วันถัดมา ปณิณก็ทำให้เลขาฯ ของเขาแปลกใจเมื่อเห็นเจ้านายมาทำงานแต่เช้าทั้งที่เมื่อคืนเป็นวันส่งตัวเข้าหอ
“ทำไมทำหน้าเหมือนเห็นผีอย่างนั้น พิศณุ”
ปณิณทัก เลขานุการหนุ่มยิ้มเจื่อน
“ผมนึกว่าวันนี้ท่านรองจะไม่เข้ามาเสียอีกครับ”
“ถ้าฉันจะโดดงาน ฉันต้องบอกนายคนแรกไม่ใช่หรือ เมื่อฉันไม่ได้บอกก็แปลว่าฉันไม่มีเหตุผลอะไรที่จะไม่เข้าบริษัท”
“เอ่อ แล้วภรรยาของท่านล่ะครับ”
ปณิณชะงักไป เขาพบว่าตัวเองยังไม่ชินกับสถานะใหม่ของตัวเอง
“ไม่รู้สิ ตอนฉันออกมาเขาคงยังไม่ตื่นมั้ง”
ปณิณตอบแค่นี้ ก่อนจะเปลี่ยนเรื่องไปสั่งกาแฟกับแซนวิชและเดินเข้าห้อง ปล่อยให้เลขาหนุ่มยิ้มกริ่ม คิดไปไกลต่าง ๆ นานา
ความจริงคือ เมื่อคืนปณิณนอนแทบไม่หลับ เขานอนเตียงเดียวกับ “เมีย” ของเขาก็จริงแต่เธอนอนชิดอีกฝั่งจนเกือบจะตกเตียง เขาเองก็สั่งตัวเองให้นอนนิ่ง แกล้งหลับ เพื่อที่เธอจะได้ผ่อนคลายและหลับไป...เขาไม่รู้ว่าเธอจะนอนไม่หลับเหมือนเขาหรือไม่ แต่เขาหลับ ๆ ตื่น ๆ จนถึงตีห้าจึงตัดสินใจลุกมาอาบน้ำแต่งตัวและออกจากบ้านมาแต่ไก่โห่อย่างวันนี้
แต่แม้จะเข้าบริษัท ปณิณก็แทบไม่มีสมาธิจะทำอะไรให้เป็นชิ้นเป็นอัน เขาอดนึกถึงคำถามของพุดธิดาไม่ได้
...แต่ก็คงไม่ได้หมายความว่าเราจะต้องเป็นสามีภรรยากันจริง ๆ ใช่ไหมคะ...
หมายความว่าเธอคิดว่าการแต่งงาน เป็นไปเพื่อกู้หน้าเขาเท่านั้นหรือ...
ผู้หญิงตั้งมากมายที่หวังจะได้มานั่งตรงนี้ ในฐานะภรรยาของเขา แต่พุดธิดากลับทำหน้าอิหลักอิเหลื่อเหมือนไม่เต็มใจอย่างนั้น
ก็จริงอยู่ที่เธอไม่ได้แต่งเพราะสมัครใจ
แต่เธอก็น่าจะรู้เอาไว้นะว่าโชคดีแค่ไหนแล้วที่จู่ ๆ มีสามีหล่อรวยอย่างเขาน่ะ...ปณิณนึกเข้าข้างตัวเอง
และการที่เธอไม่ได้แสดงความยินดีออกมาอย่างที่เขาเคยชิน มันก็ทำให้เขาเริ่มรู้สึกหงุดหงิดใจชอบกล
บางทีเธอควรจะได้รู้ตัวว่าตัวเองโชคดีแค่ไหน
เขาคิดก่อนจะผุดลุกขึ้น ก้าวยาว ๆ ออกจากห้อง
“พิศณุ”
“ครับ”
พิศณุผุดลุกอย่างตกใจเมื่อเจ้านายผลุนผลันออกมาไม่บอกไม่กล่าว
“ฉันไม่มีนัดอะไรสำคัญใช่ไหม”
“ตลอด 7 วันนี้เจ้านายสั่งให้ผมเคลียร์ตารางให้ว่างแล้วครับ”
พิศณุรายงานอย่างงุนงง ปณิณจำใจพยักหน้า ก็ตอนแรกเขาตั้งใจจะพานุชนรีไปฮันนีมูนกันนี่นา แต่แผนการเปลี่ยนแล้ว
“ดี งั้นถ้าระหว่างนี้ไม่มีอะไรสำคัญจริง ๆ ก็ไม่ต้องโทรไปกวนฉัน อีก 7 วันเจอกัน”
เขาสั่งแค่นั้นก่อนจะเดินตัวปลิวไปที่หน้าลิฟต์สำหรับผู้บริหาร
และเมื่อลิฟต์เลื่อนลงไปแค่ชั้นเดียว เขาก็ต้องเจอกับคนที่ไม่อยากเจอที่สุด...นายอภิชาต กับนางรัตนา
ปณิณยกมือไหว้รัตนาตามมารยาท แต่กลับลูกชายของหล่อน ปณิณจ้องมองอภิชาตอย่างไม่ปิดบังความรังเกียจ นางรัตนาแตะแขนลูกชายไว้ทำนองว่าปล่อยให้ลิฟต์ปิดไปก่อนค่อยลงตัวอื่นก็ได้ แต่อภิชาตดื้อกว่านั้น เขาเดินเข้ามาทำให้นางรัตนาจำใจต้องเดินตามลูกชายเข้ามาอย่างไม่เต็มใจนัก
สามคนในลิฟต์กว้างขวาง แต่กลับอึดอัดเป็นอย่างยิ่ง
กระทั่งปณิณกดหยุดลิฟต์ และเอ่ยเสียงเข้ม
“แกมาทำไม”
“ใคร? แกถามฉันหรือ”
ปณิณหันมาจ้องหน้าเหมือนอยากตะคอกใส่ว่า...ถ้าไม่ถามแกจะให้ฉันถามแม่แกหรือไง
อภิชาตยักไหล่ ยิ้มยียวนเหมือนเช่นเคย
“ฉันก็มาทำงานสิวะ”
“วันนี้เป็นวันสุดท้ายของแก เก็บของแล้วออกจากบริษัทไปได้เลย”
นางรัตนาตกใจ อภิชาตหน้าบึ้งทันที
“หมายความยังไง”
“ก็หมายความว่าฉันไล่แกออกแล้วไงล่ะ”
“แกไม่มีสิทธิ์”
“ฉันมีสิทธิ์ในฐานะรองประธานบริษัท แกไปรับค่าชดเชยที่ฝ่ายบุคคลได้เลย”
“แก อะไรกันวะไอ้ณิณ แกจะไล่ฉันออกทำไม”
ปณิณจ้องหน้าอภิชาตด้วยแววตาเย็นยะเยือก...อภิชาตกลืนน้ำลาย
“ถ้าเป็นเรื่อง...นุช...นั่นมันเรื่องส่วนตัว...”
“ไปเขียนเรื่องลาออกซะ ถ้าฉันยังเจอหน้าแกที่บริษัทอีก ฉันจะไล่ออกแล้วแกจะไม่ได้อะไรเลยสักบาทเดียว”
ปณิณพูดแค่นั้นก่อนจะกดให้ลิฟต์เปิดประตูและเดินออกไปโดยไม่สนว่ามันถึงชั้นที่เขาต้องการหรือยัง
เมื่อประตูลิฟต์ปิดอีกครั้ง นางรัตนาก็ทุบแขนลูกชายทันที
“แกทำอะไรลงไป ไอ้ลูกตัวดี รู้ใช่ไหมว่าคนอย่างปณิณ พูดจริงทำจริง”
“โอ๊ยแม่...แล้วมาตีผมทำไมเนี่ย ผมไม่ได้ทำอะไรผิดนะ”
“ไม่ผิดยังไง แกกับนังแรดนั่นช่วยกันสวมเขาให้เค้า ไอ้ลูกโง่ กว่าฉันจะกล่อมให้คุณธนายอมให้แกเป็นถึงผู้อำนวยการได้ฉันหมดน้ำลายไปไม่รู้เท่าไหร่ แล้วความโง่ของแกมันคุ้มมั้ย ยัยผู้หญิงชั้นต่ำแบบนั้นมันคุ้มมั้ย”
“แม่! แม่ก็พูดเกินไป นุชเขามีพ่อมีแม่นะ เขาเป็นถึงคู่หมั้นไอ้ณิณ ไปเรียกเขาว่าผู้หญิงชั้นต่ำได้ยังไง”
“ก็ถ้ามันเลวพอที่จะนอกใจคู่หมั้นแล้วหันมาคั่วกับแก มันก็ต่ำทั้งนั้นแหละสำหรับฉัน กว่าฉันจะสร้างทุกอย่างให้แกได้อย่างทุกวันนี้ แม่แกต้องทุ่มเทอะไรไปเท่าไหร่รู้มั้ย แล้วนี่อะไรแกจะเสียทุกอย่างเพราะอีเด็กนั่นคนเดียว”
“แม่ ทำไมแม่พูดจารุนแรงแบบนี้ ไอ้ณิณมันก็แค่โกรธมันไม่กล้าไล่ผมออกจริง ๆ หรอกน่า”
“แน่ใจหรือ ขนาดตัวเจ้าสาว เค้ายังเปลี่ยนได้กลางงาน แล้วนับประสาอะไรกับแก เค้าจะเก็บแกไว้ทำไม ฮือ ไอ้ลูกโง่ไม่ได้ดั่งใจฉันเลย”
เมื่อลิฟต์เปิด รัตนาก็เดินกระแทกเท้าออกไป อภิชาตถอนหายใจ เดินตามแม่ไปด้วยอาการคอตก
“พี่ณิณ...”
สองขาของปณิณชะงัก ไม่ต้องหันไปดูเขาก็จำได้แม่นว่านี่คือเสียงของใคร เธอคนนั้นเดินอ้อมมายืนหน้าเขา พร้อมรอยยิ้มกล้า ๆ กลัว ๆ
ปณิณเพียงแต่จ้องหน้าเธอ ไม่ได้พูดอะไร
“เอ่อ...กำลังจะไปไหนหรือคะ”
“กลับบ้าน”
เขาตอบกลับห้วน ๆ นึกโกรธที่ตัวเองใจเต้นแรงขึ้นมา
“มีเวลาไปดื่มกาแฟกับนุชก่อนมั้ย นุชตั้งใจมาหาพี่ณิณนะคะ”
“มาหาทำไม ทำไมไม่ไปหาไอ้ชาติ”
นุชนรีหน้าเศร้า
“พี่ณิณ...จะไม่ให้โอกาสนุชได้อธิบายเลยจริง ๆ หรือคะ”
“ผมไม่สนเหตุผลของคุณหรอกนะ แค่รู้ว่าเรื่องที่คุณกับไอ้ชาติ...มันเป็นเรื่องจริง เท่านั้นก็พอแล้ว”
แม้แต่สรรพนามที่เคยเรียกขาน ก็ยังเปลี่ยนไป แต่นุชนรียังฝืนยิ้ม
“นุชแค่พลาดไป”
“ผมบอกแล้วไงว่า ผมไม่สนอีกแล้ว...”
“แต่นุชยังรักพี่ณิณนะ ได้โปรดเถอะพี่ณิณ...ให้โอกาสนุชอีกครั้งนะ”
เธอฉุดแขนเขาไว้แล้วกระซิบ น้ำตาคลอ
ปณิณอยากจะเห็นใจ อยากจะดึงเธอมากอด แต่ทิฐิของเขาทำให้เขาทำเพียงจ้องตาเธอนิ่ง
“ผมแต่งงานแล้วกับพี่สาวของคุณ มีสถานะเป็นพี่เขยของคุณ เผื่อคุณจะลืม ถึงผมจะให้อภัยคุณได้ แต่เรื่องของเรามันก็กลับไปเป็นเหมือนเดิมไม่ได้แล้ว”
“พี่ณิณจะบอกว่าพี่รักพี่พุดงั้นหรือไง...อย่าบอกนะว่าที่ผ่านมาพี่ณิณก็แอบชอบพี่พุดมาตลอด”
“เหลวไหล ผมไม่เหมือนคุณนะนุช”
ปณิณแกะมือเธอออกเบา ๆ
“คุณเองเป็นคนทำลายเรื่องของเรา และมันก็จบไปแล้ว อย่ามายุ่งกับผมอีก”
เขารีบเบือนหน้า เดินหนีน้ำตาของนุชนรีที่ร่วงผล็อย เธออาจจะเสียใจจริง ๆ ก็ได้ แต่ก็ไม่ใช่เหตุผลที่เขาจะยอมกลับไปคืนดีกับเธอ...ไม่เพียงเพราะเขาเจ็บและเสียใจแต่เขาจะไม่ยอมใช้ผู้หญิงร่วมกับไอ้อภิชาตเด็ดขาด
เธอไม่คิดว่าจะได้พบเขาที่นี่ ณิณมองไปรอบ ๆ บ้านด้วยแววตาสงสัย“เกิดอะไรขึ้นหรือเปล่า ทำไมคุณกลับมาบ้าน”พุดธิดากระพริบตา นั่นเป็นคำถามที่แปลกมากสำหรับเธอ“เอ่อ...นี่บ้านของฉันนี่คะ ต้องเกิดอะไรขึ้นด้วยหรือถึงจะกลับมาได้”“แต่คุณอยู่บ้านผมแล้ว ลืมแล้วหรือไงว่าตอนนี้คุณอยู่ในสถานะอะไร”น้ำเสียงเขาคล้ายจะดุ เธอหน้าเจื่อนไป“ขอโทษค่ะ ฉันแค่...กลับมาเก็บของใช้ส่วนตัวกับพวกหนังสือ”“อ๋อ แล้วไป แล้วทำไมให้คนขับรถมารับตั้งหนึ่งทุ่ม”“ก็พุด...ก็ฉันตั้งใจจะอยู่กินข้าวกับพ่อกับแม่ก่อน”“งั้นหรือ...แล้วคิดจะเชิญผมร่วมโต๊ะด้วยไหมล่ะ”เขาเอ่ย และเป็นอันรู้กันว่ามันไม่ใช่คำถามแต่เป็นคำสั่งนายนาถทั้งแปลกใจและดีใจที่ปณิณมาร่วมมื้อเย็นด้วย ต่างจากนางละไมที่มีทีท่าอึดอัด นางถึงกับแอบโทรศัพท์หาลูกสาวคนเล็ก และนุชนรีก็กระฟัดกระเฟียดมาตามสายว่าจะไม่ยอมลงมาจากห้องนอนจนกว่าทั้งพี่สาวและพี่เขยกลับบ้านไปมื้อนั้นพุดธิดาเข้าครัวโชว์ฝีมือด้วย เธอไม่รู้ว่าเขาไม่กินเผ็ดเพราะถามว่าเขาจะกินอะไร เขาก็บอกว่าอะไรก็ได้ ผลสุดท้ายคือเขากินข้าวโดยเหงื่อไหล ปากแดงและดื่มน้ำถี่ ๆ“แล้วก็ไม่บอกฉันล่ะคะว่ากินพริกไม่ได้”“ก็ผม
พุดธิดาตื่นสายกว่าที่เคยอาจเพราะนอนไม่ค่อยจะหลับ เธอสะดุ้งตื่นก่อนจะนึกได้ว่านี่ไม่ใช่ห้องและบ้านที่เธอเคยอยู่ตั้งแต่เด็ก ไม่มีวี่แววของปณิณในห้อง เธอจึงรีบอาบน้ำแต่งตัวและลงมาที่ห้องอาหาร แม่บ้านเป็นมิตรกับหญิงสาวอย่างยิ่งและเตรียมอาหารเช้าไว้ให้พร้อม “จะรับอาหารเช้าเลยไหมคะ” “ขอบคุณค่ะ เอ่อ...แล้วคุณณิณล่ะคะ” “คุณณิณออกไปทำงานแต่เช้าตรู่แล้วค่ะ ปกติก็ไม่ไปเช้าขนาดนี้หรอกนะคะ...” แม่บ้านละไว้แค่นั้นก่อนจะเดินไปเตรียมอาหารให้หญิงสาว พุดธิดาเผลอถอนหายใจด้วยความเกร็ง เขาคงไม่ว่าเธอหรอกใช่ไหมที่ตื่นสายกว่าคนเป็นสามี...เขาเป็นคนหัวโบราณแบบนั้นหรือเปล่า พุดธิดาพยายามนึก แต่เธอก็พบว่าเธอรู้จัก “สามี” ของตัวเองน้อยเหลือเกิน แม้ปณิณจะเข้าออกบ้านของเธอบ่อยครั้ง และเจอพ่อกับแม่เขาอยู่เรื่อย แต่เธอก็ไม่เคยเข้าไปสนทนาอะไรกับเขา นอกจากเพียงทักทายกันสั้น ๆ เวลาพบหน้ากัน และความสนใจทั้งหมดของปณิณก็อยู่ที่นุชนรี น้องสาวคนเดียวของเธอเท่านั้น นุชนรีเป็นคนสวยและน่ารัก โดดเด่นมาตั้งแต่สมัยเริ่มเป็นสาว ก่อนหน้าจะหมั้นกับปณิณ น้องสาวของเธอก็เคยมีแฟนมาแล้วหลายคนจนกระทั่งไปเรียนภาษาที่อังกฤษเวล
วันถัดมา ปณิณก็ทำให้เลขาฯ ของเขาแปลกใจเมื่อเห็นเจ้านายมาทำงานแต่เช้าทั้งที่เมื่อคืนเป็นวันส่งตัวเข้าหอ“ทำไมทำหน้าเหมือนเห็นผีอย่างนั้น พิศณุ”ปณิณทัก เลขานุการหนุ่มยิ้มเจื่อน“ผมนึกว่าวันนี้ท่านรองจะไม่เข้ามาเสียอีกครับ”“ถ้าฉันจะโดดงาน ฉันต้องบอกนายคนแรกไม่ใช่หรือ เมื่อฉันไม่ได้บอกก็แปลว่าฉันไม่มีเหตุผลอะไรที่จะไม่เข้าบริษัท”“เอ่อ แล้วภรรยาของท่านล่ะครับ”ปณิณชะงักไป เขาพบว่าตัวเองยังไม่ชินกับสถานะใหม่ของตัวเอง“ไม่รู้สิ ตอนฉันออกมาเขาคงยังไม่ตื่นมั้ง”ปณิณตอบแค่นี้ ก่อนจะเปลี่ยนเรื่องไปสั่งกาแฟกับแซนวิชและเดินเข้าห้อง ปล่อยให้เลขาหนุ่มยิ้มกริ่ม คิดไปไกลต่าง ๆ นานาความจริงคือ เมื่อคืนปณิณนอนแทบไม่หลับ เขานอนเตียงเดียวกับ “เมีย” ของเขาก็จริงแต่เธอนอนชิดอีกฝั่งจนเกือบจะตกเตียง เขาเองก็สั่งตัวเองให้นอนนิ่ง แกล้งหลับ เพื่อที่เธอจะได้ผ่อนคลายและหลับไป...เขาไม่รู้ว่าเธอจะนอนไม่หลับเหมือนเขาหรือไม่ แต่เขาหลับ ๆ ตื่น ๆ จนถึงตีห้าจึงตัดสินใจลุกมาอาบน้ำแต่งตัวและออกจากบ้านมาแต่ไก่โห่อย่างวันนี้แต่แม้จะเข้าบริษัท ปณิณก็แทบไม่มีสมาธิจะทำอะไรให้เป็นชิ้นเป็นอัน เขาอดนึกถึงคำถามของพุดธิดาไม่ได้
“พอเถอะนุช จะดื่มไปอีกถึงไหน เมาอ้วกขึ้นมาผมไม่พาขึ้นรถนะ”อภิชาตท้วงเมื่อนุชนรีสั่งเครื่องดื่มแรงจัดเป็นแก้วที่สี่ ที่จริงเขาก็พอรู้ว่า...ตรงข้ามกับหน้าตาภายนอกที่ดูอ่อนใส...หญิงสาวคนนี้คอแข็งใช่เล่น เธอไม่คอพับคออ่อนไปง่าย ๆ หรอกแต่เขาก็อดเป็นห่วงเธอไม่ได้อยู่ดีนุชนรีไม่คิดจะหยุดดื่มตอนนี้ เธอตวัดสายตามองเขาอย่างกรุ่นโกรธ“ต่อให้ฉันเมาจนล้มกลิ้งไปตรงนี้ นายก็ต้องรับผิดชอบพาฉันกลับบ้าน...แค่นั้นแหละที่นายต้องทำ ฉันไม่ขอให้มารับผิดชอบชีวิตฉันมากไปกว่านี้ก็ดีเท่าไหร่แล้ว”“แล้วผมเคยบอกหรือว่า จะไม่รับผิดชอบคุณ คุณก็รู้ว่าผมพร้อมเข้าไปแทนที่ไอ้ณิณตลอดเวลา”อภิชาตพูดอย่างจริงใจ ไม่มีสักนิดที่จะหงุดหงิดหรือกังวล ทั้งที่ตัวเองเป็นต้นเหตุให้นุชนรีต้องมานั่งดื่มเหล้ากับเขาที่นี่ แทนที่จะไปเข้าพิธีในฐานะเจ้าสาวของไอ้ปณิน ลูกติดพ่อเลี้ยงของเขา“จะเอ่ยชื่อนั้นมาทำไมอีก ผู้ชายเฮงซวย”นุชนรียกมือปาดน้ำตาที่ไหลออกมาอีก ทั้งโกรธและเสียใจ วันที่เธอควรจะได้สวยที่สุดในชีวิต ได้เป็นเจ้าหญิงของงานที่อยู่ในชุดเจ้าสาวสีขาวบริสุทธิ์ผุดผ่อง แต่กลับต้องมานั่งดื่มระบายความเจ็บแค้นอยู่กับคนที่ไม่ได้เป็นแม้แต
บทนำ“คุณมันก็เหมือนกันทั้งพี่ทั้งน้อง!!! เห็นผู้ชายเป็นไม่ได้ ซื่อสัตย์กับใครไม่เป็น ขอแค่เป็นผู้ชายก็นอนกับเขาได้หมด”ถ้อยคำร้ายกาจที่ออกจากปากของเขานั้น ทำให้เธอน้ำตาตก แต่ไม่มีแรงจะโต้ตอบ ทำได้เพียงกัดริมฝีปาก กลั้นน้ำตาไม่ให้ร่วงพรูออกมามากไปกว่านี้เพราะเขาคงจะสมเพชมากกว่าจะเห็นใจ เธอเดินไปเปิดตู้เสื้อผ้า และคิดว่านี่คงจะเป็นสิ่งที่เขาต้องการมากที่สุดคือไปจากที่นี่แต่เขาไม่ได้ต้องการเช่นนั้น เขาเข้ามาปัดกระเป๋าและเสื้อผ้าของเธอจนเกลื่อนกระจาย“จะทำอะไร”“ก็จะกลับบ้านไงคะ”“กลับไปหาผัวเก่าของคุณล่ะสิไม่ว่า”“เขาไม่ใช่ผัวฉัน!”นี่อาจจะเป็นน้อยครั้งที่เธอกล้าตะโกนใส่หน้าเขา แต่นั่นก็มากพอจะทำให้เขาถลึงตาใส่ ที่โกรธอยู่แล้วก็โกรธจัดขึ้นไปอีก“ผมไม่แคร์หรอกนะถ้าคุณจะกลับไปคืนดีกับใครหรือไปนอนกับผู้ชายคนไหน แต่ต้องไม่ใช่ตอนนี้ ตอนที่คุณได้ชื่อว่ายังเป็นเมียผมอยู่ เอาไว้ผมหย่าให้แล้วคุณค่อยไสหัวไป”“งั้นก็หย่ากับฉันเลยสิ พรุ่งนี้เลยก็ได้”เขาเดินเข้ามาบีบต้นแขนเธอแน่น และเอ่ยเสียงห้าว“ยังไม่ใช่ตอนนี้ เพราะตอนนี้ผมยังไม่เบื่อคุณ ไว้ผมนอนกับคุณให้อิ่มจนพอใจก่อนแล้วถึงเวลานั้นคุณจะไปไหนก