เธอไม่คิดว่าจะได้พบเขาที่นี่ ณิณมองไปรอบ ๆ บ้านด้วยแววตาสงสัย
“เกิดอะไรขึ้นหรือเปล่า ทำไมคุณกลับมาบ้าน” พุดธิดากระพริบตา นั่นเป็นคำถามที่แปลกมากสำหรับเธอ “เอ่อ...นี่บ้านของฉันนี่คะ ต้องเกิดอะไรขึ้นด้วยหรือถึงจะกลับมาได้” “แต่คุณอยู่บ้านผมแล้ว ลืมแล้วหรือไงว่าตอนนี้คุณอยู่ในสถานะอะไร” น้ำเสียงเขาคล้ายจะดุ เธอหน้าเจื่อนไป “ขอโทษค่ะ ฉันแค่...กลับมาเก็บของใช้ส่วนตัวกับพวกหนังสือ” “อ๋อ แล้วไป แล้วทำไมให้คนขับรถมารับตั้งหนึ่งทุ่ม” “ก็พุด...ก็ฉันตั้งใจจะอยู่กินข้าวกับพ่อกับแม่ก่อน” “งั้นหรือ...แล้วคิดจะเชิญผมร่วมโต๊ะด้วยไหมล่ะ” เขาเอ่ย และเป็นอันรู้กันว่ามันไม่ใช่คำถามแต่เป็นคำสั่ง นายนาถทั้งแปลกใจและดีใจที่ปณิณมาร่วมมื้อเย็นด้วย ต่างจากนางละไมที่มีทีท่าอึดอัด นางถึงกับแอบโทรศัพท์หาลูกสาวคนเล็ก และนุชนรีก็กระฟัดกระเฟียดมาตามสายว่าจะไม่ยอมลงมาจากห้องนอนจนกว่าทั้งพี่สาวและพี่เขยกลับบ้านไป มื้อนั้นพุดธิดาเข้าครัวโชว์ฝีมือด้วย เธอไม่รู้ว่าเขาไม่กินเผ็ดเพราะถามว่าเขาจะกินอะไร เขาก็บอกว่าอะไรก็ได้ ผลสุดท้ายคือเขากินข้าวโดยเหงื่อไหล ปากแดงและดื่มน้ำถี่ ๆ “แล้วก็ไม่บอกฉันล่ะคะว่ากินพริกไม่ได้” “ก็ผมอยากรู้ว่าคุณจะทำอะไรให้ผมกิน” ปณิณพูดอย่างอารมณ์ดี...เป็นครั้งแรกที่เธอเห็นเขายิ้มตั้งแต่เข้าพิธีแต่งงานด้วยกันมา “แม่ของฉันทำกล้วยบวดชีไว้ด้วย คุณจะรับหน่อยไหม” “ดีครับดี” พุดธิดาอมยิ้มตอนที่ยกของหวานมาให้เขาและเห็นเขากินอย่างเอร็ดอร่อย อย่างน้อยอาหารมื้อแรกในฐานะลูกเขย เขาก็ไม่ได้แสดงทีท่าให้น่าอึดอัดอะไร แม่ของเธอเสียอีกที่ติดจะบึ้งตึงทั้งที่ฝ่ายที่ควรจะโกรธคือปณิณไม่ใช่นางละไมหรือนุชนรี “ขับรถกลับบ้านดี ๆ นะ แล้วถ้าว่าง ๆ ก็มากินข้าวกับพ่ออีกล่ะ” นายนาถเอ่ยกับลูกสาวและตั้งใจเผื่อแผ่ไปทางลูกเขยด้วย ร่ำลากันพอเป็นพิธี ปณิณก็ขับรถพาพุดธิดากลับบ้านของเขาโดยมีสายตาของพ่อและแม่มองส่งตาม “เขาก็ดูเข้ากันได้ดีนะ พ่อก็สบายใจที่ได้เห็นอย่างนี้” “ฮึ พ่อนี่ก็เอาใจง่ายจังเลยนะ ไม่คิดว่าแปลกหรือ ก่อนหน้านี้แค่ไม่กี่วัน นายณิณยังรักยัยนุชหัวปักหัวปำ แล้วจู่ ๆ ก็มาทำเหมือนรักกับยัยพุดซะเต็มประดา แม่ไม่อยากจะคิดเลยว่า หรือว่าจริง ๆ แล้วสองคนนี้แอบชอบพอกันมาก่อน แล้วหาเรื่องโทษยัยนุช ยกเลิกการแต่งงานเพื่อจะมาแต่งกันเอง” “เหลวไหลน่ะแม่ พ่อว่าเรื่องใครจะแต่งกับใครมันควรจะจบได้แล้ว เพราะยิ่งรื้อฟื้น เราต่างหากที่จะยิ่งเสียหาย ลืมแล้วหรือไงว่าคนที่ทำให้เสียเรื่อง ก็คือลูกสาวของเราเอง” นายนาถพูดแค่นั้นก่อนจะเดินกลับเข้าบ้าน นางละไมถอนหายใจอีกระลอก แม้ใจหนึ่งก็โล่งอกที่เห็นพุดธิดามีความสุขดี แต่ความที่เอ็นดูนุชนรีมากกว่ามาแต่ไหนแต่ไรก็อดจะเข้าข้างลูกสาวคนเล็กไม่ได้...แม้จะรู้อยู่แก่ใจว่าคนที่ทำผิดไม่ใช่ใครอื่นแต่ก็คือลูกสาวตัวเองนั่นแหละ หลังก้าวขึ้นรถ ทั้งปณิณและพุดธิดาก็ไม่ได้เอ่ยอะไรอีก ไม่มีแม้แต่เสียงเพลงหรือวิทยุข่าว มีเพียงเสียงเครื่องปรับอากาศที่เบาแสนเบาจนแทบไม่ได้ยิน... “กลัวผมมากขนาดนั้นเลยหรือ” จู่ ๆ เขาก็เอ่ยออกมา พุดธิดาหันมองอย่างแปลกใจ “เห็นคุณนั่งตัวแข็งไม่พูดไม่จา ก็นึกว่าคงจะกลัวผมมาก” “ฉันเปล่าสักหน่อย” พุดธิดาเถียงงึมงำ ทั้งที่เพิ่งจะรู้สึกตัวว่านั่งเกร็งอยู่จริง ๆ ปณิณหัวเราะเบา ๆ นี่ก็เป็นอีกครั้งที่เธอเพิ่งเคยได้ยินเขาหัวเราะจริง ๆ ไม่ใช่หัวเราะแบบยิ้มเยาะ “ถึงตอนนี้แล้วเราก็ไม่ใช่คนแปลกหน้าต่อกันแล้วนะ เราคือสามีภรรยากัน” “ไปจนถึงเมื่อไหร่หรือคะ” “หืม หมายความว่ายังไง” “ก็ฉันต้องสวมบทบาทภรรยาของคุณไปจนถึงเมื่อไหร่หรือคะ...คุณบอกฉันได้เลยนะคะ ฉันจะได้วางแผนชีวิตถูก” ปณิณขมวดคิ้ว มองกระจกมองหลังก่อนจะหักรถเข้าข้างทางทันทีเมื่อไม่เห็นว่ามีรถตามหลังมา พุดธิดาสะดุ้งนิด ๆ เมื่อเห็นว่าเขาจ้องมองเธอด้วยแววตาไม่พอใจ “หมายความว่ายังไง อธิบายให้ผมฟังชัด ๆ ทีซิ” “อ้าว...” พุดธิดาแปลกใจจริง ๆ เขาเองน่าจะเข้าใจเรื่องนี้ดียิ่งกว่าเธออีกไม่ใช่หรือ “ก็การแต่งงานของเรา...” “มันทำไม” “ฉันแค่เป็นเจ้าสาวแทนนุช เพื่อไม่ให้งานแต่งล่ม ไม่ใช่หรือคะ นั่นหมายความว่าฉันก็จำเป็นต้องทำหน้าที่นี้อีกสักระยะเท่านั้น...แต่จนถึงเมื่อไหร่นั้นก็แล้วแต่คุณ ฉันเองยังไงก็ได้” อาจเพราะแววตาและคำพูดแสนซื่อของพุดธิดาที่ทำให้ปณิณโกรธไม่ลงทั้งที่ตอนแรกเขารู้สึกไม่พอใจอย่างมาก “ใครบอกคุณเรื่องนี้” “ทำไมต้องมีคนบอกอีกล่ะคะ ในเมื่อครอบครัวเราทั้งสองก็รู้กันดีอยู่แล้วว่าเกิดอะไรขึ้น” “เฮ้อ...” ปณิณส่ายหน้า เขาเจอเล่ห์เลี่ยมแพรวพราวมาเยอะ แต่พอมาเจอคนพูดจาตรงไปตรงมาแบบนี้เขาก็ไปไม่เป็นเหมือนกัน “งั้นผมก็จะบอกคุณตรง ๆ เหมือนกัน ผมไม่มีความคิดจะยุติการแต่งงานอะไรทั้งนั้น ตรงกันข้าม ผมกำลังวางแผนพาคุณไปจดทะเบียนสมรสกันวันพรุ่งนี้ด้วยซ้ำ” พุดธิดาตาโต “ไม่ได้นะคะ” “ทำไมจะไม่ได้?” “ฉัน...ฉันลางานมาแค่สามวัน แล้วพรุ่งนี้ฉันต้องกลับไปทำงานแล้ว” ปณิณอยากจะหัวเราะ เหตุผลแค่นี้เองเนี่ยนะ? “งั้นก็ลาต่ออีกครึ่งวัน มันคงใช้เวลาไม่นานนักหรอก” “ไม่ได้ค่ะ ฉัน...ฉันไม่จดทะเบียนกับคุณ” “ทำไม” คราวนี้เขาไม่ยิ้มแล้ว พุดธิดาอึกอักก่อนจะเอ่ยเบา ๆ “ก็...คุณณิณคะ เราสองคนไม่ได้คบหากันจริง ๆ ไม่เคยรู้จักอีกฝ่ายแม้แต่น้อย อย่าว่าแต่จะชอบหรือรักกันเลย ฉันไม่รู้หรอกนะคะว่าทำไมคุณถึงอยากจดทะเบียนสมรสกับฉัน แต่ฉันคิดว่ามันเป็นเรื่องสำคัญเกินไปเกินกว่าที่เราจะทำกันเล่น ๆ ฉันไม่อยากเดี๋ยวจด เดี๋ยวหย่า หรอกนะคะ คุณอาจไม่เห็นว่าเป็นเรื่องเสียหายอะไร แต่ช่วยคิดถึงมุมของฉันบ้างก็น่าจะดีนะคะ” นี่คงเป็นประโยคที่ยาวที่สุดที่ปณิณเคยได้ฟังจากพุดธิดา เขาจึงนิ่งอึ้งไป...คิดตาม... ในที่สุดเขาก็ถอนหายใจ “ก็จริงของคุณ ผมทำอะไรบุ่มบ่ามจนเคยตัว ขอโทษด้วยละกันนะครับ เอาเป็นว่าเราสองคนมาทำความรู้จักกันให้ดีขึ้นกว่านี้ก็แล้วกัน” “ขอบคุณนะคะที่ฟังฉัน” “ถ้าอย่างนั้น คุณลางานเพิ่มอีกได้ไหม หรือลาพักร้อนก็ได้” “อ้าว...ทำไมล่ะคะ” “ก็ผมจะพาคุณไปฮันนีมูนไงล่ะ เราเพิ่งแต่งงานกันนะ ผมคงเป็นสามีที่ไม่น่ารักเลยถ้าไม่พาภรรยาที่น่ารักอย่างคุณไปฉลองแต่งงานด้วยการฮันนีมูน...”เธอไม่คิดว่าจะได้พบเขาที่นี่ ณิณมองไปรอบ ๆ บ้านด้วยแววตาสงสัย“เกิดอะไรขึ้นหรือเปล่า ทำไมคุณกลับมาบ้าน”พุดธิดากระพริบตา นั่นเป็นคำถามที่แปลกมากสำหรับเธอ“เอ่อ...นี่บ้านของฉันนี่คะ ต้องเกิดอะไรขึ้นด้วยหรือถึงจะกลับมาได้”“แต่คุณอยู่บ้านผมแล้ว ลืมแล้วหรือไงว่าตอนนี้คุณอยู่ในสถานะอะไร”น้ำเสียงเขาคล้ายจะดุ เธอหน้าเจื่อนไป“ขอโทษค่ะ ฉันแค่...กลับมาเก็บของใช้ส่วนตัวกับพวกหนังสือ”“อ๋อ แล้วไป แล้วทำไมให้คนขับรถมารับตั้งหนึ่งทุ่ม”“ก็พุด...ก็ฉันตั้งใจจะอยู่กินข้าวกับพ่อกับแม่ก่อน”“งั้นหรือ...แล้วคิดจะเชิญผมร่วมโต๊ะด้วยไหมล่ะ”เขาเอ่ย และเป็นอันรู้กันว่ามันไม่ใช่คำถามแต่เป็นคำสั่งนายนาถทั้งแปลกใจและดีใจที่ปณิณมาร่วมมื้อเย็นด้วย ต่างจากนางละไมที่มีทีท่าอึดอัด นางถึงกับแอบโทรศัพท์หาลูกสาวคนเล็ก และนุชนรีก็กระฟัดกระเฟียดมาตามสายว่าจะไม่ยอมลงมาจากห้องนอนจนกว่าทั้งพี่สาวและพี่เขยกลับบ้านไปมื้อนั้นพุดธิดาเข้าครัวโชว์ฝีมือด้วย เธอไม่รู้ว่าเขาไม่กินเผ็ดเพราะถามว่าเขาจะกินอะไร เขาก็บอกว่าอะไรก็ได้ ผลสุดท้ายคือเขากินข้าวโดยเหงื่อไหล ปากแดงและดื่มน้ำถี่ ๆ“แล้วก็ไม่บอกฉันล่ะคะว่ากินพริกไม่ได้”“ก็ผม
พุดธิดาตื่นสายกว่าที่เคยอาจเพราะนอนไม่ค่อยจะหลับ เธอสะดุ้งตื่นก่อนจะนึกได้ว่านี่ไม่ใช่ห้องและบ้านที่เธอเคยอยู่ตั้งแต่เด็ก ไม่มีวี่แววของปณิณในห้อง เธอจึงรีบอาบน้ำแต่งตัวและลงมาที่ห้องอาหาร แม่บ้านเป็นมิตรกับหญิงสาวอย่างยิ่งและเตรียมอาหารเช้าไว้ให้พร้อม “จะรับอาหารเช้าเลยไหมคะ” “ขอบคุณค่ะ เอ่อ...แล้วคุณณิณล่ะคะ” “คุณณิณออกไปทำงานแต่เช้าตรู่แล้วค่ะ ปกติก็ไม่ไปเช้าขนาดนี้หรอกนะคะ...” แม่บ้านละไว้แค่นั้นก่อนจะเดินไปเตรียมอาหารให้หญิงสาว พุดธิดาเผลอถอนหายใจด้วยความเกร็ง เขาคงไม่ว่าเธอหรอกใช่ไหมที่ตื่นสายกว่าคนเป็นสามี...เขาเป็นคนหัวโบราณแบบนั้นหรือเปล่า พุดธิดาพยายามนึก แต่เธอก็พบว่าเธอรู้จัก “สามี” ของตัวเองน้อยเหลือเกิน แม้ปณิณจะเข้าออกบ้านของเธอบ่อยครั้ง และเจอพ่อกับแม่เขาอยู่เรื่อย แต่เธอก็ไม่เคยเข้าไปสนทนาอะไรกับเขา นอกจากเพียงทักทายกันสั้น ๆ เวลาพบหน้ากัน และความสนใจทั้งหมดของปณิณก็อยู่ที่นุชนรี น้องสาวคนเดียวของเธอเท่านั้น นุชนรีเป็นคนสวยและน่ารัก โดดเด่นมาตั้งแต่สมัยเริ่มเป็นสาว ก่อนหน้าจะหมั้นกับปณิณ น้องสาวของเธอก็เคยมีแฟนมาแล้วหลายคนจนกระทั่งไปเรียนภาษาที่อังกฤษเวล
วันถัดมา ปณิณก็ทำให้เลขาฯ ของเขาแปลกใจเมื่อเห็นเจ้านายมาทำงานแต่เช้าทั้งที่เมื่อคืนเป็นวันส่งตัวเข้าหอ“ทำไมทำหน้าเหมือนเห็นผีอย่างนั้น พิศณุ”ปณิณทัก เลขานุการหนุ่มยิ้มเจื่อน“ผมนึกว่าวันนี้ท่านรองจะไม่เข้ามาเสียอีกครับ”“ถ้าฉันจะโดดงาน ฉันต้องบอกนายคนแรกไม่ใช่หรือ เมื่อฉันไม่ได้บอกก็แปลว่าฉันไม่มีเหตุผลอะไรที่จะไม่เข้าบริษัท”“เอ่อ แล้วภรรยาของท่านล่ะครับ”ปณิณชะงักไป เขาพบว่าตัวเองยังไม่ชินกับสถานะใหม่ของตัวเอง“ไม่รู้สิ ตอนฉันออกมาเขาคงยังไม่ตื่นมั้ง”ปณิณตอบแค่นี้ ก่อนจะเปลี่ยนเรื่องไปสั่งกาแฟกับแซนวิชและเดินเข้าห้อง ปล่อยให้เลขาหนุ่มยิ้มกริ่ม คิดไปไกลต่าง ๆ นานาความจริงคือ เมื่อคืนปณิณนอนแทบไม่หลับ เขานอนเตียงเดียวกับ “เมีย” ของเขาก็จริงแต่เธอนอนชิดอีกฝั่งจนเกือบจะตกเตียง เขาเองก็สั่งตัวเองให้นอนนิ่ง แกล้งหลับ เพื่อที่เธอจะได้ผ่อนคลายและหลับไป...เขาไม่รู้ว่าเธอจะนอนไม่หลับเหมือนเขาหรือไม่ แต่เขาหลับ ๆ ตื่น ๆ จนถึงตีห้าจึงตัดสินใจลุกมาอาบน้ำแต่งตัวและออกจากบ้านมาแต่ไก่โห่อย่างวันนี้แต่แม้จะเข้าบริษัท ปณิณก็แทบไม่มีสมาธิจะทำอะไรให้เป็นชิ้นเป็นอัน เขาอดนึกถึงคำถามของพุดธิดาไม่ได้
“พอเถอะนุช จะดื่มไปอีกถึงไหน เมาอ้วกขึ้นมาผมไม่พาขึ้นรถนะ”อภิชาตท้วงเมื่อนุชนรีสั่งเครื่องดื่มแรงจัดเป็นแก้วที่สี่ ที่จริงเขาก็พอรู้ว่า...ตรงข้ามกับหน้าตาภายนอกที่ดูอ่อนใส...หญิงสาวคนนี้คอแข็งใช่เล่น เธอไม่คอพับคออ่อนไปง่าย ๆ หรอกแต่เขาก็อดเป็นห่วงเธอไม่ได้อยู่ดีนุชนรีไม่คิดจะหยุดดื่มตอนนี้ เธอตวัดสายตามองเขาอย่างกรุ่นโกรธ“ต่อให้ฉันเมาจนล้มกลิ้งไปตรงนี้ นายก็ต้องรับผิดชอบพาฉันกลับบ้าน...แค่นั้นแหละที่นายต้องทำ ฉันไม่ขอให้มารับผิดชอบชีวิตฉันมากไปกว่านี้ก็ดีเท่าไหร่แล้ว”“แล้วผมเคยบอกหรือว่า จะไม่รับผิดชอบคุณ คุณก็รู้ว่าผมพร้อมเข้าไปแทนที่ไอ้ณิณตลอดเวลา”อภิชาตพูดอย่างจริงใจ ไม่มีสักนิดที่จะหงุดหงิดหรือกังวล ทั้งที่ตัวเองเป็นต้นเหตุให้นุชนรีต้องมานั่งดื่มเหล้ากับเขาที่นี่ แทนที่จะไปเข้าพิธีในฐานะเจ้าสาวของไอ้ปณิน ลูกติดพ่อเลี้ยงของเขา“จะเอ่ยชื่อนั้นมาทำไมอีก ผู้ชายเฮงซวย”นุชนรียกมือปาดน้ำตาที่ไหลออกมาอีก ทั้งโกรธและเสียใจ วันที่เธอควรจะได้สวยที่สุดในชีวิต ได้เป็นเจ้าหญิงของงานที่อยู่ในชุดเจ้าสาวสีขาวบริสุทธิ์ผุดผ่อง แต่กลับต้องมานั่งดื่มระบายความเจ็บแค้นอยู่กับคนที่ไม่ได้เป็นแม้แต
บทนำ“คุณมันก็เหมือนกันทั้งพี่ทั้งน้อง!!! เห็นผู้ชายเป็นไม่ได้ ซื่อสัตย์กับใครไม่เป็น ขอแค่เป็นผู้ชายก็นอนกับเขาได้หมด”ถ้อยคำร้ายกาจที่ออกจากปากของเขานั้น ทำให้เธอน้ำตาตก แต่ไม่มีแรงจะโต้ตอบ ทำได้เพียงกัดริมฝีปาก กลั้นน้ำตาไม่ให้ร่วงพรูออกมามากไปกว่านี้เพราะเขาคงจะสมเพชมากกว่าจะเห็นใจ เธอเดินไปเปิดตู้เสื้อผ้า และคิดว่านี่คงจะเป็นสิ่งที่เขาต้องการมากที่สุดคือไปจากที่นี่แต่เขาไม่ได้ต้องการเช่นนั้น เขาเข้ามาปัดกระเป๋าและเสื้อผ้าของเธอจนเกลื่อนกระจาย“จะทำอะไร”“ก็จะกลับบ้านไงคะ”“กลับไปหาผัวเก่าของคุณล่ะสิไม่ว่า”“เขาไม่ใช่ผัวฉัน!”นี่อาจจะเป็นน้อยครั้งที่เธอกล้าตะโกนใส่หน้าเขา แต่นั่นก็มากพอจะทำให้เขาถลึงตาใส่ ที่โกรธอยู่แล้วก็โกรธจัดขึ้นไปอีก“ผมไม่แคร์หรอกนะถ้าคุณจะกลับไปคืนดีกับใครหรือไปนอนกับผู้ชายคนไหน แต่ต้องไม่ใช่ตอนนี้ ตอนที่คุณได้ชื่อว่ายังเป็นเมียผมอยู่ เอาไว้ผมหย่าให้แล้วคุณค่อยไสหัวไป”“งั้นก็หย่ากับฉันเลยสิ พรุ่งนี้เลยก็ได้”เขาเดินเข้ามาบีบต้นแขนเธอแน่น และเอ่ยเสียงห้าว“ยังไม่ใช่ตอนนี้ เพราะตอนนี้ผมยังไม่เบื่อคุณ ไว้ผมนอนกับคุณให้อิ่มจนพอใจก่อนแล้วถึงเวลานั้นคุณจะไปไหนก