพียงว่า
“เป็นการสื่อสารที่ผิดพลาดตั้งแต่แรก เพราะความจริงแล้ว คนที่ต้องเป็นเจ้าสาวของงานนี้ คือพุดธิดา ลูกสาวคนโต ไม่ใช่ นุชนรี ลูกสาวคนเล็ก”
แม้คำตอบจะฟังดูเป็นไปไม่ได้ แต่ใครจะว่าอะไรได้ล่ะ เมื่อเจ้าภาพว่าเช่นไร แขกที่มาร่วมงานก็ต้องว่ากันไปตามนั้น
พุดธิดาในชุดเจ้าสาวสีงาช้างแขนยาวคอปาด ผ้าซาตินเนื้อเงาแนบเนื้อพอดีตัวเผยสัดส่วนกลมกลึงสวยสง่า กระโปรงยาวปล่อยชายเรียบเฉียดพื้น เส้นผมถูกรวบต่ำอย่างหลวม ๆ ติดปิ่นมุกเล็กเรียบง่าย แววตาเจ้าสาวสงบนิ่งอย่างคนที่รู้แน่แก่ใจว่ากำลังก้าวเข้าสู่บางสิ่งที่ไม่อาจหันหลังกลับ ทว่าก็ไม่มีแม้สักวินาทีที่เธอคิดจะถอย
"เอ่อ...เจ้าบ่าวเจ้าสาว ยิ้มให้กล้องสักนิดนะครับ" ช่างภาพเอ่ยเบา ๆ อย่างเกรงใจ พุดธิดาจึงค่อยฝืนยิ้มออกมา แม้วันนี้เธอจะสะสวยดังนางฟ้าแต่รอยยิ้มก็เหมือนสวมหน้ากากเอาไว้ ความรู้สึกในใจของหญิงสาวคงแทบไม่ต่างจากเจ้าบ่าวผู้หล่อเหลาสง่างามที่ยืนเคียงข้าง ปณินแทบไม่ยกมุมปากขึ้นด้วยซ้ำ ช่างภาพที่พอจะเข้าใจสถานการณ์จึงได้แต่ปล่อยเลยตามเลยและตั้งหน้าตั้งตากดชัตเตอร์เพื่อจะได้รีบไปเก็บภาพในมุมอื่น ๆ ของงานที่คงจะให้บรรยากาศอบอุ่นสบายใจกว่าอยู่ต่อหน้าบ่าวสาวคู่นี้วันนี้มันควรเป็นวันที่ปณินควรจะมีความสุขที่สุด...เขาเฝ้ารอวันนี้มานานด้วยหัวใจเบิกบานสิเน่หา
ไม่ใช่ต้องมาเข้าพิธีด้วยอารมณ์ขุ่นเคืองที่ต้องเก็บซ่อนไว้แบบนี้
ถ้าไม่เพราะ 3 วันก่อน ปณินได้รู้ความจริงว่า ว่าที่เจ้าสาวของเขา...นุชนรี ลักลอบมีความสัมพันธ์กับผู้ชายคนอื่นมาได้สักระยะแล้ว...เขาก็คงไม่เปลี่ยนตัวเจ้าสาวกะทันหัน
ที่ร้ายกว่านั้น ผู้ชายที่เป็นชู้กับเธอ มันก็คือไอ้อภิชาต ลูกติดแม่เลี้ยงของเขาเอง
ปณิณรู้มาตลอดว่าอภิชาตอิจฉาเขา แต่ก็ไม่คิดว่าหมอนั่นจะแย่งผู้หญิงจากเขาได้สำเร็จ
ทั้งรูปถ่ายและวิดีโอคลิปที่ถูกส่งมาหาเขาอย่างลึกลับ แม้จะมองด้วยใจเป็นกลางที่สุดก็ยังดูออกว่านุชนรีมีความสัมพันธ์กับอภิชาตจริง ๆ ที่สำคัญมันเกิดขึ้นใต้จมูกเขานี่เอง
ปณิณเกือบจะล้มงานแต่ง ก่อนจะหาทางแก้แค้นที่เจ็บแสบยิ่งกว่า คือสั่งเปลี่ยนตัวเจ้าสาวกะทันหัน – พ่อแม่ของเจ้าสาวไม่กล้าพูดอะไรมากเพราะหนี้สินที่ติดค้างกันไว้ทำให้ปณิณถือไพ่เหนือกว่า
นุชนรีไม่มาร่วมงานแต่งพี่สาวตัวเองด้วยซ้ำ เธอคงทั้งโกรธและอาย
แต่มันไม่เท่ากับความโกรธและอายของเขาหรอก ปณิณคิด
“ขอบคุณนะ ที่คุณยอมมาเป็นเจ้าสาวของผม”
จังหวะหนึ่งที่ไม่มีใครอยู่ใกล้ เขาเอ่ยกับพุดธิดา
หญิงสาวที่แม้จะรู้จักกันมาหลายปี แต่ก็พูดจากันนับครั้งได้ เพราะปกติเวลาเขาไปมาหาสู่ที่บ้านหลังนั้น เขาไปหานุชนรี ผู้หญิงที่สวย น่ารัก ถูกใจเขา ไม่ใช่พี่สาวที่เยือกเย็นและติดจะจืดชืดอย่างพุดธิดา
“ขอบคุณเช่นกันค่ะที่คุณณิณ...เอ่อ...ไม่ล้มงานแต่ง”
“ฮึ ก็เพราะมันเป็นเงินของผมล่ะมั้ง ผมลงทุนไปแล้ว ถ้ายังพอมีอะไรที่ถอนทุนคืนได้ก็ดีกว่าทิ้งมันไปทั้งหมด”
เขาพูดจาแบบนี้เพื่อหวังทำร้ายใจคนฟังโดยเฉพาะ
แม้เธอจะไม่ใช่นุชนรี แต่เธอก็เป็นพี่สาว...พี่สาวที่รักน้องมากพอที่จะยอมเอาตัวเข้ามาเป็นเจ้าสาวแทน เพราะฉะนั้นความโกรธที่เขามีต่อนุชนรี เขาก็คิดว่าพุดธิดาควรรับรู้มันไปเหมือนกัน
และเหมือนจะได้ผล เพราะใบหน้าที่ซีดขาวอยู่แล้วดูเหมือนจะซีดกว่าเดิมได้อีก
“อย่าเป็นลมเป็นแล้งไปซะตอนนี้ล่ะ อีกไม่กี่ชั่วโมงงานก็จบแล้ว ทนเล่นละครต่ออีกสักนิดเหอะ”
ปณิณกัดฟันบอก พุดธิดากลืนน้ำลาย
“ฉันไม่เป็นอะไรหรอกค่ะ รับรองไม่ทำให้งานที่คุณสู้อุตส่าห์ลงทุน ต้องขาดทุนหรอก”
“ก็ดี เพราะถ้าเป็นอย่างนั้น ผมอาจบวกมันเข้ากับหนี้สินที่ครอบครัวของคุณกู้ยืมจากผมไป”
พุดธิดาหน้าชา... นึกแปลกใจว่า ตกลงแล้วผู้ชายคนนี้เคยรักและจริงใจกับน้องสาวของเธอจริง ๆ หรือเปล่า หรือแค่ลุ่มหลงในความสวยน่ารักของนุชนรีเพียงเท่านั้น
ก็เหมือนผู้ชายอีกมากมายที่เป็นอย่างนั้น มักหลงเสน่ห์นุชนรีผู้อ่อนหวาน จนถอนตัวไม่ขึ้น
แต่หนนี้ น้องสาวของเธอคงทำอะไรพลาดไปจริง ๆ ผู้ชายคนนี้จึงถึงกับประกาศว่าจะไม่ยอมแต่งงานกับนุชนรี
หนี้สินสองล้านจะต้องใช้คืนเขาทันที เว้นเสียแต่เธอที่เป็นพี่สาวและเป็นลูกสาวคนโต จะยอมเข้าพิธีแทน
และคนอย่างพุดธิดาทำได้ทุกอย่างเพื่อพ่อกับแม่และน้องอยู่แล้ว
เธอจึงต้องมายืนกล้ำกลืนฝืนยิ้มอย่างในตอนนี้...อยู่ข้างผู้ชายที่แทบไม่รู้จักนิสัยใจคอกันเลยแม้แต่น้อย
เธอไม่คิดว่าจะได้พบเขาที่นี่ ณิณมองไปรอบ ๆ บ้านด้วยแววตาสงสัย“เกิดอะไรขึ้นหรือเปล่า ทำไมคุณกลับมาบ้าน”พุดธิดากระพริบตา นั่นเป็นคำถามที่แปลกมากสำหรับเธอ“เอ่อ...นี่บ้านของฉันนี่คะ ต้องเกิดอะไรขึ้นด้วยหรือถึงจะกลับมาได้”“แต่คุณอยู่บ้านผมแล้ว ลืมแล้วหรือไงว่าตอนนี้คุณอยู่ในสถานะอะไร”น้ำเสียงเขาคล้ายจะดุ เธอหน้าเจื่อนไป“ขอโทษค่ะ ฉันแค่...กลับมาเก็บของใช้ส่วนตัวกับพวกหนังสือ”“อ๋อ แล้วไป แล้วทำไมให้คนขับรถมารับตั้งหนึ่งทุ่ม”“ก็พุด...ก็ฉันตั้งใจจะอยู่กินข้าวกับพ่อกับแม่ก่อน”“งั้นหรือ...แล้วคิดจะเชิญผมร่วมโต๊ะด้วยไหมล่ะ”เขาเอ่ย และเป็นอันรู้กันว่ามันไม่ใช่คำถามแต่เป็นคำสั่งนายนาถทั้งแปลกใจและดีใจที่ปณิณมาร่วมมื้อเย็นด้วย ต่างจากนางละไมที่มีทีท่าอึดอัด นางถึงกับแอบโทรศัพท์หาลูกสาวคนเล็ก และนุชนรีก็กระฟัดกระเฟียดมาตามสายว่าจะไม่ยอมลงมาจากห้องนอนจนกว่าทั้งพี่สาวและพี่เขยกลับบ้านไปมื้อนั้นพุดธิดาเข้าครัวโชว์ฝีมือด้วย เธอไม่รู้ว่าเขาไม่กินเผ็ดเพราะถามว่าเขาจะกินอะไร เขาก็บอกว่าอะไรก็ได้ ผลสุดท้ายคือเขากินข้าวโดยเหงื่อไหล ปากแดงและดื่มน้ำถี่ ๆ“แล้วก็ไม่บอกฉันล่ะคะว่ากินพริกไม่ได้”“ก็ผม
พุดธิดาตื่นสายกว่าที่เคยอาจเพราะนอนไม่ค่อยจะหลับ เธอสะดุ้งตื่นก่อนจะนึกได้ว่านี่ไม่ใช่ห้องและบ้านที่เธอเคยอยู่ตั้งแต่เด็ก ไม่มีวี่แววของปณิณในห้อง เธอจึงรีบอาบน้ำแต่งตัวและลงมาที่ห้องอาหาร แม่บ้านเป็นมิตรกับหญิงสาวอย่างยิ่งและเตรียมอาหารเช้าไว้ให้พร้อม “จะรับอาหารเช้าเลยไหมคะ” “ขอบคุณค่ะ เอ่อ...แล้วคุณณิณล่ะคะ” “คุณณิณออกไปทำงานแต่เช้าตรู่แล้วค่ะ ปกติก็ไม่ไปเช้าขนาดนี้หรอกนะคะ...” แม่บ้านละไว้แค่นั้นก่อนจะเดินไปเตรียมอาหารให้หญิงสาว พุดธิดาเผลอถอนหายใจด้วยความเกร็ง เขาคงไม่ว่าเธอหรอกใช่ไหมที่ตื่นสายกว่าคนเป็นสามี...เขาเป็นคนหัวโบราณแบบนั้นหรือเปล่า พุดธิดาพยายามนึก แต่เธอก็พบว่าเธอรู้จัก “สามี” ของตัวเองน้อยเหลือเกิน แม้ปณิณจะเข้าออกบ้านของเธอบ่อยครั้ง และเจอพ่อกับแม่เขาอยู่เรื่อย แต่เธอก็ไม่เคยเข้าไปสนทนาอะไรกับเขา นอกจากเพียงทักทายกันสั้น ๆ เวลาพบหน้ากัน และความสนใจทั้งหมดของปณิณก็อยู่ที่นุชนรี น้องสาวคนเดียวของเธอเท่านั้น นุชนรีเป็นคนสวยและน่ารัก โดดเด่นมาตั้งแต่สมัยเริ่มเป็นสาว ก่อนหน้าจะหมั้นกับปณิณ น้องสาวของเธอก็เคยมีแฟนมาแล้วหลายคนจนกระทั่งไปเรียนภาษาที่อังกฤษเวล
วันถัดมา ปณิณก็ทำให้เลขาฯ ของเขาแปลกใจเมื่อเห็นเจ้านายมาทำงานแต่เช้าทั้งที่เมื่อคืนเป็นวันส่งตัวเข้าหอ“ทำไมทำหน้าเหมือนเห็นผีอย่างนั้น พิศณุ”ปณิณทัก เลขานุการหนุ่มยิ้มเจื่อน“ผมนึกว่าวันนี้ท่านรองจะไม่เข้ามาเสียอีกครับ”“ถ้าฉันจะโดดงาน ฉันต้องบอกนายคนแรกไม่ใช่หรือ เมื่อฉันไม่ได้บอกก็แปลว่าฉันไม่มีเหตุผลอะไรที่จะไม่เข้าบริษัท”“เอ่อ แล้วภรรยาของท่านล่ะครับ”ปณิณชะงักไป เขาพบว่าตัวเองยังไม่ชินกับสถานะใหม่ของตัวเอง“ไม่รู้สิ ตอนฉันออกมาเขาคงยังไม่ตื่นมั้ง”ปณิณตอบแค่นี้ ก่อนจะเปลี่ยนเรื่องไปสั่งกาแฟกับแซนวิชและเดินเข้าห้อง ปล่อยให้เลขาหนุ่มยิ้มกริ่ม คิดไปไกลต่าง ๆ นานาความจริงคือ เมื่อคืนปณิณนอนแทบไม่หลับ เขานอนเตียงเดียวกับ “เมีย” ของเขาก็จริงแต่เธอนอนชิดอีกฝั่งจนเกือบจะตกเตียง เขาเองก็สั่งตัวเองให้นอนนิ่ง แกล้งหลับ เพื่อที่เธอจะได้ผ่อนคลายและหลับไป...เขาไม่รู้ว่าเธอจะนอนไม่หลับเหมือนเขาหรือไม่ แต่เขาหลับ ๆ ตื่น ๆ จนถึงตีห้าจึงตัดสินใจลุกมาอาบน้ำแต่งตัวและออกจากบ้านมาแต่ไก่โห่อย่างวันนี้แต่แม้จะเข้าบริษัท ปณิณก็แทบไม่มีสมาธิจะทำอะไรให้เป็นชิ้นเป็นอัน เขาอดนึกถึงคำถามของพุดธิดาไม่ได้
“พอเถอะนุช จะดื่มไปอีกถึงไหน เมาอ้วกขึ้นมาผมไม่พาขึ้นรถนะ”อภิชาตท้วงเมื่อนุชนรีสั่งเครื่องดื่มแรงจัดเป็นแก้วที่สี่ ที่จริงเขาก็พอรู้ว่า...ตรงข้ามกับหน้าตาภายนอกที่ดูอ่อนใส...หญิงสาวคนนี้คอแข็งใช่เล่น เธอไม่คอพับคออ่อนไปง่าย ๆ หรอกแต่เขาก็อดเป็นห่วงเธอไม่ได้อยู่ดีนุชนรีไม่คิดจะหยุดดื่มตอนนี้ เธอตวัดสายตามองเขาอย่างกรุ่นโกรธ“ต่อให้ฉันเมาจนล้มกลิ้งไปตรงนี้ นายก็ต้องรับผิดชอบพาฉันกลับบ้าน...แค่นั้นแหละที่นายต้องทำ ฉันไม่ขอให้มารับผิดชอบชีวิตฉันมากไปกว่านี้ก็ดีเท่าไหร่แล้ว”“แล้วผมเคยบอกหรือว่า จะไม่รับผิดชอบคุณ คุณก็รู้ว่าผมพร้อมเข้าไปแทนที่ไอ้ณิณตลอดเวลา”อภิชาตพูดอย่างจริงใจ ไม่มีสักนิดที่จะหงุดหงิดหรือกังวล ทั้งที่ตัวเองเป็นต้นเหตุให้นุชนรีต้องมานั่งดื่มเหล้ากับเขาที่นี่ แทนที่จะไปเข้าพิธีในฐานะเจ้าสาวของไอ้ปณิน ลูกติดพ่อเลี้ยงของเขา“จะเอ่ยชื่อนั้นมาทำไมอีก ผู้ชายเฮงซวย”นุชนรียกมือปาดน้ำตาที่ไหลออกมาอีก ทั้งโกรธและเสียใจ วันที่เธอควรจะได้สวยที่สุดในชีวิต ได้เป็นเจ้าหญิงของงานที่อยู่ในชุดเจ้าสาวสีขาวบริสุทธิ์ผุดผ่อง แต่กลับต้องมานั่งดื่มระบายความเจ็บแค้นอยู่กับคนที่ไม่ได้เป็นแม้แต
บทนำ“คุณมันก็เหมือนกันทั้งพี่ทั้งน้อง!!! เห็นผู้ชายเป็นไม่ได้ ซื่อสัตย์กับใครไม่เป็น ขอแค่เป็นผู้ชายก็นอนกับเขาได้หมด”ถ้อยคำร้ายกาจที่ออกจากปากของเขานั้น ทำให้เธอน้ำตาตก แต่ไม่มีแรงจะโต้ตอบ ทำได้เพียงกัดริมฝีปาก กลั้นน้ำตาไม่ให้ร่วงพรูออกมามากไปกว่านี้เพราะเขาคงจะสมเพชมากกว่าจะเห็นใจ เธอเดินไปเปิดตู้เสื้อผ้า และคิดว่านี่คงจะเป็นสิ่งที่เขาต้องการมากที่สุดคือไปจากที่นี่แต่เขาไม่ได้ต้องการเช่นนั้น เขาเข้ามาปัดกระเป๋าและเสื้อผ้าของเธอจนเกลื่อนกระจาย“จะทำอะไร”“ก็จะกลับบ้านไงคะ”“กลับไปหาผัวเก่าของคุณล่ะสิไม่ว่า”“เขาไม่ใช่ผัวฉัน!”นี่อาจจะเป็นน้อยครั้งที่เธอกล้าตะโกนใส่หน้าเขา แต่นั่นก็มากพอจะทำให้เขาถลึงตาใส่ ที่โกรธอยู่แล้วก็โกรธจัดขึ้นไปอีก“ผมไม่แคร์หรอกนะถ้าคุณจะกลับไปคืนดีกับใครหรือไปนอนกับผู้ชายคนไหน แต่ต้องไม่ใช่ตอนนี้ ตอนที่คุณได้ชื่อว่ายังเป็นเมียผมอยู่ เอาไว้ผมหย่าให้แล้วคุณค่อยไสหัวไป”“งั้นก็หย่ากับฉันเลยสิ พรุ่งนี้เลยก็ได้”เขาเดินเข้ามาบีบต้นแขนเธอแน่น และเอ่ยเสียงห้าว“ยังไม่ใช่ตอนนี้ เพราะตอนนี้ผมยังไม่เบื่อคุณ ไว้ผมนอนกับคุณให้อิ่มจนพอใจก่อนแล้วถึงเวลานั้นคุณจะไปไหนก